คือ สับสนในตัวเองค่ะ ปกติคนเราจะรู้ตัวเองใช่ไหมคะว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ชอบทำอะไร อยากเป็นอะไร
แต่เราไม่รู้ตัวเองเลย ตอน ม.1 ตอนนั้นเราอินเกาหลีมาก พวก k-pop อินจนไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับการเรียนภาษา หลักการ อะไรพวกนี้มาอ่านควบคู่กับเรียนในยูทูปเลยจนอ่านออก เขียนได้ แปลได้ในระดับนึง แล้วก็เลิกไป มาอินกับหนังสือนิยายแทนพวกชูการ์เรนอ่ะค่ะ มีเก็บเงินซื้อเองบ้าง แล้วก็แม่ซื้อให้เองบ้าง บางครั้งแม่ซื้อให้หกเจ็ดเล่มติดกันเลย เพราะเราไม่ค่อยชอบออกไปไหน เราชอบอยู่บ้านมากกว่า แม่ไปทำงานกลัวเหงาเลยซื้อมาให้อ่าน เราอ่านวันนึงได้สูงสุดสามเล่ม ไม่ข้ามด้วยนะ แต่อ่านแบบไม่พักเลย เราชอบมาก เเล้วก็เลิกอ่านไป แต่หนังสือก็ยังคงเก็บไว้ทุกเล่ม เราเคยเขียนเรียงความภาษาไทยได้ดีจนครูเรียกไปพบเพราะอยากให้ไปแข่งเขียนเรียงความ แต่ตอนนั้นเราติดแข่งศิลปะ เราไม่ชอบเรียนภาษาไทยเท่าไหร่เพราะมันเฉื่อยๆ เรารู้ตัวเองนะว่าเขียนได้ดีเพราะเรารู้สึกได้ มันเป็นเรื่องที่ครูไม่กำหนดหัวข้ออยากเขียนเรื่องไรก็เขียน เราเลยเลือกเขียนเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับการชอบศิลปินเกาหลีเป็นเรื่องดีไม่เสียหายอะไร ประมาณว่าก็เราเคยใช้เขาเป็นแรงบันดารใจในการเรียนภาษาเกาหลี แล้วเราก็ทำได้ดีแค่นั้นจริงๆ เหมือนกับว่าเราจะทำได้ดีในเรื่องที่ไม่มีขอบจำกัดให้เรา ตอนเเข่งวาดภาพเราก็ทำได้ไม่ดีเท่ากับตอนส่งงาน วาดภาพส่งครู มันเป็นการวาดอะไรก็ได้ แต่การแข่งคือ กำหนดเวลา กำหนดหัวข้อ เราไม่ได้อยากทำในตอนนั้นและหัวข้อนั้น เราได้แข่งวาดภาพระบายสีมาตลอดตั้งแต่ประถมจนมัธยม แต่มามีปัญหาตอนมัธยมนี่แหละ ยิ่งรู้สึกตัวว่าถ้าไม่มีความอยากทำก็ไม่ทำ แล้วก็ไม่ทำจริงๆ แล้วมัธยมก็ได้ไปแข่งศิลปะแค่รอบเดียวจริงๆ เพราะเราไม่อยากทำในเวลาที่ไม่ใช่อ่ะ
เรามองว่ามันเป็นปัญหากับชีวิตเราจริงๆ ยิ่งถ้าเราโตไปมากขึ้นเราจะใช้ชีวิตยังไงให้มันไม่เจอปัญหานี้
พยายามที่จะทำเเล้ว ทำในสิ่งที่โดนบอกให้ทำ แต่ถ้าครั้งไหนมันไม่มีเหตุผลเราก็ไม่ทำเลยนะ ขนาดครั้งไหนมีเหตุผลยังไม่ทำเลย แต่กฏของโรงเรียนก็มีเบี้ยวๆบ้าง เหมือนทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับอารมณ์เรามากกว่า บางทีรูปในไอจีเราก็ลบออกเกลี้ยงเลยนะ เหลือไว้ก็แค่รูปวันที่ 13 ตุลาคม แรกๆเพื่อนก็งงมีถามบ้างแต่ตอนนี้มันชินละ เราก็ไม่รู้ว่าลบทำไมเหมือนกันแค่อยากลบ ส่วนมากรูปก็ไม่ใช่หน้าเรา จะเป็นวิว การกระทำ แก้วน้ำ ถนน ต้นไม้ ใบไม้ ท้องฟ้า ตึก แล้วก็รูปที่มีคนเดินสวนกันเยอะๆซะส่วนใหญ่ เท่าที่รู้เราเหมือนเป็นคนเบื่อง่าย ทำได้หลายอย่างแต่ทำได้ไม่เต็มที่สักอย่าง ตอนแรกเราเห็นเพื่อนมีแฟนก็อยากมีนะ เหมือนเราเสพติดความคิดที่ว่าผู้ชายในนิยายมากจนเกินไปเลยอยากมีคนแบบนั้น แต่ตอนนี้เราอายุ 17 แล้ว เวลาเห็นเพื่อนลงรูปคู่กับแฟนก็จะมีความรู้สึกแบบน่ารักอ่ะคู่นี้ แต่ถ้ามีเอามั้ย ตอบเลย ไม่ ไม่เอาเด็ดขาด เมื่อปีที่แล้วเรามีแฟนคนนึง คุยกันได้สามสี่วันก็คบ คบได้เดือนกับอีกกี่วันไม่รู้ เเล้วมาติดช่วงปิดเทอม ช่วงนั้นเราเสพติดการนอนดูซีรี่ส์ หนูหนังย้อนหลัง ฟังเพลง จนเราลืมเขาไปสนิทเลย ไม่อยากสนใจด้วยซ้ำ ปิดการเเจ้งเตือนแชทไว้เลย เลยรู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับการอยู่คนเดียวมากกว่า เขาน่าจะเจอคนที่โอเคกว่าเรา เราเลยบอกเลิกไป พอขึ้น ม.5 คุยกับคนใหม่มาได้ 4 เดือน ก็ถึงตอนนี้แหละ ติดช่วงปิดเทอมอีกแล้ว อารมณ์เดิมๆกลับมาอีก เราปิดการแจ้งเตือนอีกแล้ว หนักสุดเลยคือ จะถอนการติดตั้งเฟสบุ๊คแล้วแต่โทรศัพย์มันถอนไม่ได้ วันนึงเรามีหลายอารมณ์ตามผู้หญิงทั่วๆไปเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เหวี่ยงบ่อยด้วย
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะเป็นปัญหากับชีวิตมากไหมคะ หรือเป็นโรคสับสนทางประสาทอะไรงี้หรือเปล่าคะ หลายๆอย่างบางทีทำไปก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม
เราว่าเรามีปัญหากับการใช้ชีวิต
แต่เราไม่รู้ตัวเองเลย ตอน ม.1 ตอนนั้นเราอินเกาหลีมาก พวก k-pop อินจนไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับการเรียนภาษา หลักการ อะไรพวกนี้มาอ่านควบคู่กับเรียนในยูทูปเลยจนอ่านออก เขียนได้ แปลได้ในระดับนึง แล้วก็เลิกไป มาอินกับหนังสือนิยายแทนพวกชูการ์เรนอ่ะค่ะ มีเก็บเงินซื้อเองบ้าง แล้วก็แม่ซื้อให้เองบ้าง บางครั้งแม่ซื้อให้หกเจ็ดเล่มติดกันเลย เพราะเราไม่ค่อยชอบออกไปไหน เราชอบอยู่บ้านมากกว่า แม่ไปทำงานกลัวเหงาเลยซื้อมาให้อ่าน เราอ่านวันนึงได้สูงสุดสามเล่ม ไม่ข้ามด้วยนะ แต่อ่านแบบไม่พักเลย เราชอบมาก เเล้วก็เลิกอ่านไป แต่หนังสือก็ยังคงเก็บไว้ทุกเล่ม เราเคยเขียนเรียงความภาษาไทยได้ดีจนครูเรียกไปพบเพราะอยากให้ไปแข่งเขียนเรียงความ แต่ตอนนั้นเราติดแข่งศิลปะ เราไม่ชอบเรียนภาษาไทยเท่าไหร่เพราะมันเฉื่อยๆ เรารู้ตัวเองนะว่าเขียนได้ดีเพราะเรารู้สึกได้ มันเป็นเรื่องที่ครูไม่กำหนดหัวข้ออยากเขียนเรื่องไรก็เขียน เราเลยเลือกเขียนเกี่ยวกับเรื่องเกี่ยวกับการชอบศิลปินเกาหลีเป็นเรื่องดีไม่เสียหายอะไร ประมาณว่าก็เราเคยใช้เขาเป็นแรงบันดารใจในการเรียนภาษาเกาหลี แล้วเราก็ทำได้ดีแค่นั้นจริงๆ เหมือนกับว่าเราจะทำได้ดีในเรื่องที่ไม่มีขอบจำกัดให้เรา ตอนเเข่งวาดภาพเราก็ทำได้ไม่ดีเท่ากับตอนส่งงาน วาดภาพส่งครู มันเป็นการวาดอะไรก็ได้ แต่การแข่งคือ กำหนดเวลา กำหนดหัวข้อ เราไม่ได้อยากทำในตอนนั้นและหัวข้อนั้น เราได้แข่งวาดภาพระบายสีมาตลอดตั้งแต่ประถมจนมัธยม แต่มามีปัญหาตอนมัธยมนี่แหละ ยิ่งรู้สึกตัวว่าถ้าไม่มีความอยากทำก็ไม่ทำ แล้วก็ไม่ทำจริงๆ แล้วมัธยมก็ได้ไปแข่งศิลปะแค่รอบเดียวจริงๆ เพราะเราไม่อยากทำในเวลาที่ไม่ใช่อ่ะ
เรามองว่ามันเป็นปัญหากับชีวิตเราจริงๆ ยิ่งถ้าเราโตไปมากขึ้นเราจะใช้ชีวิตยังไงให้มันไม่เจอปัญหานี้
พยายามที่จะทำเเล้ว ทำในสิ่งที่โดนบอกให้ทำ แต่ถ้าครั้งไหนมันไม่มีเหตุผลเราก็ไม่ทำเลยนะ ขนาดครั้งไหนมีเหตุผลยังไม่ทำเลย แต่กฏของโรงเรียนก็มีเบี้ยวๆบ้าง เหมือนทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับอารมณ์เรามากกว่า บางทีรูปในไอจีเราก็ลบออกเกลี้ยงเลยนะ เหลือไว้ก็แค่รูปวันที่ 13 ตุลาคม แรกๆเพื่อนก็งงมีถามบ้างแต่ตอนนี้มันชินละ เราก็ไม่รู้ว่าลบทำไมเหมือนกันแค่อยากลบ ส่วนมากรูปก็ไม่ใช่หน้าเรา จะเป็นวิว การกระทำ แก้วน้ำ ถนน ต้นไม้ ใบไม้ ท้องฟ้า ตึก แล้วก็รูปที่มีคนเดินสวนกันเยอะๆซะส่วนใหญ่ เท่าที่รู้เราเหมือนเป็นคนเบื่อง่าย ทำได้หลายอย่างแต่ทำได้ไม่เต็มที่สักอย่าง ตอนแรกเราเห็นเพื่อนมีแฟนก็อยากมีนะ เหมือนเราเสพติดความคิดที่ว่าผู้ชายในนิยายมากจนเกินไปเลยอยากมีคนแบบนั้น แต่ตอนนี้เราอายุ 17 แล้ว เวลาเห็นเพื่อนลงรูปคู่กับแฟนก็จะมีความรู้สึกแบบน่ารักอ่ะคู่นี้ แต่ถ้ามีเอามั้ย ตอบเลย ไม่ ไม่เอาเด็ดขาด เมื่อปีที่แล้วเรามีแฟนคนนึง คุยกันได้สามสี่วันก็คบ คบได้เดือนกับอีกกี่วันไม่รู้ เเล้วมาติดช่วงปิดเทอม ช่วงนั้นเราเสพติดการนอนดูซีรี่ส์ หนูหนังย้อนหลัง ฟังเพลง จนเราลืมเขาไปสนิทเลย ไม่อยากสนใจด้วยซ้ำ ปิดการเเจ้งเตือนแชทไว้เลย เลยรู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับการอยู่คนเดียวมากกว่า เขาน่าจะเจอคนที่โอเคกว่าเรา เราเลยบอกเลิกไป พอขึ้น ม.5 คุยกับคนใหม่มาได้ 4 เดือน ก็ถึงตอนนี้แหละ ติดช่วงปิดเทอมอีกแล้ว อารมณ์เดิมๆกลับมาอีก เราปิดการแจ้งเตือนอีกแล้ว หนักสุดเลยคือ จะถอนการติดตั้งเฟสบุ๊คแล้วแต่โทรศัพย์มันถอนไม่ได้ วันนึงเรามีหลายอารมณ์ตามผู้หญิงทั่วๆไปเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เหวี่ยงบ่อยด้วย
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะเป็นปัญหากับชีวิตมากไหมคะ หรือเป็นโรคสับสนทางประสาทอะไรงี้หรือเปล่าคะ หลายๆอย่างบางทีทำไปก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม