Review: Blade Runner 2049 (Denis Villeneuve, 2017) เขียนโดย Form Corleone

Blade Runner 2049 (Denis Villeneuve, 2017)  คะแนน A


By Form Corleone

"จิตวิญญาณทำให้เรายังคงรู้สึกและทำให้เราเป็นมนุษย์หรือเข้าใกล้คำว่ามนุษย์ไปอีกขั้น" ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการได้ผู้กำกับ 'Denis Villeneuve' มาสานงานต่อในหนังที่ทิ้งระยะเวลายาวนานถึง 35 ปี กว่าที่เราจะได้ดูภาคต่อกัน แม้ว่างานของภาคนี้จะไม่จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องราวในภาคแรกหรือต้องดูภาคแรกมาก่อนก็ตาม แต่แน่นอนว่า ใครที่เคยดู 'Blade Runner (1982)' จะเข้าใจสิ่งที่หนังเคยทำและเคยสร้างเอาไว้และอินในพื้นฐานของตัวละครภายในเรื่องที่เป็นอยู่มากกว่าคนที่ไม่เคยรับรู้อะไรมาก่อนเลยว่าหนังเป็นแบบไหน อาทิ ‘Harrison Ford’ ที่เป็น ‘Blade Runner’ ในภาค 1982 ความสัมพันธ์ระหว่างความรักของคนกับมนุษย์เทียมที่ภาคแรกสะท้อนมีผลกระทบต่อภาคนี้พอสมควร ทำให้ตัวละครตัวนี้มีมิติในวินาทีที่ปรากฏตัวขึ้น แต่ถ้าใครไม่เคยดูภาคแรกคงจะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่ตัวละครตัวนี้ปรากฏตัวในฉากที่บีบหัวใจมากนัก สำหรับ 'Blade Runner 2049' แสดงนำโดย ‘Ryan Gosling’ รับบทเป็น 'Blade Runner' คนใหม่โดยใช้ชื่อ 'K' และได้รับภารกิจออกตามล่าเด็กที่เกิดระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ ตลอดเส้นทางจึงเป็นการออกตามหาตัวตนของตัวเองว่าแท้จริงแล้วคือใครกันแน่ไปพร้อมกัน ตัวภาพยนตร์มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 44 นาที และด้วยเนื้อหาที่สลับซับซ้อนแฝงไปด้วยนัยยะเชิงคำถามต่อการดำรงชีวิตอยู่ตลอดเวลา+ให้เราได้ครุ่นคิดตีความถึงความหมายสัญลักษณ์ตลอดทั้งเรื่อง ตัวหนังจึงไม่เหมาะที่ใครก็ตามคาดหวังจะเข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วอยากจะได้รับความบันเทิงในรูปแบบหนัง Sci-Fi ต่อสู้อย่างดุเดือด หรือหวังอยากเห็นฉากแอคชั่นมันส์ๆตลอดเวลา ถ้าใครหวังอยากได้อะไรแบบนั้นจากภาพยนตร์เรื่องนี้คงต้องยอมรับสภาพว่าตัวหนังน่าจะส่งมอบความสนุกแบบนั้นได้น้อยนิด แต่ถ้าเราต้องการภาพยนตร์ที่มีคำถามให้เราชวนคิดทั้งตอนดูและหลังดูเสร็จแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้คือผลงาน Sci-Fi ที่ตอบสนองความต้องการของการรับชมในประเภทหลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และแน่นอนว่าความดีงามของข้อความที่ชวนฉงนสนเท่ห์นั้นจะยังคงสะท้อนให้เราได้ขบคิดไปอีกนานนับแต่นี้ เหมือนที่ 'Blade Runner (1982)' ได้ทำสำเร็จในครั้งอดีตแม้จะล้มเหลวในรายได้ของหนังก็ตาม แต่กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าหนังที่ดีจะยืนระยะได้ยาวนานให้คนได้พูดถึงมากกว่าหนังที่มีรายได้เยอะแต่แก่นสารในเรื่องย่ำแย่


