[CR] 1 วันใน Disney California Adventure และเครื่องเล่น Guardians of the Galaxy 2017




สวัสดีครับ ต่อจาก 4 กระทู้ที่แล้ว คือไหนๆช่วงไป Work and Travel ได้มีโอกาสวางแพลนกับเพื่อนไว้ว่าจะไป Disney World ที่ฟลอริด้า (https://pantip.com/topic/36960353) แล้วก็เที่ยวกับเพื่อนอีกกลุ่มต่อที่ฝั่งแคลิฟอเนีย ซึ่งบังเอิ๊ญ ช่วงปีก่อนไปเวิร์คเค้ามีข่าวว่าจะปิดปรับปรุง Tower of terror ที่ Disneyland LA ให้เป็นธีม Guardians of the galaxy ซึ่งมันก็ดันเปิดให้เล่นช่วงที่อยู่นั่นพอดีเลย (ปี 2017) ประกอบกับทัวร์ที่ซื้อไว้ที่แคลิฟอเนียมันจบก่อนช่วงบินกลับไทย เลยทำให้วางแผนไปเที่ยวดิสนีย์ที่นี่ได้อีกต่อ (เก็บครบหมดเลย)

สำหรับที่นี่จะแบ่งออกเป็น 2 parks คือ Disneyland กับ Disney Califonia Adventure (เราไปอันนี้มา) ซึ่งอารมณ์เหมือนที่ญี่ปุ่นคืออันนึงเป็นแบบปกติเลย มีปราสาทอยู่กลางปาร์ค กับอีกอันจะเป็นธีมพิเศษ ซึ่งที่นี่ก็ตามชื่อเลย คือเครื่องเล่นจะ Adventure มากขึ้น เหมาะกับผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีไฮไลท์เด็ดๆเลยคือ California Screamin’ เป็นรถไฟเหาะ กับลิฟต์ตกตึก Guardians

สำหรับเรื่องบัตรเข้า ถ้าเข้าปาร์คแค่วันเดียวเค้าจะแบ่งเป็น 3 ราคา คือปกติ, Low season แล้วก็ช่วงพีค ซึ่งราคาก็ตามนั้นเลย ตอนนั้นวันที่เราไปคือ 120 ดอล แต่ช่วงนั้นมันมี MaxPass (+10) ด้วย เป็นของใหม่ (สรุปแล้วก็ราคาประมาณ 4000 บาทเลย .__. ) ซึ่งข้อดีของมันคือจะสามารกดจอง Fastpass ได้จากโทรศัพท์เลย ไม่ต้องไปกดเอาที่ตู้ในปาร์คแบบที่ฮ่องกง ญี่ปุ่น แต่ข้อจำกัดคือ
ไม่สามารถกดจองล่วงหน้าแบบที่ฟลอริด้าได้นะ กดใบแรกได้ตอนสแกนบัตรเข้าปาร์คแล้ว (ดังนั้นพอเข้าปุ๊บต้องรีบกดจองทันที)
กดจองได้ทีละเครื่องเล่น อันต่อไปต้องรอสแกนเข้าเครื่อเล่นที่จองไว้ก่อน หรือไม่ก็รอ 1 ชม(ถ้าจำไม่ผิดนะ ไม่ก็ 90 นาที) หลังจากกดจองอันก่อนหน้าไป
ไม่สามารถเลือกเวลาได้ มันจะเป็นเวลาที่เร็วที่สุดที่ว่างเลย (อารมณ์เดียวกับกดที่ตู้)
สามารถแคนเซิล หรือ modify ได้ในแอพ
กับอีกอย่างนึงซึ่งดีมากๆเลยคือสามารถ Download รูปจากทั้งเครื่องเล่น (ที่ถ่ายเราตอนเล่น) กับตอนไปให้ช่างภาพของ Disney ที่กระจายอยู่ตามปาร์คถ่ายรูปให้ เราก็แค่เปิดแอพให้เค้าสแกน รูปก็จะเข้ามาในเครื่องเราทันที ถือว่าคุ้มมากๆนะกับ 10 ดอลที่เพิ่มมานี้

