ตอนก่อนหน้า :
https://pantip.com/topic/36982492
Follow บทความอื่นๆ
IG :
https://www.instagram.com/foto.reise/
FB :
https://www.facebook.com/journeywalker.co
และแล้วก็ถึงเวลาท่องราตรี...
ที่ดารัดนี้ จะมีตลาดกลางคืนที่ใหญ่และของกินเยอะมากเดินไปจากตัวโรงแรมไม่ไกล สามารถสอบถามได้จากพนักงาน ส่วนร้านไหนอร่อยนั้น เราเน้นเห็นร้านไหนคนเยอะ น่ากินก็พุ่งตัวเข้าไปเลย 55555
รสชาติอาจจะแปลกๆไปบ้างแบบไม่คุ้นปาก แต่ถือว่าอร่อยใช้ได้นะคะ ซึ่งที่เราลองกินไปก็คือแป้งไรไม่รู้โรยหน้าคล้ายพิซซ่าแล้วม้วนห่อแบบเคบับ ส่วนเวลาสั่งก็บอกเค้าเอากี่อันก็พอค่ะ เพราะคนแถวนี้พูดอังกฤษไม่ค่อยได้กัน แล้วก็จะมีพวกร้านน้ำเต้าหู้ซึ่งขายน้ำ 3 อย่างแหนะ ทั้งเต้าหู้ ถั่วแดง ถั่วเหลือง มีครบ แล้วก็จะมีพวกอาหารทะเลปิ้งๆ มันเผา ชานมไข่มุก เยอะแยะไปหมด เดินเพลินมาก อากาศเย็นดีด้วย

หลังจากเดินเที่ยวตะลุยกินแหลกยามค่ำกันเสร็จแล้ว พวกเราก็กลับที่พักไปนอนพร้อมเดินทางไปมุยเน่ต่อ
อ้อ รถทัวร์แนะนำให้จองเจ้าเดียวกับตอนมาดารัด ไม่ก็ของ The Sinh Tourist นะคะ (
https://www.thesinhtourist.vn/) เพราะเราจองกับของที่โรงแรมแนะนำแล้วไม่โอเคอย่างแรง นั่งเมื่อยตูดมาก แล้วต้องนั่นยาวนานกว่า 4-5 ช.ม. ถึงมุยเน่ทีนี่ปวดหลังไปตามๆกันเลยทีเดียว ส่วนวิธีจองสองอันนี้น่าจะต้องถามแต่แรกตั้งแต่ตอนอยู่โฮจิมินห์นะคะ เพราะเราไม่รู้เหมือนกันว่าร้านที่ดารัดอยู่แถวไหน
วันที่ 3
เช้าวันนี้เราเดินทางต่อกันด้วยรถนั่ง จากดารัดไปมุยเน่ (จองผ่านโรงแรม) โดยใช้เวลาประมาณ 5 ช.ม. (คืออีรถทัวร์เจ้านี้จอดตลอดทางประหนึ่งรถเมล์ติดแอร์ข้ามเมือง =..=” ซึ่งจริงๆแล้วเวลามันควรจะประมาณ 4.30 ช.ม.)
หลังจากนั่งรถมาได้ซักพัก(ใหญ่ๆ) เราก็มาถึงร้านขายทัวร์ในมุยเน่ที่อีคุณรถทัวร์เจ้านี้โคอยู่ เข้าไปปุ๊บก็จะมีเสนอขายแพคเกจต่างๆนาๆ ซึ่งแพคที่เราซื้อก็คือแบบเที่ยวทั้งหมด 4 ที่ ได้แก่
Fairy stream, Fishery village, White sand dunes, and Red sand duens รถออกตอนบ่าย 2 ราคาคนละ 10 USD (แต่มันจะเอาเป็นเงินดองซะงั้น แต่ใครเงินดองไม่พอก็ลองใช้สกิลต่อลองดูได้นะคะ) หลังจากซื้อแพคเสร็จเราก็มานั่งหาอะไรกินกัน คือตรงที่ร้านขายแพคเกจทัวร์ตั้งอยู่เนี่ยจะมีร้านอาหารอยู่ด้วยค่ะ
ซึ่งอาหารแนะนำให้สั่ง omelette ค่ะ กินง่ายสุดละ คืออย่างเราสั่งข้าวพัดกระเทียมงี้ คือพัดกระเทียมจริงๆค่ะ ไม่มีอื่นใดเลย มาแบบเหลืองๆมันๆและเศษกระเทียม -*-
อ้อ แล้วก็ที่นี่เค้าใช้รถ Jeep นะคะ ไม่มีรถตู้ใดๆ แต่เราชอบนะ ลุยดี คันนึงนั่งได้ 6 คน ชิวๆ แต่ถ้าใครเวลาเหลืออยากไปเช็คอินโรงแรมก่อนก็ได้ค่ะ เค้ามีบริการไปรับ ส่วนขากลับจากทริปเค้าจะขับไปส่งที่โรงแรมให้ค่ะ *ควรใส่รองเท้าแตะไปเพื่อความสะดวกสบาย
เมื่อนั่งรอไปซักพักก็ถึงเวลาขึ้นรถ และที่แรกที่เราไปกันก็คือ Fairy Stream ซึ่งตรงนี้เราต้องเดินลงไปในน้ำนะคะ

