.
.
บิ๊กไบค์คันงามสีดำเข้มราคาเกินครึ่งล้าน ส่งเสียงกระหึ่มหนักแน่นแต่นุ่มนวลซึมซับเต็มความรู้สึกกับการควบคุมของหนุ่มคนขับ ซ้อนท้ายด้วยหญิงสาววัยสวยปล่อยเรือนผมยาวสยายไหวพลิ้วออกมาจากหมวกกันน็อค โลดแล่นไปตามถนนสายยาวเหยียดราวไม่มีจุดจบ อาบแสงลูกไฟกลมโตกำลังบรรจงแตะแมกไม้ ภาพสวยงามของท้องทุ่งเทือกสวนไร่นาเริ่มกลืนหายไปในอ้อมกอดของรัตติกาล
เย็นของวันศุกร์ปลายเดือน เมื่อสายลมหนาวเริ่มลูบไล้ทักทายบางเบา หนุ่มตะวันและสาวจันทรา คู่รักคู่รถในสายตาหลายคนมองว่าเหมาะสมกันที่สุด พากันแต่งตัวทะมัดทะแมงเดินทางออกจากความวุ่นวายสับสนของตัวเมืองหลวง มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านชนบท ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ทั้งสองมีรสนิยมอย่างหนึ่งคล้ายกันคือ ชื่นชมการสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติด้วยผิวกายยามสายลมพัดผ่าน เอนกายไปทิศทางเดียวกันเมื่อรถคันงามเอียงตัวเฉือนมวลอากาศเข้าโค้งไปมาตามความคดเคี้ยวของถนน ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวของสองหัวใจ บางครั้งรถวิ่งความเร็วต่ำซึมซับธรรมชาติและวิถีชีวิตสองฟากฝั่งถนน มีหลายครั้งทั้งสองเคยจอดรถลงไปทักทายพูดคุยกับชาวบ้าน ที่กำลังพากันหาปูปลาอยู่ตามคลองน้ำข้างถนนริมท้องทุ่งนาเขียวขจี ซื้อผักปูปลาติดมือกลับมาด้วยในราคางดงาม ทำให้คนขายต้องยิ้มอย่างสุขใจไปได้หลายวัน
คนเราบางครั้งก็ต้องหาโอกาสเวลาให้กับตัวเอง เพราะไม่ใช่เครื่องจักรกล การเติมเต็มความสุนทรียภาพ หรือสุนทรียรสแห่งอารณ์ให้กับความรู้สึกและหัวใจ ย่อมเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ คนทำงานทั้งคืนทั้งวันไม่หยุดพักผ่อนคลาย แม้จะร่ำรวยมหาศาลก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ไร้อิสระและความเป็นตัวเอง ตะวันกับจันทรามีความเห็นสอดคล้องกันในเรื่องนี้จึงมักหาเวลาเดินทางออกจากเมืองหลวง มุ่งหน้าไปยังบ้านเกิดของฝ่ายหญิง ซึ่งคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทั้งว่าที่พ่อตาแม่ยายญาติพี่น้อง
เส้นทางไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ เพราะเคยพากันผ่านมาหลายครั้งในเวลาสามปีเศษ กับเส้นทางรักซึ่งส่วนใหญ่ประดับแต่งแต้มด้วยสีชมพู ชายหนุ่มจำกัดอัตราเร็วของพาหนะคู่ชีพไม่ให้ทะลุเกินพิกัดแห่งความปลอดภัย เพราะต้องรับผิดชอบคนซ้อนท้ายด้วย ความเร้าใจกับความปลอดภัยควรไปคู่กันเสมอ
ป้ายบอกทางทำให้รู้ว่าระยะทางอีกร้อยกว่ากิโลเมตรจะถึงจุดหมาย ทำให้ไม่ได้รู้สึกถึงความเร่งร้อน เพียงโอกาสสัมผัสกับวิวทิวทัศน์กำลังจะหมดไปพร้อมกับการมาเยือนของความมืด สีเขียวสดใสของพันธุ์ไม้ต่างๆ ข้างทางเริ่มเปลี่ยนเป็นภาพขาวดำขมุกขมัว
