Kawasaki Versys X300 รีวิวบ้านๆ ประสบการณ์ครั้งแรกกับการขับทางดิน
คำเตือน : รีวิวนี้ขอรีวิวแบบเป็นเรื่องเล่านะครับ เพราะมีความรู้สึกว่าอยากบันทึกเก็บไว้มากกว่า
แอบสุ่มซ้อมอยู่พักใหญ่และเตรียมตัวอยู่นาน
ได้มีโอกาสขับทางดินครั้งแรก จากการชวนของพี่ๆ ในกลุ่ม ว่าทาง KAWASAKI REAL จัดกิจกรรมขับขี่มอเตอร์ไซต์แบบ Adventure
ที่มีทั้งทางดำและทางดิน ให้ได้เล่น เส้นทางจาก ฉะเชิงเทรา - ชลบุรี รอช้าอยู่ไย ก็เลยติดต่อขอลงทะเบียน กับทาง “พี่พี” KAWASAKI REAL
ค่าสมัครก็ 500 บาท มีการทำประกันอุบัติเหตุให้ น้ำดื่ม กาแฟ อาหาร ไม่ต้องห่วง ทางคาวาเขาดูแลให้หมด
เมื่อลงสมัครแล้ว ก็มาถึงเรื่อง อุปกรณ์ จขกท บอกตรงๆว่า มือใหม่มากกก ไม่มีอะไรเลยนอกจากหมวกและถุงมือ เลยไปรบกวน ปรึกษา พี่ศิวะ
ร้านเดริท์คอล ระยอง พี่แกก็เลยจัดมาให้ชุดนึง ตามงบ อยากจะขอบคุณพี่จริงๆถ้าไม่ได้รองเท้าที่พี่จัดให้คู่นี้ ผมคงจะแย่
เริ่มเดินทาง วันที่ 1 ตุลาคม 2560
จขกท ออกเดินทางจากกบินทร์บุรี 6.15 น. มาถึง แปดริ้ว 7.40 น. มาเจอกับคนที่จะคอยดูแลเราไปตลอดการเดินทางในครั้งนี้
พี่ชายที่น่ารัก “พี่ตั้มมี่ ศรีดอนทราย” ที่ศูนย์ KAWASAKI PRO แปดริ้ว
แล้วก็ออกเดินทางจากศูนย์มารวมกับคณะเดินทางจาก กทม. ที่จุดนัด ตอน 9.00 น. “พี่ตั้มมี่” ก็ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ พร้อมทั้งแนะนำ ”พี่หนุ่มและทีมนำทาง” ที่จะพาเราไปผจญภัยในครั้งนี้ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก่อนจะออกไปลุย ก็ถ่ายไว้ซักรูป สวยๆ ก่อนครับ
ทางช่วงแรกไม่ยาก ดินแข็งวิ่งได้สบาย แต่มาเจอเข้ากับ บ่อโคลนลื่นๆ ด่านแรกก็เสร็จไปแล้วหนึ่งคัน แล้วก็มาต่อกับทางลาด ลงน้ำ วันนี้น้ำก็ค่อนข้างเยอะแถมยังแรงอีกต่างหาก แต่ก็ผ่านกันมาได้อย่างปลอดภัย จากนั้น ก็ลุยทางดินสลับกับทางดำมีโค้งให้เล่น จนกระทั่งมาถึง สันเขื่อนอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร วิวสวยมาก ได้พักเหนื่อย พร้อมถ่ายรูปไว้เป็นที่ระทึก
จากนั้นของจริงก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เริ่มแรก กับทางลง จากสันเขื่อน ความชันประมาน 45 องศา ความสูงไม่ต่ำกว่า 3 เมตร แต่ได้ทีมงานที่ดูแลกันอย่างดี ผ่านกันมาได้ด้วยดีครับ จังหวะลง กลัวหน้าทิ้มมาก ก็ทำตามที่พี่เขาบอก ก็ลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย
มาต่อกับถนนที่มีโค้งให้เล่นเยอะมากๆ นับรวมก็ 30+ โค้งเป็นตัว S ต่อๆ กัน เทโค้งเข้าโค้งกันมันเลย แอบเสียวอยู่เหมือนกันก็อาศัยที่เคยเรียนมา เรื่องการเข้าโค้ง ใช้สายตานำทาง แล้วก็ชะลอความเร็วก่อนเข้าโค้ง ก่อนออกจากโค้งก็เปิดคันเร่งออก ตรงนี้ต้องขอบคุณ
