บทที่ 6
https://pantip.com/topic/36974176
บทที่ 7 กิจยามวิกาล
ปฏิบัติการลับคือ การปิดบังภารกิจแต่เปิดเผยชื่อหน่วยงานสั่งการ ส่วนปฏิบัติการปกปิด หมายถึงการปิดบังชื่อหน่วยงานแต่เปิดเผยภารกิจ ในขณะที่ปฏิบัติการขวานทองต้องปิดบังทั้งภารกิจและชื่อหน่วยงานบัญชาการไปด้วยในคราวเดียวกัน
อัญญกานต์สวมชุดกางเกงผ้าทหารกับเสื้อแขนยาวสีดำ รองเท้าเดินป่าสีน้ำตาลเข้ม รวบผมผูกเป็นหางม้า ติดวิทยุสื่อสารไว้ที่เอวกางเกง สายลำโพงขนาดเล็กจิ๋วแบบสามทางลอดใต้เสื้อขึ้นมาที่ลำคอและคล้องเสียบในรูหูข้างซ้าย ไมโครโฟนตัวจ้อยเสียบไว้บนคอเสื้อ สายปุ่มกดพูดสอดข้างในแขนเสื้อมาอยู่ในมือซ้าย มีมีดพับเล่มใหญ่เหน็บที่ขอบกระเป๋ากางเกงและพกโทรศัพท์ปิดเสียงแต่เปิดสั่นเอาไว้ในช่องเล็กบริเวณต้นขาด้านหน้า แต่ก็ไม่ได้พกปืนติดตัวมาด้วย
เธอย่องออกประตูบ้านพักพร้อมไฟฉายแรงสูงขนาดเล็กในกำมือหลังจากวานรินทร์ออกไปก่อนล่วงหน้าไม่นาน เธอแฝงตัวตามต้นไม้ใหญ่น้อย โชคดีที่ฟ้าปิดในคืนนี้ หมู่เมฆหนาช่วยบดบังแสงดาวเดือนเกือบทั้งหมด เคลื่อนที่จากเงามืดหนึ่งไปหาอีกเงาอย่างรวดเร็วพลางมองระแวดระวังคนที่อาจเดินอยู่ภายนอกอาคารและบ้านพักรอบด้าน หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีแสงสว่างให้มากที่สุด หญิงร่างเล็กใช้กอหญ้าสูงหนากำบังกายวิ่งลงไปที่ชายป่าใกล้แม่น้ำ ผ่านท่าเรือขึ้นด้านเหนือแล้วหลบซ่อนตัวมิดชิดหลังแนวพุ่มดอกไม้ห่างจากบ้านพักบนเนินที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวราวห้าสิบเมตร
ยามรักษาความปลอดภัยหนึ่งคนเดินวนไปมารอบบ้าน ไกลออกไปมีอีกสองคนอยู่บริเวณแนวป่าเหนือขึ้นไป รปภ. คู่นั้นเห็นเป็นเงาร่างดำๆ เตี้ยๆ เดินวนเวียนไปมาและเปิดไฟฉายส่องดูรอบข้างเป็นระยะ
เธอกดปุ่มแล้วพูดใส่ไมโครโฟน “ขวานสองจากขวานหนึ่งทราบแล้วเปลี่ยน ว. สองสองที่หมาย พร้อม ว. สี่ ในสองสี่นี้” หมายความว่า เข้าถึงที่หมาย พร้อมปฏิบัติงานในเวลานี้แล้ว
“เตรียม ว. สามห้า เปลี่ยน” ขวานสองตอบกลับ-ให้เตรียมพร้อมปฏิบัติการ
ครู่ใหญ่ก็มีเสียงคนเอะอะโวยวายดังลั่นอยู่ในแถบบ้านพักหลายหลังที่เธอออกมา เธอเงี่ยหูฟังเหมือนมีคนทะเลาะกันรุนแรงตามด้วยเสียงกระจกแตกหลายครั้ง เมื่อหันกลับไปมอง รปภ. ที่บ้านพักเป้าหมาย เห็นเขายกวิทยุขึ้นฟังและพูดตอบกลับพร้อมกับวิ่งไปทางต้นเสียงดังเมื่อครู่ ขณะที่ รปภ. อีกสองคนก็วิ่งออกจากชายป่าไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อทุกคนคล้อยหลังไปและเห็นว่าทางสะดวกแล้ว