เรื่องที่พัก ตอนแรกว่าจะพักของ Disney เลย แต่ด้วยว่าต้องพักสองคืนขึ้นไปถึงได้ Magic Hour แถมเราไปกัน 6 คนแต่เค้าให้พักได้ max 5 สุดท้ายก็มาจบที่ Airbnb ราคาประมาณ 150 ดอลได้สำหรับ 6 คน ก็ไม่แพงมากนะ แล้วก็ location คือมันอยู่ใกล้ๆเลย เดินไปไม่ไกลมาก มารู้อีกทีว่ามันคือ Disney friendly hotel อารมณ์แบบได้รับรองจากดิสนีย์มา ชื่อที่พักเลยมันคือ Peacock suites

--

เย็นนั้นทัวร์ไปจบลงที่สนามบิน LAX แล้วเราก็ได้จองรถรับส่งจากสนามบิน ตรงมาที่นี่เลย ราคาประมาณ 108 ดอล สำหรับ 6 คน ถือว่าโอเคนะ เพราะใช้ขนกระเป๋าเดินทางคนละใบสองใบด้วย  

รถก็ตรงมาที่โรงแรมเลย ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ได้ ในช่วงเย็นๆ มาถึงก็เข้าไปเช็คอินเลย เค้าต้อนรับดีมากๆ แถมมี Welcome gift เป็นขนมเซ็ตนึงเลย แถมไม่พอนะ เป็นขนมรูปร่างมิกกี้ด้วย ดีมากๆ คีย์การ์ดเราก็ได้มาสองใบ แถมรหัส wifi ก็พอใช้สำหรับ 6 คนตลอดระยะเวลา 3 วันสองคืนที่พักที่นี่

ขึ้นไปถึงห้อง ก็มี welcome gift อีกรอบ เป็นการ์ดต้อนรับที่มีชื่อเราอยู่ กับขนมเค้กอันนึง ดีมากๆ ในตู้เย็นก็มีโค้กสองสามขวดกับขนมอีกหน่อย คือทุกอย่างฟรีหมดเลย ไม่มีชาร์จเพิ่ม

พอวางของเสร็จสรรพ ก็เดินออกไปดูรอบๆโรงแรม คือมันมีระเบียงด้วย ถ้าใครไม่ได้ไปไหนสามารถขึ้นมาดูพลุ Disney เวลาสามทุ่มตรงจากจุดนี้ได้เลย แต่เราออกไปข้างนอกซะก่อน ไปหาของกินสำหรับเย็นนี้ แล้วก็พรุ่งนี้เช้า ก็เลยเดินเลาะออกมา ระหว่างทางเจอร้าน Cheesecake Factory ด้วย ส่วนอันนี้เป็นภาพใกล้ๆเขตร้านอาหาร สังเกตดูจะเห็นตึกที่สูงๆนั้น อันนั้นคือตึกเครื่องเล่น Guardians นั่นเอง ตอนกลางคืนแสงสวยมาก


วันรุ่งขึ้น เรื่องจากปาร์คเปิด 9 ใมง เลยไม่ต้องรีบมาก ออกจากโรงแรมประมาณ 8.30 ก็เดินเลาะๆไปตามทาง ใกล้ถึงก็จะเจอตึกที่เจอเมื่อวาน คราวนี้เป็นตอนกลางวัน ตื่นเต้นมาก อยากเข้าปาร์คไปเล่นแล้ว

อันนี้เป็นรูปทางเข้าเขตดิสนีย์ จะเห็นว่าคนเริ่มพลุกพล่านแล้ว ขนาดมาเร็วหน่อยละนะ

ก็เดินตรงเข้าไปเรื่อยๆ ที่เห็นอยู่ไกลๆนั่นคือป้ายแยกปาร์คนะ ใครจะเข้า DCA ก็ไปซ้าย ใครจะเข้า Disneyland ก็ไปทางขวา

