หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] @@ไปบ่จ้า วัง เวียง ((พยักหน้าสองหงึก))@@
กระทู้รีวิว
Backpack
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ภาพถ่าย
วังเวียง
มันมีอะไรหนอ ทำไมเปิดหน้าฟีดทีไร เป็นต้องมีรีวิวเมืองนี้ทุกวัน
มันเป็นคำถามที่เราถามตัวเองเมื่อปีที่แล้ว ถามไปถามมาอยู่หลายวันก็เลยลองชวนท่านผบ. ว่าไปกันดีป่ะ ได้คำตอบเป็นการพยักหน้าสองหงึก ทริปวังเวียงจึงเริ่มตั้งแต่วันนั้น และมาจบเอาก็เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ อ่านมาถึงตรงนี้ก็อย่าเพิ่งงงไป ทริปอะไรของหล่อนเยิ่นเย้อยาวนานข้ามเดือนข้ามปี จริงๆก็ใช้เวลาท่องเที่ยวและเดินทาง ๒ คืน ๓ วัน เหมือนหลายๆคนนั่นแหละ ที่ว่าเริ่มทริปมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็คือเริ่มวางแผนและจองตั๋วโปรไว้รอข้ามปีนั่นเอง
ตกลงกับท่านผบ.ว่าหยอดกระปุกกันเดือนละ ๕๐๐ บาท สองคนรวมกันก็เดือนละ ๑๐๐๐ บาท ก็เก็บมาได้มาได้ ๘ เดือน ตกแล้วมีเงินทุนไปเที่ยววังเวียง ๘๐๐๐ บาท ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวนะ
การเดินทาง ตามกรรมวิธีและขั้นตอนที่ท่านๆได้รีวิวไว้เป็นข้อมูลมากมาย อย่างที่เกริ่นว่าจองตั๋วโปรมาได้ เราสองคนก็นั่งเครื่องบินไปลงที่อุดรธานีในราคา ๑๐๗ บาท/คน บินไฟลท์เช้า ไปถึงอุดรประมาณ ๗.๑๕ น. เดินอย่างมั่นใจค่ะ เตรียมตัวมาอย่างดี เดินออกไปนอกอาคารสนามบินชะเง้อมองหาสองแถวแดงสาย ๑๕ เพื่อเข้าไปบขส.เก่า ต่อนี้จ่ายค่ารถ ๑๐ บาท/คน
เมื่อไปถึง พี่วินสองแถว วินสามล้อ วินมอเตอร์ไซค์ จะพากันมาแห่แหนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เราก็ทักทายทุกท่านอย่างทั่วถึงค่ะ ไม่ให้เสียน้ำใจ ร้องตอบไปว่ามีตั๋วแล้วจ้าๆ คนอุดรใจดีค่ะ พอถามว่าจองตั๋วไปวังเวียงไว้ก็รีบชี้บอกกันใหญ่ว่าให้ไปตึก สีส่ม สีส่ม ไปโลดอีนาง... ตึกสีส้มที่ว่าคือตึกสำนักงานของบขส.ที่เราทำการโทรจองตั๋ววังเวียงเอาไว้ล่วงหน้า สะดวกสบายไปอีก ไม่ต้องไปลุ้นที่ท่ารถว่ารถจะเต็มหรือเปล่า ค่าตั๋วรถ ๓๒๐ บาท/คน รับตั๋วเสร็จยังไม่ได้เวลารถออกก็เลยไปหาอาหารเช้าทานรองท้องเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไกล
ขึ้นรถมาแบบหวานเย็น ตะต่องยอน ร้องเพลงลูกกรุงรอ เนื่องจากรถเที่ยวที่เราขึ้นเป็นรถฝั่งลาว อ้ายคนขับก็รับฝากของหิ้วของข้ามชายแดนทำให้ต้องแวะจอดเพื่อส่งของให้ลูกค้าบ่อยอยู่ บางจุดจอดรอเสียเวลาด้วย รถออกจากบขส.อุดร ๘.๓๐ น. มาถึงด่านตรงหนองคายใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ติดต่อเรื่องเอกสารผ่านแดน แลกเงินตรา อีกประมาณครึ่งชั่วโมง แต่หลังจากนั้นแม่จ้าววว... แวะส่งของ แวะรับเมีย แวะร้านค้าให้ชาวคณะซื้อซิม รถพามาถึงวังเวียง ๑๖.๒๐ น. เห็นจะได้ นานแค่ไหนถามใจดู๊
จุดพักรถที่แวะซื้อซิม เป็นมินิมาร์ทกลายๆ
รถจาก กำแพงนคร พี่เขาว่างั้น อารมณ์ประมาณเป็นรถป้ายทะเบียน กทม.
