"หัวใจของชีวจักรกล"
ภาพยนตร์ไซไฟในตำนานอันลือลั่นเมื่อ 30 ปีที่แล้วมันได้กลับมาสานต่อความยิ่งใหญ่อีกครั้งในปี 2017 กับ Blade Runner 2049 ที่มาพร้อมเนื้อหาหนักหน่วงไม่แพ้ภาคแรกแต่มีการต่อยอดหลาย ๆ ประเด็นและนำเสนอแง่คิดเชิงปรัชญาชวนปวดเฮดเช่นเคย
ใน Blade Runner 2049 ก็จะเดินตามรอย Blade Runner ภาคแรกไม่มีผิดเพี้ยนทั้งธีมฉากหลังโลกดิสโทเปีย (ที่สวยกว่าเดิม) ดนตรีล้ำ ๆ ให้เสียงแหน่ว ๆๆๆ แหว่วว ๆๆๆ ที่ฟังกี่ครั้งก็ชอบจังเลยและแน่นอนว่าความเนือยเอื่อยเฉื่อยจากภาคแรกก็ยังมีอยู่ในภาคที่สองด้วยเช่นกัน
แต่เรื่องราวที่ชวนเนือย ๆ กลับทำให้น่าสนใจกว่าภาคแรกขึ้นด้วยการเปิดประเด็นใหม่ต่อยอดจากภาคแรกที่ค้างไว้กว่า 30 ปี มีปริศนาให้ชวนคิดตามไปกับตัวละครเลยทำให้ Blade Runner 2049 ดูโอเคกว่าภาคแรก (นิดนึง)
สำหรับตัวละครในภาคนี้ก็มากันให้หมดซึ่งถ้าหากใครที่ดูภาคแรกมาก่อนก็จะต้องชอบภาคนี้มากถึงมากที่สุดจะเป็นอะไรนั้นไม่บอกต้องไปดูในโรงกันเอาเอง การออกแบบตัวละครก็ดูเท่มาก ๆ จะเป็นเจ้าหน้าที่ K (ไรอัล กอสลิ่ง) , วอลเลส (จาเร็ต เลโต) หรือแม้กระทั่งตัวประกอบปลีกย่อยมากมายในหนังทุกคนดูดีวางคาแรกเตอร์ได้เหมาะสมเท่มาก ๆ
ประเด็นปรัชญาก็ยังตอกย้ำเรื่องหัวจิตหัวใจของมนุษย์เทียมเรพลิแคนท์เช่นเคยแต่ยกระดับให้คิดมากขึ้นอีกจะพาเข้าสำรวจจิตใจว่ามนุษย์เทียมก็มีความรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนมนุษย์แท้ ๆ แต่ไฉนเล่าพวกมนุษย์กลับปฏิบัติกับพวกเรพลิแคนท์ราวกับไม่ใช่คนพาให้คิดเรื่องศีลธรรมความเท่าเทียมอาจจะอธิบายได้ไม่ดีมากนักเพราะตัวผู้เขียนก็ไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้ของเรื่องได้ทั้งหมดก็ประมาณว่าเหมือนนั่งฟังเลคเชอร์อาจารย์สาขาปรัชญายังไงยังงั้น
สำหรับงานภาพ เสียง เอ็ฟเฟ็กต์ ไม่ต้องสาธยายเยอะเพราะมันดีงามทุกภาคส่วนไม่มีที่ติสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดไม่มีทำมาลวก ๆ เหมือนกับลิ้มลองอาหารชั้นเลิศจากภัตตาคารระดับมิชลินสตาร์กันเลยทีเดียว
ถือว่า Blade Runner 2049 เป็นการสานต่อที่สุดยอดนาน ๆ ทีจะมีหนังไซไฟดูยาก ๆ โผล่มาสักหนใครที่ชอบหนังประเภทนี้บอกเลยว่าควรเข้าไปดูต่อให้เสพแค่เสียงกับภาพแม้จะจ่ายค่าตั๋วในราคาเต็มมันก็คุ้ม
"9/10" (A Rank)
ที่มา -
https://www.facebook.com/myinnermovie/