แน่นอนเลยว่าด่านแรกคือ Security Check


ต่อมาก็ถึงทางเข้า เนื่องจากเราซื้อมาในระบบ eTicket ก็จะเป็นการเปิดแอพ Disneyland ให้เจ้าหน้าสแกนได้เลย สะดวกมากๆ แต่เค้าก็จะถ่ายรูปยืนยันตัวไว้นะ ใช้ในกรณีที่ re-retry ต่างกับที่ฟลอริด้า คือใช้สแกนลายนิ้วมือ

หลังจากผ่านเข้ามาเท่านั้นแหละ ไม่รอช้ารีบกดจอง Fastpass ปรากฏว่าได้ Guardians มา ตอนเวลาประมาณ 10 โมง เลยต้องไปหาอะไรทำก่อน เลยตัดสินใจตรงดิ่งไปที่ Glizzy River Run ซึ่งอารมณ์แบบ Kali River Rapids ที่ฟลอริด้าเลย คือจะเหมือนล่องแก่งไปตามทาง แต่ที่แน่ๆคือ เปียก!


ไปต่อแถวรอ ตอนนั้นคนยังไม่เยอะมาก ที่เยอะกว่าคือ Soarin’ ซึ่งเรากะว่าจะรอ Fastpass เอาละกัน

อันนี้เป็นแผนที่ปาร์คคร่าวๆ ถ้าดูในแอพจะสะดวกกว่ามากๆ แถมมีพิกัดให้ด้วยว่าเดินไปทางไหน

อันนี้คือตู้สำหรับกด Fastpass ของเครื่องเล่นนี้ วิธีก็คือเอาบัตรเข้าปาร์คไปสแกนได้เลย แล้วเค้าจะออกใบมาให้ เป็นช่วงเวลาที่เข้าเล่นได้ เช่น 12.00-13.00

อันนี้คือจุดขึ้นเครื่องเล่น มันจะหมุนๆไปเรื่อยๆ


เล่นจบคือเปียกมาก แนะนำว่าให้มาเล่นช่วงร้อนๆจะดีกว่าตอนนี้ 555 หลังจากนั้นก็เดินตรงไปทาง Paradis Pier จะได้วิวสวยๆมา แนะนำว่าให้รีบถ่ายรูปนะ บางทีเดินผ่านไปผ่านมาแล้วอาจจะแสงหมดแล้วในตอนเย็น อดถ่าย

เดินอ้อมต่อไปทาง Cars land

ป้ายสวยมาก มุมนี้ก็น่าถ่าย แต่ตอนนั้นไม่เจอช่างกล้องแถวนั้นเลย เลยเดินผ่านไปก่อนละกัน



ต่อมาก็เดินทะลุ Bug’s land เพื่อเชื่อมไปหาตึก Guardians

เย่ะ ถึงแล้ว หลังจากอ่านรีวิว ดูคลิปมานาน ของจริงเป็นอย่างงี้นี่เอง เค้าปรับปรุงจากตึกที่ออกแนวหลอนๆให้กลายเป็นแนวไซไฟได้ขนาดนี้ สุดยอดมากๆ (สำหรับใครที่จะกดฟาสพาสของเครื่องเล่นนี้ ตู้มันอยู่ตรงกันข้ามกับทางเข้าเครื่องเล่นนะครับ)

มีเวลาคอยบอกอยู่ รู้สึกจะเข้าได้ 5 นาทีก่อนเวลาในบัตรนะ

เข้าไปก็จะเจอกับรูปปั้นเจ้าของคลังสมบัติเลย เค้าคือ Tivan the collector นี่เอง  



ด้านในมีตู้โชว์สมบัติมากมาย ถ้าใครอ่านคอมิคน่าจะฟินน่าดู

เป็นพิพิธภัณฑ์จริงๆเลย มีเยอะมากๆ

พอถึงเวลา เราก็จะได้เข้าห้องนึง เป็นอารมณ์แบบเจ้าของเค้าจะมาต้อนรับนะ Tivan ก็จะพูดโน่นพูดนี่แนะนำเราไป

เอ๊ะ!

