…เมื่อคนหนึ่งไม่ชอบกินผัก และอีกคนเป็นมังสวิรัติ ทริปนี้จะลงเอยอย่างไร ทั้งสองจะอยู่ร่วมกันได้หรือไม่ มาช่วยลุ้น และชมอาหารตาจากภาพอาหารจริงที่ดั้นด้นไปกินตลอดทริป 2 ปีดี 2 หน บางที่ก็หายากยิ่ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถของสมาชิกกระเพราะเหล็กคลับไปได้ ว่าแล้วก็…ขอเชิญมาร่วมหิวไปพร้อมๆกันได้เลยจ้า
อันดับแรกขอแจ้งให้ท่านผู้อ่านได้ทราบก่อนว่าผู้ร่วมเดินทางที่เป็นมังสวิรัตินี้ เป็นเพียงนักกินมังในขั้นประถมเท่านั้น เพราะนางกินได้เกือบทุกอย่าง ยกเว้นเนื้อสัตว์(บก) อย่างเดียว ไข่ นม ปลา(หมึก) ถั่ว กินได้หมด เพื่อนบางคนเรียกนางว่า Fake Vegeterian นางเพียงแต่พยายามเบียดเบียนสัตว์ให้น้อยลงเท่าที่ทำได้ ในขณะที่ร่างกายก็ยังต้องการสารอาหาร การกินมังสวิรัติก็มีหลายระดับ จุดมุ่งหมายของการกินมังฯของแต่ละคนก็ต่างกันไป ได้โปรดเข้าใจ 🙂
เรามาเริ่มที่โซลกันเลยค่ะ จริงๆอาหารที่ทานมีเยอะกว่านี้มากนัก แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะนำมาเขียนบล็อคในวันนี้ เลยอาจจะดูน้อยไป ต้องบอกไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์สมาชิกกระเพาะเหล็กคลับ เอาละ มาเริ่มกันที่เบาะๆ มื้อเบาๆ รองท้องกันก่อน
ขนมปังจากร้านดัง มีสาขามากมายและพบได้ทั่วไปในโซล คือ ร้านทุกๆวัน หรือ Tous les Jours นี่เอง ครัวซองสอดไส้วิปครีมและสตรอว์เบอร์รีเกาหลีสดๆ กินคู่กับชาร้อน ขณะที่อากาศข้างนอกเย็นหน่อยๆ ขอบอกได้คำเดียวว่า ฟินนนนนสุดๆ

ร้านนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ เอาไปเลยครีมสดหอมหวานแสนอร่อยกับสตรอว์เบอร์รีเกาหลีสดๆ
ถัดมามีความอร่อยไม่แพ้กัน The Barn Cafe and Home Bakery ร้านอาหารเช้ากับขนมปังคุณภาพดี อบจากเตาร้อนๆ บรรยากาศภายในร้านเป็นแนว โฮมมี่ๆ ไม้ๆ ไฟสลัวๆ เลยต้อนให้เราเข้าไปได้อย่างไม่ต้องคิดมาก และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ชีสและเบคอนคุณภาพดี กินคู่กับชาร้อนๆ ก็ฟินอีกแล้วค่า ใครจะไปบุคชอน ก็ลองแวะทานได้นะคะ ร้านนี้อยู่ระหว่างทางก่อนจะขึ้นไปทางหมู่บ้านบุกชอน (Bukchon Hanok Village) ถ้าเดินมาจากสถานีรถไฟคิดว่าต้องผ่านแน่นอน

ร้านนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (คุณภาพอาหารดี อร่อย บรรยากาศน่านอน)
ของว่างถัดไป เครันปัง ขนมไข่สไตล์เกาหลี อันนี้หาได้ทั่วไป ตามท้องถนน และบริเวณแหล่งคนเดิน ถ้าเปรียบกับของไทยก็คงเหมือนโรตี ที่หากินได้ตามข้างทางหรือตลาดที่คนเยอะๆนั่นเอง รสชาติก็โอเคนะ สำหรับเรา กินรองท้องเวลาหิว หรือจะกินเป็นกิมมิคสวยๆ เดินกินไป ถ่ายรูปแบบอาร์ตๆไป ก็ดีเหมือนกันเนอะ

ให้คะแนน ♥♥♥ ไม่แนวสักเท่าไหร่ แต่กินได้รองท้องได้
ขนมรองท้องอีกอย่าง ที่พบเห็นได้ทั่วไปเช่นกัน ถ้าเปรียบเป็นตัวโปเกม่อน คงประมาณที่เจอบ่อยๆ คือ นก หนู นก หนู เจอแต่พวกนี้ ลำใยมากๆ 555 อันนี้เป็น ขนมไส้ถั่วแดง ที่เพื่อนๆคงเคยกินมาบ้าง เคยเจอแบบนี้เหมือนกันที่ไต้หวัน คงมีทั่วไปมากๆ บอกแล้วว่า นก หนู นก หนู

