นั่งดูรูปเก่าเพลินๆก็เลยอยากจะมาแบ่งปันสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองยอกยาการ์ตาค่ะ เชื่อว่าหลายๆคนมาที่เที่ยวเมืองนี้เพื่อที่จะเดินทางไปชม Candi Borobudur ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองมาเกอลัง และ Candi Prambanan เพราะเป็นมรดกโลกที่มีชื่อเสียงมาก เรียกว่ามาแค่ 2 ที่ก็คุ้มแล้วใช่ไหมคะ
แต่ว่าการเดินทางจากไทยไปยอกยาเนี่ยยังไม่มีบินตรงค่ะ หากจะไปก็ต้องต่อเครื่องหรือบางท่านก็ลงซักที่ในเกาะชวาแล้วนั่งรถไฟ ทำให้การเดินทางใข้เวลานานค่อนข้างนานค่ะ ทั้งๆที่ใกล้นิดเดียว จะให้เที่ยวแค่สองที่แล้วกลับมันก็จะเร็วไปเพราะเดินทางก็นานแล้ว วันนี้เราก็เลยอยากมาแบ่งปันสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองยอกยาการ์ตานะคะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังแพลนจะไปยอกยา แล้วในแพลนยังมีเวลาว่างแต่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี ไม่อยากนอนเล่นที่โรงแรมเฉยๆ เริ่มเลยแล้วกันนะคะ !
สำหรับการเดินทางนั้น ถ้าหากเดินทางในตัวเมืองส่วนมากเราจะใช้บริการ Go-Jek ค่ะ ( Grab,Uber ) เพราะระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ แต่ถ้าหากออกไปนอกเมืองจะเช่ารถเอานะคะ ราคาพร้อมน้ำมันและคนขับจะอยู่ที่ประมาณ 450,000 รูปเปียค่ะ หาเช่าได้ทั่วไปเลยค่ะมีหลายบริษัทให้เลือก
เราจะเริ่มบริเวณในตัวเมืองก่อนนะคะ
Malioboro

ถนนเส้นนี้เป็นแหล่งรวมร้านขายของฝากที่ใหญ่ที่สุดในยอกยาเลยค่ะ ของฝากที่มีชื่อเสียงของที่นี่ก็จะเป็น ผ้าบาติก,สละ Pondoh, ช้อคโกแลตยี่ห้อ Monggo และขนมเปี๊ยะ ค่ะ ที่ถนนมาลิโอโบโรถ้าเป็นร้านใหญ่ๆส่วนมากจะต่อไม่ได้นะคะ ราคาจะตามป้ายเลย หากจะซื้อบาติกเราแนะนำร้าน Hamza ค่ะเดินไปทางทิศใต้เกือบสุดถนน สำหรับขาช้อปที่ชอบซื้อแบบต่อราคาแนะนำให้ไปที่ Pasar Belingharjo ตั้งอยู่บนถนนมาลิโอโบโรเหมือนกันค่ะ อันนี้ต่อราคากันสนุกเลยแต่ต้องไปก่อน 6 โมงนะคะเดี๋ยวเค้าเก็บร้านกันก่อน อ้อ ! แล้วใครที่มาแถวนี้ก็อย่าลืมแวะกิน Kopi Jos (กาแฟใส่ถ่าน) นะคะ แก้วละประมาณ 4,000 Rp เอง
Keraton

ยอกยาการ์ตาเป็นเขตปกครองพิเศษค่ะ มีสุลต่านเป็นผู้ปกครองและดูแล วังสุลต่านที่นี่จึงยังเป็นทั้งที่อยู่อาศัยของราชวงศ์และที่ประกอบพิธีสำคัญต่างๆค่ะ เปิดเวลา 9-14.00 ค่าตั๋วเราไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ตอนนี้แต่ไม่น่าเกิน 20,000 สำหรับชาวต่างชาติค่ะ หากต้องการใช้กล้องถ่ายรูปต้องเสียเพิ่มประมาณ 3,000 ค่ะ อันนี้ตั้งอยู่บริเวณกลางเมือง เดินทางมาง่ายค่ะ