เมื่อเดินตามลำธารมาซักพักเราจะเจอเนินทรายอยู่ตรงด้านซ้ายนะคะ เดินขึ้นไปเลยค่ะ อย่าได้แคร์ เพราะวิวข้างบนนี่สวยใช้ได้

ถ้าใครถ่ายรูปเสร็จแล้วเหลือเวลาจะเดินต่อก็ได้นะคะ แต่เราขึ้นเนินเสร็จ ถ่ายรูปเพลินเวลาหมดเลยกลับไปขึ้นรถเพื่อไปที่ต่อไปเลย
สถานที่ต่อไปที่เราจะไปกันก็คือ Fishery Village หรือหมู่บ้านชาวประมงนั่นเอง ที่นี่ไม่มีอะไรมากค่ะ จะเป็นประมาณวิวทะเล แล้วก็มีเรือลอยๆให้เราถ่าย

แต่ที่เด็ดคือ Lobster! มันใหญ่มากกก แต่เราไม่รู้ว่าเนื้อเป็นยังไงนะ เพราะเดินผ่านไม่ได้แวะชิมเวลาไม่พอ ถ้าใครได้แวะก็ลองชิมกันดูนะคะ ร้านอาหารมีอยู่ร้านเดียวแถวนั้น

และแล้ว เราก็มาถึงที่ๆ 3 กันแล้วค่ะ นั่นคือ
White Sand Dunes สถานที่สุดฮอต! ซึ่งที่นี่ออกมาไกลสุดนะคะ ระหว่างทางจะขับผ่าน Red Sand แต่เค้าจะวนกลับมาแวะให้เราทีหลัง

ที่ White Sand เค้าจะให้เราเลือกว่าจะเดินไป(ซึ่งไกลพอสมควรจากจุดที่รถจี๊บจอด) หรือจะนั่งเป็น ATV เข้าไปค่ะ ค่าเสียหายอยู่ที่คันละ 20 usd คันนึงนั่งได้ไม่เกิน 2 คนและจะมีคนดูแลที่นั่นติดรถเราไปด้วยคอยคุมแฮนด์ขับ คันละ 1 คน (จริงๆถ้าไม่มีพี่แกติดไปด้วยน่าจะนั่งได้คันละ 3 คน)

ขับไปขับมาซักพักตอนจะกลับ พี่แกจะขอทิปเราค่ะ เราก็ทิปเป็นเงินดองไป (อันนี้แล้วแต่ว่าจะทิปเท่าไหร่)
เมื่อกลับมาถึงเราก็ขึ้นรถจี๊บไปต่อที่สุดท้ายกันเลยค่าา ที่ Red Sand Dunes พอไปถึงลงจากรถจะมีเด็กๆมาขายพวกสไลด์บอร์ดนะคะ รู้สึกจะบอร์ดละ 15,000 ดอง ซึ่งใครอยากลองก็ซื้อมาเล่นกันได้ แต่ของเราเน้นถ่ายรูปเลยปฎิเสธไป

เมื่อเที่ยวกันหมดครบ 4 ที่แล้ว ก็ได้เวลากลับที่พักกันซักที และที่พักที่เราเลือกคือ Little Muine Cottage

