Leh Ladakh ;
Unexpected Journey
จะออกไปแตะขอบฟ้า .. ที่เลห์ลาดัก
Module I ; Introduction to our Trip 
สวัสดีเพื่อนๆชาวบลูแพลนเน็ตทุกคน วันนี้เราอยากจะนำเสนอเรื่องราวการท่องเที่ยวแบบมั่วๆของเราและเพื่อนๆมาฝากเพื่อนๆทุกคนกัน หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ และยินดีน้อมรับคำติชมทุกประการ (ถ้าแก้ให้ด้วยจะขอบพระคุณมาก)
ก่อนอื่นเลย สำหรับการเดินทางครั้งนี้ เกิดขึ้นจากเพื่อนตัวดีของเราเอง เกิดอยากไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อน ก็เลยออกรวบรวมพันธมิตรได้ประมาณ 5 คน แล้วก็ตั้งชื่อกลุ่มขึ้นว่า “ทริปอภิหาร” ทำไมถึงตั้งชื่อทริปแบบนี้ ก็เพราะไม่มีใครคาดฝันมาก่อนว่าสุดท้ายเราจะได้ไปอินเดียกัน ตอนแรกที่เถียงกันว่าจะไปไหนดี ก็เริ่มตั้งแต่โซนยุโรป สวิตเซอร์แลนด์ ชมธรรมชาติ อิตาลีชมเมือง ปรากฏว่าดูรีวิว เห้ยยย ร้อนยังกะเมืองไทย น้ำขงน้ำแข็งละลายหายหมดแล้ว ต้องตัดออก เพราะกลัวร้อน งั้นไปทะเลไหม มัลดีฟ ก่อนน้ำท่วม หรือ บาหลีแต่ก็ดูใกล้เกิน ไม่คุ้มวันลา แต่กุว่าน่าจะเอาไว้ไปกับแฟนมากกว่า (อันนี้แอบคิดเอง ฮ่าๆๆ ) เลยตัดออกอีก งั้นไปรัสเซียดีไหม อ้าวเห้ มีข่าวสงคราม กำลังทะเลาะกับอเมริกา จอบอ งั้นไอซ์แลนด์ล่าแสงเหนือดีไหม ดูรีวิวแล้วก็ท้อ ลงทุนไปก็มีรู้จะได้เห็นแสงเหนือไหม (ขอนั่งดูแสงกระสือโดรนบ้านเราไปก่อนละกัน) ก็เป็นอันตกไป งั้นไปญี่ปุ่นไหมเทศกาลน้ำแข็ง แต่เทศกาลน้ำแข็งมันเดือนกุมพาพันธ์นิ หมดสิทธิ์ยังแต่ยังไม่เริ่มเลย เด็ดสุดคีร์กีสถาน มันคือประเทศอะไรเนี่ย กุจะตายในป่าไหม ฮ่าๆ (ยังกะเถื่อน travel ของพี่สิงห์) แล้วก็มาถึงเลห์ลาดัค บอกตามตรงว่าประเทศเห้อะไร กุไม่รู้จัก ฮ่าๆ ถ้าเพื่อนไม่พูดถึง เราคงไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริงบนพื้นโลกใบนี้ แล้วก็คงงงกันว่าเขาไปถ่ายรูปแบบนี้มาจากไหนกันไปอีกนาน
The membership
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขออนุญาตนำเพื่อนๆชาวบลูแพลนเน็ตทุกคนไปรู้กับบรรดาเพื่อนๆหมอๆตัวละครทริปในครั้งนี้กันดีกว่า
เริ่มกันที่ “เแพรว” สาวร่างเล็กหนึ่งเดียวในกลุ่ม แม้จะดูทะมัดทะแมนจนเพื่อนมักรวมเรียกว่า ชายฉกรรจ์ เธอก็ยังเป็นสตรีเพศหนึ่งเดียวในกลุ่มอยู่ดี และเธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่ชอบผู้ชายนะ ฮ่าๆๆ

คนต่อมา “เดี่ยว” ตัวบงการหลักและตัวตั้งตัวตีของทริปนี้อย่างเป็นทางการ ผู้ชายสบายๆชอบท่องเที่ยวตามสไตล์ผู้ชายลักษณ์ 7 เจ้าของ Gro Pro กรอบทองอันทรงพลังและทักษะการถ่ายคลิปอันล้ำเลิศซึ่งจะได้เห็นต่อไป

คนต่อมา “ตูมตาม” ช่างภาพประจำทริป เหตุที่ได้เป็นช่างภาพประจำกลุ่มนั้น ก็เพราะว่าถ่ายรูปได้ปังที่สุดในกลุ่มแล้ว ภาพที่ผ่านมือและกล้องของเพื่อนตูมตามนั้น มักจะได้ภาพที่เรียกว่า “hee - ปัง” หรือ “ละมุนี” ย่อมาจาก “ละมุน hee” มาก (ขออนุญาตในคำไม่สุภาพ เพื่ออรรถรสในการอ่านเท่านั้น) ซึ่งเป็นคำพูดติดปากประจำทริปไปและเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี

คนต่อมา “แม็กกี้” สุภาพบุรุษผู้แสนดีประจำกลุ่ม ทำหน้าที่พร้อมคอยดูแลเพื่อนในกลุ่มตลอดเวลา เหมาะที่จะให้เป็นพ่อของลูก ผู้มาพร้อมกับเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ หากได้ยินแล้วจะสะเทือนโสตประสาทจนต้องหัวเราะตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ พร้อมกับสีผิวสีแทน(ที่จะขาว) ซึ่งคาดว่าเพิ่งผ่านสมรภูมิมอดไหม้มาเป็นแน่แท้ (ถ้ามันมาอ่าน เราอาจโดนอันติได้ )

และสุดท้าย...เราเอง เป็นคนพูดน้อย เรียบร้อย น่ารัก และเราว่าเราหน้าตาดีที่สุดในกลุ่มนะ (เหรออออออออ เหมือนได้ยินเสียงคนด่ามาแต่ไกล ฮ่าๆ) ยังไงก็ฝากกระทู้ของเราไว้อ่านเล่นคลายเหงาด้วย จะเอากระทู้เข้าห้องน้ำไปอ่านด้วยเราก็ไม่ว่าหรอกนะ

กระทู้นี้คงไม่เหมือนกระทู้รีวิวเท่าไหร่ เพราะดูไม่น่าจะได้สาระอะไรจากกระทู้นี้เท่าไหร่นัก แต่อยากให้เพื่อนทุกคนที่อ่านกระทู้นี้ ได้รู้สึกเหมือนเพื่อนๆกำลังเดินทางไปกับเพื่อนของท่าน และเหมือนได้เดินทางไปพร้อมกับพวกเรามากกว่า ..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
***** ระวังสเปิร์ม เอ้ย สปอย !!! ทริปนี้รูปเยอะมาก เลยมีแต่รูปมาให้ดูเล่นเป็นส่วนใหญ่ ********
ขอแนะนำสถานที่ที่เราจะไปกันสักเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เราโง่ด้านภูมิประเทศและประวัติศาสตร์ของพื้นที่นี้ จึงขออนุญาตคัดลอกมาจากเว็บไชต์ที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าเรา ให้เพื่อนๆได้อ่านกันแทน
ลาดักห์ (Ladakh) : ทิเบตน้อยแห่งอินเดีย
• ลาดักห์ (Ladakh) คือดินแดนที่ซ่อนเร้นอยู่ตรงกลางระหว่างเทือกเขาหิมาลัยและที่ราบสูงคาราโครัม กล่าวได้ว่านี่คือสุดเขตแดนตะวันตกเฉียงใต้ของเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเต็มไปด้วยภูเขาหิมะที่สูงถึง 7,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ขึ้นไปโอบล้อมเลห์ (Leh) อันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของแคว้นแคชเมียร์และจัมมู ให้กลายเป็นดินแดนลี้ลับ ที่ยากแก่การเข้าถึง ดาลักห์เคยเป็นหนึ่งในอาณาจักรใหญ่ที่สุดที่เคยรุ่งเรือง อีกทั้งยังเป็นชุมทางการค้าขายของ 1 ใน 3 เส้นทางสำคัญแห่งหิมาลัยโบราณ อันได้แก่ เส้นทางสายแพรไหม เส้นทางเกลือ และ เส้นทางเครื่องเทศ โดยลาลักห์ทำหน้าที่เป็นชุมทางค้าขายสำคัญของพ่อค้าชาววาณิชที่เดินทางมาพบปะแลกเปลี่ยนซื้อขายกันบนเส้นทางแพรไหมทางบกเชื่อมต่อกับเอเชียกลาง เอเชียตะวันตก ตะวันออกกลาง และยุโรปเข้าด้วยกัน ลาดักห์ จึงไม่ต่างกับเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมขนาดใหญ่ที่ไม่เหมือนใคร