Taman Sari

ไม่ไกลจาก Keraton เท่าไหร่ในระยะที่เดินได้ เราก็จะเจอกับ Taman Sari ค่ะ อันนี้ค่าเข้าคนละ 15,000 ราคาคนต่างชาตินะคะ ซื้อตั๋วแล้วอย่าเพิ่งทิ้งนะคะ เก็บไว้ก่อน ที่นี่เปิด-ปิด 9-14.00 เท่ากันค่ะ อันนี้สวยมากค่ะเราชอบมาก อาจเป็นเพราะโชคดี ไปทุกครั้งฟ้าใสทุกครั้ง สีฟ้ากับสีตึกพออยู่ด้วยกันแล้วสวยมากค่ะ
Sumur Gumuling

เดินต่อมาเรื่อยๆจาก Taman Sari ให้สังเกตุป้ายบอกทางหรือไม่ก็ลองถามคนแถวนั้นดูค่ะ ไม่ไกลมากแต่อาจทำให้หลงได้ค่ะ เพราะต้องเดินผ่านชุมชน แล้วเราก็จะมาเจอกับมัสยิดใต้ดินค่ะ ยื่นตั๋ว Taman
Sari ให้ได้เลย แต่ถ้าใครทำหายแล้วก็ลองไปดูก่อนนะคะ บางครั้งคนตรวจตั๋วก็ไม่มี มุมนี้นิยมมากเลยค่ะ สำหรับคนถ่ายรูปเก่งๆนี่เชื่อว่ามีรูปเท่ๆหลายรูป ถ้าอยากได้รูปแบบโล่งๆแนะนำให้ไปวันธรรมดาค่ะ
Alun-Alun Kidul

alun-alun เป็นเหมือน city center ค่ะจะมีอยู่ทุกเมืองเลยซึ่งแต่ละเมืองก็จะแตกต่างกันไป เช่นที่มาลังก็จะมีชิงช้าสวรรค์ หรือที่บันดุงก็จะเป็นลานนั่งเล่นชิลๆ Alun-Alun ที่นี่มีเอกลักษณ์ก็คือตรงกลางจะมีต้นไม้สองต้นค่ะ แล้วคนที่นี่ก็จะปิดตาแล้วเดินจากจุดเริ่มต้น ให้ตัวเองเดินไปหยุดตรงกลางระหว่างต้นไม้สองต้นให้ได้ ถ้าทำได้จะถือว่าคนนั้นมีจิตใจที่บริสุทธิ์ค่ะ (อันนี้เป็นความเชื่อเฉยๆค่ะ ปัจจุบันก็่น่าจะทำเพื่อความสนุกก็มี) จะเห็นว่ามีร้านผ้าปิดตาให้เช่าด้วยค่ะ แล้วอีกอย่างที่พิเศษก็คือจะมีรถจักรยานค่ะ เป็นรถจักรยานจริงๆ เพราะต้องปั่นเอาค่ะ รอบละประมาณ 40,000 ถ้าจำไม่ผิด มีหลายแบบให้เลือกคันนึงนั่งได้หลายคนค่ะแล้วแต่แบบ เปิดเพลงกันสนุกเลย เราชอบมาก 5555 ที่นี่แนะนำให้มาตอนกลางจะคึกคักมากค่ะ ่แล้วแถวนั้น ร้านขาย Gudeg เยอะมาก ถ้าไปเชียงใหม่ต้องกินข้าวซอย ไปยอกยาร์ก็ต้องกิน Gudeg นี่แหละค่ะ ส่วนเรื่องรสชาติแล้วแต่คนชอบค่ะ ต้องลองก่อน
Museum Sonobudoyo

สำหรับคนที่ชอบวัฒนธรรม อันนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ค่ะแต่เราขอสารภาพว่าไม่เคยไปตอนกลางวัน แต่ว่าตอนกลางคืนของที่นี่มีการแสดงหนังตะลุง ราคาตั๋วคนละ 20,000 Rp เท่านั้น โดยการแสดงจะเริ่มตอน 2 ทุ่ม (หยุดวันอาทิตย์และวันหยุด) แต่ว่าแสดงเป็นภาษาชวานะคะ ไม่มีซับไตเติ้ลด้วย แต่มีโบชัวให้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมาลิโอโบโรค่ะ ทางเข้าดูหนังตลุงคือตรงบริเวณลาน Alun-Alun Utara ค่ะ รายละเอียด