“พี่หนุ่ม MANASAK KAWASAKI” ที่เคยให้ความรู้เรื่องนี้ไว้ น้องได้เอามาใช้จริงจังก็วันนี้เอง
จากนั้นเราก็วิ่งเข้าสู่ น้ำตกวัดป่าเขาล้อม ไปนั่งเล่นน้ำตกคลายร้อนกันซักหน่อย น้ำตกสวยดีครับ น้ำเย็น นั่งเฉยๆ ก็ผ่อนคลายแล้ว กำลังเพลินๆ ฝนก็เริ่มเทลงมา แล้วทางของจริงก็เริ่มต้นขึ้น ก่อนจะเริ่ม ก็ถ่ายรูปอีกซักรูป กลางสายฝนเลยครับ ตอนนั้นรู้สึกว่า มันสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกตื่นเต้น ผสมไปกับเสียง หัวเราะ ของคณะเดินทาง
ขับออกมาได้ไม่ถึง 10 นาที ก็เลี้ยวเข้าทางเล็กๆ วิ่งเรียงหนึ่ง ถนนเป็นดินแดง มีน้ำนองเต็มไปหมด ขอใช้คำว่าท่วมดีกว่า มีน้ำท่วมเต็มถนนไปหมด พร้อมกับสายน้ำที่กำลังไหลลงมาตามถนน พวกเราก็วิ่งสวนขึ้นไป วิ่งเข้าไปได้ ซัก10 นาที ก็เจอกับถนนที่ถูกสายน้ำตัดผ่าน น้ำมาแรงมากกกก ช่วงเช้านี้เทียบไม่ติดเลย ตอนนั้นฝนก็ลงหนัก บอกตรงๆ ว่าเริ่มกลัว แต่เอาวะมาถึงนี่แล้ว กลั้นใจเปิดคันเร่ง ประคองรถให้ดี รักษาสมดุลรถไว้ ผ่านมาได้แบบไม่ได้ยากเย็นนัก
ในสวนยาง ถนนเป็นโคลนลื่นๆ ตลอดทาง แถมมีรากไม้ หินลอย ตอนนั้นรถดริฟกระจายเลยครับ ล้อหลัง ปัดซ้ายทีขวาที แต่ก็ยังไม่ล้ม ยังพอประคองรถไปต่อได้ จังหวะขึ้นเนินลื่นๆ ก็เปิดคันเร่งทีเดียว ส่งรถขึ้นสุดเนินได้ไม่ยาก ทรงตัวให้ดีคุมรถให้อยู่ ไม่ล้มแน่นอน จะมีก็ล้อติดขี้โคลน วิ่งไม่ออก เปิดคันเร่ง ล้อหลังก็ปั่นฟรีทิ้ง “พี่ตั้มมี่” ก็แนะในว่า ให้เลี้ยงคันเร่งที่รอบเดินเบา ค่อยๆไป ก็หลุดออกมาได้ รู้เลยว่า รถเรามีศักยภาพแค่ไหน ไปได้ถึงไหน เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันครับแต่สนุกมาก ล้มลุกคลุกคลานกันเลยทีเดียว พี่ๆทีมนำทางก็คอยช่วยเหลือไม่ห่าง ดูแลกันดีมากๆ ประทับใจตรงนี้มากครับ ยกรถ ดันรถที่ติดหล่ม ประคองลงเนิน
แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่ามิตรภาพของเส้นทาง Enduro ตลอดเส้นทางแม้จะโหดหิน แค่ไหน
แต่ในสวนยางตอนนั้น ก็อบอวนไปด้วยเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม ของคนในคณะเดินทางตลอดเส้นทาง เป็นความรู้สึก ที่ จขกท เองก็ไม่เคยพบเจอเหมือนกันครับ อธิบายได้ยาก มันมีทั้ง ความตื่นเต้น สนุก เลอะเทอะ เปียก เหนื่อย มิตรภาพ และ ความสามัคคี ปะปนกันไป