• ลาดักห์ ตั้งอยู่ตอนเหนือของประเทศอินเดีย ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดกับฑิเบต อยู่ห่างจากเมืองนิวเดลฮี (New Delhi) เป็นระยะทาง 615 กิโลเมตร ภายใต้การปกครองของรัฐจัมมูและแคชเมียร์ (Jammu & Kashmir) ซึ่งประกอบด้วย 3 แคว้นคือ แคว้นจัมมู แคว้นแคชเมียร์ และ แคว้นลาดักห์ โดยมี เลห์ (Leh) เป็นเมืองหลวงของลาดักห์ มีภูมิประเทศที่ถือว่าตั้งอยู่บนที่ราบสูงที่สุดของอินเดีย โอบล้อมด้วยเทือกเขาทั้งสามด้านคือ ทางด้านเหนือติดกับเทือกเขาคุนลุน (Kunlun) ทางด้านตะวันตกติดกับเทือกเขาคาราโครัม (Karakoram Range) และทางด้านทิศใต้ ติดกับเทือกเขาหิมาลัย (Himalaya)
• เมืองลาดักห์ ประกอบด้วยหุบเขาใหญ่ 5 หุบเขา คือ หุบเขาสินธุ (Indus Valley) หุบเขานูบร้า (Nubra Valley) หุบเขาชูมัทถัง (Chumathang Valley) หุบเขาซูรู (Suru Valley) และ หุบเขาซันสการ์ (Zanskar Valley) โดยมีหุบเขาสินธุเป็นหุบเขาที่สำคัญเพราะเป็นที่ตั้งของ เลห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแค้วนลาดักห์
• ลาดักห์ ทิเบตน้อย (Little Tibet)
• ยุคค้นของลาดักห์ เริ่มต้นขึ้นเมื่อราวศตวรรษที่ 1 โดยลาดักห์ตกเป็นส่วนหนึ่งของ อาณาจักรกูชาน (Kushan หรือ กุชนา : Kushana) ศาสนาพุทธได้เข้ามาเผยแพร่ในเลห์โดยมาจากแคว้นแคชเมียร์ ในขณะที่ทางด้านลาดักห์ด้านตะวันออกและทิเบตยังคงนับถือลัทธิเพิน (Bon) ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 8 ลาดักห์ถูกดึงเข้าไปร่วมกับสงครามแย่งชิงดินแดน ระหว่างจีนและทิเบต โดยจีนพยายามแห่อิทธิพลลงมาทางเอเชียกลาง และทิเบตตะวันตกโดย อาณาจักรกูเก (Guge Kingdom) ซึ่งกำลังเข้มแข็ง ได้เข้ารุกรานลาดักห์จนยึดได้สำเร็จ จากนั้น กษัตริย์แห่งกูเก ได้แยกลาดักห์ออกเป็นหลายส่วน เพื่อแบ่งให้โอรสของพระองค์ปกครอง คือ มาร์ยุล (Maryul) ปกครองลาดักห์ โอรสองค์ต่อมาคือ เด ซุก ดกน (IDe stsug mgon) ปกครองซันสการ์ และโอรสองค์สุดท้าย บีคราว สิหส์ (bKra Shis) ปกครองกูเกปูรัง (Guge-Purang) ซึ่งเป็นเมืองแม่เดิมของอาณาจักรกูเก
• ต่อมาในปี ค.ศ. 842 อาณาจักรทิเบตล่มสลาย หนิงมา-โกน (Nyima-Gon) ผู้สืบเชื้อสายทิเบต จึงก่อตั้งราชวงศ์แรกของลาดักส์ขึ้น แต่ว่า ลาดักห์ในยุคนี้ประสบกับปัญหานานับปการ กระทั่งถึงศตวรรษที่ 13 การมาถึงของศาสนาอิสลาม ทำให้ลาดักส์ต้องหันไปรับเอาศานาพุทธแบบทิเบต (นิกายวัชรยาน) เข้ามาอย่างเต็มตัวเพื่อเป็นเกราะป้องกัน แต่อย่างไรก็ตาม กองกำลังชาวเปอร์เซียได้รุกรานอย่างหนักอยู่ราว 200 ปี จนกระทั่งพื้นที่บางส่วนของลาดักห์ต้องเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม และแตกแยกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ลาดักห์บน ปกครองโดยกษัตริย์แห่ เลห์และเซย์ (King of Leh and Shey) และลาดักห์ล่าง ปกครองโดย กษัตริย์แห่งบาสโก้ (King of Basgo)