ใจเราก็คิดนะว่าเขารีวิวกันเยอะแล้วนะ วังเวียงเนี่ย ไปเที่ยวกลับมาแล้วก็ยังเห็นมีรีวิวจากนักท่องเที่ยว นักถ่ายภาพ นักผจญภัย ออกมาไม่ขาดสาย ตัดสินใจอยู่นาน สุดท้ายก็คิดว่า เออ รีวิวเอาไว้เป็นกิมมิกเล็กๆของชีวิต ก็น่าจะดีนะ ((นอกเรื่องทำไม))
เมื่อไปถึงวังเวียง ก็มีกรรมวิธีขั้นตอนเหมือนกับที่ทุกคนรีวิวไว้ทุกประการ คือ มีรถฟรีพานั่งจากท่ารถเข้าไปส่งที่หน้าโรงแรมเมลานี แล้วนักท่องเที่ยวก็แยกย้าย ทางใครทางมัน ไปตามทางที่พักของตน เราเข้าพักที่โรงแรมเล็กๆไม่ได้อยู่ริมน้ำซองอะไร ตอนเลือกนี่จุดประสงค์หลักคือต้องการสะดวก ใกล้ท่ารถ ร้านอาหาร และห่างไกลมลพิษทางเสียง พักที่นี่สองคืนในราคา ๑๑๒๐ บาท ไม่มีอาหารเช้า จองผ่านเวป Booking.com
ไปถึงตั้งสี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว ทำอะไรล่ะที่นี้ ไปเช่ามอเตอร์ไซค์เลยจ้าาา
ฮอนด้าเวฟสี่จังหวะ ประมาณ ๔๐๐ บาท/๒๔ ชม. (๑แสนกีบ) ทำอะไรล่ะ ขี่รถสำรวจเมืองยามเย็น เลาะๆเลียบๆไปเก็บบรรยากาศอะไรงี้
บางภาพถ่ายจากกล้อง DSLR บางภาพถ่ายจากโทรศัพท์ ผสมปนเปกันสนุกสนาน
อันนี้นี้ข้ามสะพานมา จ่ายค่าข้ามสะพาน ๔๐ บาท
ตระเวณพอเป็นกระสัย ก็ขี่รถกลับมาแถวที่พักหาอะไรกัน ร้านรวงในวังเวียงก็เป็นร้านค้าเล็กๆ ร้านอาหารที่เห็นมากๆก็อาหารพื้นเมืองที่มีเมนูฝรั่งอย่างแซนวิชบาร์เกต์ปะปนอยู่ด้วย อยู่วังเวียงกินส้มตำ ลาบ เฝอ ข้าวซอยก็มีนะเออ ต่องยอนต๊ะต่องยอนนนนน คือพยายามจะหาของกินที่มันเป็นของท้องถิ่นบ้านเค้าน่ะ ส่วนสินค้าที่เห็นตามร้านชำต่างๆก็เหมือนของในบ้านเรา หีบห่อเป็นภาษาไทยซะส่วนมาก และราคาแพงกว่าบ้านเรา อีกเรื่องที่ทำให้รู้สึกแปลกใจมากคือ ประชากรชาวเกาหลี เยอะมากจริงๆ มากขนาดมีมินิมาร์ทเกาหลีที่ขายของเกาหลี ร้านหมูย่างเกาหลีก็มีไม่น้อย ร้านกาแฟน่านั่งก็มี ที่สำคัญทุกร้านในวังเวียงมี wifi ฟรี แรง เฟร่อออ...