Blade Runner 2049 ถือเป็นงานที่มีสเกลใหญ่ถ้าจะเทียบกับหนังที่ 'Denis Villeneuve' เคยทำ อาทิ Incendies(2010), Prisoners(2013), Enemy(2013), Sicario(2015), Arrival(2016) แต่ไม่ว่าตัวหนังจะแมสแค่ไหนก็ตาม ตัวตนของ 'Denis Villeneuve' กลับไม่ได้จางหายหรือโดนกลืนหายไปกับความใหญ่ของตัวหนังเลยแม้แต่น้อย เอกลักษณ์ของตัวผู้กำกับในการสรรค์สร้างเมจเสจในส่วนของคำถามต่อเรื่องราวในเรื่องยังเป็นงานที่ใกล้เคียงกับงานก่อนหน้านี้จนมีส่วนคล้ายกันหรือผสมกันไปด้วย เพียงแต่งานนี้เป็นขั้นที่ใหญ่ขึ้นด้วยพื้นฐานของเนื้อหาและพื้นหลังของโลกอนาคต สิ่งที่ 'Denis Villeneuve' ทำในงานชิ้นนี้คือการต่อยอดพล็อตเดิมที่มีอยู่แล้วให้ไปไกลกว่าเดิมแต่ยังคงเคารพงานเก่าแบบไม่ฉีกกรอบจนเกินไป ความมหัศจรรย์ของงานนี้จึงเป็นการสร้างโลก ‘ดิสโทเปีย’ ที่เซอร์เรียลในบริบทของโลกอนาคต สภาพแวดล้อมจึงเต็มไปด้วยความล้ำยุคสมัยในทำนองเดียวกันก็มีภาวะตกต่ำอย่างชัดเจนคู่ขนานเป็นฉากหลังที่ตัวละครหลักใช้เดินทางตามหาตัวตน ด้วยคำถามที่ทำให้เราฉุกคิดระหว่างของจริงหรือของปลอม ระหว่างมนุษย์จริงหรือมนุษย์เทียม สภาพของหนังจึงทำให้เราได้ไตร่ตรองในความเหนือจริงตลอดเวลา ในอีกมุมหนึ่งก็ครุ่นคิดว่าอะไรคือสิ่งที่จริงอะไรคือสิ่งที่ปลอมไปพร้อมกัน ดังนั้น การเดินทางของ 'K (Ryan Gosling)' จึงเปรียบได้กับสิ่งมีชีวิตที่กำลังค้นหาว่าตัวเองคืออะไร เสมือนสัตว์เซลล์เดียวที่ค่อยๆเจริญเติบโตทางความคิดและเข้าใกล้จิตวิญญาณความเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง และเมื่อตัวภาพยนตร์เดินทางมาถึงบทสรุปตัวละครตัวนี้กลับกลายเป็นตัวละครที่แสนน่าสงสารที่สุดภายในเรื่อง จนทำให้เราเสียน้ำตาให้ตัวละครตัวนี้