ถนนสี่เลนยังมียานพาหนะวิ่งสวนทางให้เห็นเป็นระยะ ความมืดโรยม่านหม่นลงมาปกคลุมแต่ก็ไม่ได้อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวมากนัก ชายหนุ่มเปิดไฟหน้ารถสว่างจ้า พร้อมกับลดอัตราเร็วลงให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ หลังจากออกมาจากตัวเมืองทั้งสองแทบไม่ได้คุยอะไรกัน เพราะส่วนใหญ่สนใจอยู่กับทิวทัศน์ตามเส้นทางมากกว่า
อัตราเร็วของบิ๊กไบต์คันงามแม้จะลดอัตราเร็วลงไปจากปกติ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับแตะร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง กับการดินทางสะดวกสบายใจ ไม่มีรถราติดเนืองแน่นเหมือนถนนในกรุง
แสงไฟดวงหนึ่งส่องสาดจากความมืดด้านหลังไล่มาติดๆ ก่อนจะพุ่งแซงทางขวามือผ่านไปพร้อมกับเสียงแสบสะท้านจากท่อไอเสียปรับแต่ง ตะวันเหลือบมองด้วยหางตาแวบเดียวก็พอรู้ว่าเป็นจักรยานยนต์ธรรมดา ขนาดคงจะร้อยกว่าซีซีคันหนึ่งเท่านั้น อัตราเร็วขณะวิ่งแซงประมาณคร่าวๆ ว่าไม่ต่ำกว่าร้อยสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน ชายหนุ่มมองตามหลังรถคันนั้นไปด้วยความไม่เข้าใจ มันวิ่งเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร กระทั่งรถลึกลับวิ่งหายไปจากรัศมีของไฟหน้ารถพร้อมไฟท้ายดับวูบไปเฉยๆ หมายความว่าพอแซงผ่านไปได้มันก็ปิดไฟหน้ารถกะทันหัน
แบบนี้ต้องบ้ามากกว่าเมา คนปกติไหนเลยจะทำได้
ใครกันบ้ามากพอจะขับรถอัตราเร็วสูงแล้วดับไฟหน้ารถในเวลากลางคืน โดยเฉพาะช่วงบริเวณไม่มีแสงสว่างจากเสาไฟฟ้าตามข้างถนน และเป็นช่วงถนนปลอดจากยานพาหนะเสียด้วย
ใจหนึ่งอยากบิดคันเร่งตามไปดูให้รู้แน่แก่ใจ เพราะการขับแซงหน้าไปด้วยรถคันเล็กๆ มันเหมือนหยามหยันกันอยู่ในที คนขับรถย่อมรู้ภาษารถของกันและกัน แต่ยังห่วงหน้าพะวงหลังเพราะมีคนสำคัญซ้อนท้ายมาด้วย มือที่กำลังโอบกอดเอวแน่นกระชับเข้าราวกับจะบอกว่ายังไม่หล่นหายไปไหน
หลังจากนั้นไม่นานถนนฝั่งตรงกันข้ามมีรถวิ่งสวนทางมาอีกหลายคัน มีทั้งบรรทุก รถเก๋งส่วนตัว รถทัวร์ขนาดใหญ่ แต่ละคันดูเหมือนจะใช้อัตราเร็วไม่มากนักเพราะเข้าสู่เส้นทางลาดโค้ง หลังจากรถสิบล้ออุ้ยอ้ายคันสุดท้ายสวนทางไป ถนนเบื้องหน้ามีเพียงแสงสว่างจากไฟหน้ารถเท่านั้น
แต่แล้ว ชายหนุ่มต้องสะดุ้งเมื่อกระจกมองหลังปรากฏแสงไฟจัดจ้าดวงหนึ่งพุ่งตามมาจากด้านหลังอีกครั้ง ในลักษณะของการเปิดไฟสูงอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็วิ่งแซงทางขวามืออย่างรวดเร็ว ดูเหมือนคนขับจะหันหลังกลับมามองแวบหนึ่ง ก่อนเร่งเครื่องวิ่งปราดพ้นจากรัศมีแสงไฟหน้ารถไม่ให้มีโอกาสพิจารณารายละเอียดอะไรมากมาย
“ไอ้บ้าเอ้ย...!”