http://www.sonobudoyo.com/en
Happy Puppy

สำหรับใครไปกันหลายคน อาจรู้สึกว่ากลางคืนนี้มันเงียบเหงาจังเลย บางทีราคาโอเกะอาจเป็นอีกทางเลือกที่ดีค่ะ ที่ยอกยามีหลายสาขามากๆ เลือกที่ใกล้โรงแรมเลยค่ะ สำหรับเพลงไม่ต้องกลัวว่าจะมีแต่เพลงอินโดนะคะ เพราะที่นี่มีเพลงหลายชาติให้เลือกเลยค่ะ เพลงสากลก็อัพเดทตลอดๆ มีเกือบทุกเพลงค่ะ เพลงไทยก็มีนะคะแต่น้อยหน่อย ยังมีเพลงเวียดนาม จีน อีกตะหาก ราคาไม่แพงด้วยแล้วแต่ขนาดห้อง ปิดตี2 ค่ะ ร้องเพลงยาวๆเลย ใครไปกับครอบครัวก็พาครอบครัวไปได้ค่า
Taman Pelangi

หรือแปลเป็นไทยว่าสวนสายรุ้ง ค่าเข้าคนละ 25,000 ตอนดึกๆจะเป็นโคมไฟที่เป็นรูปต่างๆเป็นสถานที่ต่างๆบ้าง หรือว่าเป็นรูปสัตว์บ้างไว้ให้ได้ถ่ายรูปกัน สำหรับเราเราว่าเฉยๆค่ะ แต่เป็นอีกที่ที่มาเดินเล่นได้ตอนที่ไม่มีที่จะไป
Gembira Loka Zoo
อันนี้เป็นสวนสัตว์ค่ะ บางคนอาจมองว่าสวนสัตว์ไว้สำหรับเด็กเท่านั้น แต่ถ้าใครตารางยังว่างอยู่ สวนสัตว์ก็เป็นอีกทางออกนึงที่ดีค่ะ เพราะว่าที่นี่มีสัตว์บางชนิดที่เขาดินบ้านเราไม่มีนะคะ สวนนกก็เป็นแบบเปิดให้เดินไปคุยกับนกได้เลย ส่วนแรงจูงใจที่ทำให้เราไปที่นี่คือมีมังกรโคโมโกใดให้ดูค่ะ ถึงจะมีตัวเดียวแต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปไกลถึงเกาะโคโมโดที่ไกลซะเหลือเกิน ตอนนี้มีอูฐให้ขี่ด้วยนะคะ ราคาวันธรรมดา 25,000 วันหยุด 30,000 ถ้าใครพาเด็กๆไปก็มีของเล่น และกิจกรรมให้อาหารสัตว์มากมายค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าเด็กๆจะเบื่อเลย
Batik
เรียนทำผ้าบาติกเป็นอีกกิจกรรมที่เราแนะนำมากๆค่ะ ได้ทั้งความรู้ทั้งความสนุกแล้วได้ผ้าที่เราทำเองกลับบ้านไปเป็นของที่ระลึกอีกด้วย ส่วนเรื่องที่เรียนหาได้ตามอินเทอเน็ตเลยค่ะราคาประมาณ 100,000 รวมอุปกรณ์ทุกอย่างแล้ว ใครพอมีเวลาว่างอันนี้เราแนะนำจริงๆค่ะ สนุกมาก
