ปกติแล้วสามีเราจะขอไปตกปลาต่างจังหวัดกับเพื่อนๆแบบค้างคืนปีละประมาณสองครั้ง ไปกันแต่ละครั้งก็จะมีแต่ผู้ชายล้วน 6-9 คน ทั้งโสดและทั้งที่มีครอบครัวแล้ว 2-3 คืน ทุกๆครั้งที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร จนมาถึงครั้งนี้ สามีสารภาพก่อนไปว่า จะมีการจัดงานเลี้ยงส่วนตัวที่บ้านพัก และมีผู้หญิงมาเต้นยั่วยวน เหล้ายาปลาปิ้งครบ
ตอนแรกที่รู้เราก็แปลกใจนิดหน่อย เพราะผู้ชายแต่ละคนที่ไปกันในกลุ่มก็ระดับพระกาฬทั้งนั้น ขยันทำมาหากิน ประสพความสำเร็จในชีวิต มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่น่ารัก แถมภรรเมียแต่ละคนยังดูแลตัวเองซะสวยปิ๊ง ออกแนวไฮโซ
ตอนที่สามีมาบอกเราก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ไหนๆก็ตั้งใจและวางแผนกันล่วงหน้ากันมาเป็นเดือนแล้ว อยากไปก็ไป เราห่วงแค่เรื่องงานเฉยๆ ว่าจะดูแลคนเดียวตอนที่เค้าไม่อยู่ยังไง
สามีโทรกลับมารายงานความเรียบร้อยเป็นระยะ จนกระทั่งเมื่อวานเค้ากลับมาพร้อมกับปลาตัวใหญ่เยอะแยะไปหมด ดูก็รู้ว่าสำนึกผิด แต่เราก็เฉยๆนะ ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่า “เมียเพื่อนเธอรู้เรื่องนี้ไหม” คำตอบคือ คาดว่าไม่น่าจะรู้
เรื่องนี้มันผ่านมาแล้ว แต่เรายังค้างคาใจ ทำไมผู้ชายที่ดูดี ดูเหมือนจะเป็นคนดี เค้าถึงไม่พอใจกับชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น ทำไมถึงต้องไปดิ้นรนหาเรื่องเร้าใจเพื่อความตื่นเต้นในชีวิต ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นมันน่าเบื่อถึงขนาดนั้นเลยเหรอ
เราปล่อยให้สามีไปเพราะรู้ว่าเค้าหลงไหลการตกปลาเป็นชีวิต ส่วนผู้หญิงน่าจะเป็นส่วนประกอบที่เค้าไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนจริงๆ
คราวก่อนสามีเคยขอไปร่วมงานวันเกิดเพื่อน ซึ่งจัดในผับ (เป็นเจ้าของผับ) เราไม่ให้ไปค่ะ เราให้เหตุผลว่าไร้สาระ วันเกิดก็ไปเป่าเค๊กกับลูกเล็กๆโน่น อย่าเอาวันเกิดมาเป็นข้ออ้างมั่วโลกีย์ สรุปคือสามีไม่ไปร่วมงาน เพราะถ้าเรายื่นคำขาดแล้วยังทำ งานนี้รับรองมีจบไม่สวยแน่ เราไม่ทะเลาะ ไม่ต่อว่า แต่เราจะเฉยทำเหมือนเค้าเป็นอากาศ และอาจจะถึงขั้นตัดเค้าออกไปจากชีวิตโดยง่ายดาย และนี่คงจะสาเหตุที่สามีเราต้องสารภาพก่อนไป เพราะว่า เค้ารู้จักเราดี เค้าคงจะไม่อยากเสี่ยง
เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา เรายิ่งตกใจใหญ่ ผู้หญิงคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆเหรอ เพราะอะไรผู้หญิงเราถึงยอมสามีได้ขนาดนี้ ต้องพาลูกค้าไปสังสรรค์ ตีกอฟล์ออกรอบ มันเป็นธุรกิจ เป็นเรื่องที่ผู้หญิงต้องเข้าใจ จริงๆเหรอ