เธอก็วิ่งก้มตัวต่ำมาถึงบ้านพักที่เปิดไฟด้านนอกเอาไว้รอบด้าน หมอบลงข้างพุ่มดอกเข็ม มองสำรวจจนแน่ใจแล้วจึงวิ่งขึ้นบันไดมาที่ประตู แต่มันล็อก ไม่มีเวลาหาวิธีเปิด จึงถอยกลับวิ่งอ้อมมาที่ระเบียงซึ่งหันหน้าออกแม่น้ำโขง ไต่ขึ้นเนินจนถึงขอบระเบียง สองมือเกาะแผ่นไม้ออกแรงดึงตัวเองขึ้นข้างบน ปีนข้ามราวกั้นมายืนบนพื้นไม้ ขยับเข้าใกล้ประตูกระจกเลื่อน เห็นม่านปิดอยู่ ข้างในตัวบ้านดับไฟมืดสนิท พยายามดึงประตูเปิด แต่ก็ถูกล็อกไว้เช่นกัน
เปิดไฟฉายดูใกล้ๆ พบว่ากระจกทั้งสองบานนี้ใหม่เอี่ยมเพิ่งถูกเปลี่ยนมาไม่นานซึ่งตรงกับรายงานที่เธอได้รับ หันกลับมาส่องไฟดูที่พื้นที่เป็นไม้แผ่น พบเศษกระจกแตกตกอยู่ตามร่อง เธอเก็บใส่กระเป๋ากางเกงข้างต้นขา ดับไฟฉายแล้วปีนระเบียงกลับลงมาข้างล่าง ลอดเข้าใต้ถุนส่องไฟฉายสำรวจ พบเศษกระจกแตกจำนวนหนึ่งกระจายสะท้อนแสงไฟฉายอยู่ตามกอหญ้าเล็กๆ และบนพื้นดิน ดึงโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป แสงไฟแฟลชสว่างวาบขึ้น แต่คงไม่มีใครเห็น มีเธออยู่คนเดียวในระแวกนี้ เก็บเศษกระจกใส่กระเป๋าอีกหลายชิ้น แล้วสำรวจรอบข้าง
พบรอยพื้นรองเท้าขนาดใหญ่สองรอยจมลงในผิวดินฝั่งทิศเหนือของระเบียง เธอเดาว่าน่าจะเป็นเบอร์สิบสามหรือสิบสี่เพราะรอยยาวและกว้างมาก เป็นรองเท้าผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัย คนหรือยักษ์ปักหลั่นกันละเนี่ย เหมือนเจ้าของรองเท้าจะกระโดดจากระเบียงลงมายืนบนพื้นจนดินยุบเป็นหลุมลึก ถัดไปมีรอยพื้นรองเท้าขนาดเท่ากันย่ำก้าวยาวๆ ออกไปจากจุดนั้นตรงไปทางแม่น้ำ กดถ่ายรูปเอาไว้อีกครั้ง
ตามรอยรองเท้าเข้าไปในแนวต้นไม้ พบรอยฝ่าเท้าเปล่าที่เล็กกว่ามากอยู่ระหว่างกลางรอยรองเท้าที่ก้าวยาวๆ เหล่านี้ เธอหยุดพิจารณา เป็นรอยเท้าผู้หญิงค่อนข้างแน่ รีบกดชัตเตอร์เก็บรูปไว้รัวๆ แต่รอยเท้าเหล่านี้หายไปในบริเวณที่มีต้นหญ้าและพุ่มไม้เตี้ยขึ้นปกคลุมหนาแน่น ก่อนจะมาปรากฏอีกครั้งบริเวณฝั่งแม่น้ำ ร่องรอยทั้งสองแบบ ย่ำทับกันขนานไปตามพื้นดินริมแม่น้ำ ก่อนจะตีโค้งขึ้นทางซ้ายกลับเข้าหาแนวป่าด้านทิศเหนือที่เคยมียามรักษาความปลอดภัยคอยระวังป้องกันอยู่ก่อนหน้านี้
อัญญาเริ่งฝีเท้าและจ่อไฟฉายลงใกล้พื้นตามรอยเท้าเหล่านี้มา เมื่อเริ่มเข้าเขตป่าต้นไม้กลับมีรอยรองเท้าเหยียบย่ำทับกันสับสนอีกหลายรอย ย่อตัวลงสังเกตดีๆ เธอเห็นว่าลายพื้นรองเท้าคู่อื่นๆ แตกต่างจากลายพื้นรองเท้าคู่ใหญ่ที่เธอตามมาตั้งแต่ต้น แถมยังมีขนาดเล็กกว่ามาก กดถ่ายหลายรูป เดินลึกเข้ามาไม่นานเธอก็พบเศษผ้าแพรสีขาวขาดเกี่ยวติดอยู่กับกิ่งไม้ที่มีหนาม บันทึกภาพก่อนดึงเศษผ้ามาเก็บในกระเป๋ากางเกง
