▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
Everton F.C.
สโมสรฟุตบอลอังกฤษ
ความฝันสูงสุดของ Evertonian
เกริ่นก่อนว่า พี่เติม เป็นพี่เขยของภรรยาผมครับ พี่เติมเป็นแฟนฟุตบอลพันธุ์แท้ของทีมเอฟเวอร์ตัน ตั้งแต่ช่วง 80’s ในยุคสมัยที่เอฟเวอร์ตันประสบความสำเร็จ ได้แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ ถึงสองครั้ง เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ และ คัพวินเนอร์ส คัพ อีกอย่างละครั้ง โดยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่สี่ฤดูกาล
เมื่อสมัยที่เอฟเวอร์ตัน มาทัวร์ช่วงปิดฤดูกาลที่ประเทศไทย ช่วงปลายยุค 80’s พี่เติมในวัยมัธยม ก็ได้ไปชมเกมสด ๆ ที่สนามศุภชลาศัยด้วย โดยมีรูปถ่ายคู่กับนักเตะคนโปรดในดวงใจ ซึ่งถูกถ่ายไว้โดยเพื่อนสนิทของพี่เติม ติดไว้ที่ผนังห้องทำงานอยู่หลายรูป เป็นหนึ่งในความทรงจำที่ไม่มีวันลืมของพี่เติม
ส่วนเหตุการณ์ประทับใจที่สุดของพี่เติม เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนเมษายน ปี 2010 พี่เติมได้พาครอบครัวไปเที่ยวประเทศอังกฤษ โดยสมาชิกในทริปนั้นมีห้าคน ประกอบด้วย พี่เติม, พี่อร (ภรรยา), น้องสาวพี่เติม, น้องชายพี่เติม, น้องสาวพี่อร
ระหว่างการเดินทางทริปนั้น ก็มีภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เกิดขึ้น คือ ภูเขาไฟระเบิดที่ประเทศไอซ์แลนด์ ทำให้เที่ยวบินแทบทั้งหมดในยุโรปต้องถูกยกเลิก พวกเราก็เป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยครั้งนี้ ไม่สามารถเดินทางจากลอนดอนกลับกรุงเทพได้ตามกำหนดเดิม จึงจำเป็นต้องหาที่พักเพื่อค้างคืนต่อในลอนดอน ซึ่งก็แพงและหายากมาก ๆ เพราะมีนักท่องเที่ยวตกค้างเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากยังไม่มีใครตอบได้ว่า สถานการณ์จะคลี่คลายภายในกี่วัน และด้วยค่าครองชีพในลอนดอนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเราจึงตัดสินใจเดินทางออกนอกลอนดอน คิดเพียงว่าไหน ๆ แล้ว ก็เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เที่ยวต่อเลยแล้วกัน โดยพวกเราเลือกเมืองลิเวอร์พูล เป็นจุดหมายปลายทาง ไปถึงลิเวอร์พูลบ่ายวันอาทิตย์ เมืองทั้งเมืองเงียบมาก
วันรุ่งขึ้น จันทร์ที่ 19 เมษายน 2010 พวกเราก็เดินทางไปยัง Goodison Park สนามฟุตบอลของทีมเอฟเวอร์ตัน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่พี่เติมได้มาที่นี่ พี่เติมเล่าประวัติของสโมสร และของสนาม ให้ทุก ๆ คนฟังอย่างสนุกสนาน
