[CR] [Review] The Remains of the Day (1993) ครั้งหนึ่งที่เรารำลึก


ภาพยนตร์บริติช-อเมริกันเรื่องนี้สร้างจากนวนิยายในชื่อเดียวกันที่ได้รับรางวัลมากมายของนักเขียนชาวญี่ปุ่นรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมคนล่าสุด คาซูโอะ อิชิกูโร่ ที่เขียนไว้เมื่อปี 1989 กำกับโดยผู้กำกับชาวอเมริกัน เจมส์ ไอวอรี่ นำแสดงโดย เซอร์แอนโธนี่ ฮอปกิ้นส์(The Silence of The Lambs) และ เอมม่า ทอมป์สัน(Sense and Sensibility) ร่วมด้วย เจมส์ ฟอกซ์ ,ฮิวจ์ แกรนท์(Notting Hill) และ คริสโตเฟอร์ รีฟ (Superman) ซึ่งเรื่องนี้ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วยกัน 8 สาขาด้วยกัน

The Remains of the Day บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมิสเตอร์สตีเว่นส์พ่อบ้านแห่งดาร์ลิงตันฮอลล์ ซึ่งมีโอกาสได้รับจดหมายจาก มิสเคนตั้น อดีตแม่บ้านเพื่อนร่วมงานเก่าสมัยที่ทำงานด้วยกันที่ดาร์ลิงตันฮอลล์ได้เขียนมาถึงเขาเพื่อเล่าเรื่องราวต่างๆ ซึ่งในขณะนั้นคฤหาสน์ดาร์ลิงตันฮอลล์ได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่จากลอร์ดดาร์ลิงตันมาเป็นเศรษฐีอเมริกันอดีตสส.ชื่อว่า ลูวิส และดาร์ลิงตันฮอลล์ตอนนี้กำลังขาดแม่บ้านที่จะมาช่วยงานเขา มิสเตอร์สตีเว่นส์จึงอาศัยโอกาสที่ตนได้หยุดพักผ่อนขับรถไปหามิสเคนตั้นเพื่อที่จะชวนเธอกลับมาทำงานอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เธอได้ลาออกเพื่อไปแต่งงานเป็นเวลากว่า 20 ปี ในระหว่างที่มิสเตอร์สตีเว่นส์ได้เดินทางไปหามิสเคนตั้น เขาก็ได้รำลึกถึงความหลังในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ดาร์ลิงตันฮอลล์ในสมัยนั้นคราคร่ำไปด้วยแขกเหรื่อที่มาเยี่ยมเยือนท่านลอร์ดดาร์ลิงตัน ซึ่งท่านลอร์ดตอนนั้นมีความเห็นอกเห็นใจเยอรมันนีที่ต้องพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ประเทศต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ท่านลอร์ดจึงเป็นโต้โผในการจัดประชุมสันติภาพเพื่อให้เยอรมันนีได้ฟื้นฟูกิจการภายในประเทศ และนั่นก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดพลาดของท่านลอร์ดที่ต่อมาได้ถูกสื่อมวลชนตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติ อย่างไรก็ตามมิสเตอร์สตีเว่นส์ก็ทำหน้าที่ของตนคือเป็นพ่อบ้านไม่สนใจสิ่งอื่นใดและคอยดูแลท่านลอร์ดเสมอมาจวบจนวาระสุดท้ายของท่านลอร์ด โดยเขาได้ยึดหลักว่างานต้องมาก่อนเสมอ เรื่องส่วนตัวต้องมาทีหลังและอย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปนกับงาน ซึ่งมิสเตอร์สตีเว่นส์ได้ทำเช่นนี้มาโดยตลอดจนกลายเป็นการที่ทำให้ตนได้เสียโอกาสหลายๆอย่างโดยไม่รู้ตัว เขาจึงถือโอกาสครั้งนี้ในการไปหามิสเคนตั้นเพื่อแก้ไขความผิดพลาดในอดีตที่เคยทำมา