แต่จากจุดนี้ต้นหญ้าสูงถูกแหวกออกเป็นช่องทางเดินไปข้างหน้าหลายช่องทั้งเล็กและใหญ่คล้ายมีหลายคนเข้ามาค้นหาอะไรบางอย่างในป่าบนเนินเขาแห่งนี้ เธอเลือกตามช่องทางที่ใหญ่ที่สุดมา ชั่วอึดใจ แสงไฟฉายก็ส่องกระทบกับเนินดินคล้ายจอมปลวกติดกับแนวกำแพงหินศิลาแลง เธอหยุดส่องไฟมองรอบข้าง เห็นเปลือกไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่งฉีกขาดออกเหมือนถูกวัตถุแหลมคมเข้าตัดเฉือน ส่องไฟดูใกล้ๆ เห็นเป็นรอยกระสุนปืน ถ่ายรูปเก็บอีกครั้ง บนพื้นดินบริเวณโคนไม้ต้นนี้มีรอยฝ่าเท้าเปล่าข้างซ้ายและขวาเล็กๆ ย่ำอยู่คู่กัน กดชัตเตอร์ แล้วสำรวจรอบบริเวณ พบรอยเหยียบบนเนินดินจอมปลวกเหมือนเจ้าของฝ่าเท้าปีนป่ายขึ้นไป ภาพถูกบันทึกอย่างต่อเนื่อง
รอยฝ่าเท้าเปล่าเล็กๆ มาสิ้นสุดเอาที่จุดนี้ รอบข้างพวกไม้พุ่มเตี้ยและกอหญ้าถูกเหยียบย่ำล้มเอียง แหวกออกเป็นช่องๆ ทุกทิศทุกทาง หลายคนเข้ามาแล้วกระจายตัวกันตามหาของบางอย่างที่หายไปจากแถวนี้...เธอคิด อัญญาเดินอ้อมเนินดินจอมปลวกมาเห็นผนังรั้วหินศิลาแลงถูกบางอย่างเจาะผิวแตกกระจายและแหว่งออกไปแถบหนึ่ง น่าจะเป็นผลงานของลูกตะกั่วเช่นกัน เธอเก็บภาพหินแตกไว้ในโทรศัพท์เช่นเคย
กำแพงนี้สูงเกินกว่าเธอจะปีนป่ายขึ้นข้างบนเพื่อมองข้ามไปด้านนอกรั้วของรีสอร์ต เดินวนส่องไฟตามพื้นดินและพุ่มไม้ ย้อนไปมาในรัศมียี่สิบเมตร สายตาเหลือบเห็นโลหะบางอย่างสะท้อนแสงกลับมา ตรงเข้ามานั่งลงใช้ปลายมีดเขี่ยเศษกิ่งและใบไม้ออกแล้วเก็บขึ้นมาส่องดู พบว่าเป็นปลอกกระสุนปืนพกบางขนาดตกอยู่ ส่องไฟดูบริเวณข้างเคียง ยังมีอีกสี่ปลอกอยู่ใต้กอหญ้า เธอถ่ายภาพก่อนจะเก็บปลอกกระสุนทั้งหมดลงกระเป๋ากางเกง เอาไปฝากพี่ชาติ อุ๊ปส์...พี่เต้งตะหาก
“ว. สี่เสร็จแล้ว ขวานหนึ่งกำลัง ว. สองหนึ่ง จากที่หมายพร้อมเบาะแส” เธอกดปุ่มพูดเบาๆ ใส่ไมโครโฟน- ปฏิบัติงานเสร็จแล้ว กำลังออกจากที่หมาย
“หกเก้า พวกนั้นกำลังจะ สองห้า ที่หมาย” เสียงกระซิบกระซาบเร็วปรื๋อ-ให้ระมัดระวังตัว พวกนั้นกำลังจะไปถึงที่หมาย
“สองแปด หกหนึ่ง” รับทราบ ขอบคุณ