ร้านนี้ชื่อ ฮอบบิท เป็นร้านเล็กๆเงียบๆค่ะ เราชอบนะ มีสีชอล์กให้เขียนกำแพง พี่แกบอกอยากเขียนอะไรก็เขียน เชิญเลย หะแหม้..
เช้า ตื่นออกมาชมบรรยากาศหมอกลอยอุยๆ มัวๆ มันก็จะประมาณนี้
มองออกไปจากหน้าต่างห้องพัก
แล้วแว๊นซ์ออกมาข้างนอก
อาหารเช้าเติมพลัง ก่อนออกไปผจญภัย
ถ้าเป็นแซนด์วิชบาร์เกต์ก็มีให้เลือกหลายไส้ หลายราคา รสชาติดีใช้ได้ น่าเป็นเพราะขนมปังเค้าอร่อย
เอาล่ะ ทีนี้ก็ไปเก็บจุดท่องเที่ยวแลนด์มาร์ก ทริปวังเวียงของเราอาจจะต่างจากหลายๆคน เพราะเราเป็นสายแห้งอ่ะ ไม่ชอบเปียก ไม่ชอบพลุกพล่าน ไม่ใช่นักดื่มอีกต่างหาก เหอะๆๆๆ เส้นทางระหว่างขี่รถไปบลูลากูน มันเป็นอะไรที่ฟินมาก
ขี่รถทะลุหมอกมาเพลินๆ ((อยากให้อ่านแล้วเห็นภาพตาม)) ถึงซะแล้วบลูลากูน เราไปถึงก่อน ๘ โมงอีก
เสื้อชูชีพไม่ใช่น้อยๆ บอกได้ว่าลูกค้าเค้าเยอะจริงไรจริง
บลูลากูนเป็นสระน้ำ ขนาดย่อมๆไม่ได้ใหญ่โตมากมาย มีอีกด้านที่เป็นธารน้ำด้วย
ใสอะไรปานนี้ ใสเหมือนใครยุให้ใส
เพลิดเพลินอยู่พักใหญ่กับการนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำให้ปลาตอด พอกลุ่มทัวร์กลุ่มแรกมาถึงพร้อมเสียงอึกทึกด้วยภาษาเกาหลี ((มากัน 4 คันรถ)) เราก็โบกมือลาบลูลากูน ขี่มอเตอร์ไซค์แสนกีบกลับออกมาทางเดิม ตอนแรกว่าจะไปผาเงิน แต่อย่างที่บอกว่าฝนตกหนัก เส้นทางที่แยกไปทางผาเงินนั้นยากเกินเยียวยาจริงๆ เรื่องปีนก็ไม่ค่อยถนัดด้วยก็เลยขี่รถกลับเข้าเมือง
ระหว่างทาง มีป้ายทางไปน้ำตก หลอกล่อเราอยู่เป็นระยะ น้ำตกนั้น น้ำตกนี้ ขี่รถอออกมาได้เกือบครึ่งทางก็เลยได้แวะจริงๆ มีป้ายติดอยู่ริมถนนและสังเกตทางแล้วไม่น่าจะไปยาก ก็เลยเลี้ยวรถเข้าไป ถนนเป็นดินแดงๆที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝนเมื่อคืน ขนาดที่ว่าตักใส่แก้วใส่น้ำแข็งซะหน่อย ชานมเย็น ดีๆนี่เอง เราไปถึงก็อึ้งนิดๆน่ะ เนื่องจากมันเป็ฯบ้านคน คุณลงเจ้าของบ้านออกมาต้อนรับ จ่ายค่าเข้าชมคนละหมื่นกีบ คุณลุงจะนำทางไป
ระหว่างทางก็ต้องเดินลัดเลาะไปตามคันนา นาลุงทั้งนั้น ลุงว่า
เดินมาได้ซักพัก ก็เจอปากถ้ำ มีสระน้ำเล็กๆอยู่ด้วย รับประกันความเย็นและความลึก ลุงว่า
จังหวะนี้เองมีเสียงจากท่านผบ. ...ถ้ำอีกแล้ว...