มีเครื่อวเล่นเพลงของปีเตอร์ ควิลอยู่ด้วย ใช่แล้วว เค้ากับเพื่อนโดนจับมาขังอยู่ในนี้นี่เอง

ซักพักก็จะตัดไปที่ Rocket Raccoon โดยเค้าจะบอกแผนกับเราคือให้เล่นตามน้ำไปเรื่อยๆ เพราะจะได้ผ่านประตูไปได้ ที่เหลือเดี๋ยวจะจัดการให้เอง หลังจาก rescue แล้ว Mantis จะขับยานมารับในตอนสุดท้าย

เดินไปเรื่อยๆ ข้างในจะมีห้องให้เล่นหลายห้องมาก รองรับกับปริมาณคนที่ค่อนข้างเยอะ เราได้ชั้นสอง ก็เดินไปเรื่อยๆ ขึ้นบันได ตรงนั้นก็จะเจออันนีงก็เอ๊ะ! นี่มันเสื้อคลุมสตาร์ลอร์ดนี่

เดินไปเรื่อยๆ เค้าก็จะจับไปให้เข้าคิวหน้าประตู เพื่อรอเข้าไปเล่น


มีป้ายแนะนำ สมจริงมากๆ พร้อมด้วยภาษาต่างดาว..

หลังจากเริ่มเล่นแล้ว Cart ก็จะเคลื่อนตัวไปข้างหลังช้าๆ พร้อมกับด้านหน้า จะเห็นว่า Rocket Raccon ตามมาแล้ว มาป่วนระบบนี่เอง มันก็จะเป็นเงาว่าเค้ากำลังถอดสายไฟ แล้วต่อด้วยอีก ทันใดนั้นเพลงจากหนังก็จะสุ่มเล่นขึ้นมา พร้อมกับ Cart ที่เรานั่งอยู่ลอยขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อยๆ ฟินมาก ยิ่งเป็นเพลงที่เราคุ้นเคยจากหนังนะ
ปล. การเล่นแต่ละครั้งจะได้ฟังเพลงที่แตกต่างกัน รู้สึกจะมี 8 เพลงเลย แถมจังหวะการลอยขึ้น-ลงก็แตกต่างกันด้วยนะ ไม่เบื่อง่ายๆแน่ๆ

ตัดภาพมาที่เล่นจบแล้ว อารมณ์ก็จะประมาณนี้ ใครที่มี MaxPass ก็เอารหัสมากรอกในแอพแล้วรอภาพ HD ได้เลย

เดินออกมาก็จะผ่านร้านขายของ ทีเด็ดคือเค้าเอาเพลงประกอบหนังที่มาในรูปแผ่นเทป Cassette มาขายด้วย มีทั้งภาคแรก กับภาคสองเลย ออกมาด้านนอกก็เจอ Groot กำลังสอนเด็กๆเต้นอยู่

ต่อมาก็เดินไปทางโรงละคร Frozen ก็จะเจอ Spiderman มาให้ถ่ายรูป ไหนๆก็มีพาสแล้ว ขอไปต่อคิวถ่ายให้คุ้มหน่อยละกัน (จริงๆปกติถึงไม่มีก็ถ่ายได้นะ แค่ยื่นกล้องตัวเองให้พนักงาน) แต่แอบรอนานนิดนึง เพราะแถวยาวมาก แถมสไปดี้ไปพักด้วย (ประมาณ 15 นาที) แต่เค้าสวมบทบาทได้ดีมาก 555
ชื่อสินค้า:   Disneyland Anaheim,CA USA
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่