หลังจากถ่ายรูปภายนอกสนามกันอย่างเพลิดเพลิน พวกเราก็ได้พบกับข่าวร้าย เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่า Stadium Tour ประจำวันนั้น มีเหลือที่ว่างอีกแค่ 3 ที่เท่านั้น เขาไม่สามารถรองรับคณะเรา 5 คนที่มาด้วยกันได้ เพราะจะทำให้แออัดเกินไป หลังจากอ้อนวอนขอร้องเจ้าหน้าที่อยู่นานก็ไม่สำเร็จ พี่เติมก็ตัดสินใจซื้อทัวร์รอบถัดไป ซึ่งคือวันพุธที่ 21 เมษายน 2010 (สองวันหลังจากนั้น) โดยซื้อไว้ก่อนสำหรับ 3 ที่
หลังจากนั้นพวกเราก็เลยเดินข้ามถนนมายังร้านค้าของสโมสร Everton One ซึ่งวันที่ไม่มีแมตช์แข่งขัน ในร้านก็จะเงียบมาก มีลูกค้าแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น
ระหว่างที่ทุกคนกำลังยืนรอคิวจ่ายเงินกันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีผู้ชายร่างใหญ่คนนึงเปิดประตูเดินออกมาคุยกับคุณป้าเจ้าหน้าที่คิดเงิน แล้วก็เดินกลับเข้าไปด้านหลัง
พี่เติมตื่นเต้นตกใจมาก ตะโกนเสียงดัง “Graeme Sharp ๆๆๆ” เมื่อคุณป้าเจ้าหน้าที่คิดเงินเห็นดังนั้น ก็แปลกใจ ถามว่ารู้จักเหรอ พี่เติมพยักหน้าสุดแรง คุณป้าถามต่อว่า อยากได้ลายเซ็นไหม พี่เติมก็พยักหน้าสุดแรงอีกครั้ง คุณป้ายกหูโทรศัพท์คุยอยู่ไม่กี่คำ (พี่เติมเรียกคุณป้าคนนี้ว่าคุณป้านางฟ้า)
สักพัก ประตูบานเดิมก็เปิดออกอีกครั้ง พี่ Sharp กลับลงมาคุยกับคุณป้า แล้วคุณป้าก็ยิ้ม แล้วชี้มาที่พี่เติม จากนั้นพี่ Sharp ก็เดินมาจับมือกับพี่เติม พร้อมกับพูดคุยอย่างเป็นกันเอง โดยพี่เติมให้พี่ Sharp เซ็นชื่อลงบนกล่องซีดีที่เพิ่งซื้อ รวมทั้งยังได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ Sharp ฟัง ทั้งเรื่องที่กลับไทยไม่ได้เพราะติดภูเขาไฟระเบิด และการพลาดการเข้าชม Stadium Tour ก่อนหน้านี้
เมื่อได้ยินดังนั้น พี่ Sharp ในฐานะทูตของสโมสร และตำนานนักเตะชื่อดัง ก็เลยเสนอตัวพาพวกเราเดินเที่ยวชมสนามด้วยตัวเองเลย โดยขออนุญาตกลับขึ้นไปหยิบเสื้อสูทบนห้องทำงานก่อน
ไม่นาน พี่ Sharp ก็กลับลงมา พาพวกเราเดินจากร้านขายของ ข้ามถนนกลับมายังสนาม พาเดินไปทางเข้าสำหรับเจ้าหน้าที่ หยิบบัตรพนักงานออกมาแตะที่ประตู แล้วพาเข้าสู่สนามอย่างรวดเร็ว พวกเราก็ตกใจมาก เพราะพ้นประตูนี้เข้ามาคือมุมสนามเลย ใกล้ ๆ กับจุดเตะมุม เมื่อได้เห็นแบบนี้ พี่เติมก็ตื่นเต้นและดีใจมาก เล่าประวัติของสนามและรายละเอียดต่าง ๆ ให้สมาชิกครอบครัวฟังอย่างออกรส
ระหว่างนั้นเอง กลุ่ม Stadium Tour ที่พวกเราพลาดการเข้าชม ก็กำลังเดินออกมาที่อัฒจรรย์ฝั่งตรงข้ามพอดี เจ้าหน้าที่นำทัวร์คงเห็นพี่ Sharp จากบนนั้น แล้วคงแจ้งให้ลูกทัวร์ทราบ โบกไม้โบกมือกันใหญ่ พี่ Sharp รวมทั้งพวกเรา ก็โบกไม้โบกมือตอบกลับอย่างสนุกสนาน