จังหวะนี้เองที่เรากับลุงสบตากันโดยมิได้นัดหมาย ลุงก็พยายามเชิญชวนให้ปีนเข้าถ้ำ แกมีไฟฉายมาด้วย เรามองทางเข้าแล้วค่อนข้างชันทีเดียวและด้านล่างก็เป็นสระน้ำอย่างที่เห็น (ลุงรับประกันความลึก) สรุปสุดท้ายก็ไม่ได้ปีนเข้าไป ถามๆลุง ลุงบอกว่า งามเด้อนาง ถ้าเดินทะลุไปถึงอีกฝั่ง ปากถ้ำอีกด้านมีวิวสวยๆ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็ทะลุแล้วเด้.. จังหวะนี้เองมีเสียงจากท่านผบ. ...ครึ่งชั่วโมง โอ ตายๆๆ...
นั่นล่ะค่ะ คณะเราก็เลยจบอยู่ที่ตรงปากถ้ำ เราเดินถ่ายรูป ชมธรรมชาติรอบๆนั้นอยู่ครู่ใหญ่ เพราะพอไม่ปีนถ้ำลุงก็เลยปล่อยให้อยู่กันเอง ลุงต้องไปรอรับแขกหน้าบ้านเผื่อมีใครหลงเข้ามาอีก ((เอ๊ะ ยังไง))
ออกจากน้ำตกส่วนตัวของคุณลุงเจ้าของที่นา เรากลับที่พักหาอะไรกินและนอนพักผ่อน ตื่นขึ้นมาก็ช่วงบ่ายได้เวลาไปสะพานสีส้ม ถ้ำจัง
ข้ามสะพานมาจะเจอร้านค้าที่จำหน่ายสแน็คสไตล์วังเวียง
จังหวะนี้เอง ท่านผบ.แจ้งความประสงค์จะขอนั่งรอที่ด้านนอกทางเข้าถ้ำ ขณะที่เราขอมุดถ้ำต่อ ((ท่านต้องเข้าใจนะว่ามันไม่ได้มาได้ทุกวัน))
ชื่อสินค้า:
วังเวียง ประเทศลาว
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
วังเวียง .... ไปยังไงได้บ้าง ?
พอดีเห็นตารางค่าโดยสารรถเมล์เวียงจันทน์ ลืมไปเลยนะ ว่ามีสาย 01 ไปวังเวียงเนี่ย ก็เลยมารวบรวมให้ครับ ว่า วังเวียง ไปยังไงได้บ้าง เริ่มจากฝั่งไทยก่อนเลยนะ มีรถโดยสารปรับอากาศ อุดร - วังเวียง ซึ่งปัจจ
ไปซะ ก่อนจะไปไม่ไหว
เที่ยววังเวียง แบบนักวิ่ง วิ่ง กิน เที่ยว ไปเรื่อย
วังเวียง สปป.ลาว 4 วัน 3 คืน -เดินทางด้วยรถไฟจากสถานีสามเสน ลง หนองคาย (ตั๋ว 1000 นิดๆ) ข้ามแดนด้วยpassport (ใช้border pass ไปวังเวียงไม่ได้) ไปนครหลวงเวียงจันทน์ เที่ยวในเวียงจันทน์ 1 วัน 1 คืน เหมาร
Trail and travel
Trip "วังเวียง" May-2018 (ลาว)
ทริป 4 วัน 3 คืน DAY 1 - นั่งเครื่องบินจากดอนเมืองไปอุดรธานี - ต่อรถตู้ที่สนามบินไปชายแดนไทย - ลาว ค่ารถ 200บาท - เหมารถตู้ไปวังเวียงในราคา 3,200.- แวะประตูชัยที่เวียงจันทร์แปปหนึ่ง จากนั้นเดินทางต
สมาชิกหมายเลข 984382
แม่น้ำที่สวยงามราวกับไม่มีอยู่จริง!!