ออกมาจากป่ายาง ก็ขึ้นทางดำให้ได้พักกันซักหน่อย พร้อมกับพี่หนุ่มหัวหน้าทีมนำทาง พาไปจุดชมวิว พอไปถึงวิวสวยมากครับ ฝนก็เริ่มที่จะเบาลงแล้ว ตกปรอยๆ เห็นเป็นหมอกอยู่ไกลๆ จุดนี้ก็ตามธรรมเนียมครับ จัดไปอีก 1 รูปหมู่ พักผ่อนกันพอหายเหนื่อย ก็เดินทางกลับ
ไคลแม๊กมาอยู่ตรงนี้เอง ผมที่อยู่กลางๆ แถว ค่อนไปทางหลังแถวด้วยซ้ำ ตามคันหน้าไม่ทันครับ แต่ไม่เป็นไร เพราะยังมีรถจากทีมที่นำทางอยู่ในกลุ่ม ติดต่อกับกลุ่มหน้าแล้วว่าไม่ต้องรอ ไปได้เลย รถทีมนำทางเขาเลยขึ้นนำหน้า แล้วก็บอกผมว่า "เดียวพาไปทางลัด" ใกล้กว่าเยอะเพราะกลุ่มใหญ่เขาไป ทางอ้อมกัน เพื่อที่จะวิ่งบนทางดำ แต่เราจะไปทางลัดเลย ตัดเขาสวน อ้อย
แค่เห็นทางเข้าผมก็ตงิดใจละครับ เพราะมันไม่มีดินเลย มันเป็นทรายร่วนๆ ขับเข้ามาได้ ยังไม่ถึง 100 เมตรเลยมั้งครับก็ตามระเบียบ ลงไปนอนขวางทาง คันข้างหลังเขา ประสบการณ์ครั้งแรก กับพื้น ทราย แบบนี้นี่เองเขาถึงพูดกันว่าพื้นทราย หน้ากลัว จังหวะที่ล้อหลังปัด คุมรถไม่ได้เลยครับ พื้นมัน ยวบ ไปหมด รถก็จะจม ล้อปัดซ้ายปัดขวา เอารถไม่อยู่เลย แถมยังติดหล่มง่ายกว่าทางดินโคลนอีก จุดนี้ต้องรบกวนทางทีมนำทางทั้งช่วยยกรถ ช่วยดันตูด ต้องขอบคุณพี่ๆ ทีมนำทางมากๆ ครับกลับมาถึงจุดรวมตัวกันอย่างปลอดภัย สรุปกลุ่มใหญ่มาถึงก่อน เกือบ 15 นาที “โถ่ ทางลัด”
ปิดทริปการเดินทาง Adventure "พี่ตั้มมี่" ชี้แจงเรื่องต่างๆ พร้อมขอบคุณพี่ๆ ทีมนำทาง
จัดได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ
Versys_X300 จัดว่าตอบโจทย์เป็นที่น่าพอใจครับ สำหรับใครก็ตามอยากนำรถเข้าทางดิน แนะนำให้เปลี่ยนยางซักเส้นครับเพราะในคณะเดินทาง
มีท่านหนึ่งเปลี่ยนยางมาใหม่ สอบถามพี่เขาตอนเข้าสวนยางว่า รถมีอาการ ปัดบ้างไมครับพี่ พี่เขาตอบกลับมาว่า “สบายเลย”
ไอ้เราหรือ หางปัดเป็นงูเลยครับ
ส่วนเรื่องของสมรรถภาพของรถ ไม่ต้องห่วงเลยครับ ไปได้สบายๆ ไม่เหนื่อยมาก น้ำหนักรถไม่เยอะอย่างที่คิด พอมีความคล่องตัวอยู่บ้าง
กันล้มก็ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ชุดสี ไม่มีรอยเลยครับ กันล้มลงถึงพื้นก่อน สบายใจได้
ขอจบการรีวิว แต่เพียงเท่านี้ครับ
ขอขอบคุณ ผู้ใหญ่ใจดี
พี่อู๊ด KAWASAKI PRO แปดริ้ว ที่อำนวยความสะดวก
KAWASAKI REAL ที่จัดทริปดีๆให้ กลุ่ม Versys-X 300 Club Thailand ได้มีโอกาส ทดสอบ สมรรถนะของรถ
พี่พี KAWASAKI REAL ที่เป็นคนประสานงานทำให้เกิดทริปดีๆแบบนี้ขึ้นมา
พี่ตั้มมี ศรีดอนทราย ที่คอยดูแลกัน ให้คำปรึกษาตลอดทั้งการเดินทาง
ปล. ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ปล2.ขอบคุณรูปภาพสวยๆ จากทาง KAWASAKI REAL และรูปภาพจากเพื่อนสมาชิก
