สวัสดีค่ะ
วันนี้มีประสบการณ์การศัลยกรรมอยากมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านและคิดดีๆ หากอยากจะทำศัลยกรรมค่ะ โดยเฉพาะริมฝีปากจะเสี่ยงกว่าส่วนอื่น เพราะถ้าพลาดแล้วคือ เอากลับมาไม่ได้แล้วค่ะ เราไปทำมาประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ ตอนจะทำก็เห็นรีวิวเคสที่ทำแล้วพลาดมาเยอะนะ แต่ไม่สนใจ เพราะคิดว่าคงไม่เกิดกับเรา แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็รู้ว่าคนที่ทำออกมาสวย ที่เห็นในรีวิว เป็นส่วนน้อยมาก คนที่ทำมาแล้วไม่สวยก็อายไม่กล้าออกมาพูดแบบเราก็มีอีกเยอะ วันนี้อยากจะมาเล่าเรื่อง เพื่อยืนยันว่าการทำปากบาง ปากกระจับ ความเสี่ยงมันสูงจริงๆ
แต่เดิมเราเป็นคนที่คิดว่าริมฝีปากตัวเองหนาในระดับนึง อยากให้บางกว่านี้นิดหน่อย และก็อยากจะทำปากกระจับ เลยหาข้อมูลเยอะเหมือนกันค่ะ สุดท้ายก็ตกลงเลือกคลีนิกนึง ค่อนข้างมีชื่อเสียงค่ะ จองคิว นัดวันผ่าตัดค่ะ
วันผ่าตัดเราก็เตรียมตัวตามคำแนะนำที่หาได้ในอินเตอร์เน็ตค่ะ เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ทานวิตามิน ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หวังให้ผลการศัลยกรรมออกมาดี
พอไปถึงก็รอคุณหมอนานพอสมควรค่ะ ก็เลือกทรงปากกับเซลล์ที่เราคุยด้วย ย้ำกับเค้าด้วยค่ะ ว่าจริงๆ เราไม่ได้อยากให้ปากมันบางนะคะ ขอแบบพอดีๆ แค่เป็นทรงก็พอ หลังจากนั้นเค้าให้เรากินยาแล้วก็หลับไป โดยที่ไม่ได้คุยกับหมอเลยค่ะ รู้สึกตัวอีกที ก็กำลังทำปากเราอยู่ (ตอนนั้นก็ไม่แน่ใจว่าที่เราตื่นขึ้นมาระหว่างผ่าตัด เป็นเพราะเค้าตั้งใจ หรือกว่าจะผ่าตัดก็กินยาไปนาน ยาเลยเริ่มหมดฤทธิ์) เราก็รู้สึกเจ็บนิดๆค่ะ แต่ก็อดทน กลัวว่าถ้าพูดออกมา จะรบกวนหมอ เด๋วจะออกมาไม่ดี ตอนนั้นพอทำเสร็จแผลก็เริ่มบวม เราก็ดูไม่ออกค่ะ ว่าทรงจะออกมาเป็นยังไง แต่ตอนนั้นค่อนข้างมั่นใจว่าจะออกมาดี เพราะเห็นรีวิวในคลีนิกเค้าออกมาสวยทุกคน
ก่อนกลับเจ้าหน้าที่ก็แนะนำตามปกติค่ะ ผ่านไปอาทิตย์นึงก็มาตัดไหม ก็เริ่มเห็นแล้วว่ามันไม่น่าจะเท่ากัน เค้าก็บอกไม่ต้องกังวล พยายามนวดเยอะๆ ตอนนี้ยังดูไม่ออก เราก็นวดวนไปค่ะ ผ่านไปประมาณ 3 เดือนก็เริ่มเห็นชัดว่าไม่เท่ากัน และก็เป็นคีลอยด์ ก็เข้าไปที่คลีนิกเพื่อที่จะพบคุณหมอ แต่เจ้าหน้าที่ก็พยายามบอกว่า มันเท่ากันนะคะ ทั้งๆที่มันไม่เท่า จนเค้ารำคาญ บอกว่าจะแก้ก็ได้ แต่แก้ให้ข้างที่หนากว่า บางเท่าอีกด้าน (คือด้านที่มันบางมันไม่มีริมฝีปาก เหมือนคนปากแหว่ง) แบบนั้นเราก็ไม่โอเค เค้าเลยบอกให้กลับไปนวด (นวดอีกแล้ว) พร้อมให้ยามาหลอดนึง แล้วให้เรากลับบ้าน