ถ้ำจัง สถานที่ทีสวยงามแห่งหนึ่งในวังเวียง ประเทศลาว มีแม่น้ำใสๆที่ไหลออกมาจากถ้ำ น้ำเย็นสดชื่น ใสสะอาดมากจนไม่น่าเชื่อ เป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเยอะมาก หากได้ไปก็จะได้เจอกับธรรมชาติที่ส
สมาชิกหมายเลข 8856356
[CR] หลวงพระบาง วังเวียง เวียงจันทน์ ในความทรงจำของผม วันที่ 3(15กุมภาพันธ์2568)วังเวียง
เปิดหัวด้วยคลิปกันก่อนเลยเผื่อเพื่อนสมาชิกบางคนไม่อยากอ่าน 555 https://www.youtube.com/watch?v=z94DV9HZ0so วันนี้นัดพี่หอมคำ สองแถววังเวียง เหมาไป ตลาดเช้า ผาหนามไซ ผาหอคำ บลูลากูน3 แล้วกลับที่พั
jackbuaroadbike
<<< Memories pink >>> สะบายดีวังเวียง (ตอนที่ 4)::::::::::::::: เส้นทางวิบากสู่บลูลากูน :::::::::::::::::
วันที่สามของการมาเยือนวังเวียง วันนี้ช่วงเช้าตั้งใจว่าจะไปบลูลากูนหลังจากที่พลาดมาเมื่อครั้งที่แล้ว เหตุที่เลือกไปตอนเช้าก็เพราะอากาศยังไม่ร้อน ส่วนช่วงบ่ายก็จะขอพักผ่อนดื่มด่ำกับความสุขและความประทับใ
Memories pink
หลวงพระบาง วังเวียง เวียงจันทน์ EP.3
เวียงจันทน์ เที่ยวน้อยตามรูป ภาคต่อจากอันนี้ครับ https://pantip.com/topic/43148230?sc=Kj9GTMu -ไหว้ศาลพญานาค (ข้างโรงแรม Landmark) -ถนนคนเดิน -กลับไทย จากวังเวียงมาเวียงจันทน์ ผมเลือกเดินทางโดยรถต
นาย Live
รบกวนช่วยดูทริปลาว เวียงจันทน์ ไชสมบูรณ์ วังเวียง หนองเขียว-งอย หลวงพระบาง ให้หน่อยคะ
ความอยากไปเที่ยวลาวสักคร้้ง ร่วมกับหางแดงมีโปร จึงขอไปเยือนครั้งแรก ชิวๆ ตอนแรกคือ ไปคนเดียว แบบไม่มีรถ และขับมอไซค์ไม่เป็น (มีเพื่อนขอไปด้วยแต่ร่วมทริปวันที่ 1 - วันที่ 7 ต้องกลับมางานบุญกฐิน)&
ลิลลี่ จุง
ทริปขับรถเที่ยวลาวครั้งที่ 5 สะหวันนะเขต-ท่าแขก-ปากซัน-ไชยสมบูรณ์-เวียงจันทน์ -เมืองเฟือง-วังเวียง
ทริปขับรถเที่ยวลาวครั้งที่ 5 Day 0-1 ออกจากบ้าน 23 น. แล้วมาแวะนอนพักสายตาที่โคราช ตื่นมาประมาณ 6 โมงเช้าขับรถต่อแล้วไปแวะทานอาหารเช้าที่อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ที่คาเฟ่ผักหลังบ้าน อ
DrFamilyTravellover
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
Backpack
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ภาพถ่าย
วังเวียง