ขอบคุณครับ
MOO #CVXT
Kawasaki Versys X300 รีวิวบ้านๆ ประสบการณ์ครั้งแรกกับการขับทางดิน
คำเตือน : รีวิวนี้ขอรีวิวแบบเป็นเรื่องเล่านะครับ เพราะมีความรู้สึกว่าอยากบันทึกเก็บไว้มากกว่า
แอบสุ่มซ้อมอยู่พักใหญ่และเตรียมตัวอยู่นาน
ได้มีโอกาสขับทางดินครั้งแรก จากการชวนของพี่ๆ ในกลุ่ม ว่าทาง KAWASAKI REAL จัดกิจกรรมขับขี่มอเตอร์ไซต์แบบ Adventure
ที่มีทั้งทางดำและทางดิน ให้ได้เล่น เส้นทางจาก ฉะเชิงเทรา - ชลบุรี รอช้าอยู่ไย ก็เลยติดต่อขอลงทะเบียน กับทาง “พี่พี” KAWASAKI REAL
ค่าสมัครก็ 500 บาท มีการทำประกันอุบัติเหตุให้ น้ำดื่ม กาแฟ อาหาร ไม่ต้องห่วง ทางคาวาเขาดูแลให้หมด
เมื่อลงสมัครแล้ว ก็มาถึงเรื่อง อุปกรณ์ จขกท บอกตรงๆว่า มือใหม่มากกก ไม่มีอะไรเลยนอกจากหมวกและถุงมือ เลยไปรบกวน ปรึกษา พี่ศิวะ
ร้านเดริท์คอล ระยอง พี่แกก็เลยจัดมาให้ชุดนึง ตามงบ อยากจะขอบคุณพี่จริงๆถ้าไม่ได้รองเท้าที่พี่จัดให้คู่นี้ ผมคงจะแย่
เริ่มเดินทาง วันที่ 1 ตุลาคม 2560
จขกท ออกเดินทางจากกบินทร์บุรี 6.15 น. มาถึง แปดริ้ว 7.40 น. มาเจอกับคนที่จะคอยดูแลเราไปตลอดการเดินทางในครั้งนี้
พี่ชายที่น่ารัก “พี่ตั้มมี่ ศรีดอนทราย” ที่ศูนย์ KAWASAKI PRO แปดริ้ว
แล้วก็ออกเดินทางจากศูนย์มารวมกับคณะเดินทางจาก กทม. ที่จุดนัด ตอน 9.00 น. “พี่ตั้มมี่” ก็ชี้แจงรายละเอียดต่างๆ พร้อมทั้งแนะนำ ”พี่หนุ่มและทีมนำทาง” ที่จะพาเราไปผจญภัยในครั้งนี้ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก่อนจะออกไปลุย ก็ถ่ายไว้ซักรูป สวยๆ ก่อนครับ
ทางช่วงแรกไม่ยาก ดินแข็งวิ่งได้สบาย แต่มาเจอเข้ากับ บ่อโคลนลื่นๆ ด่านแรกก็เสร็จไปแล้วหนึ่งคัน แล้วก็มาต่อกับทางลาด ลงน้ำ วันนี้น้ำก็ค่อนข้างเยอะแถมยังแรงอีกต่างหาก แต่ก็ผ่านกันมาได้อย่างปลอดภัย จากนั้น ก็ลุยทางดินสลับกับทางดำมีโค้งให้เล่น จนกระทั่งมาถึง สันเขื่อนอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร วิวสวยมาก ได้พักเหนื่อย พร้อมถ่ายรูปไว้เป็นที่ระทึก
จากนั้นของจริงก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เริ่มแรก กับทางลง จากสันเขื่อน ความชันประมาน 45 องศา ความสูงไม่ต่ำกว่า 3 เมตร แต่ได้ทีมงานที่ดูแลกันอย่างดี ผ่านกันมาได้ด้วยดีครับ จังหวะลง กลัวหน้าทิ้มมาก ก็ทำตามที่พี่เขาบอก ก็ลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย
มาต่อกับถนนที่มีโค้งให้เล่นเยอะมากๆ นับรวมก็ 30+ โค้งเป็นตัว S ต่อๆ กัน เทโค้งเข้าโค้งกันมันเลย แอบเสียวอยู่เหมือนกันก็อาศัยที่เคยเรียนมา เรื่องการเข้าโค้ง ใช้สายตานำทาง แล้วก็ชะลอความเร็วก่อนเข้าโค้ง ก่อนออกจากโค้งก็เปิดคันเร่งออก ตรงนี้ต้องขอบคุณ