• ศตวรรษที่ 16 กษัตริย์บากัน (Bhagan King) แห่งบาสโก้ ได้รวบรวมลาดักห์ให้เป็นปึกแผ่นแว่นแคว้นเดียวกันอีกครั้ง แล้วสถาปนา ราชวงศ์นัมเกียล (Namgyal Dynasty) และยังคงสืบเชื้อสายมาจนทุกวันนี้ ซึ่งช่วงเวลานี้ นับเป็นช่วงยุคทองของลาดักห์ โดยเฉพาะในช่วงรัชสมัย กษัตริย์ ตาชิ นัมเกียล (Tashi Namgyal)
• ต้นศตวรรษที่ 17 กษัตริย์เซงเก นัมเกียล (Senngge Namgyal) ผู้ได้รับสมญานามว่า กษัตริย์สิงโต ทรงเป็นผู้นำที่รับสมญานามว่า กษัตริย์สิงโต ทรงเป็นผู้นำที่เก่งกาจและมีชื่อเสียงมากที่สุดของดาลักห์ ได้ทรงทำนุบำรุงวัดวาอารามและพระราชวังต่างๆ ในเมืองเลห์ที่ถูกทำลายลง เช่น วัดเฮมิส (Hemis Gompa) และพระราชวังเลห์ (Leh Palace) เมื่อครั้งที่ถูกเปอร์เซียรุกราน กระทั่งราชวงศ์โมกุลเสื่อมอำนาจลง ศาสนาซิกข์ได้แผ่อำนาจเข้าครอบคลุมแคว้นปัญจาบ (Panjab) และแคว้นแคชเมียร์ จนกระทั่ง ในปี ค.ศ. 1834 กุหลาบ สิงห์ (Gulab Singh) กษัตริย์แห่งราชวงศ์ราชบุตร บุกตีแคว้นลาดักห์ส่งผลให้ เซเป นัมเกียล (Tshespal Namgyal) กษัตริย์องค์สุดท้ายของลาดักห์ยอมสละบัลลังก์จากเลห์แล้วไปอยู่ที่พระราชวังสต็ก (Stok Palace) จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1947 อินเดียประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ ปากีสถานแยกประเทศ แคว้นลาดักห์จึงตกเป็นส่วนหนึ่งของรัฐจัมมูและแคชเมียร์ โดยมีอำนาจการปกครองสั่งตรงลงมาจากเมืองศรีนาการ์ (Srinagar)
• ในปี ค.ศ. 1949 จีนเปิดชายแดน จึงส่งผลให้หุบเขานูบร้าในลาดักห์ และมณฑลซินเจียงในจีน ปิดเส้นทางการค้าขาย ในเส้นทางสายแพรไหมโบราณไปด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นถัดมาอีก 1 ปี จีนเริ่มบุกทิเบต และในปี ค.ศ. 1959ทำให้เริ่มมีผู้คนอพยพจากทิเบตเพื่อหนีภัยสงครามเข้าสู่ลาดักห์และอินเดีย รวมถึงองค์ดาไลลามะองค์ที่ 14 (องค์ปัจจุบัน) นี้ด้วย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1962 จีนปิดพรมแดนเชื่อมต่อลาดักห์-ทิเบตในทุกจุดนั่นทำให้ปิดประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ลาดักห์-ทิเบตที่มียาวนานมากว่า 700 ปีจบลง แต่ว่าด้วยอิทธิพลของทิเบต ทั้งในด้านการเมือง ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม การค้าขายและวิถีชีวิตของชาวทิเบตได้เข้ามาเผยแพร่ในลาดักห์ก่อนนี้อยู่แล้ว รวมถึงการหลั่งไหลอพยพของชาวทิเบตอีกหลายหมื่นคน ทำให้ดาลักห์ กลายเป็น “ทิเบตน้อย” หรือ Litte Tibet
http://www.oceansmile.com/India/Ladakh.htm
http://www.lehladakh.co.in/leh-ladakh-map
Ladakh (ลาดักห์) ตั้งอยู่ในแคว้น Jammu & Kashmir (J&K) ซึ่งเป็นแคว้นที่อยู่เหนือสุดของประเทศอินเดีย
ประกอบด้วย 3 ภูมิภาคหลัก คือ
1. Jammu : เมืองหลัก คือ Jammu
2. Kashmir Valley : เมืองหลัก คือ Srinagar
3. Ladakh : เมืองหลัก คือ Leh
https://thegr8wall.wordpress.com/welcome-to-india/ladakh-north-east-india/