การดำเนินเรื่องของเรื่องนี้ผมว่าทำออกมาได้อย่างดีและชาญฉลาด ซึ่งจะเป็นการตัดไปตัดมาระหว่างอดีต(ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ) และปัจจุบัน (ยุค 1950s ) ผ่านเนื้อความในจดหมาย เมื่อจดหมายพูดถึงเรื่องอะไรในขณะนั้นหนังก็จะพาไปแสดงภาพในฉากนั้นให้เราได้เห็นตามไปด้วย อีกทั้งการลำดับในการเล่าเรื่องในส่วนของอดีตก็เป็นการเล่าที่เป็นไปตามลำดับที่ทำให้เห็นถึงพัฒนาการในเรื่องความสัมพันธ์ของมิสเตอร์สตีเว่นส์กับมิสเคนตั้น ถือได้ว่าผู้กำกับได้มีความพิถีพิถันในการเล่าเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม สำหรับการถ่ายทำของเรื่องนี้ผมว่าเค้าเลือกสถานที่ถ่ายทำได้อย่างเหมาะสมไม่ว่าจะเป็นในส่วนของคฤหาสน์ดาร์ลิงตันฮอลล์ที่สามารถถ่ายทอดให้เราได้เห็นถึงความอลังการ หนังจะพาเราไปดูตามห้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหาร ห้องรับแขก ห้องประชุม ที่ดูหรูหราและไฮโซเอามากๆ หรือเส้นทางวิวทิวทัศน์ในเมืองชนบทที่มิสเตอร์สตีเว่นส์กำลังขับรถไปหามิสเคนตั้นก็ตามมันช่างดูงดงามเพลินตาจริงๆ ในส่วนของเครื่องแต่งกายหนังได้แสดงให้เห็นถึงความเนี้ยบและความใส่ใจในการแต่งกายให้กับนักแสดง ทำให้เราเชื่อว่านี่คือพ่อบ้านและคนรับใช้ของผู้ดีอังกฤษขนานแท้ ใครนึกภาพไม่ออกก็จะเป็นลักษณะเหมือนกับซีรี่ย์อังกฤษเรื่อง Downton Abbey นั่นแหละครับ ในส่วนเพลงประกอบของเรื่องนั้นจะเป็นฝีมือของ ริชาร์ด รอบบิ้นส์ ที่ถือว่าเขาทำเพลงประกอบได้ยอดเยี่ยม พูดตรงๆ ว่าเหมาะสมกับทุกฉากทุกตอนเลยก็ว่าได้ ฟังได้เพลินดีและทำให้เราเกิดอารมณ์ร่วมไปด้วย