ร้านนี้ให้คะแนน ♥♥ (ขนมปังแห้งไปนิด ติดคอเลยหักคะแนนเยอะหน่อย)
มากันที่มื้อเช้าแบบเกาหลีแท้ๆ ชุดนี้เป็นมื้ออาหารเช้าจากที่พักที่เราไปพักมา คือ ที่ Rakkojae Seoul เป็นมื้อเช้าเกาหลีที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา โดยฉพาะโจ๊กหอยเป๋าฮื้อ สีเขียวๆในภาพแหละค่ะ ตอนแรกก็ไม่กล้ากิน สีแปลกๆ อย่างที่บอกว่าเป็นพวกไม่ชอบกินผักอยู่แล้ว เจอข้าวต้มสีนี้ไปแย่เลย แต่พอกินปุ๊ปหยุดไม่ได้เลย อร่อยสุดๆ รสชาติกลมกล่อมมาก ได้กลิ่นเหมือนอยู่ทะเล ไม่เลี่ยนเลย ทานคู่กับปลาและเครื่องเคียงที่จัดมาเป็นอย่างดี นั่งทานไป มองนอกหน้าต่างไปในสไตล์แบบบ้านฮันอกหรือบ้านเกาหลีแบบดั้งเดิม เพลินจนหมดถ้วย เป็นรสชาติที่ลืมไม่ลงจริงๆค่ะ พยายามหาร้านที่เป็นโจ๊กหอยเป๋าฮื้อแบบนี้ทานในเกาหลีอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีที่ไหน อร่อยได้เท่าที่นี่เลยค่ะ สุดยอดจริงๆ ให้ไปเลย 3 ดาวเทียบเท่า Michelin Stars ประทับใจขนาดนั้นเลยทีเดียวเชียว ส่วนเพื่อนร่วมทางที่เป็นมังสวิรัติก็ไม่ต้องพูดถึง ฟินไปตั้งแต่คำแรกแล้วค่ะ อาหารได้ บรรยากาศได้ มันเป็นอย่างนี้นี่เองงงง

มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥♥ เอาใจไปเต็มๆเลยจ้า ไม่มีคำบรรยายใดๆทั้งนั้น
มื้อถัดมา ถือว่าเป็นมื้อเบาๆ ไลท์ๆ เรียกว่า แนงมยอน (Naengmyeon) เป็น บะหมี่เย็นสไตล์เกาหลี เคยเห็นในซีรีย์เกาหลีทานกันบ่อยๆ แต่ไม่เคยรู้สึกอยากทานเลย เพราะคิดว่าบะหมี่อะไรก็ไม่รู้ใส่น้ำแข็งเนี่ยะนะ ไหวไหม เราคนไทยกินแต่ของร้อนๆมาตลอด ของคาวที่ใส่น้ำแข็งเกิดมายังไม่เคยกิน ข้าวแช่แบบไทยเราๆก็ไม่ค่อยแนวสักเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นของคาว แต่ไหนๆก็มาถึงเกาหลีละ ต้องลองกินให้ได้มากที่สุด เลยไปสั่งมาสักชาม เป็นร้านย่านอีแด จำชื่อร้านไม่ได้จริงๆ แต่คนเสริฟเป็นโอปป้ามาก อันนี้จำได้555 พอกินเข้าไปปุ๊ป เส้น น้ำซุปและน้ำแข็ง มันเป็นส่วนผสมที่เข้ากันได้จริงๆแฮะ ที่ทำให้อร่อย คือ น้ำซุปเย็นนี่แหละค่ะ มีความเปรี้ยวเล็กๆ แต่กลมกล่อม ทานคู่กับไข่ก็เข้ากันมากๆ ให้ 3 ผ่านเลย +++ เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ใครมาต้องลองทานดูนะคะ ชอบไม่ชอบไม่เสียหลาย แต่คือประสบการณ์ค่ะ เราจะได้ไปคุยกับเพื่อนเวลาดูในซีรีย์แล้วเจอบะหมี่เย็นชามนี้ แล้วบอกเพื่อนว่า ฉันไปกินมาแล้ว อร่อยมาก (ยักคิ้วให้เพื่อนทีนึงด้วยนะ)

มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (รสชาติแปลกใหม่ อร่อยเกินคาด)