หลังจากเราเที่ยวในตัวเมืองมาซักพักแล้ว เราจะเริ่มออกนอกเมืองกันนะคะ สำหรับคนรักธรรมชาติและการผจญภัย การเดินทางที่ง่ายที่สุดคือการเช่ารถพร้อมคนขับค่ะ เพราะเส้นทางจะเริ่มเป็นภูเขาแล้วถ้าออกนอกเมืองไป ที่เที่ยวมีเยอะมาก มีหลายที่ที่เราไม่ได้ไปและอยากไป อันนี้ขออนุญาตแนะนำแค่ที่เคยไปมานะคะ สำหรับการเข้าบางพื้นที่ต้องมีการเสียเงินนะคะ ถ้ามีคนเรียกเก็บก็อย่าตกใจ อันนี้คนอินโดเองก็ต้องจ่ายค่ะ สถานที่ต่อไปนี้อยู่ทาง Gunung Kidul นะคะ
Goa Pindul

อันนี้เป็นถ้ำมีกิจกรรมล่องแพในถ้ำและในแม่น้ำ ข้างในถ้ำก็สวยมากก แต่ตอนนั้นเราไปช่วงถือศีลคนอิสลามไม่มาเล่นน้ำกันทำให้คนน้อยมากและส่วนตัวสุดๆ ถ้าไปวันหยุดคนจะเยอะมาก เค้าจะพาเราเข้าถ้ำล่องไปเรื่อยๆค่ะ ไม่ไกลมากแต่ว่าทางออกนี่สวยมาก แดดส่องลงมาเห็นน้ำเป็นสีฟ้าเลย สวยจริงๆค่ะ ส่วนล่องในแม่น้ำก็จะมีรถพาเราไปค่ะ จะมีจุดกระโดดวัดใจจากหน้าผ้าลงมาแม่น้ำ สูงประมาณ 10 เมตรสุดยอด ห้ามพลาด
http://goapindul.com/paket-wisata/
Gunung Api Purba Nglanggeran

ภูเขาลูกนี้แต่ก่อนเป็นภูเขาไฟแต่ตอนนี้ดับแล้ว (น่าจะใช่) เหมาะมากสำหรับการมาดูพระอาทิตย์ตก เพราะมองจากข้างบนสวยมากค่ะ แต่ต้องเดินขึ้นไปนะคะ ถ้าใครที่ไม่ได้ออกกำลังกายบ่อยแนะนำว่าให้เผื่อเวลาเดินขึ้นสักหน่อยค่ะ (ขึ้นปกติประมาณครึ่งชั่วโมง) แม้ระยะทางไม้ได้ไกลมากแต่ค่อนข้างชันทำให้เราเหนื่อยได้ง่ายค่ะ แต่พอขึ้นไปถึงยอดที่มีธงอินโดแล้ว รับรองว่าหายเหนื่อยแน่นอนค่ะ ใครจะมาที่นี่แนะนำว่าให้นำไฟฉายหรือสำรองโทรศัพท์ไว้สำหรับเปิดไฟด้วยนะคะ เพราะพอพระอาทิตย์ตกแล้วจะไม่มีไฟเลย มืดตื้ดตื๋อ ให้พยายามเดินตามคนอินโดลงมาค่ะจะได้ไม่หลง เพราะพวกเราเกือบหลวงกันมาแล้ว (ช่วงนั้นถือศีล คนไปน้อย)
Pantai Parangtritis

เราคนไทยอาจจะคุ้นตาชายหาดที่เป็นสีขาวใช่ไหมคะ แต่ชายหาดปารังตริตัสเนี่ยเป็นสีดำค่ะ แต่คนไม่นิยมเล่นน้ำกันค่ะที่นี่เพราะว่าคลื่นแรงมาก ทุกหาดเลยก็ว่าได้แต่ด้วยความที่หาดกว้างมากๆๆ ทำให้เราสามารถเดินเล่นบนน้ำได้ เดินออกไปไกล น้ำก็ไม่สูงเท่าไหร่แต่อย่าไปไกลมากนะคะ อันตราย กิจกรรมอื่นๆก็มีให้ทำเช่นขี่ม้าค่ะ ฟ้าตอนพระอาทิตย์ตะที่นี่สวยมาก ถ้าเราดูในแผนที่จะเห็นว่าภูเขาไฟเมอราปี -Tugu Jogja - Keraton และชายหาดปารังตริติสนั้นอยู่ในเส้นตรงเดียวกันค่ะ
Air Tejun Sri Gethuk

อันนี้จะเป็นน้ำตก ซึ่งของจริงค่อนข้างใหญ่ มีให้เล่นได้หลายมุมดีค่ะเพราะตกมาหลายทางแล้วบริเวณนั้นเป็นหิน ปีนหินไปๆมาๆก็สนุกดีเหมือนกัน แต่ให้ระวังลื่นนะคะ เดี๋ยวจะหมดสนุกเอา แนะนำว่าให้ไปคนละวันกับถ้ำถ้าจะไม่ ไม่อย่างงั้นเปลี่นยชุดกันหลายชุดเลย ฮ่าๆ