ทีนี้เรามาพูดถึงตัวละครกันครับ เริ่มที่มิสเตอร์สตีเว่นส์ ที่รับบทโดย เซอร์แอนโธนี่ ฮอปกิ้นส์ ท่านเซอร์แสดงบทบาทนี้ได้อย่างไม่มีที่ติ สามารถทำให้เราเชื่อได้ว่าพ่อบ้านสตีเว่นส์คนนี้ทุ่มเทให้กับงานและเต็มที่เกินร้อยจนทำให้คนอื่นคิดว่าเขาไม่มีความรู้สึก ทั้งๆที่เขาเก็บความเจ็บปวดไว้ในจิตใจอย่างแสนสาหัสแต่ก็ต้องทนเอาไว้ สำหรับเขางานต้องมาก่อนเสมอ ความอ่อนแอของเขาจะต้องไม่มีใครได้เห็นจนคนดูเองต้องมีความรู้สึกว่าพี่จะเก็บความรู้สึกไปอีกนานแค่ไหนแสดงออกซะบ้างได้โปรดเถอะ อีกทั้งแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนซื่อสัตย์และซื่อตรงต่อหน้าที่โดยมิสเตอร์สตีเว่นส์จะไม่กล่าวว่าร้ายใดๆ ต่อนายของเขาเป็นอันขาด ในส่วนของมิสเคนตั้นนั้น เอมม่า ทอมป์สันได้ถ่ายทอดออกมาให้เราเห็นถึงความเป็นผู้หญิงที่เก่ง คล่อง มีเสน่ห์ และมีความอ่อนโยน เรียกได้ว่าแทบจะตรงกันข้ามกับมิสเตอร์สตีเว่นส์ ในบทการแสดงของความเศร้าโศกเสียใจของเธอ เอมม่าได้ทำให้คนดูรู้สึกได้ถึงเจ็บปวดและใจสลายที่แหลกเป็นผุยผงของผู้หญิงคนนึงที่จะสามารถแสดงออกให้เราเห็นได้ เรียกได้ว่าคู่นักแสดงนำชายหญิงของเรื่องนี้สมน้ำสมเนื้อกัน ในส่วนบทลอร์ดดาร์ลิงตัน ที่แสดงโดยฟอกซ์ แม้แรกๆ ตอนออกมาให้เห็น อาจจะดูไม่มีมาดของขุนนางชั้นสูงสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหนังจะผลักดันให้ท่านลอร์ดดูเป็นผู้ดีขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้ฟอกซ์สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดี โดยเฉพาะการใช้บทสนทนาตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามอย่างผู้ดีอังกฤษ รวมไปถึงการแสดงออกให้เห็นถึงความซึมเศร้าเสียใจ ฟอกซ์ก็แสดงออกมาให้เราเชื่อว่าท่านลอร์ดมีความเจ็บปวดอยู่ข้างในมากน้อยขนาดไหน และเขาอาจจะตายไปเพราะการตรอมใจที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติก็เป็นไปได้ นอกจากนี้เราจะได้เห็นการแสดงของฮิวจ์ แกรนท์ในช่วงหนุ่มๆในบทของเรจินาลด์ลูกอุปถัมภ์ของท่านลอร์ด และคริสโตเฟอร์ รีฟในบท สส.ลูวิสที่แสดงได้อย่างมีชีวิตชีวาอีกด้วย

เรื่องนี้ผมให้ไปเลย 8.5 เต็ม 10 โดยเฉพาะผลงานการแสดงอันเอกอุของท่านเซอร์แอนโธนี่เป็นอะไรที่ดีงามเอามากๆ อีกทั้งความละเมียดละไมของหนังมันค่อยๆ เปล่งพลังออกมาให้เราเห็นอย่างช้าๆ สมแล้วที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ตั้ง 8 รางวัล พูดตรงๆ ว่าเสียดายที่ไม่ได้สักรางวัลทั้งๆ ที่หนังดีมากๆๆๆๆๆ เพราะโชคร้ายที่ปีนั้นมีคู่ต่อสู้อย่าง Schindler’s List ของป๋าสปีลเบิร์ก แต่ก็ถือว่าสูสีเอามากๆ เรียกได้ว่าเฉือนกันแค่ปลายจมูก หรือเป็นมวยก็ชนะคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ แถมในส่วนของรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม ท่านเซอร์ก็ต้องมาประมือกับ ทอม แฮงค์ในบทของชายรักชายที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของตนในหนังเรื่อง Philadelphia ที่เล่นได้อย่างดีงามจนต้องให้เขาไป เรื่องนี้ถ้าจะหักคะแนนคงเป็นตอนจบที่ทำให้เรารู้สึกว่า อ้าว....จบแล้ว โถ่ เอาอีกหน่อยสิ อารมณ์ประมาณแอบเซ็งนิดๆ น่ะครับ อย่างไรก็ตามแนะนำคอหนังดราม่าครับว่าพลาดไม่ได้เป็นอันขาดมีโอกาสต้องดูครับ แค่ดูท่านเซอร์ก็คุ้มแล้วกับเวลาสองชั่วโมงที่ได้ดู

ถ้าสนใจดูรีวิวหนังเรื่องอื่นเพิ่มเติมหรือให้คำติชมแนะนำได้ที่เพจผมครับ https://www.facebook.com/cineman95/
ชื่อสินค้า:   The Remains of the day
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่