หญิงสาวไม่ได้ย้อนกลับทางเดิม แต่ลัดเลาะฝ่าหมู่ต้นไม้ต้นหญ้าเป็นแนวเส้นตรงตั้งฉากกับกำแพงด้านหลังมาทางทิศใต้ เปิดไฟฉายส่องต่ำๆ ดูที่เท้า รักษาระเบียบวินัยเรื่องแสงและเสียงเวลาเคลื่อนที่ในป่าภูเขาเวลากลางคืนอย่างเคร่งครัด การออกทำงานภาคสนามหลายครั้งก่อนหน้านี้ช่วยให้เธอรู้วิธีการซ่อนพรางตัวในความมืดเพื่อให้รอดกลับออกมาอย่างปลอดภัยหลังจากเสร็จสิ้นปฏิบัติการ นั่นคือหัวใจสำคัญ ภารกิจสำเร็จลุล่วง คนทำงานกลับมาพร้อมด้วยอาการครบสามสิบสอง เธอหยุดยืนหลังต้นไม้ใหญ่เพื่อฟังเสียงเป็นระยะ มือขวากำด้ามมีดแน่น พร้อมจู่โจมทุกชีวิตที่คืบคลานเข้ามาใกล้ แต่ก็ปราศจากความเคลื่อนไหวใดตามมาข้างหลังหรือสวนทางเข้ามาข้างหน้า
ยี่สิบนาทีต่อมา เธอก็ทะลุออกด้านหลังกลุ่มบ้านพักอีกด้านหนึ่งของรีสอร์ต ใช้เงาพุ่มไม้อำพรางกาย ดึงวิทยุและสายหูฟังออกม้วนเก็บ ยัดโทรศัพท์ ไฟฉายและมีดพับลงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะถอดเสื้อแขนยาวกับกางเกงผ้าทหารออกเหลือไว้เพียงชุดนอนบางเบาสีขาว ปล่อยผมสยายเต็มแผ่นหลัง พับเสื้อผ้าที่ถอดออกแล้วใช้เป็นเครื่องห่อหุ้มปกปิดวิทยุสื่อสาร อุ้มกอดทุกอย่างรวมกันเอาไว้แนบหน้าท้อง ก้าวออกมาเดินบนทางหินกรวด ผ่านบ้านพักหลายหลังมาขึ้นถนนอิฐรูปตัวหนอน เดินใต้แสงโคมไฟสว่างตรงมาทางอาคารต้อนรับส่วนหน้า
“ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอครับ คุณผู้หญิง” เสียงแหบห้าวดังขึ้นข้างหลัง
เธอหันกลับไปมอง เห็นยามรักษาความปลอดภัยปั่นจักรยานเสือภูเขาใกล้เข้ามา
“พอดีรู้สึกหิว คิดว่าจะมาหาของกินแถวนี้สักหน่อย” เธอคิดเรื่องบังหน้าออกอย่างทันท่วงทีและก้าวเดินต่อไม่หยุด
“ห้องอาหารใกล้จะปิดแล้วนะครับ คงต้องรีบหน่อย เผื่อจะทัน”
“อ้าว..เหรอ” เธอคิดขณะมุ่งไปข้างหน้า ย่ำเท้าเร็วขึ้น “แต่เห็นมีตู้กดน้ำอัดลมกับพวกถุงมันฝรั่งอยู่ในล็อบบีด้วยนะ”
“อ้อ...ใช่ครับ” รปภ. ผงกหัวหงึกๆ “แต่เดินคนเดียวตอนกลางคืนแบบนี้ ระวังตัวด้วยนะครับ เมื่อเกือบชั่วโมงที่แล้ว มีโจรใส่หมวกไอ้โม่งแอบเข้ามาบุกเดี่ยวขึ้นชิงทรัพย์แขกบนบ้านพักสองสามหลังติดๆ กัน ชั่วจริงๆ ไอ้โจรคนนี้ แต่ดีที่มันเอาอะไรไปไม่ได้ ตอนนี้พวกเรากำลังตามล่าตัวมันอยู่”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ ขอให้จับโจรได้ไวๆ นะคะ” อัญญาบอกก่อนจะเลี้ยวเข้าอาคารต้อนรับส่วนหน้าของรีสอร์ต ทิ้ง รปภ. คนนั้นไว้ข้างหลัง
พี่ชาติ เอ่อ...พี่เต้งนี่ร้ายจริงๆ สร้างเรื่องปั่นป่วนให้คนเหล่านี้หัวหมุนวิ่งกันวุ่น จนต้องทิ้งพื้นที่เฝ้าดูแลไปชั่วคราว นั่นช่วยให้เธอสามารถทำงานสำเร็จลงได้โดยสะดวกโยธิน ขออย่างเดียว อย่าผิดพลาดเผลอเรอแบบโง่ๆ ให้พวก รปภ. จับตัวได้นะคะคุณคู่หู
******************************************************************
(กรุณาอ่านต่อในหน้าถัดไป)