[CR] [CR] Leh Ladakh ; Unexpected Journey [ทริปหมอๆขอลา(ดักห์)พักร้อน]
Unexpected Journey
จะออกไปแตะขอบฟ้า .. ที่เลห์ลาดัก
Module I ; Introduction to our Trip
สวัสดีเพื่อนๆชาวบลูแพลนเน็ตทุกคน วันนี้เราอยากจะนำเสนอเรื่องราวการท่องเที่ยวแบบมั่วๆของเราและเพื่อนๆมาฝากเพื่อนๆทุกคนกัน หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ และยินดีน้อมรับคำติชมทุกประการ (ถ้าแก้ให้ด้วยจะขอบพระคุณมาก)
ก่อนอื่นเลย สำหรับการเดินทางครั้งนี้ เกิดขึ้นจากเพื่อนตัวดีของเราเอง เกิดอยากไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อน ก็เลยออกรวบรวมพันธมิตรได้ประมาณ 5 คน แล้วก็ตั้งชื่อกลุ่มขึ้นว่า “ทริปอภิหาร” ทำไมถึงตั้งชื่อทริปแบบนี้ ก็เพราะไม่มีใครคาดฝันมาก่อนว่าสุดท้ายเราจะได้ไปอินเดียกัน ตอนแรกที่เถียงกันว่าจะไปไหนดี ก็เริ่มตั้งแต่โซนยุโรป สวิตเซอร์แลนด์ ชมธรรมชาติ อิตาลีชมเมือง ปรากฏว่าดูรีวิว เห้ยยย ร้อนยังกะเมืองไทย น้ำขงน้ำแข็งละลายหายหมดแล้ว ต้องตัดออก เพราะกลัวร้อน งั้นไปทะเลไหม มัลดีฟ ก่อนน้ำท่วม หรือ บาหลีแต่ก็ดูใกล้เกิน ไม่คุ้มวันลา แต่กุว่าน่าจะเอาไว้ไปกับแฟนมากกว่า (อันนี้แอบคิดเอง ฮ่าๆๆ ) เลยตัดออกอีก งั้นไปรัสเซียดีไหม อ้าวเห้ มีข่าวสงคราม กำลังทะเลาะกับอเมริกา จอบอ งั้นไอซ์แลนด์ล่าแสงเหนือดีไหม ดูรีวิวแล้วก็ท้อ ลงทุนไปก็มีรู้จะได้เห็นแสงเหนือไหม (ขอนั่งดูแสงกระสือโดรนบ้านเราไปก่อนละกัน) ก็เป็นอันตกไป งั้นไปญี่ปุ่นไหมเทศกาลน้ำแข็ง แต่เทศกาลน้ำแข็งมันเดือนกุมพาพันธ์นิ หมดสิทธิ์ยังแต่ยังไม่เริ่มเลย เด็ดสุดคีร์กีสถาน มันคือประเทศอะไรเนี่ย กุจะตายในป่าไหม ฮ่าๆ (ยังกะเถื่อน travel ของพี่สิงห์) แล้วก็มาถึงเลห์ลาดัค บอกตามตรงว่าประเทศเห้อะไร กุไม่รู้จัก ฮ่าๆ ถ้าเพื่อนไม่พูดถึง เราคงไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริงบนพื้นโลกใบนี้ แล้วก็คงงงกันว่าเขาไปถ่ายรูปแบบนี้มาจากไหนกันไปอีกนาน
The membership
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขออนุญาตนำเพื่อนๆชาวบลูแพลนเน็ตทุกคนไปรู้กับบรรดาเพื่อนๆหมอๆตัวละครทริปในครั้งนี้กันดีกว่า
เริ่มกันที่ “เแพรว” สาวร่างเล็กหนึ่งเดียวในกลุ่ม แม้จะดูทะมัดทะแมนจนเพื่อนมักรวมเรียกว่า ชายฉกรรจ์ เธอก็ยังเป็นสตรีเพศหนึ่งเดียวในกลุ่มอยู่ดี และเธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่ชอบผู้ชายนะ ฮ่าๆๆ
คนต่อมา “เดี่ยว” ตัวบงการหลักและตัวตั้งตัวตีของทริปนี้อย่างเป็นทางการ ผู้ชายสบายๆชอบท่องเที่ยวตามสไตล์ผู้ชายลักษณ์ 7 เจ้าของ Gro Pro กรอบทองอันทรงพลังและทักษะการถ่ายคลิปอันล้ำเลิศซึ่งจะได้เห็นต่อไป