ตะวันหลุดปากสบถอย่างขุ่นเคือง การเปิดไฟสูงไล่หลังมาในขณะแซงเป็นลักษณะการเสียมรรยาท แต่อาการหันมามองทำท่าเหมือนเยาะเย้ยอยู่ในทีต่างหากทำให้เลือดในกายร้อนระอุขึ้นมาทันที ไฟท้ายของรถคันนั้นก็ดับวูบลงอย่างจงใจ ลักษณะรูปร่างรถ และเสียงดังแสบสนั่น ความรู้สึกเหมือนรถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่เพิ่งขับแซงไปไม่มีผิด
ชายหนุ่มเกือบจะแน่ใจว่าเป็นรถคันเดียวกัน ด้วยลักษณะที่ไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือพฤติกรรมคล้ายคลึง แต่ว่ามันต้องการอะไรกันแน่
ความสงสัยอย่างหนึ่งคือรถเล็กขนาดร้อยกว่าซีซีวิ่งเร็วระดับนั้นได้อย่างไร ปกติเมื่อถึงความอัตราเร็วระดับหนึ่ง มันควรสั่นสะท้านเป็นเจ้าเข้า และอาจสูญเสียการทรงตัว ต่างจากบิ๊กไบต์ขุมพลังมหาศาลของเขาที่สามารถรักษาความมั่นคงทรงตัวเยี่ยมทุกอัตราเร็ว ความสงสัยทำให้ชายหนุ่มบิดคันเร่งของรถขึ้นทันที ตั้งใจจะไล่ล่ารถกวนประสาทคนดังกล่าวให้ทัน เพราะมั่นใจว่าถ้าขับไล่กันจริงๆ รถของเขาต้องวิ่งทันอย่างแน่นอน แต่มือของคนซ้อนท้ายหยิกสีข้างของเขาอย่างแรง อันเป็นภาษามือ บอกว่าขับเร็วเกินไป ทำให้จำใจลดอัตราเร็วลงอย่างเสียมิได้
ทั้งสองมีภาษามือที่ใช้สื่อสารกันเวลาขับรถเช่น หยิกสองครั้งหมายความว่าให้ลดอัตราเร็วลง หยิกหนึ่งครั้งหมายถึงให้เพิ่มอัตราเร็วขึ้น หยิกสามครั้งหมายถึงให้จอดรถเพราะมีเรื่องด่วนจะคุยด้วย วิธีการสื่อสารพิเศษทำให้ไม่ต้องตะโกนกรอกหูกันให้ลำบาก
รถประจำทาง และรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งสวนทางมา หลังจากนั้นบรรยากาศก็ตกอยู่ในความอ้างว้าง แต่ไม่ถึงอึดใจด้านหลังปรากฏแสงสว่างแบบเปิดไฟสูงไล่ติดตามมาอย่างรวดเร็วแบบเดิมไม่มีผิดเพี้ยน แถมพอเร่งความเร็วมาวิ่งคู่กันมอเตอร์ไซค์ลึกลับยังลดอัตราเร็วลงวิ่งตีคู่ขนาน คราวนี้คนขับสวมหมวกกันน็อคเปิดหน้า หันมาจ้องมองอยู่ประมาณห้าวินาที ก่อนจะดับไฟแล้วเร่งเครื่องแซงผ่านไปอย่างรวดเร็วจนหายไปในความมืดเบื้องหน้า
ไอ้บ้าเอ้ย......เอาอีกแล้ว!
ชายหนุ่มเพิ่งได้สติพร้อมอาการโมโหปะทุพล่าน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการจงใจกวนประสาทหาเรื่องกันชัดๆ เจ้ารถนรกจะต้องไปจอดรอหลบมุมข้างทางที่ไหนสักแห่งในความมืด จากนั้นค่อยปิดไฟวิ่งตามหลัง ก่อนจะหาจังหวะวิ่งแซงขึ้นมาให้ตกใจเล่นถึงสามครั้งสามครา ใบหน้าเปื้อนยิ้มหยันของเจ้าของรถลึกลับแทบจะลอยออกมาปรากฏให้เห็น
แต่การขับรถในความมืดแบบปิดไฟไม่ต่างจากคนตาบอด ทำได้อย่างไร... มันอาจมีเทคนิคพิเศษบางอย่างในการปิดไฟท้ายรถ แล้วเปิดไฟหน้าขนาดเล็กพิเศษพอมองเห็นเส้นทาง หรือไม่ก็สายตาดีเป็นพิเศษ อาศัยแสงจันทร์เสี้ยวนำทางได้ แต่จะลงทุนเสี่ยงอันตายขนาดนั้นเพื่ออะไร
คนโรคจิต
คนบ้า
คำตอบพิสดารพุ่งแวบเข้ามาในความคิด ไม่ว่าจะเป็นแห่งหนตำบลใดก็มีโอกาสพบคนโรคจิตหรือคนบ้า บางครั้งมองเข้าไปในตัวเองยังพบเลย