สุดท้ายเราก็ไม่กลับไปที่นั่นอีก เพราะถ้าแก้ให้แย่กว่าเดิม เราไม่แก้ดีกว่า เพราะที่เป็นอยู่ตอนนั้นมันแย่มากๆ ที่บ้านเห็นเค้าก็เสียใจ เพื่อนๆที่เห็นเค้าก็ตกใจว่าทำไมปากเราเป็นแบบนั้น เครียดมาก ใช้เวลานานมากเลยค่ะ กว่าจะเริ่มทำใจยอมรับ สุดท้ายทุกวันนี้ก็ยังเสียใจทุกครั้งเวลามองกระจกนานๆ แล้วเห็นปากตัวเองเป็นแบบนี้
สุดท้ายอยากให้คนที่คิดจะทำปาก คิดให้เยอะๆๆๆเลยค่ะ เพราะพลาดแล้วพลาดเลย และถ้าติดตามเพจที่แฉศัลยกรรมหลายๆเพจ เช่น ห้องสืบสวย-สยอง (ไม่ได้โปรโมทเพจนะคะ เพราะเราก็เป็นผู้ติดตามเหมือนๆกัน) เค้าจะให้ความรู้ด้านศัลยกรรมต่างๆ แต่จะไม่แนะนำให้คนทำปากเลย
รูปก่อนทำค่ะ

อันนี้เป็นรูปหลังทำค่ะ ช่วงปีแรกพยายามจะยิ้มแต่ยิ้มไม่ได้เลยค่ะ ปากตึงมาก น่ากลียดมาก
อุทาหรณ์เตือนใจ คนที่คิดอยากทำปากกระจับ
วันนี้มีประสบการณ์การศัลยกรรมอยากมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านและคิดดีๆ หากอยากจะทำศัลยกรรมค่ะ โดยเฉพาะริมฝีปากจะเสี่ยงกว่าส่วนอื่น เพราะถ้าพลาดแล้วคือ เอากลับมาไม่ได้แล้วค่ะ เราไปทำมาประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ ตอนจะทำก็เห็นรีวิวเคสที่ทำแล้วพลาดมาเยอะนะ แต่ไม่สนใจ เพราะคิดว่าคงไม่เกิดกับเรา แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็รู้ว่าคนที่ทำออกมาสวย ที่เห็นในรีวิว เป็นส่วนน้อยมาก คนที่ทำมาแล้วไม่สวยก็อายไม่กล้าออกมาพูดแบบเราก็มีอีกเยอะ วันนี้อยากจะมาเล่าเรื่อง เพื่อยืนยันว่าการทำปากบาง ปากกระจับ ความเสี่ยงมันสูงจริงๆ
แต่เดิมเราเป็นคนที่คิดว่าริมฝีปากตัวเองหนาในระดับนึง อยากให้บางกว่านี้นิดหน่อย และก็อยากจะทำปากกระจับ เลยหาข้อมูลเยอะเหมือนกันค่ะ สุดท้ายก็ตกลงเลือกคลีนิกนึง ค่อนข้างมีชื่อเสียงค่ะ จองคิว นัดวันผ่าตัดค่ะ
วันผ่าตัดเราก็เตรียมตัวตามคำแนะนำที่หาได้ในอินเตอร์เน็ตค่ะ เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ทานวิตามิน ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หวังให้ผลการศัลยกรรมออกมาดี