ความรักที่สุดโศกเศร้าและสุดแสนเหงาของ 'K' ในรูปแบบปัญญาประดิษฐ์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง 'Her(2013)' เพียงแต่ความรักของปัญญาประดิษฐ์ในเรื่องนี้กลับทำให้เรารู้สึกได้ถึงความรักของแบบจำลองที่มีให้ 'K' มากกว่า ของปลอมจึงดูกลายเป็นของจริงขึ้นมา และสัมผัสได้ทั้งความรู้สึกหรือจับต้องความมีชีวิตอยู่จริงของสิ่งนี้ได้ ความรักภายในเรื่องจริงชวนโรแมนติกในขณะเดียวกันก็แสนเศร้าผสมกันไป และด้วยความเปราะบางของความรู้สึกและเรื่องราวความรักของโลกอนาคตภายในเรื่องผนวกกับความช้าด้วยความยาวของตัวหนังจึงทำให้เราซึมซับความรู้สึกของความสัมพันธ์ได้แบบไม่เร่งรีบและทิ้งช่วงเวลาให้เราได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น จนทำให้เราน้ำตาซึมเป็นระยะในความสัมพันธ์ที่มองดูเป็นของปลอมแต่กลับดูจริงแท้มากกว่าของจริงเสียอีก ความรักจึงดูยิ่งใหญ่แม้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะเป็นของปลอมเป็นเปลือกนอกก็ตาม นอกจากนี้ ตัวบทภาพยนตร์ยังถูกจัดวางไว้ได้จังหวะและน้ำหนักที่ไม่ขาดไม่เกินรวมถึงสำรวจแก่นของความเป็นมนุษย์และหัวใจหลักของการให้กำเนิดสิ่งมีชีวิต ในแง่ของหุ่นยนต์ตั้งครรภ์แบบปกติได้ ประเด็นเรื่องราวทั้งหมดจึงดูละเอียดอ่อนในมิตินี้ ตัวตนของตัวละครที่กำลังค้นหาอยู่จึงซับซ้อนและเชื่อมโยงให้เรารู้สึกได้ถึงความเป็นมนุษย์ ที่มีทั้งบทสนทนาในระดับเซลล์ จนไปถึงพฤติกรรมที่ตัวมนุษย์เทียมให้กำเนิดบุตรได้จนเหมือนมนุษย์ได้จริง ทำให้การหลอมรวมของปลอมภายในเรื่องก่อเกิดเป็นของจริง จึงเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและใคร่หาความหมายพูดคุยถกเถียงในประเด็นดังกล่าวได้อีก ยิ่งไปกว่านั้น ประเด็นในความสัมพันธ์ของครอบครัวยังเป็นสเกลของการค้นหาตัวตนของตัวละครที่ใหญ่ขึ้นมาอีกขั้นตามลำดับ ดังนั้น การลำกับภาพหรือการตัดต่อจึงถูกจัดวางไว้อย่างระมัดระวังและละเอียดมาก การจัดเรียงจึงถูกจัดลำดับขั้นตอนให้ตัว 'K' เผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆเหล่านี้ และสิ่งที่ตัวละครตัวนี้ต้องกระทำคือความทุกข์ทรมานในการเสียสละความปลอมเปลือกของตัวเองออกไปเพื่อให้ค้นหาความจริงให้ได้ แต่จนแล้วจนรอด ความไม่จริงที่ตัวละครมีนั้นกลับไม่สามารถเชื่อมโยงเข้ากับความจริงได้ ตัวละครตัวนี้จึงเกิดมาเพื่อการทำประโยชน์ให้กับผู้สร้างในรูปแบบหนึ่ง มันจึงแสนเศร้าในชะตากรรมที่ตัวละครพึงได้รับเมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง


สิ่งหนึ่งที่ดีงามมากถึงมากที่สุดของงานนี้คืองานภาพของ 'Roger Deakins' ที่เข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้ว 13 ครั้ง แต่ไม่เคยได้สักครั้ง งานนี้คงน่าจะถึงเวลาที่จะได้กับเขาสักที เพราะงานภาพของ 'Blade Runner 2049' คือที่สุดของที่สุดในความสวยงามที่แสนเรียบง่าย การถ่ายภาพสิ่งที่เรียบง่ายให้ดูมีพลังนั้นเป็นความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา งานภาพจึงทำให้เราตื่นตะลึง+ผ่อนคลายในการใช้สมองขบคิดเรื่องราวต่างๆ ภาพในเรื่องทั้งหมดสามารถนำมาเป็นภาพนิ่งแปะข้างฝาจัดแสดงได้ในหลายฉากจนเกินจะนับได้ ถึงแม้เราจะไม่ได้เข้าใจองค์ประกอบงานศิลป์มากมายนัก แต่รับรองว่างานภาพของเรื่องนี้มีองค์ประกอบที่มหัศจรรย์+ทรงพลังมาก ยิ่งไปกว่านั้นในกรอบของภาพเหล่านั้นยังสามารถตีความได้อีกมากมายในจังหวะที่ภาพยนตร์กำลังเงียบหรือฉายภาพนั้นๆขึ้นมา 'Cinematography' ปีนี้ในเวทีออสการ์คงจะถึงเวลาของ 'Roger Deakins' จริงๆ เสียที ในส่วนของซาวด์ประกอบนั้นไม่แตกต่างอะไรกับหนังเรื่อง 'Arrival' แม้ว่าบางจังหวะจะดูฟุ่มเฟือยไปนิดก็ตาม แต่สิ่งที่เราชอบกลับเป็นความเงียบของหนังมากกว่า เราชอบความเงียบและเสียงเท้ากระทบพื้นทรายพื้นฝุ่นของตัวละครมากกว่าจังหวะดนตรีประกอบ+งานภาพด้วยแล้วเกินที่จะบรรยายได้ งานโปรดักชั่นดีไซน์ ทำได้ล้ำสมัยแต่ยังคงแบบฉบับออริจินอลไว้ รวมไปถึงองค์ประกอบของคอสตูมที่ไม่ได้ดูโดดเด่นแต่กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์ สำหรับเรานั้นองค์ประกอบของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงดีงามแทบจะทุกส่วนจนมองหาข้อตำหนิไม่ได้เลย ในส่วนของการแสดง 'Ryan Gosling' ได้ให้การแสดงที่ซับซ้อนเหมือนตอนที่แสดงเรื่อง 'Drive(2011)' แต่กลับแสดงออกมาในสภาวะการครุ่นคิดและเผชิญบททดสอบต่อภาวะจิตใจมากกว่าแน่นอนว่ายังคงเต็มไปด้วยเสน่ห์อีกเช่นเดิม ส่วน 'Harrison Ford' ถ้าใครมีภูมิหลังกับตัวละครตัวนี้จะเข้าถึงสภาพที่ตัวละครเป็นอยู่ได้ไม่ยาก เล่นน้อยแต่ได้เยอะ ส่วนคนที่น่าจะจัดไปในทางเฉยๆคงจะเป็น 'Jared Leto' ที่ทำหน้าที่ได้ตามบทที่ได้รับแต่ไม่ได้โดดเด่นอะไรในจังหวะที่ปรากฏตัวแม้จะดูมีมุมที่ลึกลับอยู่ก็ตาม ที่น่าหลงใหลที่สุดสำหรับเราคงจะเป็น 'Ana de Armas' ส่วนคนอื่นๆก็ทำได้ดีในเหตุการณ์ตรงหน้า


ท้ายสุด 'Blade Runner 2049' จึงเป็นภาพยนตร์ที่พาเราไปหาคำตอบของรากเหง้าในชีวิต และการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ โดยสร้างกรอบของปลอมขึ้นมาให้เราได้ขบคิดและพิจารณารวมทั้งวิพากษ์สิ่งต่างๆภายในเรื่องได้อย่างแตกแขนงแยกย่อยในมิติของโลกอนาคต ในรูปแบบหนัง 'Sci-Fi' ที่สำหรับเราแล้วเป็นงานที่ชื่นชอบมากเป็นอันดับต้นๆของปีนี้ และเป็นภาพยนตร์ที่สามารถทำให้เราได้ครุ่นคิดไตร่ตรองสิ่งต่างๆมากมายทั้งขณะที่ดูอยู่หรือตอนหนังจบลง อย่างไรก็ตาม ด้วยความยาวของตัวหนังและเนื้อหาที่ต้องอาศัยการตีความคงจะไม่ตอบสนองคนดูหนังในวงกว้างจนจัดเป็นหนังคัลท์เฉพาะกลุ่มด้วยรายละเอียดหยิบย่อยต่างๆอย่างที่กล่าวไป ตัวหนังก็ยังคงให้ความรู้สึกทีมีต่อความรักที่แสนเศร้า อารมณ์ของความเหงาที่โดดเดี่ยว ทุกเศษเสี่ยวที่หนังดำเนินไปคือความสวยงามจนทำให้เราน้ำตาซึมให้กับชะตากรรมของตัวละคร และทำให้เราได้กลับมาทบทวนสิ่งที่เรียกว่าของจริงว่าแท้จริงแล้วคือของจริงที่ถูกกรอบของคำว่าของ ‘ปลอม’ ล้อมรอบไว้หรือเปล่า แล้วอะไรกันแน่คือของจริง?


ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ ยิ้ม

ตัวอย่างหนัง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่