จานถัดมาเป็นอาหารเซตที่ไปกินที่ Food Court ของห้าง Hyundai กว่าจะได้สั่งด้วยความลำบาก ที่นี่จะต้องไปสั่งและจ่ายตังที่ cashier ตรงทางเข้าก่อน เสร็จแล้วจึงได้อุปกรณ์สีดำที่มีไฟออกมาเหมือนในรูป รอให้ถึงคิวรอเครื่องสั่น ดูคิวจากจอภายใน Food Court ค่อยไปรับตามแต่ละร้านที่เราสั่งไว้ ตอนสั่งก็ทุลักทุเลน่าดู เพราะมีแต่รูปกับภาษาเกาหลี แต่พนักงานออกจะอาจุมม่าเล็กๆ ใจดีมาก พยายามอธิบายให้เกือบทุกเมนู สั่งไปสั่งมาแบบงงๆ ก็ได้ตามนี้ค่ะ ข้าวผัดกิมจิใส่ถั่วงอก สำหรับคนไม่กินผัก งานใหญ่เลยเรา555 แต่รสชาติก็โอเคค่ะ ทานได้ แค่เสียเวลากับถั่วงอกไปนิด แต่ประทับใจกับอาจุมม่า ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีๆเรื่องนึงค่ะ 🙂

มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥ (หักคะแนนเหนื่อยเขี่ยถั่วงอก แต่ข้าวผัดกิมจิโอเคอยู่)
เมนูถัดไปที่จะว่าเป็นของกินเล่นก็ดี หรือของหนักเลยก็ได้ ข้าวห่อสาหร่ายเกาหลี หรือที่เรียกกันว่า คิมบับ ค่ะ ร้านนี้เราทานในตลาดกวางจัง Gwangjang Market (광장시장) ตลาดยอดฮิตสำหรับนักกินกระเพาะเหล็กอย่างเรา เพราะมีของกินเกาหลีแท้ๆให้เลือกกินมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พาจอน (แพนเค้กเกาหลี) ซุนแด (ไส้กรอกเลือด) จับเช (คล้ายๆผัดวุ้นเส้นบ้านเรา แต่วุ้นเส้นจะหนาๆหน่อย) กิมจิ คิมบับ ปลาหมึกกินสดๆที่ยังดิ้นไปดิ้นมา เหมือนที่เคยเห็นในทีวีบ่อยๆ ก็มีให้ทานที่นี่ค่ะ รอบนี้เราไปกินคิมบับกับพาจอน แต่ไม่ได้ถ่ายรูปพาจอนมา ขอโทษทีค่ะ ร้านนี้ใจดีมาก มีที่นั่งเล็กๆไม่กี่ที่ แล้วเราก็เพิ่งซื้อพาจอนมาด้วย เพราะหาที่นั่งกินไม่ได้ เลยมานั่งที่ร้านคิมบับร้านนี้ และสั่งคิมบับมาด้วย อาจุมม่าคนที่ไม่ได้ใส่แว่นก็เห็นเราหิ้วพาจอนมา ก็บอกประมาณว่าเอามากินด้วยได้นะ ใจดีมากค่ะ คิมบับร้านนี้ก็อร่อย ยังไงใครไป อย่าลืมแวะไปอุดหนุน อนนี่และอาจจุมม่า ร้านนี้นะคะ สาหร่าย สด ใหม่ กรอบ รสชาติดี คอนเฟิร์ม!

มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (คิมบับห่อใหม่ๆ ข้าวรสชาติดี แม่ค้าน่ารัก)
เมนูนี้เป็นอีกมื้อง่ายๆค่ะ ไม่รู้เรียกเป็นภาษาเกาหลียังไง แต่เรียกบ้านๆแบบเราก็ ข้าวหน้าหมูทอด ละกันค่ะ มื้อนี้เดินไปเดินมาในตลาดที่เมืองคยองจูซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาหลี เดินหาของกินอยู่นานไม่กล้าเข้าสักร้าน พอดีเห็นร้านนี้คนโล่งๆ มีที่นั่งก็เลยลองเข้าไปดูค่ะ ราคาก็ไม่แพงมาก รสชาติก็โอเคค่ะ แต่หมูจะบางไปหน่อยเมื่อเทียบกับทงคัตซึแบบญี่ปุ่นค่ะ ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูของชาวเกาหลีแบบบ้านๆค่ะ

มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥ (หมูบางไปหน่อย กัดไม่ค่อยรู้สึกถึงเนื้อเท่าไหร่ น้ำซอสหวานไปนิด)