“พี่หนุ่ม MANASAK KAWASAKI” ที่เคยให้ความรู้เรื่องนี้ไว้ น้องได้เอามาใช้จริงจังก็วันนี้เอง
จากนั้นเราก็วิ่งเข้าสู่ น้ำตกวัดป่าเขาล้อม ไปนั่งเล่นน้ำตกคลายร้อนกันซักหน่อย น้ำตกสวยดีครับ น้ำเย็น นั่งเฉยๆ ก็ผ่อนคลายแล้ว กำลังเพลินๆ ฝนก็เริ่มเทลงมา แล้วทางของจริงก็เริ่มต้นขึ้น ก่อนจะเริ่ม ก็ถ่ายรูปอีกซักรูป กลางสายฝนเลยครับ ตอนนั้นรู้สึกว่า มันสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกตื่นเต้น ผสมไปกับเสียง หัวเราะ ของคณะเดินทาง
ขับออกมาได้ไม่ถึง 10 นาที ก็เลี้ยวเข้าทางเล็กๆ วิ่งเรียงหนึ่ง ถนนเป็นดินแดง มีน้ำนองเต็มไปหมด ขอใช้คำว่าท่วมดีกว่า มีน้ำท่วมเต็มถนนไปหมด พร้อมกับสายน้ำที่กำลังไหลลงมาตามถนน พวกเราก็วิ่งสวนขึ้นไป วิ่งเข้าไปได้ ซัก10 นาที ก็เจอกับถนนที่ถูกสายน้ำตัดผ่าน น้ำมาแรงมากกกก ช่วงเช้านี้เทียบไม่ติดเลย ตอนนั้นฝนก็ลงหนัก บอกตรงๆ ว่าเริ่มกลัว แต่เอาวะมาถึงนี่แล้ว กลั้นใจเปิดคันเร่ง ประคองรถให้ดี รักษาสมดุลรถไว้ ผ่านมาได้แบบไม่ได้ยากเย็นนัก
ในสวนยาง ถนนเป็นโคลนลื่นๆ ตลอดทาง แถมมีรากไม้ หินลอย ตอนนั้นรถดริฟกระจายเลยครับ ล้อหลัง ปัดซ้ายทีขวาที แต่ก็ยังไม่ล้ม ยังพอประคองรถไปต่อได้ จังหวะขึ้นเนินลื่นๆ ก็เปิดคันเร่งทีเดียว ส่งรถขึ้นสุดเนินได้ไม่ยาก ทรงตัวให้ดีคุมรถให้อยู่ ไม่ล้มแน่นอน จะมีก็ล้อติดขี้โคลน วิ่งไม่ออก เปิดคันเร่ง ล้อหลังก็ปั่นฟรีทิ้ง “พี่ตั้มมี่” ก็แนะในว่า ให้เลี้ยงคันเร่งที่รอบเดินเบา ค่อยๆไป ก็หลุดออกมาได้ รู้เลยว่า รถเรามีศักยภาพแค่ไหน ไปได้ถึงไหน เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันครับแต่สนุกมาก ล้มลุกคลุกคลานกันเลยทีเดียว พี่ๆทีมนำทางก็คอยช่วยเหลือไม่ห่าง ดูแลกันดีมากๆ ประทับใจตรงนี้มากครับ ยกรถ ดันรถที่ติดหล่ม ประคองลงเนิน แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่ามิตรภาพของเส้นทาง Enduro ตลอดเส้นทางแม้จะโหดหิน แค่ไหน แต่ในสวนยางตอนนั้น ก็อบอวนไปด้วยเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม ของคนในคณะเดินทางตลอดเส้นทาง เป็นความรู้สึก ที่ จขกท เองก็ไม่เคยพบเจอเหมือนกันครับ อธิบายได้ยาก มันมีทั้ง ความตื่นเต้น สนุก เลอะเทอะ เปียก เหนื่อย มิตรภาพ และ ความสามัคคี ปะปนกันไป
ออกมาจากป่ายาง ก็ขึ้นทางดำให้ได้พักกันซักหน่อย พร้อมกับพี่หนุ่มหัวหน้าทีมนำทาง พาไปจุดชมวิว พอไปถึงวิวสวยมากครับ ฝนก็เริ่มที่จะเบาลงแล้ว ตกปรอยๆ เห็นเป็นหมอกอยู่ไกลๆ จุดนี้ก็ตามธรรมเนียมครับ จัดไปอีก 1 รูปหมู่ พักผ่อนกันพอหายเหนื่อย ก็เดินทางกลับ