[นิยาย] ฝ่าฝูงโจร (บทที่ 7 กิจยามวิกาล)
บทที่ 7 กิจยามวิกาล
ปฏิบัติการลับคือ การปิดบังภารกิจแต่เปิดเผยชื่อหน่วยงานสั่งการ ส่วนปฏิบัติการปกปิด หมายถึงการปิดบังชื่อหน่วยงานแต่เปิดเผยภารกิจ ในขณะที่ปฏิบัติการขวานทองต้องปิดบังทั้งภารกิจและชื่อหน่วยงานบัญชาการไปด้วยในคราวเดียวกัน
อัญญกานต์สวมชุดกางเกงผ้าทหารกับเสื้อแขนยาวสีดำ รองเท้าเดินป่าสีน้ำตาลเข้ม รวบผมผูกเป็นหางม้า ติดวิทยุสื่อสารไว้ที่เอวกางเกง สายลำโพงขนาดเล็กจิ๋วแบบสามทางลอดใต้เสื้อขึ้นมาที่ลำคอและคล้องเสียบในรูหูข้างซ้าย ไมโครโฟนตัวจ้อยเสียบไว้บนคอเสื้อ สายปุ่มกดพูดสอดข้างในแขนเสื้อมาอยู่ในมือซ้าย มีมีดพับเล่มใหญ่เหน็บที่ขอบกระเป๋ากางเกงและพกโทรศัพท์ปิดเสียงแต่เปิดสั่นเอาไว้ในช่องเล็กบริเวณต้นขาด้านหน้า แต่ก็ไม่ได้พกปืนติดตัวมาด้วย
เธอย่องออกประตูบ้านพักพร้อมไฟฉายแรงสูงขนาดเล็กในกำมือหลังจากวานรินทร์ออกไปก่อนล่วงหน้าไม่นาน เธอแฝงตัวตามต้นไม้ใหญ่น้อย โชคดีที่ฟ้าปิดในคืนนี้ หมู่เมฆหนาช่วยบดบังแสงดาวเดือนเกือบทั้งหมด เคลื่อนที่จากเงามืดหนึ่งไปหาอีกเงาอย่างรวดเร็วพลางมองระแวดระวังคนที่อาจเดินอยู่ภายนอกอาคารและบ้านพักรอบด้าน หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีแสงสว่างให้มากที่สุด หญิงร่างเล็กใช้กอหญ้าสูงหนากำบังกายวิ่งลงไปที่ชายป่าใกล้แม่น้ำ ผ่านท่าเรือขึ้นด้านเหนือแล้วหลบซ่อนตัวมิดชิดหลังแนวพุ่มดอกไม้ห่างจากบ้านพักบนเนินที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวราวห้าสิบเมตร
ยามรักษาความปลอดภัยหนึ่งคนเดินวนไปมารอบบ้าน ไกลออกไปมีอีกสองคนอยู่บริเวณแนวป่าเหนือขึ้นไป รปภ. คู่นั้นเห็นเป็นเงาร่างดำๆ เตี้ยๆ เดินวนเวียนไปมาและเปิดไฟฉายส่องดูรอบข้างเป็นระยะ
เธอกดปุ่มแล้วพูดใส่ไมโครโฟน “ขวานสองจากขวานหนึ่งทราบแล้วเปลี่ยน ว. สองสองที่หมาย พร้อม ว. สี่ ในสองสี่นี้” หมายความว่า เข้าถึงที่หมาย พร้อมปฏิบัติงานในเวลานี้แล้ว
“เตรียม ว. สามห้า เปลี่ยน” ขวานสองตอบกลับ-ให้เตรียมพร้อมปฏิบัติการ
ครู่ใหญ่ก็มีเสียงคนเอะอะโวยวายดังลั่นอยู่ในแถบบ้านพักหลายหลังที่เธอออกมา เธอเงี่ยหูฟังเหมือนมีคนทะเลาะกันรุนแรงตามด้วยเสียงกระจกแตกหลายครั้ง เมื่อหันกลับไปมอง รปภ. ที่บ้านพักเป้าหมาย เห็นเขายกวิทยุขึ้นฟังและพูดตอบกลับพร้อมกับวิ่งไปทางต้นเสียงดังเมื่อครู่ ขณะที่ รปภ. อีกสองคนก็วิ่งออกจากชายป่าไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อทุกคนคล้อยหลังไปและเห็นว่าทางสะดวกแล้ว