อลังการดีงามตามท้องเรื่อง อาหารกลางวันแบบ Full Course ที่ร้าน Yeon-bat (연밭) พิกัด เป็นร้านที่อยู่นอกกรุงโซล อยู่ในเมืองที่เราจะเที่ยวกันที่ Dumulmeori พอดี ที่นี่ข้าวห่อใบบัวและปลาพอลล็อค (Pollock) นึ่ง เป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ อร่อยทุกอย่างเลย รวมไปถึงไข่ตุ๋น และซุปกิมจิ เครื่องเคียงก็มาเต็มมาก กินกันไม่เคยหมดเลยจริงๆกับเครื่องเคียงของชาวเกาหลี ให้มาไม่เคยเสียดาย สงสัยมาตั้งนานละ ว่าเหลือนี่เขาทิ้งกันเลยเหรอ บางถ้วยไม่ได้แตะเลยด้วยซ้ำ แต่ก็รู้สึกว่าเป็นวัฒนธรรมการกินที่น่าทึ่งจริงๆค่ะ

มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (อร่อยแบบ Full course หักหัวใจหนึ่งดวง เพราะไปยากไปกินอีกคงไม่ไปละคะ 555)
ถัดมาเป็นเมนูไฮไลท์ที่คนมาที่เกาะเจจูทุกคนต้องมาโดนค่ะ นั่นคือ หมูดำเจจู นี่เอง เกาะเจจูขึ้นชื่อเรื่องหมูดำมากค่ะ เพราะเป็นหมูดำที่มีคุณภาพและนุ่มมาก สงสัยว่าหมูคงอารมณ์ดี อยู่บนเกาะใช้ชีวิตชิลๆนะสินะ ร้านที่มามีชื่อว่า Childonga หามาแบบมึนๆอีกเช่นกันจาก TripAdvisor พิกัด มื้อนี้เป็นมื้อที่ค่อนข้างลำบากสำหรับเพื่อนร่วมทางที่เป็นมังฯ ของเรา มื้อนี้ก็จะได้กินผักเยอะหน่อย แต่นางก็ได้ลองไปบ้าง ยังบอกเลยว่าไม่ค่อยมีกลิ่นสาบเนื้อสัตว์สักเท่าไหร่ โชคดีที่เป็นมังฯขั้นต้นเลยไม่ค่อยซีเรียสมากนัก เทียบกับเราที่เป็นคนไม่กินผัก แต่ก็ไม่กินเนื้อวัว ก็อาจจะอารมณ์เดียวกัน ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง แต่ถ้าไม่ได้ ก็กินได้ตามนั้นแหละค่ะ เคยครั้งหนึ่ง ตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น ดันเข้าร้านที่มีแต่เนื้อวัว เพราะอ่านไม่ออก ก็เลยจำเป็นต้องสั่งและกินไป ก็คงจะอารมณ์เดียวกัน ก็มื้อนี้มันพลาดไม่ได้จริงๆนี่นา หมูดำเจจูย่างบาบีคิว มาแล้วไม่ได้กินเหมือนมาไม่ถึงเกาะเจจู เนื้ออร่อย ชุ่มฉ่ำและนุ่มกว่าหมูทั่วไปจริงๆ หนังอาจจะเหนียวนิดๆ แต่ที่ชอบคือมีให้จิ้มกับเกลือเฉพาะของทางร้าน อร่อยล้ำ แต่ราคาแอบแรงไปนิด ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ 54,000 วอนต่อสองคนค่ะ อันนี้ทางร้านเขากำหนดมาเลย แต่พวกผัก เครื่องเคียง เติมได้ไม่อั้น เป็นแบบบริการตัวเองค่ะ

มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (หมูนุ่ม เต็มคำ เกือบจะละลายในปาก หักหนึ่งหัวใจเพราะราคาค่ะ 555 งอลๆ)
จากเกาะเจจู ข้ามมาที่ปูซาน เดินหาร้านนี้อยู่สักพักบนถนนสายหลักที่มุ่งสู่หาดแฮอึนแด (Haeundae Beach – 해운대해수욕장) เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เพื่อนบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอร่อยที่มาแล้วต้องกินให้ได้ นั่นก็คือ คัมจาทัง Gamjatang (감자탕) เราขอเรียกตามศัพท์ตัวเองว่า ซุปต้มเล้ง(ซี่โครงหมู)กับมันฝรั่งสไตล์เกาหลี แล้วกันนะคะ ในรูปดูผักเหมือนจะน้อย แต่จริงๆ ผักนี่สุมมาเป็นภูเขาเลากาเลยทีเดียว ไม่รู้จักชื่อร้าน แต่พิกัด คือที่นี่ค่ะ หมูเล้งต้มในซุปกิมจิและมันฝรั่ง ต้มร้อนๆบนเตา กินไปอุ่นไป เพราะอากาศข้างนอกมันหนาววว เนื้อหมูละลายในปาก ซุปกิมจิรสชาติเข้ากันกับมันฝรั่งได้ดีทีเดียว ซดน้ำได้เรื่อยๆ อร่อยอีกแล้วค่ะ

มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (หมูเปื่อย ซุปกลมกล่อม กินได้ไม่เลี่ยนเลย แต่จุกค่ะ)
มีต่อค่ะ>>>
[CR] เกาหลีใต้ 2 ปี ดี 2 หน: มหากาพย์กินสายแข็งจากเหนือจรดใต้ โซล-เจจู-ปูซาน
อันดับแรกขอแจ้งให้ท่านผู้อ่านได้ทราบก่อนว่าผู้ร่วมเดินทางที่เป็นมังสวิรัตินี้ เป็นเพียงนักกินมังในขั้นประถมเท่านั้น เพราะนางกินได้เกือบทุกอย่าง ยกเว้นเนื้อสัตว์(บก) อย่างเดียว ไข่ นม ปลา(หมึก) ถั่ว กินได้หมด เพื่อนบางคนเรียกนางว่า Fake Vegeterian นางเพียงแต่พยายามเบียดเบียนสัตว์ให้น้อยลงเท่าที่ทำได้ ในขณะที่ร่างกายก็ยังต้องการสารอาหาร การกินมังสวิรัติก็มีหลายระดับ จุดมุ่งหมายของการกินมังฯของแต่ละคนก็ต่างกันไป ได้โปรดเข้าใจ 🙂
เรามาเริ่มที่โซลกันเลยค่ะ จริงๆอาหารที่ทานมีเยอะกว่านี้มากนัก แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะนำมาเขียนบล็อคในวันนี้ เลยอาจจะดูน้อยไป ต้องบอกไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์สมาชิกกระเพาะเหล็กคลับ เอาละ มาเริ่มกันที่เบาะๆ มื้อเบาๆ รองท้องกันก่อน
ขนมปังจากร้านดัง มีสาขามากมายและพบได้ทั่วไปในโซล คือ ร้านทุกๆวัน หรือ Tous les Jours นี่เอง ครัวซองสอดไส้วิปครีมและสตรอว์เบอร์รีเกาหลีสดๆ กินคู่กับชาร้อน ขณะที่อากาศข้างนอกเย็นหน่อยๆ ขอบอกได้คำเดียวว่า ฟินนนนนสุดๆ
ร้านนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ เอาไปเลยครีมสดหอมหวานแสนอร่อยกับสตรอว์เบอร์รีเกาหลีสดๆ
ถัดมามีความอร่อยไม่แพ้กัน The Barn Cafe and Home Bakery ร้านอาหารเช้ากับขนมปังคุณภาพดี อบจากเตาร้อนๆ บรรยากาศภายในร้านเป็นแนว โฮมมี่ๆ ไม้ๆ ไฟสลัวๆ เลยต้อนให้เราเข้าไปได้อย่างไม่ต้องคิดมาก และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ชีสและเบคอนคุณภาพดี กินคู่กับชาร้อนๆ ก็ฟินอีกแล้วค่า ใครจะไปบุคชอน ก็ลองแวะทานได้นะคะ ร้านนี้อยู่ระหว่างทางก่อนจะขึ้นไปทางหมู่บ้านบุกชอน (Bukchon Hanok Village) ถ้าเดินมาจากสถานีรถไฟคิดว่าต้องผ่านแน่นอน
ร้านนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (คุณภาพอาหารดี อร่อย บรรยากาศน่านอน)
ของว่างถัดไป เครันปัง ขนมไข่สไตล์เกาหลี อันนี้หาได้ทั่วไป ตามท้องถนน และบริเวณแหล่งคนเดิน ถ้าเปรียบกับของไทยก็คงเหมือนโรตี ที่หากินได้ตามข้างทางหรือตลาดที่คนเยอะๆนั่นเอง รสชาติก็โอเคนะ สำหรับเรา กินรองท้องเวลาหิว หรือจะกินเป็นกิมมิคสวยๆ เดินกินไป ถ่ายรูปแบบอาร์ตๆไป ก็ดีเหมือนกันเนอะ
ให้คะแนน ♥♥♥ ไม่แนวสักเท่าไหร่ แต่กินได้รองท้องได้
ขนมรองท้องอีกอย่าง ที่พบเห็นได้ทั่วไปเช่นกัน ถ้าเปรียบเป็นตัวโปเกม่อน คงประมาณที่เจอบ่อยๆ คือ นก หนู นก หนู เจอแต่พวกนี้ ลำใยมากๆ 555 อันนี้เป็น ขนมไส้ถั่วแดง ที่เพื่อนๆคงเคยกินมาบ้าง เคยเจอแบบนี้เหมือนกันที่ไต้หวัน คงมีทั่วไปมากๆ บอกแล้วว่า นก หนู นก หนู