Bukit Bintang

Bukit แปลว่าหน้าผา ส่วน Bintang คือดาวค่ะ ไม่แปลกใจเลยที่ใช้ชื่อนี้เพราะเวลามองลงมาจากหน้าผ้าเราจะเห็นดาวเต็มพื้นดินเลยค่ะ ดาวที่ว่าคือไฟจากเมืองยอกยานั่นเอง ขากลับเข้าเมืองเราจะผ่านทางนี้ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารบอกรถให้จอดทานที่นี่ได้ค่ะ ราคาสมเหตุสมผล แถมได้ดูวิวแบบนี้ คุ้มสุดๆค่ะ เราชอบที่นี่มาก ให้นั่งนานๆก็ไม่เบื่อ
เอาเป็นว่าขอจบการรีวิวเพียงแค่นี้ก่อนนะคะ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนนะคะ หากใครกำลังจะเดินทางไปเที่ยวยอกยาแล้วสงสัยเรื่องอะไร สามารถถามเราได้นะคะ ถ้าเราพอตอบได้ก็จะตอบอยากช่วยเต็มที่ค่ะ ขอให้เที่ยวให้สนุกค่ะ สวัสดีค่าาา
[CR] ยอกยาการ์ตา นี่ Istimewa จริงๆ | แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในยอกยา อินโดนีเซีย
แต่ว่าการเดินทางจากไทยไปยอกยาเนี่ยยังไม่มีบินตรงค่ะ หากจะไปก็ต้องต่อเครื่องหรือบางท่านก็ลงซักที่ในเกาะชวาแล้วนั่งรถไฟ ทำให้การเดินทางใข้เวลานานค่อนข้างนานค่ะ ทั้งๆที่ใกล้นิดเดียว จะให้เที่ยวแค่สองที่แล้วกลับมันก็จะเร็วไปเพราะเดินทางก็นานแล้ว วันนี้เราก็เลยอยากมาแบ่งปันสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองยอกยาการ์ตานะคะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังแพลนจะไปยอกยา แล้วในแพลนยังมีเวลาว่างแต่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี ไม่อยากนอนเล่นที่โรงแรมเฉยๆ เริ่มเลยแล้วกันนะคะ !
สำหรับการเดินทางนั้น ถ้าหากเดินทางในตัวเมืองส่วนมากเราจะใช้บริการ Go-Jek ค่ะ ( Grab,Uber ) เพราะระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ แต่ถ้าหากออกไปนอกเมืองจะเช่ารถเอานะคะ ราคาพร้อมน้ำมันและคนขับจะอยู่ที่ประมาณ 450,000 รูปเปียค่ะ หาเช่าได้ทั่วไปเลยค่ะมีหลายบริษัทให้เลือก
เราจะเริ่มบริเวณในตัวเมืองก่อนนะคะ
Malioboro
ถนนเส้นนี้เป็นแหล่งรวมร้านขายของฝากที่ใหญ่ที่สุดในยอกยาเลยค่ะ ของฝากที่มีชื่อเสียงของที่นี่ก็จะเป็น ผ้าบาติก,สละ Pondoh, ช้อคโกแลตยี่ห้อ Monggo และขนมเปี๊ยะ ค่ะ ที่ถนนมาลิโอโบโรถ้าเป็นร้านใหญ่ๆส่วนมากจะต่อไม่ได้นะคะ ราคาจะตามป้ายเลย หากจะซื้อบาติกเราแนะนำร้าน Hamza ค่ะเดินไปทางทิศใต้เกือบสุดถนน สำหรับขาช้อปที่ชอบซื้อแบบต่อราคาแนะนำให้ไปที่ Pasar Belingharjo ตั้งอยู่บนถนนมาลิโอโบโรเหมือนกันค่ะ อันนี้ต่อราคากันสนุกเลยแต่ต้องไปก่อน 6 โมงนะคะเดี๋ยวเค้าเก็บร้านกันก่อน อ้อ ! แล้วใครที่มาแถวนี้ก็อย่าลืมแวะกิน Kopi Jos (กาแฟใส่ถ่าน) นะคะ แก้วละประมาณ 4,000 Rp เอง