เธอก็วิ่งก้มตัวต่ำมาถึงบ้านพักที่เปิดไฟด้านนอกเอาไว้รอบด้าน หมอบลงข้างพุ่มดอกเข็ม มองสำรวจจนแน่ใจแล้วจึงวิ่งขึ้นบันไดมาที่ประตู แต่มันล็อก ไม่มีเวลาหาวิธีเปิด จึงถอยกลับวิ่งอ้อมมาที่ระเบียงซึ่งหันหน้าออกแม่น้ำโขง ไต่ขึ้นเนินจนถึงขอบระเบียง สองมือเกาะแผ่นไม้ออกแรงดึงตัวเองขึ้นข้างบน ปีนข้ามราวกั้นมายืนบนพื้นไม้ ขยับเข้าใกล้ประตูกระจกเลื่อน เห็นม่านปิดอยู่ ข้างในตัวบ้านดับไฟมืดสนิท พยายามดึงประตูเปิด แต่ก็ถูกล็อกไว้เช่นกัน
เปิดไฟฉายดูใกล้ๆ พบว่ากระจกทั้งสองบานนี้ใหม่เอี่ยมเพิ่งถูกเปลี่ยนมาไม่นานซึ่งตรงกับรายงานที่เธอได้รับ หันกลับมาส่องไฟดูที่พื้นที่เป็นไม้แผ่น พบเศษกระจกแตกตกอยู่ตามร่อง เธอเก็บใส่กระเป๋ากางเกงข้างต้นขา ดับไฟฉายแล้วปีนระเบียงกลับลงมาข้างล่าง ลอดเข้าใต้ถุนส่องไฟฉายสำรวจ พบเศษกระจกแตกจำนวนหนึ่งกระจายสะท้อนแสงไฟฉายอยู่ตามกอหญ้าเล็กๆ และบนพื้นดิน ดึงโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป แสงไฟแฟลชสว่างวาบขึ้น แต่คงไม่มีใครเห็น มีเธออยู่คนเดียวในระแวกนี้ เก็บเศษกระจกใส่กระเป๋าอีกหลายชิ้น แล้วสำรวจรอบข้าง
พบรอยพื้นรองเท้าขนาดใหญ่สองรอยจมลงในผิวดินฝั่งทิศเหนือของระเบียง เธอเดาว่าน่าจะเป็นเบอร์สิบสามหรือสิบสี่เพราะรอยยาวและกว้างมาก เป็นรองเท้าผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัย คนหรือยักษ์ปักหลั่นกันละเนี่ย เหมือนเจ้าของรองเท้าจะกระโดดจากระเบียงลงมายืนบนพื้นจนดินยุบเป็นหลุมลึก ถัดไปมีรอยพื้นรองเท้าขนาดเท่ากันย่ำก้าวยาวๆ ออกไปจากจุดนั้นตรงไปทางแม่น้ำ กดถ่ายรูปเอาไว้อีกครั้ง
ตามรอยรองเท้าเข้าไปในแนวต้นไม้ พบรอยฝ่าเท้าเปล่าที่เล็กกว่ามากอยู่ระหว่างกลางรอยรองเท้าที่ก้าวยาวๆ เหล่านี้ เธอหยุดพิจารณา เป็นรอยเท้าผู้หญิงค่อนข้างแน่ รีบกดชัตเตอร์เก็บรูปไว้รัวๆ แต่รอยเท้าเหล่านี้หายไปในบริเวณที่มีต้นหญ้าและพุ่มไม้เตี้ยขึ้นปกคลุมหนาแน่น ก่อนจะมาปรากฏอีกครั้งบริเวณฝั่งแม่น้ำ ร่องรอยทั้งสองแบบ ย่ำทับกันขนานไปตามพื้นดินริมแม่น้ำ ก่อนจะตีโค้งขึ้นทางซ้ายกลับเข้าหาแนวป่าด้านทิศเหนือที่เคยมียามรักษาความปลอดภัยคอยระวังป้องกันอยู่ก่อนหน้านี้
อัญญาเริ่งฝีเท้าและจ่อไฟฉายลงใกล้พื้นตามรอยเท้าเหล่านี้มา เมื่อเริ่มเข้าเขตป่าต้นไม้กลับมีรอยรองเท้าเหยียบย่ำทับกันสับสนอีกหลายรอย ย่อตัวลงสังเกตดีๆ เธอเห็นว่าลายพื้นรองเท้าคู่อื่นๆ แตกต่างจากลายพื้นรองเท้าคู่ใหญ่ที่เธอตามมาตั้งแต่ต้น แถมยังมีขนาดเล็กกว่ามาก กดถ่ายหลายรูป เดินลึกเข้ามาไม่นานเธอก็พบเศษผ้าแพรสีขาวขาดเกี่ยวติดอยู่กับกิ่งไม้ที่มีหนาม บันทึกภาพก่อนดึงเศษผ้ามาเก็บในกระเป๋ากางเกง