คนต่อมา “ตูมตาม” ช่างภาพประจำทริป เหตุที่ได้เป็นช่างภาพประจำกลุ่มนั้น ก็เพราะว่าถ่ายรูปได้ปังที่สุดในกลุ่มแล้ว ภาพที่ผ่านมือและกล้องของเพื่อนตูมตามนั้น มักจะได้ภาพที่เรียกว่า “hee - ปัง” หรือ “ละมุนี” ย่อมาจาก “ละมุน hee” มาก (ขออนุญาตในคำไม่สุภาพ เพื่ออรรถรสในการอ่านเท่านั้น) ซึ่งเป็นคำพูดติดปากประจำทริปไปและเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี
คนต่อมา “แม็กกี้” สุภาพบุรุษผู้แสนดีประจำกลุ่ม ทำหน้าที่พร้อมคอยดูแลเพื่อนในกลุ่มตลอดเวลา เหมาะที่จะให้เป็นพ่อของลูก ผู้มาพร้อมกับเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ หากได้ยินแล้วจะสะเทือนโสตประสาทจนต้องหัวเราะตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ พร้อมกับสีผิวสีแทน(ที่จะขาว) ซึ่งคาดว่าเพิ่งผ่านสมรภูมิมอดไหม้มาเป็นแน่แท้ (ถ้ามันมาอ่าน เราอาจโดนอันติได้ )
และสุดท้าย...เราเอง เป็นคนพูดน้อย เรียบร้อย น่ารัก และเราว่าเราหน้าตาดีที่สุดในกลุ่มนะ (เหรออออออออ เหมือนได้ยินเสียงคนด่ามาแต่ไกล ฮ่าๆ) ยังไงก็ฝากกระทู้ของเราไว้อ่านเล่นคลายเหงาด้วย จะเอากระทู้เข้าห้องน้ำไปอ่านด้วยเราก็ไม่ว่าหรอกนะ
กระทู้นี้คงไม่เหมือนกระทู้รีวิวเท่าไหร่ เพราะดูไม่น่าจะได้สาระอะไรจากกระทู้นี้เท่าไหร่นัก แต่อยากให้เพื่อนทุกคนที่อ่านกระทู้นี้ ได้รู้สึกเหมือนเพื่อนๆกำลังเดินทางไปกับเพื่อนของท่าน และเหมือนได้เดินทางไปพร้อมกับพวกเรามากกว่า ..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอแนะนำสถานที่ที่เราจะไปกันสักเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เราโง่ด้านภูมิประเทศและประวัติศาสตร์ของพื้นที่นี้ จึงขออนุญาตคัดลอกมาจากเว็บไชต์ที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าเรา ให้เพื่อนๆได้อ่านกันแทน
ลาดักห์ (Ladakh) : ทิเบตน้อยแห่งอินเดีย
• ลาดักห์ (Ladakh) คือดินแดนที่ซ่อนเร้นอยู่ตรงกลางระหว่างเทือกเขาหิมาลัยและที่ราบสูงคาราโครัม กล่าวได้ว่านี่คือสุดเขตแดนตะวันตกเฉียงใต้ของเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเต็มไปด้วยภูเขาหิมะที่สูงถึง 7,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ขึ้นไปโอบล้อมเลห์ (Leh) อันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของแคว้นแคชเมียร์และจัมมู ให้กลายเป็นดินแดนลี้ลับ ที่ยากแก่การเข้าถึง ดาลักห์เคยเป็นหนึ่งในอาณาจักรใหญ่ที่สุดที่เคยรุ่งเรือง อีกทั้งยังเป็นชุมทางการค้าขายของ 1 ใน 3 เส้นทางสำคัญแห่งหิมาลัยโบราณ อันได้แก่ เส้นทางสายแพรไหม เส้นทางเกลือ และ เส้นทางเครื่องเทศ โดยลาลักห์ทำหน้าที่เป็นชุมทางค้าขายสำคัญของพ่อค้าชาววาณิชที่เดินทางมาพบปะแลกเปลี่ยนซื้อขายกันบนเส้นทางแพรไหมทางบกเชื่อมต่อกับเอเชียกลาง เอเชียตะวันตก ตะวันออกกลาง และยุโรปเข้าด้วยกัน ลาดักห์ จึงไม่ต่างกับเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมขนาดใหญ่ที่ไม่เหมือนใคร
