คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
มีเงินแสนก็จริง แต่บางคนเค้าจนจริงๆนะ
น่าจะมีระบุอายุด้วย ถ้าอายุ30-55ก็ว่าไปอย่าง
ป้าที่ผมรู้จักคนนึงไม่ได้ทำงานแล้ว
อายุ78 ทั้งตัวมีเงินเก็บทั้งชีวิตแค่1แสน สมัยก่อนทำงานเป็นคนใช้ตั้งแต่สาวยันแก่
ที่ซุกหัวนอนไม่มี ลูกผัวไม่มี เค้าบอกไม่จนแล้ว
แต่ถามน่อยเถอะ เดี๋ยวนี้เงินเก็บ1แสน แค่ถ้าหกล้มข้อมือหัก โดนค่ารักษาหมื่นกว่าบาทแล้วนะ
แล้วเงินแสนมันจะพอสำหรับชีวิตที่เหลือไหม ญาติๆเลยต้องช่วยเหลือพากลับบ้านนอก
หาบ้านเพิงไม้อยู่ น้ำไฟไม่มี อาศัยน้ำบ้านข้างๆเอา ญาติต้องเอาอาหารมาให้บ้างไม่ให้ลำบากมากเกินไป
น่าจะมีระบุอายุด้วย ถ้าอายุ30-55ก็ว่าไปอย่าง
ป้าที่ผมรู้จักคนนึงไม่ได้ทำงานแล้ว
อายุ78 ทั้งตัวมีเงินเก็บทั้งชีวิตแค่1แสน สมัยก่อนทำงานเป็นคนใช้ตั้งแต่สาวยันแก่
ที่ซุกหัวนอนไม่มี ลูกผัวไม่มี เค้าบอกไม่จนแล้ว
แต่ถามน่อยเถอะ เดี๋ยวนี้เงินเก็บ1แสน แค่ถ้าหกล้มข้อมือหัก โดนค่ารักษาหมื่นกว่าบาทแล้วนะ
แล้วเงินแสนมันจะพอสำหรับชีวิตที่เหลือไหม ญาติๆเลยต้องช่วยเหลือพากลับบ้านนอก
หาบ้านเพิงไม้อยู่ น้ำไฟไม่มี อาศัยน้ำบ้านข้างๆเอา ญาติต้องเอาอาหารมาให้บ้างไม่ให้ลำบากมากเกินไป
แสดงความคิดเห็น
เสียใจที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ แล้วไม่ผ่าน ขออุทธรณ์แล้วก็ไม่ผ่าน เครียด
แต่ที่ไม่ผ่านคือ ไปเปิด เปิดบัญชีเงินฝากเป็นชื่อร่วม 2 คน สามีและภรรยา ทำให้ มูลค่าเงินมันเกิน 1 แสนบาท เพราะเงินในบัญชีมี 120000 กว่าบาท
ทางฝ่ายรัฐ เค้าไม่เอา บัญชีร่วมมาหารออกด้วยจำนวนคนหรือหาร 2 เพราะถ้าหาร 2 แบ่งกันก็ไม่มีทางเกิน 1 แสนบาท
แต่เค้าถือมูลค่าเงินในบัญชีร่วมที่ เปิดบัญชีเงินฝากเป็นชื่อร่วม 2 คน นั้นเลยว่ามีเงินอยู่เท่าไร ถ้าเกิน 1 แสนบาทก็ไม่ผ่าน เศร้าใจเลยอ่ะ
เค้าบอกว่า ถ้าอยากให้ผ่านเงินในบัญชีต้องห้ามเกิน 1 แสน เค้าแนะนำว่าห้ามใช้บัญชีร่วมเพราะจะทำให้เงินสูงเงินกำหนด
แนะนำให้ สามี และภรรยา แบ่งเงินกัน แล้วฝากคนละบัญชีของใครของมันไปเลย แล้วค่อยไปขอลงทะเบียนปีหน้า ปีนี้หมดสิทธิ์เพราะดันไปใช้บัญชีร่วมกัน