แต่จากจุดนี้ต้นหญ้าสูงถูกแหวกออกเป็นช่องทางเดินไปข้างหน้าหลายช่องทั้งเล็กและใหญ่คล้ายมีหลายคนเข้ามาค้นหาอะไรบางอย่างในป่าบนเนินเขาแห่งนี้ เธอเลือกตามช่องทางที่ใหญ่ที่สุดมา ชั่วอึดใจ แสงไฟฉายก็ส่องกระทบกับเนินดินคล้ายจอมปลวกติดกับแนวกำแพงหินศิลาแลง เธอหยุดส่องไฟมองรอบข้าง เห็นเปลือกไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่งฉีกขาดออกเหมือนถูกวัตถุแหลมคมเข้าตัดเฉือน ส่องไฟดูใกล้ๆ เห็นเป็นรอยกระสุนปืน ถ่ายรูปเก็บอีกครั้ง บนพื้นดินบริเวณโคนไม้ต้นนี้มีรอยฝ่าเท้าเปล่าข้างซ้ายและขวาเล็กๆ ย่ำอยู่คู่กัน กดชัตเตอร์ แล้วสำรวจรอบบริเวณ พบรอยเหยียบบนเนินดินจอมปลวกเหมือนเจ้าของฝ่าเท้าปีนป่ายขึ้นไป ภาพถูกบันทึกอย่างต่อเนื่อง
รอยฝ่าเท้าเปล่าเล็กๆ มาสิ้นสุดเอาที่จุดนี้ รอบข้างพวกไม้พุ่มเตี้ยและกอหญ้าถูกเหยียบย่ำล้มเอียง แหวกออกเป็นช่องๆ ทุกทิศทุกทาง หลายคนเข้ามาแล้วกระจายตัวกันตามหาของบางอย่างที่หายไปจากแถวนี้...เธอคิด อัญญาเดินอ้อมเนินดินจอมปลวกมาเห็นผนังรั้วหินศิลาแลงถูกบางอย่างเจาะผิวแตกกระจายและแหว่งออกไปแถบหนึ่ง น่าจะเป็นผลงานของลูกตะกั่วเช่นกัน เธอเก็บภาพหินแตกไว้ในโทรศัพท์เช่นเคย
กำแพงนี้สูงเกินกว่าเธอจะปีนป่ายขึ้นข้างบนเพื่อมองข้ามไปด้านนอกรั้วของรีสอร์ต เดินวนส่องไฟตามพื้นดินและพุ่มไม้ ย้อนไปมาในรัศมียี่สิบเมตร สายตาเหลือบเห็นโลหะบางอย่างสะท้อนแสงกลับมา ตรงเข้ามานั่งลงใช้ปลายมีดเขี่ยเศษกิ่งและใบไม้ออกแล้วเก็บขึ้นมาส่องดู พบว่าเป็นปลอกกระสุนปืนพกบางขนาดตกอยู่ ส่องไฟดูบริเวณข้างเคียง ยังมีอีกสี่ปลอกอยู่ใต้กอหญ้า เธอถ่ายภาพก่อนจะเก็บปลอกกระสุนทั้งหมดลงกระเป๋ากางเกง เอาไปฝากพี่ชาติ อุ๊ปส์...พี่เต้งตะหาก
“ว. สี่เสร็จแล้ว ขวานหนึ่งกำลัง ว. สองหนึ่ง จากที่หมายพร้อมเบาะแส” เธอกดปุ่มพูดเบาๆ ใส่ไมโครโฟน- ปฏิบัติงานเสร็จแล้ว กำลังออกจากที่หมาย
“หกเก้า พวกนั้นกำลังจะ สองห้า ที่หมาย” เสียงกระซิบกระซาบเร็วปรื๋อ-ให้ระมัดระวังตัว พวกนั้นกำลังจะไปถึงที่หมาย
“สองแปด หกหนึ่ง” รับทราบ ขอบคุณ
