#วีลแชร์ เที่ยว #Kinugawa Onsen #ไปดูใบไม้เปลี่ยนสี #แช่ออนเซนกลางแจ้งกัน

คินุกาว่าตามศัพท์ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “แม่น้ำแห่งอสูรที่กำลังโกรธเกรี้ยว” ฉะนั้นเราจึงได้รับการต้อนรับจากรูปปั้นยักษ์ เป็นเมืองแห่งบ่อน้ำร้อน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคินุ ใน จ.โทชิกิ สงบ อยู่ใกล้กับนิกโก้

    
     เราวางแผนจะไปนอนที่คินูกาว่า 2 คืน อยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสี อยากไปแช่ออนเซน ( คนเข็นวีลแชร์อยากไปดูแม่น้ำคินุกาว่า รีเควสมา ) อย่างแรกจองโรงแรมกันก่อน เราจองโรงแรม @ Kinugawa Park Hotels | Japan hotel hot spring(onsen) โดยจองผ่านBooking.com เราจองห้องcottage มองเห็นแม่น้ำคินูกาว่า ซึ่งห้องที่เราจองจะมีบันไดสี่ขั้น ไม่มีห้องที่ไม่มีบันไดเหลือแล้ว จึงจำเป็นต้องจอง เราไปกันห้าคน ก็คิดว่าช่วยกันยกไม่น่าจะยาก โรงแรมอยู่ใกล้สถานีรถไฟ
     ถ้าคนที่จะไปเที่ยวนิกโก้กับคินูกาว่าแนะนำซื้อตั๋ว All Nikko Pass  จะมีแบบ 2 วันกับ 4 วัน จะรวมค่าเดินทางไปกลับจากโตเกียว รถเมล์ รถไฟระหว่าง Nikko กับ Kinugawa Onsen และค่าเข้าชมสถานที่บางแห่งฟรี คุ้มมากคะ


     เริ่มออกเดินทางกันเลย จากโตเกียว ขึ้นรถไฟสาย Tobu Skytree Line สถานีรถไฟ Tobu Asakusa อยู่ย่านอาซาคุสะ ซื้อตั๋วเสร็จแล้วแวะซื้อข้าวกล่องนิดนึงคะ อยากนั่งกินข้าวกล่องแบบญี่ปุ่นบนรถไฟนานแล้ว 55 ( มันก็จะเย็นๆหน่อย ไม่อร่อยอย่างที่คิด พอกินได้ )
     ** การซื้อตั๋วรถไฟสำหรับวีลแชร์ควรจะ Reservation of seats คือเจ้าหน้าที่จะหาที่นั่งที่สะดวกสำหรับวีลแชร์ให้ ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆประตู และเค้าจะรู้ว่าเราจะลงที่ไหน จะมีเจ้าที่ของสถานีจุดหมายปลายทางนั้นมารอรับ ทำให้รู้ด้วยว่าลงสถานีไม่ผิด **

    
เราจะไปลงสถานี Kinugawa Onsen การนั่งรถไฟสาย Tobu Skytree Line เมื่อถึงสถานี Shimo-imachi รถไฟจะแยกออกเป็นสองท่อน เราต้องนั่งโบกี้ที่1-4 เผื่อไปสถานี Kinugawa Onsen โบกี้ที่ 5-6 จะแยกไปสถานี Tobu-nikko วันนั้นที่เราไปโชคดีมากๆ หิมะตกจ้า เป็นวันหิมะแรกของปี เค้าว่า เป็นหิมะแรกในรอบห้าสิบปีที่ตกตอนปลายเดือนพฤศจิกายน ว้าว ว้าว ว้าว ไม่เคยเห็นหิมะอ่ะจิ ตื่นเต้นสุดๆ แต่มันจะชุ่มฉ่ำนิดนึงนะ ตัวจะเปียกๆ หน่อย หนาว –3องศา เรานั่งรถไฟชมหิมะไปตลอดทาง โรแมนติกสุดๆ ถ่ายทั้งรูป ทั้งวิดิโอ


ถึงแล้ว สถานี Kinugawa Onsen


ก็จะเจอรูปปั้นยักษ์อยู่ที่สถานี ไปถึงต้องเช็คอิน ตามทำเนียม ถ่ายรูปคู่กับยักษ์สักนิดนึง


ที่สถานีจะมีบ่อออนเซนให้แช่เท้าฟรี จะรีรออะไร แช่สิคะ


     หลังจากแช่ออนเซนเท้าเสร็จก็เปิดgoogle map เพื่อเดินไปที่พัก ใช้เวลาเดิน 10 นาที ตอนนั้นหิมะเริ่มหยุดตกแล้ว ก็จะมีกองหิมะอยู่ตามข้างทาง เราก็เดินไปถ่ายรูปไป หยุดเล่นหิมะบ้าง แวะโน่นแวะนี่ ตลอดทาง แบบคนไม่เคยเจอหิมะ




     พอถึงโรงแรมก็เช็คอิน พอเค้าเห็นเรานั่งวีลแชร์ แล้วจองห้องcottage เค้าบอกโน โน โน คือประมาณว่า มันจะไม่สะดวกมากๆเลยสำหรับวีลแชร์ เค้าเลยหาห้องที่วีลแชร์สะดวกให้  เค้าใส่ใจลูกค้าทุกรายละเอียดจริงๆ  หลังจากนั้นเราก็จอง private onsen พร้อมกับจองอาหารค่ำชุดไคเซกิ ของโรมแรมเลย สำหรับวันที่สอง ซึ่งเราก็อยากลองทาน ไหนๆก็มาแล้วขอลองสักครั้ง เสร็จแล้วแยกย้ายไปห้องพัก พอถึงห้องพักก็จะมีคุณป้ามาแนะนำวิธีชงชา มีขนมให้กินด้วยคนละอัน อร่อยดี คุณป้าน่ารักมาก
     ห้องพักของเรา ทางเข้าห้อง มีทางลาดให้ด้วย ห้องมีสองเตียง กว้างขวาง อ่างอาบน้ำจะมีที่จับ อ่างล่างหน้าสามารถเอารถวีลแชร์สอดเข้าไปได้ ห้องสุขาก็มีราวจับ สามารถเข้าไปทำธุระในห้องน้ำด้วยตัวเองได้



     เราก็เดินออกไปหาร้านอาหารเย็นทานกัน เดินมาสำรวจแถวสถานีรถไฟ หาซื้อขนมไปกิน มีร้านสะดวกซื้อชื่อร้าน Rainbow มีพวกขนม ของฝาก ไอติม ซื้อขนมมาเยอะเลย


     ขากลับเดินมาเจอร้านอาหารร้านนึงออกบ้านๆ ร้านเล็กๆ ชื่อร้านอิซาคายะ 屋台屋たかなみ เป็นอาหารพวกปิ้งๆเป็นไม้ มีข้าวเป็นชุด ที่สำคัญคือพุดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย  แถมเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นอีก ตอนสั่งเหมือนเล่นใบ้คำอ่ะ สนุกสนาน ออกจะทุลักทุเลนิดนึง แต่แอคติ้งเราดีมาก อาหารที่สั่งมาถุกต้องตามต้องการจ้า ถ้าสั่งปีกไก่ทอดก็ทำท่าตีปีกไป แถมเจอคนฮ่องมาถามโต๊ะเราว่าคุณสั่งอะไร เค้าจะสั่งตาม วันนั้นก็อิ่มอร่อยไป



เดี๋ยวมาต่อวันที่สองจ้า ไปทำกับข้าวก่อนน้า เดาะบอล
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่