ร้านนี้ให้คะแนน ♥♥ (ขนมปังแห้งไปนิด ติดคอเลยหักคะแนนเยอะหน่อย)
มากันที่มื้อเช้าแบบเกาหลีแท้ๆ ชุดนี้เป็นมื้ออาหารเช้าจากที่พักที่เราไปพักมา คือ ที่ Rakkojae Seoul เป็นมื้อเช้าเกาหลีที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา โดยฉพาะโจ๊กหอยเป๋าฮื้อ สีเขียวๆในภาพแหละค่ะ ตอนแรกก็ไม่กล้ากิน สีแปลกๆ อย่างที่บอกว่าเป็นพวกไม่ชอบกินผักอยู่แล้ว เจอข้าวต้มสีนี้ไปแย่เลย แต่พอกินปุ๊ปหยุดไม่ได้เลย อร่อยสุดๆ รสชาติกลมกล่อมมาก ได้กลิ่นเหมือนอยู่ทะเล ไม่เลี่ยนเลย ทานคู่กับปลาและเครื่องเคียงที่จัดมาเป็นอย่างดี นั่งทานไป มองนอกหน้าต่างไปในสไตล์แบบบ้านฮันอกหรือบ้านเกาหลีแบบดั้งเดิม เพลินจนหมดถ้วย เป็นรสชาติที่ลืมไม่ลงจริงๆค่ะ พยายามหาร้านที่เป็นโจ๊กหอยเป๋าฮื้อแบบนี้ทานในเกาหลีอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีที่ไหน อร่อยได้เท่าที่นี่เลยค่ะ สุดยอดจริงๆ ให้ไปเลย 3 ดาวเทียบเท่า Michelin Stars ประทับใจขนาดนั้นเลยทีเดียวเชียว ส่วนเพื่อนร่วมทางที่เป็นมังสวิรัติก็ไม่ต้องพูดถึง ฟินไปตั้งแต่คำแรกแล้วค่ะ อาหารได้ บรรยากาศได้ มันเป็นอย่างนี้นี่เองงงง
มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥♥ เอาใจไปเต็มๆเลยจ้า ไม่มีคำบรรยายใดๆทั้งนั้น
มื้อถัดมา ถือว่าเป็นมื้อเบาๆ ไลท์ๆ เรียกว่า แนงมยอน (Naengmyeon) เป็น บะหมี่เย็นสไตล์เกาหลี เคยเห็นในซีรีย์เกาหลีทานกันบ่อยๆ แต่ไม่เคยรู้สึกอยากทานเลย เพราะคิดว่าบะหมี่อะไรก็ไม่รู้ใส่น้ำแข็งเนี่ยะนะ ไหวไหม เราคนไทยกินแต่ของร้อนๆมาตลอด ของคาวที่ใส่น้ำแข็งเกิดมายังไม่เคยกิน ข้าวแช่แบบไทยเราๆก็ไม่ค่อยแนวสักเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นของคาว แต่ไหนๆก็มาถึงเกาหลีละ ต้องลองกินให้ได้มากที่สุด เลยไปสั่งมาสักชาม เป็นร้านย่านอีแด จำชื่อร้านไม่ได้จริงๆ แต่คนเสริฟเป็นโอปป้ามาก อันนี้จำได้555 พอกินเข้าไปปุ๊ป เส้น น้ำซุปและน้ำแข็ง มันเป็นส่วนผสมที่เข้ากันได้จริงๆแฮะ ที่ทำให้อร่อย คือ น้ำซุปเย็นนี่แหละค่ะ มีความเปรี้ยวเล็กๆ แต่กลมกล่อม ทานคู่กับไข่ก็เข้ากันมากๆ ให้ 3 ผ่านเลย +++ เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ใครมาต้องลองทานดูนะคะ ชอบไม่ชอบไม่เสียหลาย แต่คือประสบการณ์ค่ะ เราจะได้ไปคุยกับเพื่อนเวลาดูในซีรีย์แล้วเจอบะหมี่เย็นชามนี้ แล้วบอกเพื่อนว่า ฉันไปกินมาแล้ว อร่อยมาก (ยักคิ้วให้เพื่อนทีนึงด้วยนะ)
มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (รสชาติแปลกใหม่ อร่อยเกินคาด)