และนี่คือภาพห้องพักของพวกเรา

หลังนอนพักผ่อนกันเสร็จเรียบร้อย เรามาเดินชมบรรยากาศบริเวณรอบๆของโรงแรมกันดีกว่า

**มุ่ยเน่นี่เป็นเมืองชายทะเลนะคะ แนวๆพัทยา ปราณ ระยอง บ้านเรา
หลังจากเดินเล่นกินลมกันเสร็จ ก็ได้เวลานั่งกลับไปโฮจิมินห์ หนนี้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5.30 ช.ม. ป็นรถนอนจองกับพี่ตรงเคาน์เตอร์ ค่าเสียหายตกคนละ 150,000 ดอง ซึ่งรถหนนี้มีไวไฟให้ด้วยค่ะ แต่เน็ตนี่เต่ามาก ใช้แชร์จากมือถือยังเร็วซะกว่า แอบเห็นมาว่าชื่อ TMCamel Open Tour อะไรซักอย่าง เห็นพี่แกบอกว่าถูกกว่า ShinTourist ใครสนใจก็ลองหาข้อมูลกันดูนะคะ
หลังจากนั่งๆนอนๆกันมา ในที่สุดเราก็มาถึงนครโฮจิมินห์กันแล้วค่า ซึ่งกว่าจะถึงก็ช่วงเย็นมากแล้ว เพราะเราจองรถรอบบ่ายออกมากัน แต่จริงๆแนะนำให้จองรอบเช้าดีกว่านะคะ เพราะยังไงแถวนั้นก็ไม่มีที่ให้เดินเล่นอยู่แล้ว รีบนั่งกลับไปโฮจิมินห์แล้วเดินเล่นในเมืองดีกว่า เผื่อจะได้ไปเดินช๊อปแหลกด้วย
เมื่อมาถึงโฮจิมินห์รถจอดอะไรเรียบร้อย เราก็แบกกระเป๋ากันลงมาพร้อมกับรีบตรงไปที่พักกันทันที ดรอปกระเป๋าเสร็จจะได้ไปเดินหาไรลงท้องกันต่อ และโรงแรมที่เราเช็คอินกันหนนี้ก็คือ Blue River Hotel 1 ค่ะ ทางเดินไปโรงแรมจะงงนิดนึงเพราะต้องเข้าซอยใหญ่ละเลี้ยวเข้าซอยย่อยที่มีป้ายหน้าด้านใหญ่ๆกับโรงแรมเต็มไปหมดอีกที (ลืมถ่ายหน้าซอยมาให้อะ ดูรูปที่พักเลยละกันนะคะ) แนะนำให้เปิด google map แล้วเสิร์จหาชื่อโรงแรมค่ะ เดินตามนั้นเลยเดี๋ยวก็ถึง โรงแรมจะอยู่แถวๆฟาร์มงูเหลานั่นแหละค่ะ *ที่นี่มีอาหารเช้าให้นะ