หญิงสาวไม่ได้ย้อนกลับทางเดิม แต่ลัดเลาะฝ่าหมู่ต้นไม้ต้นหญ้าเป็นแนวเส้นตรงตั้งฉากกับกำแพงด้านหลังมาทางทิศใต้ เปิดไฟฉายส่องต่ำๆ ดูที่เท้า รักษาระเบียบวินัยเรื่องแสงและเสียงเวลาเคลื่อนที่ในป่าภูเขาเวลากลางคืนอย่างเคร่งครัด การออกทำงานภาคสนามหลายครั้งก่อนหน้านี้ช่วยให้เธอรู้วิธีการซ่อนพรางตัวในความมืดเพื่อให้รอดกลับออกมาอย่างปลอดภัยหลังจากเสร็จสิ้นปฏิบัติการ นั่นคือหัวใจสำคัญ ภารกิจสำเร็จลุล่วง คนทำงานกลับมาพร้อมด้วยอาการครบสามสิบสอง เธอหยุดยืนหลังต้นไม้ใหญ่เพื่อฟังเสียงเป็นระยะ มือขวากำด้ามมีดแน่น พร้อมจู่โจมทุกชีวิตที่คืบคลานเข้ามาใกล้ แต่ก็ปราศจากความเคลื่อนไหวใดตามมาข้างหลังหรือสวนทางเข้ามาข้างหน้า
ยี่สิบนาทีต่อมา เธอก็ทะลุออกด้านหลังกลุ่มบ้านพักอีกด้านหนึ่งของรีสอร์ต ใช้เงาพุ่มไม้อำพรางกาย ดึงวิทยุและสายหูฟังออกม้วนเก็บ ยัดโทรศัพท์ ไฟฉายและมีดพับลงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะถอดเสื้อแขนยาวกับกางเกงผ้าทหารออกเหลือไว้เพียงชุดนอนบางเบาสีขาว ปล่อยผมสยายเต็มแผ่นหลัง พับเสื้อผ้าที่ถอดออกแล้วใช้เป็นเครื่องห่อหุ้มปกปิดวิทยุสื่อสาร อุ้มกอดทุกอย่างรวมกันเอาไว้แนบหน้าท้อง ก้าวออกมาเดินบนทางหินกรวด ผ่านบ้านพักหลายหลังมาขึ้นถนนอิฐรูปตัวหนอน เดินใต้แสงโคมไฟสว่างตรงมาทางอาคารต้อนรับส่วนหน้า
“ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอครับ คุณผู้หญิง” เสียงแหบห้าวดังขึ้นข้างหลัง
เธอหันกลับไปมอง เห็นยามรักษาความปลอดภัยปั่นจักรยานเสือภูเขาใกล้เข้ามา
“พอดีรู้สึกหิว คิดว่าจะมาหาของกินแถวนี้สักหน่อย” เธอคิดเรื่องบังหน้าออกอย่างทันท่วงทีและก้าวเดินต่อไม่หยุด
“ห้องอาหารใกล้จะปิดแล้วนะครับ คงต้องรีบหน่อย เผื่อจะทัน”
“อ้าว..เหรอ” เธอคิดขณะมุ่งไปข้างหน้า ย่ำเท้าเร็วขึ้น “แต่เห็นมีตู้กดน้ำอัดลมกับพวกถุงมันฝรั่งอยู่ในล็อบบีด้วยนะ”
“อ้อ...ใช่ครับ” รปภ. ผงกหัวหงึกๆ “แต่เดินคนเดียวตอนกลางคืนแบบนี้ ระวังตัวด้วยนะครับ เมื่อเกือบชั่วโมงที่แล้ว มีโจรใส่หมวกไอ้โม่งแอบเข้ามาบุกเดี่ยวขึ้นชิงทรัพย์แขกบนบ้านพักสองสามหลังติดๆ กัน ชั่วจริงๆ ไอ้โจรคนนี้ แต่ดีที่มันเอาอะไรไปไม่ได้ ตอนนี้พวกเรากำลังตามล่าตัวมันอยู่”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ ขอให้จับโจรได้ไวๆ นะคะ” อัญญาบอกก่อนจะเลี้ยวเข้าอาคารต้อนรับส่วนหน้าของรีสอร์ต ทิ้ง รปภ. คนนั้นไว้ข้างหลัง
พี่ชาติ เอ่อ...พี่เต้งนี่ร้ายจริงๆ สร้างเรื่องปั่นป่วนให้คนเหล่านี้หัวหมุนวิ่งกันวุ่น จนต้องทิ้งพื้นที่เฝ้าดูแลไปชั่วคราว นั่นช่วยให้เธอสามารถทำงานสำเร็จลงได้โดยสะดวกโยธิน ขออย่างเดียว อย่าผิดพลาดเผลอเรอแบบโง่ๆ ให้พวก รปภ. จับตัวได้นะคะคุณคู่หู
******************************************************************
(กรุณาอ่านต่อในหน้าถัดไป)