วันที่ 13 ตุลามคม เราได้มีโอกาสไปร่วมพิธิถวายอาลัยที่ทางธนาคารออมสิน สาขาสิงห์บุรีจัดขึ้น ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่างานจะใหญ่โตอะไรมากนัก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะเมื่อไปถึงก็มีร้านค้าต่าง ๆ มาตั่งรอแจกอาหารฟรีให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมาและรอที่จะเข้าร่วมงานนี้อยู่ร่วมยี่สิบร้านเห็นจะได้ ทุกคนดูมีความสุขที่ได้นำของมาแบ่งปันกันในงานนี้มาก คนทำอาหารก็ตักแจกส่วนคนรอรับก็ต่อคิวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้เลย
กำหนดการที่จะเริ่มจุดเทียนคือเวลา 19.19 นาที ทุกคนต่างรอกันอย่างใจจดใจจ่อ แต่พอถึงเวลาห้าโมงเย็นกว่า ๆ ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ทางธนาคารจึงเปิดประตูให้คนที่ยืนตากฝนกันอยู่ด้านนอกได้เข้ามาหลบฝนกันที่ด้านในของธนาคาร ส่วนร้านค้าที่นำของมาจากแต่ไม่ได้มีร่มเตรียมมาพี่พนักก็รีบยกร่มไปกางให้
โชคยังดีที่ฝนไม่ได้ตกนานนัก เมื่อฝนหยุดตกทุกคนก็กลับออกไปเตรียมตัวยืนรอกันที่หน้าธนาคารอีกครั้ง ก่อนจะเร่ิ่มแจกเทียนและนื้อเพลงให้กับเหล่าคนที่มายืนรอ หลังจากนั้นทางธนาคารก็เปิดเพลง "แสงแห่งรัก" ทุกคนเริ่มร้องตาม เนื่องจากเป็นเพลงใหม่และบางคนก็ยังไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อนจึงทำให้เราต้องซ้อมกันอยู่หลายรอบ จนกระทั่งถึงเวลา 19.19 นาทีที่ทุกคนต่างรอคอย จึงเริ่มจุดเทียนส่องต่อแสงสว่างจากเทียนเล่มหนึ่งไปสู่เทียนอีกเล่มหนึ่งจนครบทุกคน ก่อนที่เสียงดนตรีจะเริ่มขึ้น ทุกคนร้องเพลงพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง
คนที่มาร่วมงานนั้นก็มีตั่งแต่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ถือกระดาษเนื้อเพลงไว้ในมือแล้วพยายามจะอ่าน วัยรุ่นที่มากันเป็นกลุ่ม วัยทำงานที่แต่งตัวมาอย่างเรียบร้อย และผู้สูงวัยที่พยายามเพ่งมองเนื้อเพลงตัวเล็กบนกระดาษ เสียงที่ออกมามันเพราะมากและเราเองก็เชื่อว่าพ่อคงได้ยิน


หลังจบงานเราเดินขึ้นไปถ่ายรูปกับป้ายไวนิลขนาดใหญ่ที่ทางธนาคารเตรียมไว้ ทำให้เห็นว่าคนที่มาร่วมงานนั้นเยอะมาก ได้ยินพี่ ๆ พนักงานคุยกันว่าเทียนที่เตรียมจะมาแจกตั้งห้าร้อยเล่มไม่พอต้องให้คนขับรถไปเอามาแจกเพิ่ม นี่เชื่อว่าถ้าฝนไม่ตกลงมาล่ะก็คืนนี้จะต้องมีคนมาร่วมงานมากกว่านี้แน่ ๆ
สำหรับเราสิ่งที่พ่ออยากฝากไว้ให้กับประชาชนชาวไทยคงหนีไม่พ้นความสามคี การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การไปร่วมงานครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่าพ่อยังคงอยู่ในใจของทุกคนเสมอและจะยังคงอยู่ตอลดไป
13 ตุลาคม 60 วันนี้ทำให้รู้ว่าพ่อไม่เคยหายไปไหน แต่ยังคงอยู่ในใจของลูกทุกคนเสมอ
กำหนดการที่จะเริ่มจุดเทียนคือเวลา 19.19 นาที ทุกคนต่างรอกันอย่างใจจดใจจ่อ แต่พอถึงเวลาห้าโมงเย็นกว่า ๆ ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ทางธนาคารจึงเปิดประตูให้คนที่ยืนตากฝนกันอยู่ด้านนอกได้เข้ามาหลบฝนกันที่ด้านในของธนาคาร ส่วนร้านค้าที่นำของมาจากแต่ไม่ได้มีร่มเตรียมมาพี่พนักก็รีบยกร่มไปกางให้
โชคยังดีที่ฝนไม่ได้ตกนานนัก เมื่อฝนหยุดตกทุกคนก็กลับออกไปเตรียมตัวยืนรอกันที่หน้าธนาคารอีกครั้ง ก่อนจะเร่ิ่มแจกเทียนและนื้อเพลงให้กับเหล่าคนที่มายืนรอ หลังจากนั้นทางธนาคารก็เปิดเพลง "แสงแห่งรัก" ทุกคนเริ่มร้องตาม เนื่องจากเป็นเพลงใหม่และบางคนก็ยังไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อนจึงทำให้เราต้องซ้อมกันอยู่หลายรอบ จนกระทั่งถึงเวลา 19.19 นาทีที่ทุกคนต่างรอคอย จึงเริ่มจุดเทียนส่องต่อแสงสว่างจากเทียนเล่มหนึ่งไปสู่เทียนอีกเล่มหนึ่งจนครบทุกคน ก่อนที่เสียงดนตรีจะเริ่มขึ้น ทุกคนร้องเพลงพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง
คนที่มาร่วมงานนั้นก็มีตั่งแต่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ถือกระดาษเนื้อเพลงไว้ในมือแล้วพยายามจะอ่าน วัยรุ่นที่มากันเป็นกลุ่ม วัยทำงานที่แต่งตัวมาอย่างเรียบร้อย และผู้สูงวัยที่พยายามเพ่งมองเนื้อเพลงตัวเล็กบนกระดาษ เสียงที่ออกมามันเพราะมากและเราเองก็เชื่อว่าพ่อคงได้ยิน
หลังจบงานเราเดินขึ้นไปถ่ายรูปกับป้ายไวนิลขนาดใหญ่ที่ทางธนาคารเตรียมไว้ ทำให้เห็นว่าคนที่มาร่วมงานนั้นเยอะมาก ได้ยินพี่ ๆ พนักงานคุยกันว่าเทียนที่เตรียมจะมาแจกตั้งห้าร้อยเล่มไม่พอต้องให้คนขับรถไปเอามาแจกเพิ่ม นี่เชื่อว่าถ้าฝนไม่ตกลงมาล่ะก็คืนนี้จะต้องมีคนมาร่วมงานมากกว่านี้แน่ ๆ
สำหรับเราสิ่งที่พ่ออยากฝากไว้ให้กับประชาชนชาวไทยคงหนีไม่พ้นความสามคี การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การไปร่วมงานครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่าพ่อยังคงอยู่ในใจของทุกคนเสมอและจะยังคงอยู่ตอลดไป