Keraton
ยอกยาการ์ตาเป็นเขตปกครองพิเศษค่ะ มีสุลต่านเป็นผู้ปกครองและดูแล วังสุลต่านที่นี่จึงยังเป็นทั้งที่อยู่อาศัยของราชวงศ์และที่ประกอบพิธีสำคัญต่างๆค่ะ เปิดเวลา 9-14.00 ค่าตั๋วเราไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ตอนนี้แต่ไม่น่าเกิน 20,000 สำหรับชาวต่างชาติค่ะ หากต้องการใช้กล้องถ่ายรูปต้องเสียเพิ่มประมาณ 3,000 ค่ะ อันนี้ตั้งอยู่บริเวณกลางเมือง เดินทางมาง่ายค่ะ
Taman Sari
ไม่ไกลจาก Keraton เท่าไหร่ในระยะที่เดินได้ เราก็จะเจอกับ Taman Sari ค่ะ อันนี้ค่าเข้าคนละ 15,000 ราคาคนต่างชาตินะคะ ซื้อตั๋วแล้วอย่าเพิ่งทิ้งนะคะ เก็บไว้ก่อน ที่นี่เปิด-ปิด 9-14.00 เท่ากันค่ะ อันนี้สวยมากค่ะเราชอบมาก อาจเป็นเพราะโชคดี ไปทุกครั้งฟ้าใสทุกครั้ง สีฟ้ากับสีตึกพออยู่ด้วยกันแล้วสวยมากค่ะ
Sumur Gumuling
เดินต่อมาเรื่อยๆจาก Taman Sari ให้สังเกตุป้ายบอกทางหรือไม่ก็ลองถามคนแถวนั้นดูค่ะ ไม่ไกลมากแต่อาจทำให้หลงได้ค่ะ เพราะต้องเดินผ่านชุมชน แล้วเราก็จะมาเจอกับมัสยิดใต้ดินค่ะ ยื่นตั๋ว Taman
Sari ให้ได้เลย แต่ถ้าใครทำหายแล้วก็ลองไปดูก่อนนะคะ บางครั้งคนตรวจตั๋วก็ไม่มี มุมนี้นิยมมากเลยค่ะ สำหรับคนถ่ายรูปเก่งๆนี่เชื่อว่ามีรูปเท่ๆหลายรูป ถ้าอยากได้รูปแบบโล่งๆแนะนำให้ไปวันธรรมดาค่ะ
Alun-Alun Kidul
alun-alun เป็นเหมือน city center ค่ะจะมีอยู่ทุกเมืองเลยซึ่งแต่ละเมืองก็จะแตกต่างกันไป เช่นที่มาลังก็จะมีชิงช้าสวรรค์ หรือที่บันดุงก็จะเป็นลานนั่งเล่นชิลๆ Alun-Alun ที่นี่มีเอกลักษณ์ก็คือตรงกลางจะมีต้นไม้สองต้นค่ะ แล้วคนที่นี่ก็จะปิดตาแล้วเดินจากจุดเริ่มต้น ให้ตัวเองเดินไปหยุดตรงกลางระหว่างต้นไม้สองต้นให้ได้ ถ้าทำได้จะถือว่าคนนั้นมีจิตใจที่บริสุทธิ์ค่ะ (อันนี้เป็นความเชื่อเฉยๆค่ะ ปัจจุบันก็่น่าจะทำเพื่อความสนุกก็มี) จะเห็นว่ามีร้านผ้าปิดตาให้เช่าด้วยค่ะ แล้วอีกอย่างที่พิเศษก็คือจะมีรถจักรยานค่ะ เป็นรถจักรยานจริงๆ เพราะต้องปั่นเอาค่ะ รอบละประมาณ 40,000 ถ้าจำไม่ผิด มีหลายแบบให้เลือกคันนึงนั่งได้หลายคนค่ะแล้วแต่แบบ เปิดเพลงกันสนุกเลย เราชอบมาก 5555 ที่นี่แนะนำให้มาตอนกลางจะคึกคักมากค่ะ ่แล้วแถวนั้น ร้านขาย Gudeg เยอะมาก ถ้าไปเชียงใหม่ต้องกินข้าวซอย ไปยอกยาร์ก็ต้องกิน Gudeg นี่แหละค่ะ ส่วนเรื่องรสชาติแล้วแต่คนชอบค่ะ ต้องลองก่อน