พี่เติมก็นึกขอบคุณ ที่พี่ Sharp ใจดี เปิดประตูพาเข้ามาชมบริเวณหัวมุมสนามเป็นเวลาสั้น ๆ แต่ไม่เพียงเท่านั้น พี่ Sharp บอกให้ลองไปนั่งสัมผัสพื้นหญ้าและถ่ายรูปได้ จังหวะนี้พี่อรถึงกับลงไปนอนกับพื้นหญ้าเลย ซึ่งถ้ามา Stadium Tour ปกติ ก็คงไม่สามารถทำแบบนี้ได้แน่ ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น พี่ Sharp ก็พาพวกเราเดินจากมุมสนาม มาที่ซุ้มม้านั่งข้างสนาม พร้อมกับบรรยายข้อมูลต่าง ๆ ตลอดเวลา เรียกได้ว่าพวกเราได้เข้า Stadium Tour by Club Legend แบบ Private โดยไม่เสียเงินเลย
หลังจากนั้น พี่ Sharp ก็พาเข้ามาด้านในอัฒจรรย์ พาชมห้องแต่งตัวของฝั่งทีมเยือน พาไปถ่ายรูปมุมที่นักฟุตบอลให้สัมภาษณ์นักข่าว พาไปชมภาพถ่ายต่าง ๆ ซึ่งพี่เติมก็รู้จักนักฟุตบอลในภาพครบทุกคน ทำให้พี่ Sharp ถึงกับอึ้งในความเป็นแฟนพันธุ์แท้ของพี่เติมไม่ใช่น้อย
ถัดมาพี่ Sharp ก็พามาชมห้อง VIP ที่มีถ้วยรางวัลตั้งโชว์อยู่มากมาย ซึ่งพี่เติมก็สามารถอธิบายได้หมด ว่าถ้วยนี้ได้มาปีไหน แข่งที่ไหน ชนะทีมไหน ทำเอาพี่ Sharp อึ้งเป็นรอบที่สอง ห้องนี้เป็นห้องที่สามารถเห็นวิวสนามได้เต็ม ๆ มีมุมทานอาหารสุดหรู และจากห้องนี้ยังสามารถเดินออกไปที่อัฒจรรย์ได้ด้วย
ออกจากห้อง VIP ระหว่างทางไปยังห้องถัดไป พี่ Sharp คงอยากทดสอบความรู้ของพี่เติมอีกสักครั้ง จึงพามาหยุดที่รูปถ่ายรูปหนึ่ง เป็นรูปนักเตะฤดูกาล 1981-1982 แล้วถามพี่เติมว่า คนไหนในรูปคือพี่ Sharp พี่เติมชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ แล้วก็จิ้มนิ้วลงไปที่พี่ Sharp แบบไม่ลังเล จุดนี้พี่ Sharp ถึงกับตะลึงเป็นครั้งที่สาม พี่ Sharp คงดีใจมากที่ได้เจอแฟนพันธุ์แท้จากประเทศแดนไกล ในขณะที่พี่เติมนั้นคงดีใจยิ่งกว่า ที่ได้พูดคุยใกล้ชิดกับนักฟุตบอลในดวงใจแบบนี้
ห้องต่อไปที่พี่ Sharp พามาชม คือห้องทำงานของประธานสโมสร Bill Kenwright โดยพี่ Sharp เล่าติดตลกว่า ถ้าใครถูกเรียกเข้ามาที่ห้องนี้ ‘you are in trouble’ … นอกจากนี้แล้ว ห้องนี้ยังเป็นห้องที่ใช้ในการเซ็นสัญญากับนักฟุตบอลทุก ๆ คนด้วย พี่ Sharp เล่าว่า ถ้าเป็น Stadium Tour ปกติ จะไม่ได้มาชมห้องนี้นะ
ปิดท้ายด้วยห้องแต่งตัวทีมเจ้าบ้าน พี่ Sharp พาพวกเราเข้ามาชมแบบ Exclusive และพี่เติมก็ได้ถ่ายรูปกับเสื้อแข่งของนักเตะในดวงใจด้วย
สรุปว่าทัวร์ในวันนั้น ใช้เวลาไปประมาณสองชั่วโมงกว่า ๆ เรียกว่าเต็มอิ่มมาก ๆ
ก่อนกลับ พวกเราก็ได้ขออีเมล์ของพี่ Sharp ไว้ด้วย
หลังจากที่พวกเราได้เดินทางกลับถึงไทย ก็ได้ส่งอีเมล์ไปหาพี่ Sharp ซึ่งก็ได้รับอีเมล์ตอบกลับจากพี่ Sharp ด้วย พี่เติมดีใจมาก เซฟอีเมล์นี้เก็บไว้เลย
หลังจากที่กลับมาถึงไทยแล้ว พี่เติมพูดถึงเหตุการณ์สุดประทับใจนี้ว่า “ไม่เสียดายที่เป็นแฟน Everton มาตลอดชีวิต”