หลังจากเราเข้าเช็คอินตกลงราคาค่าพัก (ที่โดนบวกเพิ่มไปอีก 2 USD จากที่จอง) พวกเราก็พร้อมออกท่องราตรีหาของกินกันค่ะ เดินไปเดินมาซักพัก เราเจอร้านนึงคนเยอะเราก็เข้าไปนั่งจุ้มปุ้กสั่งอาหารกับแบบจิ้มๆเอา เพราะพนักงานที่นี่พูดอังกฤษกันไม่ค่อยได้นะคะ ต้องเปิด google translate ไป จิ้มสั่งไป
*อาหารที่นี่จะติดเค็มตรงข้ามกับบ้านเราที่ติดหวาน คือนอกจากอาหารจะเค็มแล้วบางรายการน้ำจิ้มก็ยังเค็มด้วย จิ้มหนเดียวเลิกจิ้มเลยค่ะ จะยังไงก็ลองจิ้มแบบเบาๆดูกันก่อนนะ
หลังจากกินและดื่มทุกอย่างจนเรียบ พวกเราก็เข้านอน พร้อมเดินทางกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากไฟล์ทพวกเราออกประมาณบ่าย 3 เราเลยตื่นเช้าแล้วมุ่งหน้านั่งรถเมล์สาย 152 (ขึ้นแถวตลาดเบถัน หรือจะลองถามโรงแรมก็ได้ค่ะ ว่าขึ้นที่ไหนใกล้สุด) กลับไปที่สนามบิน เช็คอินและขึ้นเครื่องกลับไทยกัน
ถ้าพร้อมแล้ว เปิดเว็บจองตั๋วกันเลยค่าาา
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ :
https://journeywalker.me
[Journeywalker] เวียดนามใต้ โฮจิมินห์(ไซง่อน) – ดารัด – มุยเน่ (2/2)
Follow บทความอื่นๆ
IG : https://www.instagram.com/foto.reise/
FB : https://www.facebook.com/journeywalker.co
และแล้วก็ถึงเวลาท่องราตรี...
ที่ดารัดนี้ จะมีตลาดกลางคืนที่ใหญ่และของกินเยอะมากเดินไปจากตัวโรงแรมไม่ไกล สามารถสอบถามได้จากพนักงาน ส่วนร้านไหนอร่อยนั้น เราเน้นเห็นร้านไหนคนเยอะ น่ากินก็พุ่งตัวเข้าไปเลย 55555
รสชาติอาจจะแปลกๆไปบ้างแบบไม่คุ้นปาก แต่ถือว่าอร่อยใช้ได้นะคะ ซึ่งที่เราลองกินไปก็คือแป้งไรไม่รู้โรยหน้าคล้ายพิซซ่าแล้วม้วนห่อแบบเคบับ ส่วนเวลาสั่งก็บอกเค้าเอากี่อันก็พอค่ะ เพราะคนแถวนี้พูดอังกฤษไม่ค่อยได้กัน แล้วก็จะมีพวกร้านน้ำเต้าหู้ซึ่งขายน้ำ 3 อย่างแหนะ ทั้งเต้าหู้ ถั่วแดง ถั่วเหลือง มีครบ แล้วก็จะมีพวกอาหารทะเลปิ้งๆ มันเผา ชานมไข่มุก เยอะแยะไปหมด เดินเพลินมาก อากาศเย็นดีด้วย
หลังจากเดินเที่ยวตะลุยกินแหลกยามค่ำกันเสร็จแล้ว พวกเราก็กลับที่พักไปนอนพร้อมเดินทางไปมุยเน่ต่อ
อ้อ รถทัวร์แนะนำให้จองเจ้าเดียวกับตอนมาดารัด ไม่ก็ของ The Sinh Tourist นะคะ (https://www.thesinhtourist.vn/) เพราะเราจองกับของที่โรงแรมแนะนำแล้วไม่โอเคอย่างแรง นั่งเมื่อยตูดมาก แล้วต้องนั่นยาวนานกว่า 4-5 ช.ม. ถึงมุยเน่ทีนี่ปวดหลังไปตามๆกันเลยทีเดียว ส่วนวิธีจองสองอันนี้น่าจะต้องถามแต่แรกตั้งแต่ตอนอยู่โฮจิมินห์นะคะ เพราะเราไม่รู้เหมือนกันว่าร้านที่ดารัดอยู่แถวไหน
วันที่ 3
เช้าวันนี้เราเดินทางต่อกันด้วยรถนั่ง จากดารัดไปมุยเน่ (จองผ่านโรงแรม) โดยใช้เวลาประมาณ 5 ช.ม. (คืออีรถทัวร์เจ้านี้จอดตลอดทางประหนึ่งรถเมล์ติดแอร์ข้ามเมือง =..=” ซึ่งจริงๆแล้วเวลามันควรจะประมาณ 4.30 ช.ม.)