ไคลแม๊กมาอยู่ตรงนี้เอง ผมที่อยู่กลางๆ แถว ค่อนไปทางหลังแถวด้วยซ้ำ ตามคันหน้าไม่ทันครับ แต่ไม่เป็นไร เพราะยังมีรถจากทีมที่นำทางอยู่ในกลุ่ม ติดต่อกับกลุ่มหน้าแล้วว่าไม่ต้องรอ ไปได้เลย รถทีมนำทางเขาเลยขึ้นนำหน้า แล้วก็บอกผมว่า "เดียวพาไปทางลัด" ใกล้กว่าเยอะเพราะกลุ่มใหญ่เขาไป ทางอ้อมกัน เพื่อที่จะวิ่งบนทางดำ แต่เราจะไปทางลัดเลย ตัดเขาสวน อ้อย
แค่เห็นทางเข้าผมก็ตงิดใจละครับ เพราะมันไม่มีดินเลย มันเป็นทรายร่วนๆ ขับเข้ามาได้ ยังไม่ถึง 100 เมตรเลยมั้งครับก็ตามระเบียบ ลงไปนอนขวางทาง คันข้างหลังเขา ประสบการณ์ครั้งแรก กับพื้น ทราย แบบนี้นี่เองเขาถึงพูดกันว่าพื้นทราย หน้ากลัว จังหวะที่ล้อหลังปัด คุมรถไม่ได้เลยครับ พื้นมัน ยวบ ไปหมด รถก็จะจม ล้อปัดซ้ายปัดขวา เอารถไม่อยู่เลย แถมยังติดหล่มง่ายกว่าทางดินโคลนอีก จุดนี้ต้องรบกวนทางทีมนำทางทั้งช่วยยกรถ ช่วยดันตูด ต้องขอบคุณพี่ๆ ทีมนำทางมากๆ ครับกลับมาถึงจุดรวมตัวกันอย่างปลอดภัย สรุปกลุ่มใหญ่มาถึงก่อน เกือบ 15 นาที “โถ่ ทางลัด”
ปิดทริปการเดินทาง Adventure "พี่ตั้มมี่" ชี้แจงเรื่องต่างๆ พร้อมขอบคุณพี่ๆ ทีมนำทาง
จัดได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ
Versys_X300 จัดว่าตอบโจทย์เป็นที่น่าพอใจครับ สำหรับใครก็ตามอยากนำรถเข้าทางดิน แนะนำให้เปลี่ยนยางซักเส้นครับเพราะในคณะเดินทาง
มีท่านหนึ่งเปลี่ยนยางมาใหม่ สอบถามพี่เขาตอนเข้าสวนยางว่า รถมีอาการ ปัดบ้างไมครับพี่ พี่เขาตอบกลับมาว่า “สบายเลย”
ไอ้เราหรือ หางปัดเป็นงูเลยครับ
ส่วนเรื่องของสมรรถภาพของรถ ไม่ต้องห่วงเลยครับ ไปได้สบายๆ ไม่เหนื่อยมาก น้ำหนักรถไม่เยอะอย่างที่คิด พอมีความคล่องตัวอยู่บ้าง
กันล้มก็ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ชุดสี ไม่มีรอยเลยครับ กันล้มลงถึงพื้นก่อน สบายใจได้
ขอจบการรีวิว แต่เพียงเท่านี้ครับ
ขอขอบคุณ ผู้ใหญ่ใจดี
พี่อู๊ด KAWASAKI PRO แปดริ้ว ที่อำนวยความสะดวก
KAWASAKI REAL ที่จัดทริปดีๆให้ กลุ่ม Versys-X 300 Club Thailand ได้มีโอกาส ทดสอบ สมรรถนะของรถ
พี่พี KAWASAKI REAL ที่เป็นคนประสานงานทำให้เกิดทริปดีๆแบบนี้ขึ้นมา
พี่ตั้มมี ศรีดอนทราย ที่คอยดูแลกัน ให้คำปรึกษาตลอดทั้งการเดินทาง
ปล. ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ปล2.ขอบคุณรูปภาพสวยๆ จากทาง KAWASAKI REAL และรูปภาพจากเพื่อนสมาชิก
ขอบคุณครับ
MOO #CVXT