เรายื่นคำขาดไปแล้ว คราวหน้าถ้ามีงานแบบนี้อีก จะต้องไม่มีเธอไปร่วม มันเป็นงานสังสรรค์ที่สิ้นเปลืองที่สุด แต่ถ้าอยากรักสนุกแบบไม่แคร์สื่อก็ขอเชิญ แล้วฉันจะทำให้เธอได้สัมผัส ว่าการตกจากสวรรค์มาสู่นรกมันเป็นยังไง
เรากำลังคิดอยู่ว่าจะเกริ่นในภรรยาเพื่อนๆสามีรู้จะดีไหม เราไม่ได้คิดว่าจะเดินไปบอกเค้าตรงๆนะ เเค่จะเเกล้งไปปรึกษาในส่วนที่สามีเราทำ ให้เค้าคิดได้เองว่าสามีเค้าไปทำอะไรมาบ้าง หรือว่าจะปล่อยไป เเค่สามีกลับมาบ้านเป็นปกติก็พอเเล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายบ้านไหนก็ทำกัน
การที่ผู้หญิงจะยอมปิดหูปิดตาเพื่อรักษาครอบครัวเอาไว้ มันจะไม่เป็นการให้ท้ายผู้ชายจริงๆหรือคะ เเล้วเค้าจะมีครั้งต่อๆไปโดยไม่รู้สึกผิดไหมคะ รายจ่ายสำหรับผู้หญิงเหล่านั้นมันไม่ถูกนะคะ หนึ่งในผู้ชายเหล่านั้นอ้างว่า ทำงานหนักก็ต้องเล่นให้หนัก เรางี้อยากจะฟ้องเมียเค้าให้จัดหนักๆให้สักที ผู้ชายพวกนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เราคิดได้ว่า ต่อไปคงจะต้องรักตัวเองให้มากขึ้น เรียนรู้ที่จะทำอะไรเพื่อตัวเองให้มากขึ้น หัดเดินให้ได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องคอยรอสามีบ้าง เราไม่โกรธนะ ไม่ดุด่า ไม่ว่าอะไรเลย ยังยิ้มเย็นๆให้สามีหนาวเล่น เเล้วเรามาคอยดูกันต่อไป เค้าจะมีครั้งต่อไปอีกไหม ^__^
คุณพ่อบ้านสังสรรค์กับเพื่อน สุรานารีครบ มันเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆเหรอ?
ตอนแรกที่รู้เราก็แปลกใจนิดหน่อย เพราะผู้ชายแต่ละคนที่ไปกันในกลุ่มก็ระดับพระกาฬทั้งนั้น ขยันทำมาหากิน ประสพความสำเร็จในชีวิต มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่น่ารัก แถมภรรเมียแต่ละคนยังดูแลตัวเองซะสวยปิ๊ง ออกแนวไฮโซ
ตอนที่สามีมาบอกเราก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ไหนๆก็ตั้งใจและวางแผนกันล่วงหน้ากันมาเป็นเดือนแล้ว อยากไปก็ไป เราห่วงแค่เรื่องงานเฉยๆ ว่าจะดูแลคนเดียวตอนที่เค้าไม่อยู่ยังไง
สามีโทรกลับมารายงานความเรียบร้อยเป็นระยะ จนกระทั่งเมื่อวานเค้ากลับมาพร้อมกับปลาตัวใหญ่เยอะแยะไปหมด ดูก็รู้ว่าสำนึกผิด แต่เราก็เฉยๆนะ ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่า “เมียเพื่อนเธอรู้เรื่องนี้ไหม” คำตอบคือ คาดว่าไม่น่าจะรู้
เรื่องนี้มันผ่านมาแล้ว แต่เรายังค้างคาใจ ทำไมผู้ชายที่ดูดี ดูเหมือนจะเป็นคนดี เค้าถึงไม่พอใจกับชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น ทำไมถึงต้องไปดิ้นรนหาเรื่องเร้าใจเพื่อความตื่นเต้นในชีวิต ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นมันน่าเบื่อถึงขนาดนั้นเลยเหรอ