หลังจากนั่งรถมาได้ซักพัก(ใหญ่ๆ) เราก็มาถึงร้านขายทัวร์ในมุยเน่ที่อีคุณรถทัวร์เจ้านี้โคอยู่ เข้าไปปุ๊บก็จะมีเสนอขายแพคเกจต่างๆนาๆ ซึ่งแพคที่เราซื้อก็คือแบบเที่ยวทั้งหมด 4 ที่ ได้แก่ Fairy stream, Fishery village, White sand dunes, and Red sand duens รถออกตอนบ่าย 2 ราคาคนละ 10 USD (แต่มันจะเอาเป็นเงินดองซะงั้น แต่ใครเงินดองไม่พอก็ลองใช้สกิลต่อลองดูได้นะคะ) หลังจากซื้อแพคเสร็จเราก็มานั่งหาอะไรกินกัน คือตรงที่ร้านขายแพคเกจทัวร์ตั้งอยู่เนี่ยจะมีร้านอาหารอยู่ด้วยค่ะ
ซึ่งอาหารแนะนำให้สั่ง omelette ค่ะ กินง่ายสุดละ คืออย่างเราสั่งข้าวพัดกระเทียมงี้ คือพัดกระเทียมจริงๆค่ะ ไม่มีอื่นใดเลย มาแบบเหลืองๆมันๆและเศษกระเทียม -*-
อ้อ แล้วก็ที่นี่เค้าใช้รถ Jeep นะคะ ไม่มีรถตู้ใดๆ แต่เราชอบนะ ลุยดี คันนึงนั่งได้ 6 คน ชิวๆ แต่ถ้าใครเวลาเหลืออยากไปเช็คอินโรงแรมก่อนก็ได้ค่ะ เค้ามีบริการไปรับ ส่วนขากลับจากทริปเค้าจะขับไปส่งที่โรงแรมให้ค่ะ *ควรใส่รองเท้าแตะไปเพื่อความสะดวกสบาย
เมื่อนั่งรอไปซักพักก็ถึงเวลาขึ้นรถ และที่แรกที่เราไปกันก็คือ Fairy Stream ซึ่งตรงนี้เราต้องเดินลงไปในน้ำนะคะ
เมื่อเดินตามลำธารมาซักพักเราจะเจอเนินทรายอยู่ตรงด้านซ้ายนะคะ เดินขึ้นไปเลยค่ะ อย่าได้แคร์ เพราะวิวข้างบนนี่สวยใช้ได้
ถ้าใครถ่ายรูปเสร็จแล้วเหลือเวลาจะเดินต่อก็ได้นะคะ แต่เราขึ้นเนินเสร็จ ถ่ายรูปเพลินเวลาหมดเลยกลับไปขึ้นรถเพื่อไปที่ต่อไปเลย
สถานที่ต่อไปที่เราจะไปกันก็คือ Fishery Village หรือหมู่บ้านชาวประมงนั่นเอง ที่นี่ไม่มีอะไรมากค่ะ จะเป็นประมาณวิวทะเล แล้วก็มีเรือลอยๆให้เราถ่าย
แต่ที่เด็ดคือ Lobster! มันใหญ่มากกก แต่เราไม่รู้ว่าเนื้อเป็นยังไงนะ เพราะเดินผ่านไม่ได้แวะชิมเวลาไม่พอ ถ้าใครได้แวะก็ลองชิมกันดูนะคะ ร้านอาหารมีอยู่ร้านเดียวแถวนั้น
และแล้ว เราก็มาถึงที่ๆ 3 กันแล้วค่ะ นั่นคือ White Sand Dunes สถานที่สุดฮอต! ซึ่งที่นี่ออกมาไกลสุดนะคะ ระหว่างทางจะขับผ่าน Red Sand แต่เค้าจะวนกลับมาแวะให้เราทีหลัง
ที่ White Sand เค้าจะให้เราเลือกว่าจะเดินไป(ซึ่งไกลพอสมควรจากจุดที่รถจี๊บจอด) หรือจะนั่งเป็น ATV เข้าไปค่ะ ค่าเสียหายอยู่ที่คันละ 20 usd คันนึงนั่งได้ไม่เกิน 2 คนและจะมีคนดูแลที่นั่นติดรถเราไปด้วยคอยคุมแฮนด์ขับ คันละ 1 คน (จริงๆถ้าไม่มีพี่แกติดไปด้วยน่าจะนั่งได้คันละ 3 คน)
ขับไปขับมาซักพักตอนจะกลับ พี่แกจะขอทิปเราค่ะ เราก็ทิปเป็นเงินดองไป (อันนี้แล้วแต่ว่าจะทิปเท่าไหร่)
เมื่อกลับมาถึงเราก็ขึ้นรถจี๊บไปต่อที่สุดท้ายกันเลยค่าา ที่ Red Sand Dunes พอไปถึงลงจากรถจะมีเด็กๆมาขายพวกสไลด์บอร์ดนะคะ รู้สึกจะบอร์ดละ 15,000 ดอง ซึ่งใครอยากลองก็ซื้อมาเล่นกันได้ แต่ของเราเน้นถ่ายรูปเลยปฎิเสธไป
เมื่อเที่ยวกันหมดครบ 4 ที่แล้ว ก็ได้เวลากลับที่พักกันซักที และที่พักที่เราเลือกคือ Little Muine Cottage
และนี่คือภาพห้องพักของพวกเรา
หลังนอนพักผ่อนกันเสร็จเรียบร้อย เรามาเดินชมบรรยากาศบริเวณรอบๆของโรงแรมกันดีกว่า
หลังจากเดินเล่นกินลมกันเสร็จ ก็ได้เวลานั่งกลับไปโฮจิมินห์ หนนี้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5.30 ช.ม. ป็นรถนอนจองกับพี่ตรงเคาน์เตอร์ ค่าเสียหายตกคนละ 150,000 ดอง ซึ่งรถหนนี้มีไวไฟให้ด้วยค่ะ แต่เน็ตนี่เต่ามาก ใช้แชร์จากมือถือยังเร็วซะกว่า แอบเห็นมาว่าชื่อ TMCamel Open Tour อะไรซักอย่าง เห็นพี่แกบอกว่าถูกกว่า ShinTourist ใครสนใจก็ลองหาข้อมูลกันดูนะคะ
หลังจากนั่งๆนอนๆกันมา ในที่สุดเราก็มาถึงนครโฮจิมินห์กันแล้วค่า ซึ่งกว่าจะถึงก็ช่วงเย็นมากแล้ว เพราะเราจองรถรอบบ่ายออกมากัน แต่จริงๆแนะนำให้จองรอบเช้าดีกว่านะคะ เพราะยังไงแถวนั้นก็ไม่มีที่ให้เดินเล่นอยู่แล้ว รีบนั่งกลับไปโฮจิมินห์แล้วเดินเล่นในเมืองดีกว่า เผื่อจะได้ไปเดินช๊อปแหลกด้วย
เมื่อมาถึงโฮจิมินห์รถจอดอะไรเรียบร้อย เราก็แบกกระเป๋ากันลงมาพร้อมกับรีบตรงไปที่พักกันทันที ดรอปกระเป๋าเสร็จจะได้ไปเดินหาไรลงท้องกันต่อ และโรงแรมที่เราเช็คอินกันหนนี้ก็คือ Blue River Hotel 1 ค่ะ ทางเดินไปโรงแรมจะงงนิดนึงเพราะต้องเข้าซอยใหญ่ละเลี้ยวเข้าซอยย่อยที่มีป้ายหน้าด้านใหญ่ๆกับโรงแรมเต็มไปหมดอีกที (ลืมถ่ายหน้าซอยมาให้อะ ดูรูปที่พักเลยละกันนะคะ) แนะนำให้เปิด google map แล้วเสิร์จหาชื่อโรงแรมค่ะ เดินตามนั้นเลยเดี๋ยวก็ถึง โรงแรมจะอยู่แถวๆฟาร์มงูเหลานั่นแหละค่ะ *ที่นี่มีอาหารเช้าให้นะ
หลังจากเราเข้าเช็คอินตกลงราคาค่าพัก (ที่โดนบวกเพิ่มไปอีก 2 USD จากที่จอง) พวกเราก็พร้อมออกท่องราตรีหาของกินกันค่ะ เดินไปเดินมาซักพัก เราเจอร้านนึงคนเยอะเราก็เข้าไปนั่งจุ้มปุ้กสั่งอาหารกับแบบจิ้มๆเอา เพราะพนักงานที่นี่พูดอังกฤษกันไม่ค่อยได้นะคะ ต้องเปิด google translate ไป จิ้มสั่งไป
*อาหารที่นี่จะติดเค็มตรงข้ามกับบ้านเราที่ติดหวาน คือนอกจากอาหารจะเค็มแล้วบางรายการน้ำจิ้มก็ยังเค็มด้วย จิ้มหนเดียวเลิกจิ้มเลยค่ะ จะยังไงก็ลองจิ้มแบบเบาๆดูกันก่อนนะ
หลังจากกินและดื่มทุกอย่างจนเรียบ พวกเราก็เข้านอน พร้อมเดินทางกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากไฟล์ทพวกเราออกประมาณบ่าย 3 เราเลยตื่นเช้าแล้วมุ่งหน้านั่งรถเมล์สาย 152 (ขึ้นแถวตลาดเบถัน หรือจะลองถามโรงแรมก็ได้ค่ะ ว่าขึ้นที่ไหนใกล้สุด) กลับไปที่สนามบิน เช็คอินและขึ้นเครื่องกลับไทยกัน
ถ้าพร้อมแล้ว เปิดเว็บจองตั๋วกันเลยค่าาา
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ : https://journeywalker.me