Museum Sonobudoyo
สำหรับคนที่ชอบวัฒนธรรม อันนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ค่ะแต่เราขอสารภาพว่าไม่เคยไปตอนกลางวัน แต่ว่าตอนกลางคืนของที่นี่มีการแสดงหนังตะลุง ราคาตั๋วคนละ 20,000 Rp เท่านั้น โดยการแสดงจะเริ่มตอน 2 ทุ่ม (หยุดวันอาทิตย์และวันหยุด) แต่ว่าแสดงเป็นภาษาชวานะคะ ไม่มีซับไตเติ้ลด้วย แต่มีโบชัวให้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมาลิโอโบโรค่ะ ทางเข้าดูหนังตลุงคือตรงบริเวณลาน Alun-Alun Utara ค่ะ รายละเอียด http://www.sonobudoyo.com/en
Happy Puppy
สำหรับใครไปกันหลายคน อาจรู้สึกว่ากลางคืนนี้มันเงียบเหงาจังเลย บางทีราคาโอเกะอาจเป็นอีกทางเลือกที่ดีค่ะ ที่ยอกยามีหลายสาขามากๆ เลือกที่ใกล้โรงแรมเลยค่ะ สำหรับเพลงไม่ต้องกลัวว่าจะมีแต่เพลงอินโดนะคะ เพราะที่นี่มีเพลงหลายชาติให้เลือกเลยค่ะ เพลงสากลก็อัพเดทตลอดๆ มีเกือบทุกเพลงค่ะ เพลงไทยก็มีนะคะแต่น้อยหน่อย ยังมีเพลงเวียดนาม จีน อีกตะหาก ราคาไม่แพงด้วยแล้วแต่ขนาดห้อง ปิดตี2 ค่ะ ร้องเพลงยาวๆเลย ใครไปกับครอบครัวก็พาครอบครัวไปได้ค่า
Taman Pelangi
หรือแปลเป็นไทยว่าสวนสายรุ้ง ค่าเข้าคนละ 25,000 ตอนดึกๆจะเป็นโคมไฟที่เป็นรูปต่างๆเป็นสถานที่ต่างๆบ้าง หรือว่าเป็นรูปสัตว์บ้างไว้ให้ได้ถ่ายรูปกัน สำหรับเราเราว่าเฉยๆค่ะ แต่เป็นอีกที่ที่มาเดินเล่นได้ตอนที่ไม่มีที่จะไป
Gembira Loka Zoo
อันนี้เป็นสวนสัตว์ค่ะ บางคนอาจมองว่าสวนสัตว์ไว้สำหรับเด็กเท่านั้น แต่ถ้าใครตารางยังว่างอยู่ สวนสัตว์ก็เป็นอีกทางออกนึงที่ดีค่ะ เพราะว่าที่นี่มีสัตว์บางชนิดที่เขาดินบ้านเราไม่มีนะคะ สวนนกก็เป็นแบบเปิดให้เดินไปคุยกับนกได้เลย ส่วนแรงจูงใจที่ทำให้เราไปที่นี่คือมีมังกรโคโมโกใดให้ดูค่ะ ถึงจะมีตัวเดียวแต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปไกลถึงเกาะโคโมโดที่ไกลซะเหลือเกิน ตอนนี้มีอูฐให้ขี่ด้วยนะคะ ราคาวันธรรมดา 25,000 วันหยุด 30,000 ถ้าใครพาเด็กๆไปก็มีของเล่น และกิจกรรมให้อาหารสัตว์มากมายค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าเด็กๆจะเบื่อเลย
Batik