[Review] - Blade Runner 2049 // รีวิว เบลดรันเนอร์ 2049
ภาพยนตร์ไซไฟในตำนานอันลือลั่นเมื่อ 30 ปีที่แล้วมันได้กลับมาสานต่อความยิ่งใหญ่อีกครั้งในปี 2017 กับ Blade Runner 2049 ที่มาพร้อมเนื้อหาหนักหน่วงไม่แพ้ภาคแรกแต่มีการต่อยอดหลาย ๆ ประเด็นและนำเสนอแง่คิดเชิงปรัชญาชวนปวดเฮดเช่นเคย
ใน Blade Runner 2049 ก็จะเดินตามรอย Blade Runner ภาคแรกไม่มีผิดเพี้ยนทั้งธีมฉากหลังโลกดิสโทเปีย (ที่สวยกว่าเดิม) ดนตรีล้ำ ๆ ให้เสียงแหน่ว ๆๆๆ แหว่วว ๆๆๆ ที่ฟังกี่ครั้งก็ชอบจังเลยและแน่นอนว่าความเนือยเอื่อยเฉื่อยจากภาคแรกก็ยังมีอยู่ในภาคที่สองด้วยเช่นกัน
แต่เรื่องราวที่ชวนเนือย ๆ กลับทำให้น่าสนใจกว่าภาคแรกขึ้นด้วยการเปิดประเด็นใหม่ต่อยอดจากภาคแรกที่ค้างไว้กว่า 30 ปี มีปริศนาให้ชวนคิดตามไปกับตัวละครเลยทำให้ Blade Runner 2049 ดูโอเคกว่าภาคแรก (นิดนึง)
สำหรับตัวละครในภาคนี้ก็มากันให้หมดซึ่งถ้าหากใครที่ดูภาคแรกมาก่อนก็จะต้องชอบภาคนี้มากถึงมากที่สุดจะเป็นอะไรนั้นไม่บอกต้องไปดูในโรงกันเอาเอง การออกแบบตัวละครก็ดูเท่มาก ๆ จะเป็นเจ้าหน้าที่ K (ไรอัล กอสลิ่ง) , วอลเลส (จาเร็ต เลโต) หรือแม้กระทั่งตัวประกอบปลีกย่อยมากมายในหนังทุกคนดูดีวางคาแรกเตอร์ได้เหมาะสมเท่มาก ๆ
ประเด็นปรัชญาก็ยังตอกย้ำเรื่องหัวจิตหัวใจของมนุษย์เทียมเรพลิแคนท์เช่นเคยแต่ยกระดับให้คิดมากขึ้นอีกจะพาเข้าสำรวจจิตใจว่ามนุษย์เทียมก็มีความรัก โลภ โกรธ หลง เหมือนมนุษย์แท้ ๆ แต่ไฉนเล่าพวกมนุษย์กลับปฏิบัติกับพวกเรพลิแคนท์ราวกับไม่ใช่คนพาให้คิดเรื่องศีลธรรมความเท่าเทียมอาจจะอธิบายได้ไม่ดีมากนักเพราะตัวผู้เขียนก็ไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้ของเรื่องได้ทั้งหมดก็ประมาณว่าเหมือนนั่งฟังเลคเชอร์อาจารย์สาขาปรัชญายังไงยังงั้น
สำหรับงานภาพ เสียง เอ็ฟเฟ็กต์ ไม่ต้องสาธยายเยอะเพราะมันดีงามทุกภาคส่วนไม่มีที่ติสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดไม่มีทำมาลวก ๆ เหมือนกับลิ้มลองอาหารชั้นเลิศจากภัตตาคารระดับมิชลินสตาร์กันเลยทีเดียว
ถือว่า Blade Runner 2049 เป็นการสานต่อที่สุดยอดนาน ๆ ทีจะมีหนังไซไฟดูยาก ๆ โผล่มาสักหนใครที่ชอบหนังประเภทนี้บอกเลยว่าควรเข้าไปดูต่อให้เสพแค่เสียงกับภาพแม้จะจ่ายค่าตั๋วในราคาเต็มมันก็คุ้ม
"9/10" (A Rank)
ที่มา - https://www.facebook.com/myinnermovie/