• ลาดักห์ ตั้งอยู่ตอนเหนือของประเทศอินเดีย ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดกับฑิเบต อยู่ห่างจากเมืองนิวเดลฮี (New Delhi) เป็นระยะทาง 615 กิโลเมตร ภายใต้การปกครองของรัฐจัมมูและแคชเมียร์ (Jammu & Kashmir) ซึ่งประกอบด้วย 3 แคว้นคือ แคว้นจัมมู แคว้นแคชเมียร์ และ แคว้นลาดักห์ โดยมี เลห์ (Leh) เป็นเมืองหลวงของลาดักห์ มีภูมิประเทศที่ถือว่าตั้งอยู่บนที่ราบสูงที่สุดของอินเดีย โอบล้อมด้วยเทือกเขาทั้งสามด้านคือ ทางด้านเหนือติดกับเทือกเขาคุนลุน (Kunlun) ทางด้านตะวันตกติดกับเทือกเขาคาราโครัม (Karakoram Range) และทางด้านทิศใต้ ติดกับเทือกเขาหิมาลัย (Himalaya)
• เมืองลาดักห์ ประกอบด้วยหุบเขาใหญ่ 5 หุบเขา คือ หุบเขาสินธุ (Indus Valley) หุบเขานูบร้า (Nubra Valley) หุบเขาชูมัทถัง (Chumathang Valley) หุบเขาซูรู (Suru Valley) และ หุบเขาซันสการ์ (Zanskar Valley) โดยมีหุบเขาสินธุเป็นหุบเขาที่สำคัญเพราะเป็นที่ตั้งของ เลห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแค้วนลาดักห์
• ลาดักห์ ทิเบตน้อย (Little Tibet)
• ยุคค้นของลาดักห์ เริ่มต้นขึ้นเมื่อราวศตวรรษที่ 1 โดยลาดักห์ตกเป็นส่วนหนึ่งของ อาณาจักรกูชาน (Kushan หรือ กุชนา : Kushana) ศาสนาพุทธได้เข้ามาเผยแพร่ในเลห์โดยมาจากแคว้นแคชเมียร์ ในขณะที่ทางด้านลาดักห์ด้านตะวันออกและทิเบตยังคงนับถือลัทธิเพิน (Bon) ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 8 ลาดักห์ถูกดึงเข้าไปร่วมกับสงครามแย่งชิงดินแดน ระหว่างจีนและทิเบต โดยจีนพยายามแห่อิทธิพลลงมาทางเอเชียกลาง และทิเบตตะวันตกโดย อาณาจักรกูเก (Guge Kingdom) ซึ่งกำลังเข้มแข็ง ได้เข้ารุกรานลาดักห์จนยึดได้สำเร็จ จากนั้น กษัตริย์แห่งกูเก ได้แยกลาดักห์ออกเป็นหลายส่วน เพื่อแบ่งให้โอรสของพระองค์ปกครอง คือ มาร์ยุล (Maryul) ปกครองลาดักห์ โอรสองค์ต่อมาคือ เด ซุก ดกน (IDe stsug mgon) ปกครองซันสการ์ และโอรสองค์สุดท้าย บีคราว สิหส์ (bKra Shis) ปกครองกูเกปูรัง (Guge-Purang) ซึ่งเป็นเมืองแม่เดิมของอาณาจักรกูเก
• ต่อมาในปี ค.ศ. 842 อาณาจักรทิเบตล่มสลาย หนิงมา-โกน (Nyima-Gon) ผู้สืบเชื้อสายทิเบต จึงก่อตั้งราชวงศ์แรกของลาดักส์ขึ้น แต่ว่า ลาดักห์ในยุคนี้ประสบกับปัญหานานับปการ กระทั่งถึงศตวรรษที่ 13 การมาถึงของศาสนาอิสลาม ทำให้ลาดักส์ต้องหันไปรับเอาศานาพุทธแบบทิเบต (นิกายวัชรยาน) เข้ามาอย่างเต็มตัวเพื่อเป็นเกราะป้องกัน แต่อย่างไรก็ตาม กองกำลังชาวเปอร์เซียได้รุกรานอย่างหนักอยู่ราว 200 ปี จนกระทั่งพื้นที่บางส่วนของลาดักห์ต้องเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม และแตกแยกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ลาดักห์บน ปกครองโดยกษัตริย์แห่ เลห์และเซย์ (King of Leh and Shey) และลาดักห์ล่าง ปกครองโดย กษัตริย์แห่งบาสโก้ (King of Basgo)
• ศตวรรษที่ 16 กษัตริย์บากัน (Bhagan King) แห่งบาสโก้ ได้รวบรวมลาดักห์ให้เป็นปึกแผ่นแว่นแคว้นเดียวกันอีกครั้ง แล้วสถาปนา ราชวงศ์นัมเกียล (Namgyal Dynasty) และยังคงสืบเชื้อสายมาจนทุกวันนี้ ซึ่งช่วงเวลานี้ นับเป็นช่วงยุคทองของลาดักห์ โดยเฉพาะในช่วงรัชสมัย กษัตริย์ ตาชิ นัมเกียล (Tashi Namgyal)
• ต้นศตวรรษที่ 17 กษัตริย์เซงเก นัมเกียล (Senngge Namgyal) ผู้ได้รับสมญานามว่า กษัตริย์สิงโต ทรงเป็นผู้นำที่รับสมญานามว่า กษัตริย์สิงโต ทรงเป็นผู้นำที่เก่งกาจและมีชื่อเสียงมากที่สุดของดาลักห์ ได้ทรงทำนุบำรุงวัดวาอารามและพระราชวังต่างๆ ในเมืองเลห์ที่ถูกทำลายลง เช่น วัดเฮมิส (Hemis Gompa) และพระราชวังเลห์ (Leh Palace) เมื่อครั้งที่ถูกเปอร์เซียรุกราน กระทั่งราชวงศ์โมกุลเสื่อมอำนาจลง ศาสนาซิกข์ได้แผ่อำนาจเข้าครอบคลุมแคว้นปัญจาบ (Panjab) และแคว้นแคชเมียร์ จนกระทั่ง ในปี ค.ศ. 1834 กุหลาบ สิงห์ (Gulab Singh) กษัตริย์แห่งราชวงศ์ราชบุตร บุกตีแคว้นลาดักห์ส่งผลให้ เซเป นัมเกียล (Tshespal Namgyal) กษัตริย์องค์สุดท้ายของลาดักห์ยอมสละบัลลังก์จากเลห์แล้วไปอยู่ที่พระราชวังสต็ก (Stok Palace) จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1947 อินเดียประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ ปากีสถานแยกประเทศ แคว้นลาดักห์จึงตกเป็นส่วนหนึ่งของรัฐจัมมูและแคชเมียร์ โดยมีอำนาจการปกครองสั่งตรงลงมาจากเมืองศรีนาการ์ (Srinagar)
• ในปี ค.ศ. 1949 จีนเปิดชายแดน จึงส่งผลให้หุบเขานูบร้าในลาดักห์ และมณฑลซินเจียงในจีน ปิดเส้นทางการค้าขาย ในเส้นทางสายแพรไหมโบราณไปด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นถัดมาอีก 1 ปี จีนเริ่มบุกทิเบต และในปี ค.ศ. 1959ทำให้เริ่มมีผู้คนอพยพจากทิเบตเพื่อหนีภัยสงครามเข้าสู่ลาดักห์และอินเดีย รวมถึงองค์ดาไลลามะองค์ที่ 14 (องค์ปัจจุบัน) นี้ด้วย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1962 จีนปิดพรมแดนเชื่อมต่อลาดักห์-ทิเบตในทุกจุดนั่นทำให้ปิดประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ลาดักห์-ทิเบตที่มียาวนานมากว่า 700 ปีจบลง แต่ว่าด้วยอิทธิพลของทิเบต ทั้งในด้านการเมือง ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม การค้าขายและวิถีชีวิตของชาวทิเบตได้เข้ามาเผยแพร่ในลาดักห์ก่อนนี้อยู่แล้ว รวมถึงการหลั่งไหลอพยพของชาวทิเบตอีกหลายหมื่นคน ทำให้ดาลักห์ กลายเป็น “ทิเบตน้อย” หรือ Litte Tibet
http://www.oceansmile.com/India/Ladakh.htm
Ladakh (ลาดักห์) ตั้งอยู่ในแคว้น Jammu & Kashmir (J&K) ซึ่งเป็นแคว้นที่อยู่เหนือสุดของประเทศอินเดีย
ประกอบด้วย 3 ภูมิภาคหลัก คือ
1. Jammu : เมืองหลัก คือ Jammu
2. Kashmir Valley : เมืองหลัก คือ Srinagar
3. Ladakh : เมืองหลัก คือ Leh
https://thegr8wall.wordpress.com/welcome-to-india/ladakh-north-east-india/
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น