เราปล่อยให้สามีไปเพราะรู้ว่าเค้าหลงไหลการตกปลาเป็นชีวิต ส่วนผู้หญิงน่าจะเป็นส่วนประกอบที่เค้าไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนจริงๆ
คราวก่อนสามีเคยขอไปร่วมงานวันเกิดเพื่อน ซึ่งจัดในผับ (เป็นเจ้าของผับ) เราไม่ให้ไปค่ะ เราให้เหตุผลว่าไร้สาระ วันเกิดก็ไปเป่าเค๊กกับลูกเล็กๆโน่น อย่าเอาวันเกิดมาเป็นข้ออ้างมั่วโลกีย์ สรุปคือสามีไม่ไปร่วมงาน เพราะถ้าเรายื่นคำขาดแล้วยังทำ งานนี้รับรองมีจบไม่สวยแน่ เราไม่ทะเลาะ ไม่ต่อว่า แต่เราจะเฉยทำเหมือนเค้าเป็นอากาศ และอาจจะถึงขั้นตัดเค้าออกไปจากชีวิตโดยง่ายดาย และนี่คงจะสาเหตุที่สามีเราต้องสารภาพก่อนไป เพราะว่า เค้ารู้จักเราดี เค้าคงจะไม่อยากเสี่ยง
เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา เรายิ่งตกใจใหญ่ ผู้หญิงคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆเหรอ เพราะอะไรผู้หญิงเราถึงยอมสามีได้ขนาดนี้ ต้องพาลูกค้าไปสังสรรค์ ตีกอฟล์ออกรอบ มันเป็นธุรกิจ เป็นเรื่องที่ผู้หญิงต้องเข้าใจ จริงๆเหรอ
เรายื่นคำขาดไปแล้ว คราวหน้าถ้ามีงานแบบนี้อีก จะต้องไม่มีเธอไปร่วม มันเป็นงานสังสรรค์ที่สิ้นเปลืองที่สุด แต่ถ้าอยากรักสนุกแบบไม่แคร์สื่อก็ขอเชิญ แล้วฉันจะทำให้เธอได้สัมผัส ว่าการตกจากสวรรค์มาสู่นรกมันเป็นยังไง
เรากำลังคิดอยู่ว่าจะเกริ่นในภรรยาเพื่อนๆสามีรู้จะดีไหม เราไม่ได้คิดว่าจะเดินไปบอกเค้าตรงๆนะ เเค่จะเเกล้งไปปรึกษาในส่วนที่สามีเราทำ ให้เค้าคิดได้เองว่าสามีเค้าไปทำอะไรมาบ้าง หรือว่าจะปล่อยไป เเค่สามีกลับมาบ้านเป็นปกติก็พอเเล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายบ้านไหนก็ทำกัน
การที่ผู้หญิงจะยอมปิดหูปิดตาเพื่อรักษาครอบครัวเอาไว้ มันจะไม่เป็นการให้ท้ายผู้ชายจริงๆหรือคะ เเล้วเค้าจะมีครั้งต่อๆไปโดยไม่รู้สึกผิดไหมคะ รายจ่ายสำหรับผู้หญิงเหล่านั้นมันไม่ถูกนะคะ หนึ่งในผู้ชายเหล่านั้นอ้างว่า ทำงานหนักก็ต้องเล่นให้หนัก เรางี้อยากจะฟ้องเมียเค้าให้จัดหนักๆให้สักที ผู้ชายพวกนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เราคิดได้ว่า ต่อไปคงจะต้องรักตัวเองให้มากขึ้น เรียนรู้ที่จะทำอะไรเพื่อตัวเองให้มากขึ้น หัดเดินให้ได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องคอยรอสามีบ้าง เราไม่โกรธนะ ไม่ดุด่า ไม่ว่าอะไรเลย ยังยิ้มเย็นๆให้สามีหนาวเล่น เเล้วเรามาคอยดูกันต่อไป เค้าจะมีครั้งต่อไปอีกไหม ^__^