พอไปถึงก็รอคุณหมอนานพอสมควรค่ะ ก็เลือกทรงปากกับเซลล์ที่เราคุยด้วย ย้ำกับเค้าด้วยค่ะ ว่าจริงๆ เราไม่ได้อยากให้ปากมันบางนะคะ ขอแบบพอดีๆ แค่เป็นทรงก็พอ หลังจากนั้นเค้าให้เรากินยาแล้วก็หลับไป โดยที่ไม่ได้คุยกับหมอเลยค่ะ รู้สึกตัวอีกที ก็กำลังทำปากเราอยู่ (ตอนนั้นก็ไม่แน่ใจว่าที่เราตื่นขึ้นมาระหว่างผ่าตัด เป็นเพราะเค้าตั้งใจ หรือกว่าจะผ่าตัดก็กินยาไปนาน ยาเลยเริ่มหมดฤทธิ์) เราก็รู้สึกเจ็บนิดๆค่ะ แต่ก็อดทน กลัวว่าถ้าพูดออกมา จะรบกวนหมอ เด๋วจะออกมาไม่ดี ตอนนั้นพอทำเสร็จแผลก็เริ่มบวม เราก็ดูไม่ออกค่ะ ว่าทรงจะออกมาเป็นยังไง แต่ตอนนั้นค่อนข้างมั่นใจว่าจะออกมาดี เพราะเห็นรีวิวในคลีนิกเค้าออกมาสวยทุกคน
ก่อนกลับเจ้าหน้าที่ก็แนะนำตามปกติค่ะ ผ่านไปอาทิตย์นึงก็มาตัดไหม ก็เริ่มเห็นแล้วว่ามันไม่น่าจะเท่ากัน เค้าก็บอกไม่ต้องกังวล พยายามนวดเยอะๆ ตอนนี้ยังดูไม่ออก เราก็นวดวนไปค่ะ ผ่านไปประมาณ 3 เดือนก็เริ่มเห็นชัดว่าไม่เท่ากัน และก็เป็นคีลอยด์ ก็เข้าไปที่คลีนิกเพื่อที่จะพบคุณหมอ แต่เจ้าหน้าที่ก็พยายามบอกว่า มันเท่ากันนะคะ ทั้งๆที่มันไม่เท่า จนเค้ารำคาญ บอกว่าจะแก้ก็ได้ แต่แก้ให้ข้างที่หนากว่า บางเท่าอีกด้าน (คือด้านที่มันบางมันไม่มีริมฝีปาก เหมือนคนปากแหว่ง) แบบนั้นเราก็ไม่โอเค เค้าเลยบอกให้กลับไปนวด (นวดอีกแล้ว) พร้อมให้ยามาหลอดนึง แล้วให้เรากลับบ้าน
สุดท้ายเราก็ไม่กลับไปที่นั่นอีก เพราะถ้าแก้ให้แย่กว่าเดิม เราไม่แก้ดีกว่า เพราะที่เป็นอยู่ตอนนั้นมันแย่มากๆ ที่บ้านเห็นเค้าก็เสียใจ เพื่อนๆที่เห็นเค้าก็ตกใจว่าทำไมปากเราเป็นแบบนั้น เครียดมาก ใช้เวลานานมากเลยค่ะ กว่าจะเริ่มทำใจยอมรับ สุดท้ายทุกวันนี้ก็ยังเสียใจทุกครั้งเวลามองกระจกนานๆ แล้วเห็นปากตัวเองเป็นแบบนี้
สุดท้ายอยากให้คนที่คิดจะทำปาก คิดให้เยอะๆๆๆเลยค่ะ เพราะพลาดแล้วพลาดเลย และถ้าติดตามเพจที่แฉศัลยกรรมหลายๆเพจ เช่น ห้องสืบสวย-สยอง (ไม่ได้โปรโมทเพจนะคะ เพราะเราก็เป็นผู้ติดตามเหมือนๆกัน) เค้าจะให้ความรู้ด้านศัลยกรรมต่างๆ แต่จะไม่แนะนำให้คนทำปากเลย
รูปก่อนทำค่ะ
อันนี้เป็นรูปหลังทำค่ะ ช่วงปีแรกพยายามจะยิ้มแต่ยิ้มไม่ได้เลยค่ะ ปากตึงมาก น่ากลียดมาก