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 1.1 พัน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] @@ไปบ่จ้า วัง เวียง ((พยักหน้าสองหงึก))@@
มันเป็นคำถามที่เราถามตัวเองเมื่อปีที่แล้ว ถามไปถามมาอยู่หลายวันก็เลยลองชวนท่านผบ. ว่าไปกันดีป่ะ ได้คำตอบเป็นการพยักหน้าสองหงึก ทริปวังเวียงจึงเริ่มตั้งแต่วันนั้น และมาจบเอาก็เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ อ่านมาถึงตรงนี้ก็อย่าเพิ่งงงไป ทริปอะไรของหล่อนเยิ่นเย้อยาวนานข้ามเดือนข้ามปี จริงๆก็ใช้เวลาท่องเที่ยวและเดินทาง ๒ คืน ๓ วัน เหมือนหลายๆคนนั่นแหละ ที่ว่าเริ่มทริปมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็คือเริ่มวางแผนและจองตั๋วโปรไว้รอข้ามปีนั่นเอง
ตกลงกับท่านผบ.ว่าหยอดกระปุกกันเดือนละ ๕๐๐ บาท สองคนรวมกันก็เดือนละ ๑๐๐๐ บาท ก็เก็บมาได้มาได้ ๘ เดือน ตกแล้วมีเงินทุนไปเที่ยววังเวียง ๘๐๐๐ บาท ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวนะ
การเดินทาง ตามกรรมวิธีและขั้นตอนที่ท่านๆได้รีวิวไว้เป็นข้อมูลมากมาย อย่างที่เกริ่นว่าจองตั๋วโปรมาได้ เราสองคนก็นั่งเครื่องบินไปลงที่อุดรธานีในราคา ๑๐๗ บาท/คน บินไฟลท์เช้า ไปถึงอุดรประมาณ ๗.๑๕ น. เดินอย่างมั่นใจค่ะ เตรียมตัวมาอย่างดี เดินออกไปนอกอาคารสนามบินชะเง้อมองหาสองแถวแดงสาย ๑๕ เพื่อเข้าไปบขส.เก่า ต่อนี้จ่ายค่ารถ ๑๐ บาท/คน
เมื่อไปถึง พี่วินสองแถว วินสามล้อ วินมอเตอร์ไซค์ จะพากันมาแห่แหนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เราก็ทักทายทุกท่านอย่างทั่วถึงค่ะ ไม่ให้เสียน้ำใจ ร้องตอบไปว่ามีตั๋วแล้วจ้าๆ คนอุดรใจดีค่ะ พอถามว่าจองตั๋วไปวังเวียงไว้ก็รีบชี้บอกกันใหญ่ว่าให้ไปตึก สีส่ม สีส่ม ไปโลดอีนาง... ตึกสีส้มที่ว่าคือตึกสำนักงานของบขส.ที่เราทำการโทรจองตั๋ววังเวียงเอาไว้ล่วงหน้า สะดวกสบายไปอีก ไม่ต้องไปลุ้นที่ท่ารถว่ารถจะเต็มหรือเปล่า ค่าตั๋วรถ ๓๒๐ บาท/คน รับตั๋วเสร็จยังไม่ได้เวลารถออกก็เลยไปหาอาหารเช้าทานรองท้องเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไกล
ขึ้นรถมาแบบหวานเย็น ตะต่องยอน ร้องเพลงลูกกรุงรอ เนื่องจากรถเที่ยวที่เราขึ้นเป็นรถฝั่งลาว อ้ายคนขับก็รับฝากของหิ้วของข้ามชายแดนทำให้ต้องแวะจอดเพื่อส่งของให้ลูกค้าบ่อยอยู่ บางจุดจอดรอเสียเวลาด้วย รถออกจากบขส.อุดร ๘.๓๐ น. มาถึงด่านตรงหนองคายใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ติดต่อเรื่องเอกสารผ่านแดน แลกเงินตรา อีกประมาณครึ่งชั่วโมง แต่หลังจากนั้นแม่จ้าววว... แวะส่งของ แวะรับเมีย แวะร้านค้าให้ชาวคณะซื้อซิม รถพามาถึงวังเวียง ๑๖.๒๐ น. เห็นจะได้ นานแค่ไหนถามใจดู๊
ใจเราก็คิดนะว่าเขารีวิวกันเยอะแล้วนะ วังเวียงเนี่ย ไปเที่ยวกลับมาแล้วก็ยังเห็นมีรีวิวจากนักท่องเที่ยว นักถ่ายภาพ นักผจญภัย ออกมาไม่ขาดสาย ตัดสินใจอยู่นาน สุดท้ายก็คิดว่า เออ รีวิวเอาไว้เป็นกิมมิกเล็กๆของชีวิต ก็น่าจะดีนะ ((นอกเรื่องทำไม))
เมื่อไปถึงวังเวียง ก็มีกรรมวิธีขั้นตอนเหมือนกับที่ทุกคนรีวิวไว้ทุกประการ คือ มีรถฟรีพานั่งจากท่ารถเข้าไปส่งที่หน้าโรงแรมเมลานี แล้วนักท่องเที่ยวก็แยกย้าย ทางใครทางมัน ไปตามทางที่พักของตน เราเข้าพักที่โรงแรมเล็กๆไม่ได้อยู่ริมน้ำซองอะไร ตอนเลือกนี่จุดประสงค์หลักคือต้องการสะดวก ใกล้ท่ารถ ร้านอาหาร และห่างไกลมลพิษทางเสียง พักที่นี่สองคืนในราคา ๑๑๒๐ บาท ไม่มีอาหารเช้า จองผ่านเวป Booking.com
ไปถึงตั้งสี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว ทำอะไรล่ะที่นี้ ไปเช่ามอเตอร์ไซค์เลยจ้าาา
ฮอนด้าเวฟสี่จังหวะ ประมาณ ๔๐๐ บาท/๒๔ ชม. (๑แสนกีบ) ทำอะไรล่ะ ขี่รถสำรวจเมืองยามเย็น เลาะๆเลียบๆไปเก็บบรรยากาศอะไรงี้
อันนี้นี้ข้ามสะพานมา จ่ายค่าข้ามสะพาน ๔๐ บาท
ตระเวณพอเป็นกระสัย ก็ขี่รถกลับมาแถวที่พักหาอะไรกัน ร้านรวงในวังเวียงก็เป็นร้านค้าเล็กๆ ร้านอาหารที่เห็นมากๆก็อาหารพื้นเมืองที่มีเมนูฝรั่งอย่างแซนวิชบาร์เกต์ปะปนอยู่ด้วย อยู่วังเวียงกินส้มตำ ลาบ เฝอ ข้าวซอยก็มีนะเออ ต่องยอนต๊ะต่องยอนนนนน คือพยายามจะหาของกินที่มันเป็นของท้องถิ่นบ้านเค้าน่ะ ส่วนสินค้าที่เห็นตามร้านชำต่างๆก็เหมือนของในบ้านเรา หีบห่อเป็นภาษาไทยซะส่วนมาก และราคาแพงกว่าบ้านเรา อีกเรื่องที่ทำให้รู้สึกแปลกใจมากคือ ประชากรชาวเกาหลี เยอะมากจริงๆ มากขนาดมีมินิมาร์ทเกาหลีที่ขายของเกาหลี ร้านหมูย่างเกาหลีก็มีไม่น้อย ร้านกาแฟน่านั่งก็มี ที่สำคัญทุกร้านในวังเวียงมี wifi ฟรี แรง เฟร่อออ...
ร้านนี้ชื่อ ฮอบบิท เป็นร้านเล็กๆเงียบๆค่ะ เราชอบนะ มีสีชอล์กให้เขียนกำแพง พี่แกบอกอยากเขียนอะไรก็เขียน เชิญเลย หะแหม้..
เช้า ตื่นออกมาชมบรรยากาศหมอกลอยอุยๆ มัวๆ มันก็จะประมาณนี้
มองออกไปจากหน้าต่างห้องพัก
แล้วแว๊นซ์ออกมาข้างนอก
อาหารเช้าเติมพลัง ก่อนออกไปผจญภัย
เอาล่ะ ทีนี้ก็ไปเก็บจุดท่องเที่ยวแลนด์มาร์ก ทริปวังเวียงของเราอาจจะต่างจากหลายๆคน เพราะเราเป็นสายแห้งอ่ะ ไม่ชอบเปียก ไม่ชอบพลุกพล่าน ไม่ใช่นักดื่มอีกต่างหาก เหอะๆๆๆ เส้นทางระหว่างขี่รถไปบลูลากูน มันเป็นอะไรที่ฟินมาก
ขี่รถทะลุหมอกมาเพลินๆ ((อยากให้อ่านแล้วเห็นภาพตาม)) ถึงซะแล้วบลูลากูน เราไปถึงก่อน ๘ โมงอีก
บลูลากูนเป็นสระน้ำ ขนาดย่อมๆไม่ได้ใหญ่โตมากมาย มีอีกด้านที่เป็นธารน้ำด้วย
เพลิดเพลินอยู่พักใหญ่กับการนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำให้ปลาตอด พอกลุ่มทัวร์กลุ่มแรกมาถึงพร้อมเสียงอึกทึกด้วยภาษาเกาหลี ((มากัน 4 คันรถ)) เราก็โบกมือลาบลูลากูน ขี่มอเตอร์ไซค์แสนกีบกลับออกมาทางเดิม ตอนแรกว่าจะไปผาเงิน แต่อย่างที่บอกว่าฝนตกหนัก เส้นทางที่แยกไปทางผาเงินนั้นยากเกินเยียวยาจริงๆ เรื่องปีนก็ไม่ค่อยถนัดด้วยก็เลยขี่รถกลับเข้าเมือง
ระหว่างทาง มีป้ายทางไปน้ำตก หลอกล่อเราอยู่เป็นระยะ น้ำตกนั้น น้ำตกนี้ ขี่รถอออกมาได้เกือบครึ่งทางก็เลยได้แวะจริงๆ มีป้ายติดอยู่ริมถนนและสังเกตทางแล้วไม่น่าจะไปยาก ก็เลยเลี้ยวรถเข้าไป ถนนเป็นดินแดงๆที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝนเมื่อคืน ขนาดที่ว่าตักใส่แก้วใส่น้ำแข็งซะหน่อย ชานมเย็น ดีๆนี่เอง เราไปถึงก็อึ้งนิดๆน่ะ เนื่องจากมันเป็ฯบ้านคน คุณลงเจ้าของบ้านออกมาต้อนรับ จ่ายค่าเข้าชมคนละหมื่นกีบ คุณลุงจะนำทางไป
จังหวะนี้เองที่เรากับลุงสบตากันโดยมิได้นัดหมาย ลุงก็พยายามเชิญชวนให้ปีนเข้าถ้ำ แกมีไฟฉายมาด้วย เรามองทางเข้าแล้วค่อนข้างชันทีเดียวและด้านล่างก็เป็นสระน้ำอย่างที่เห็น (ลุงรับประกันความลึก) สรุปสุดท้ายก็ไม่ได้ปีนเข้าไป ถามๆลุง ลุงบอกว่า งามเด้อนาง ถ้าเดินทะลุไปถึงอีกฝั่ง ปากถ้ำอีกด้านมีวิวสวยๆ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็ทะลุแล้วเด้.. จังหวะนี้เองมีเสียงจากท่านผบ. ...ครึ่งชั่วโมง โอ ตายๆๆ...
นั่นล่ะค่ะ คณะเราก็เลยจบอยู่ที่ตรงปากถ้ำ เราเดินถ่ายรูป ชมธรรมชาติรอบๆนั้นอยู่ครู่ใหญ่ เพราะพอไม่ปีนถ้ำลุงก็เลยปล่อยให้อยู่กันเอง ลุงต้องไปรอรับแขกหน้าบ้านเผื่อมีใครหลงเข้ามาอีก ((เอ๊ะ ยังไง))
ออกจากน้ำตกส่วนตัวของคุณลุงเจ้าของที่นา เรากลับที่พักหาอะไรกินและนอนพักผ่อน ตื่นขึ้นมาก็ช่วงบ่ายได้เวลาไปสะพานสีส้ม ถ้ำจัง
จังหวะนี้เอง ท่านผบ.แจ้งความประสงค์จะขอนั่งรอที่ด้านนอกทางเข้าถ้ำ ขณะที่เราขอมุดถ้ำต่อ ((ท่านต้องเข้าใจนะว่ามันไม่ได้มาได้ทุกวัน))