จานถัดมาเป็นอาหารเซตที่ไปกินที่ Food Court ของห้าง Hyundai กว่าจะได้สั่งด้วยความลำบาก ที่นี่จะต้องไปสั่งและจ่ายตังที่ cashier ตรงทางเข้าก่อน เสร็จแล้วจึงได้อุปกรณ์สีดำที่มีไฟออกมาเหมือนในรูป รอให้ถึงคิวรอเครื่องสั่น ดูคิวจากจอภายใน Food Court ค่อยไปรับตามแต่ละร้านที่เราสั่งไว้ ตอนสั่งก็ทุลักทุเลน่าดู เพราะมีแต่รูปกับภาษาเกาหลี แต่พนักงานออกจะอาจุมม่าเล็กๆ ใจดีมาก พยายามอธิบายให้เกือบทุกเมนู สั่งไปสั่งมาแบบงงๆ ก็ได้ตามนี้ค่ะ ข้าวผัดกิมจิใส่ถั่วงอก สำหรับคนไม่กินผัก งานใหญ่เลยเรา555 แต่รสชาติก็โอเคค่ะ ทานได้ แค่เสียเวลากับถั่วงอกไปนิด แต่ประทับใจกับอาจุมม่า ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีๆเรื่องนึงค่ะ 🙂
มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥ (หักคะแนนเหนื่อยเขี่ยถั่วงอก แต่ข้าวผัดกิมจิโอเคอยู่)
เมนูถัดไปที่จะว่าเป็นของกินเล่นก็ดี หรือของหนักเลยก็ได้ ข้าวห่อสาหร่ายเกาหลี หรือที่เรียกกันว่า คิมบับ ค่ะ ร้านนี้เราทานในตลาดกวางจัง Gwangjang Market (광장시장) ตลาดยอดฮิตสำหรับนักกินกระเพาะเหล็กอย่างเรา เพราะมีของกินเกาหลีแท้ๆให้เลือกกินมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พาจอน (แพนเค้กเกาหลี) ซุนแด (ไส้กรอกเลือด) จับเช (คล้ายๆผัดวุ้นเส้นบ้านเรา แต่วุ้นเส้นจะหนาๆหน่อย) กิมจิ คิมบับ ปลาหมึกกินสดๆที่ยังดิ้นไปดิ้นมา เหมือนที่เคยเห็นในทีวีบ่อยๆ ก็มีให้ทานที่นี่ค่ะ รอบนี้เราไปกินคิมบับกับพาจอน แต่ไม่ได้ถ่ายรูปพาจอนมา ขอโทษทีค่ะ ร้านนี้ใจดีมาก มีที่นั่งเล็กๆไม่กี่ที่ แล้วเราก็เพิ่งซื้อพาจอนมาด้วย เพราะหาที่นั่งกินไม่ได้ เลยมานั่งที่ร้านคิมบับร้านนี้ และสั่งคิมบับมาด้วย อาจุมม่าคนที่ไม่ได้ใส่แว่นก็เห็นเราหิ้วพาจอนมา ก็บอกประมาณว่าเอามากินด้วยได้นะ ใจดีมากค่ะ คิมบับร้านนี้ก็อร่อย ยังไงใครไป อย่าลืมแวะไปอุดหนุน อนนี่และอาจจุมม่า ร้านนี้นะคะ สาหร่าย สด ใหม่ กรอบ รสชาติดี คอนเฟิร์ม!
มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (คิมบับห่อใหม่ๆ ข้าวรสชาติดี แม่ค้าน่ารัก)
เมนูนี้เป็นอีกมื้อง่ายๆค่ะ ไม่รู้เรียกเป็นภาษาเกาหลียังไง แต่เรียกบ้านๆแบบเราก็ ข้าวหน้าหมูทอด ละกันค่ะ มื้อนี้เดินไปเดินมาในตลาดที่เมืองคยองจูซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกาหลี เดินหาของกินอยู่นานไม่กล้าเข้าสักร้าน พอดีเห็นร้านนี้คนโล่งๆ มีที่นั่งก็เลยลองเข้าไปดูค่ะ ราคาก็ไม่แพงมาก รสชาติก็โอเคค่ะ แต่หมูจะบางไปหน่อยเมื่อเทียบกับทงคัตซึแบบญี่ปุ่นค่ะ ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูของชาวเกาหลีแบบบ้านๆค่ะ
มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥ (หมูบางไปหน่อย กัดไม่ค่อยรู้สึกถึงเนื้อเท่าไหร่ น้ำซอสหวานไปนิด)
อลังการดีงามตามท้องเรื่อง อาหารกลางวันแบบ Full Course ที่ร้าน Yeon-bat (연밭) พิกัด เป็นร้านที่อยู่นอกกรุงโซล อยู่ในเมืองที่เราจะเที่ยวกันที่ Dumulmeori พอดี ที่นี่ข้าวห่อใบบัวและปลาพอลล็อค (Pollock) นึ่ง เป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ อร่อยทุกอย่างเลย รวมไปถึงไข่ตุ๋น และซุปกิมจิ เครื่องเคียงก็มาเต็มมาก กินกันไม่เคยหมดเลยจริงๆกับเครื่องเคียงของชาวเกาหลี ให้มาไม่เคยเสียดาย สงสัยมาตั้งนานละ ว่าเหลือนี่เขาทิ้งกันเลยเหรอ บางถ้วยไม่ได้แตะเลยด้วยซ้ำ แต่ก็รู้สึกว่าเป็นวัฒนธรรมการกินที่น่าทึ่งจริงๆค่ะ
มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (อร่อยแบบ Full course หักหัวใจหนึ่งดวง เพราะไปยากไปกินอีกคงไม่ไปละคะ 555)
ถัดมาเป็นเมนูไฮไลท์ที่คนมาที่เกาะเจจูทุกคนต้องมาโดนค่ะ นั่นคือ หมูดำเจจู นี่เอง เกาะเจจูขึ้นชื่อเรื่องหมูดำมากค่ะ เพราะเป็นหมูดำที่มีคุณภาพและนุ่มมาก สงสัยว่าหมูคงอารมณ์ดี อยู่บนเกาะใช้ชีวิตชิลๆนะสินะ ร้านที่มามีชื่อว่า Childonga หามาแบบมึนๆอีกเช่นกันจาก TripAdvisor พิกัด มื้อนี้เป็นมื้อที่ค่อนข้างลำบากสำหรับเพื่อนร่วมทางที่เป็นมังฯ ของเรา มื้อนี้ก็จะได้กินผักเยอะหน่อย แต่นางก็ได้ลองไปบ้าง ยังบอกเลยว่าไม่ค่อยมีกลิ่นสาบเนื้อสัตว์สักเท่าไหร่ โชคดีที่เป็นมังฯขั้นต้นเลยไม่ค่อยซีเรียสมากนัก เทียบกับเราที่เป็นคนไม่กินผัก แต่ก็ไม่กินเนื้อวัว ก็อาจจะอารมณ์เดียวกัน ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง แต่ถ้าไม่ได้ ก็กินได้ตามนั้นแหละค่ะ เคยครั้งหนึ่ง ตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น ดันเข้าร้านที่มีแต่เนื้อวัว เพราะอ่านไม่ออก ก็เลยจำเป็นต้องสั่งและกินไป ก็คงจะอารมณ์เดียวกัน ก็มื้อนี้มันพลาดไม่ได้จริงๆนี่นา หมูดำเจจูย่างบาบีคิว มาแล้วไม่ได้กินเหมือนมาไม่ถึงเกาะเจจู เนื้ออร่อย ชุ่มฉ่ำและนุ่มกว่าหมูทั่วไปจริงๆ หนังอาจจะเหนียวนิดๆ แต่ที่ชอบคือมีให้จิ้มกับเกลือเฉพาะของทางร้าน อร่อยล้ำ แต่ราคาแอบแรงไปนิด ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ 54,000 วอนต่อสองคนค่ะ อันนี้ทางร้านเขากำหนดมาเลย แต่พวกผัก เครื่องเคียง เติมได้ไม่อั้น เป็นแบบบริการตัวเองค่ะ
มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (หมูนุ่ม เต็มคำ เกือบจะละลายในปาก หักหนึ่งหัวใจเพราะราคาค่ะ 555 งอลๆ)
จากเกาะเจจู ข้ามมาที่ปูซาน เดินหาร้านนี้อยู่สักพักบนถนนสายหลักที่มุ่งสู่หาดแฮอึนแด (Haeundae Beach – 해운대해수욕장) เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เพื่อนบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอร่อยที่มาแล้วต้องกินให้ได้ นั่นก็คือ คัมจาทัง Gamjatang (감자탕) เราขอเรียกตามศัพท์ตัวเองว่า ซุปต้มเล้ง(ซี่โครงหมู)กับมันฝรั่งสไตล์เกาหลี แล้วกันนะคะ ในรูปดูผักเหมือนจะน้อย แต่จริงๆ ผักนี่สุมมาเป็นภูเขาเลากาเลยทีเดียว ไม่รู้จักชื่อร้าน แต่พิกัด คือที่นี่ค่ะ หมูเล้งต้มในซุปกิมจิและมันฝรั่ง ต้มร้อนๆบนเตา กินไปอุ่นไป เพราะอากาศข้างนอกมันหนาววว เนื้อหมูละลายในปาก ซุปกิมจิรสชาติเข้ากันกับมันฝรั่งได้ดีทีเดียว ซดน้ำได้เรื่อยๆ อร่อยอีกแล้วค่ะ
มื้อนี้ให้คะแนน ♥♥♥♥ (หมูเปื่อย ซุปกลมกล่อม กินได้ไม่เลี่ยนเลย แต่จุกค่ะ)
มีต่อค่ะ>>>