เรียนทำผ้าบาติกเป็นอีกกิจกรรมที่เราแนะนำมากๆค่ะ ได้ทั้งความรู้ทั้งความสนุกแล้วได้ผ้าที่เราทำเองกลับบ้านไปเป็นของที่ระลึกอีกด้วย ส่วนเรื่องที่เรียนหาได้ตามอินเทอเน็ตเลยค่ะราคาประมาณ 100,000 รวมอุปกรณ์ทุกอย่างแล้ว ใครพอมีเวลาว่างอันนี้เราแนะนำจริงๆค่ะ สนุกมาก
หลังจากเราเที่ยวในตัวเมืองมาซักพักแล้ว เราจะเริ่มออกนอกเมืองกันนะคะ สำหรับคนรักธรรมชาติและการผจญภัย การเดินทางที่ง่ายที่สุดคือการเช่ารถพร้อมคนขับค่ะ เพราะเส้นทางจะเริ่มเป็นภูเขาแล้วถ้าออกนอกเมืองไป ที่เที่ยวมีเยอะมาก มีหลายที่ที่เราไม่ได้ไปและอยากไป อันนี้ขออนุญาตแนะนำแค่ที่เคยไปมานะคะ สำหรับการเข้าบางพื้นที่ต้องมีการเสียเงินนะคะ ถ้ามีคนเรียกเก็บก็อย่าตกใจ อันนี้คนอินโดเองก็ต้องจ่ายค่ะ สถานที่ต่อไปนี้อยู่ทาง Gunung Kidul นะคะ
Goa Pindul
อันนี้เป็นถ้ำมีกิจกรรมล่องแพในถ้ำและในแม่น้ำ ข้างในถ้ำก็สวยมากก แต่ตอนนั้นเราไปช่วงถือศีลคนอิสลามไม่มาเล่นน้ำกันทำให้คนน้อยมากและส่วนตัวสุดๆ ถ้าไปวันหยุดคนจะเยอะมาก เค้าจะพาเราเข้าถ้ำล่องไปเรื่อยๆค่ะ ไม่ไกลมากแต่ว่าทางออกนี่สวยมาก แดดส่องลงมาเห็นน้ำเป็นสีฟ้าเลย สวยจริงๆค่ะ ส่วนล่องในแม่น้ำก็จะมีรถพาเราไปค่ะ จะมีจุดกระโดดวัดใจจากหน้าผ้าลงมาแม่น้ำ สูงประมาณ 10 เมตรสุดยอด ห้ามพลาด
http://goapindul.com/paket-wisata/
Gunung Api Purba Nglanggeran
Pantai Parangtritis
Air Tejun Sri Gethuk
อันนี้จะเป็นน้ำตก ซึ่งของจริงค่อนข้างใหญ่ มีให้เล่นได้หลายมุมดีค่ะเพราะตกมาหลายทางแล้วบริเวณนั้นเป็นหิน ปีนหินไปๆมาๆก็สนุกดีเหมือนกัน แต่ให้ระวังลื่นนะคะ เดี๋ยวจะหมดสนุกเอา แนะนำว่าให้ไปคนละวันกับถ้ำถ้าจะไม่ ไม่อย่างงั้นเปลี่นยชุดกันหลายชุดเลย ฮ่าๆ
Bukit Bintang
Bukit แปลว่าหน้าผา ส่วน Bintang คือดาวค่ะ ไม่แปลกใจเลยที่ใช้ชื่อนี้เพราะเวลามองลงมาจากหน้าผ้าเราจะเห็นดาวเต็มพื้นดินเลยค่ะ ดาวที่ว่าคือไฟจากเมืองยอกยานั่นเอง ขากลับเข้าเมืองเราจะผ่านทางนี้ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารบอกรถให้จอดทานที่นี่ได้ค่ะ ราคาสมเหตุสมผล แถมได้ดูวิวแบบนี้ คุ้มสุดๆค่ะ เราชอบที่นี่มาก ให้นั่งนานๆก็ไม่เบื่อ
เอาเป็นว่าขอจบการรีวิวเพียงแค่นี้ก่อนนะคะ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนนะคะ หากใครกำลังจะเดินทางไปเที่ยวยอกยาแล้วสงสัยเรื่องอะไร สามารถถามเราได้นะคะ ถ้าเราพอตอบได้ก็จะตอบอยากช่วยเต็มที่ค่ะ ขอให้เที่ยวให้สนุกค่ะ สวัสดีค่าาา