ขายหนุ่มเพิ่งรู้สึกว่าสีข้างกำลังโดนหยิกอย่างแรงสามครั้งติดกันเป็นระยะ แสดงว่าแฟนสาวมีเรื่องด่วนจะพูดคุยด้วย ทำให้ต้องยอมชะลอรถลงอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนถอดหมวกกันน็อคออกมาห้อยแขวนไว้กับกระจกมองหลังบริเวณแฮนด์รถ หันไปจะถามคนซ้อนท้ายด้วยอารมณ์ครุกรุ่นจากการถูกหยามหยันด้วยรถเล็ก
“วันสังเกตเห็นหน้าคนขับรถคนนั้นไหมคะ” จันทราถามขึ้นก่อนชายหนุ่มจะมีโอกาสเอ่ยปาก น้ำเสียงของหญิงสาวมีแววประหลาดใจอย่างสังเกตได้ชัด ทั้งยังแฝงแววหวาดวิตกอะไรบางอย่างด้วย
“ผมไม่ได้สังเกต” ชายหนุ่มบอกตามตรง “ เพราะมัวแต่กังวลทางข้างหน้า มีอะไรเหรอครับ”
“เขาเหมือนภพมาก”
“คุณหมายถึงผ่านภพ”
“ค่ะ”
ผ่านภพเป็นเพื่อนสนิทของจันทรา รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก แม้จะแต่งงานไปแล้วแต่ยังติดต่อกับจันทราเสมอในฐานะเพื่อนสนิท แต่ว่าเรื่องพวกนั้นไม่สำคัญเท่ากับคำพูดของหญิงสาวที่บอกว่าใบหน้าคนขับรถลึกลับเหมือนผ่านภพ ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาดเพราะผ่านภพขี่จักรยานสองล้อยังไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ
“เป็นไปไม่ได้หรอก เดือนก็รู้” ชายหนุ่มว่าพลางหัวเราะเมื่อนึกถึงชายคนหนึ่งซึ่งจัดว่าเป็นเพื่อนของเขาคนหนึ่งเหมือนกัน แม้จะไม่สนิทมากนักก็ตาม “เจ้าภพขี่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ยังนั่งตัวแข็งหน้าซีดจะเป็นลม มันไม่มีทางมาซิ่งวิ่งซ่าแข่งกับเราแบบนี้ได้หรอกครับ เดือนก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“ค่ะ เดือนก็ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่คนเมื่อกี้คล้ายกันมาก”
“คิดมากน่า หมอนั่นไม่ใช่เจ้าภพแน่ แถมยังจงใจกวนประสาทเราชัดๆ” ชายหนุ่มพูดพลางนึกถึงปืนพกในกระเป๋ากางเกง ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที ถ้าจำเป็นจริงๆ คงสามารถให้ป้องกันตัวได้
“ถ้าเจอมันอีก คราวนี้จะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือแน่”
“คุณจะทำอะไรคะ”
“ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร ต้องการบ้าอะไร” พูดจบก็คว้าหมวกกันน็อคมาสวมให้เรียบร้อยก่อนเข้าควบคุมพาหนะประจำตัว เร่งเครื่องกระหึ่มเพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง เปิดไฟสูงจ้าแบบไม่ต้องเกรงใคร เพราะไม่ปรากฏว่าจะมีรถวิ่งสวนมาเลยแม้แต่คันเดียว หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้ากับความห้าวร้อนของคนรักแต่ไม่พูดอะไรอีก นอกจากเกาะหลังติดสถานการณ์ไปแบบไม่ทิ้งกัน ภาพเบื้องหน้าเป็นเพียงถนนทอดยาวกลืนหายเข้าไปในความมืด มีเพียงเส้นแบ่งเลนวิ่งสวนเข้าหาเป็นสายยาวราวถูกกระหน่ำยิงด้วยกระสุนปืนสีขาวจากความมืดไม่ขาดระยะ
ตัวเลขนาฬิกาบนแผงหน้าปัทม์รถบอกเวลาทุ่มเศษๆ ถือว่ายังไม่ดึกอะไรเลย แต่บรรยากาศกลับรู้สึกว่าโดดเดี่ยวเป็นพิเศษ เพราะไม่มีรถราวิ่งสวนทางมาเลย ประกอบกับสองข้างทางปราศจากแสงไฟฟ้าทำให้ดูเหมือนกำลังอยู่ในดินแดนแห่งความมืด แม้ว่าบนท้องฟ้าปรากฏคันเคียวเสี้ยวจันทร์ แต่แสงสว่างยังไม่ช่วยอะไรได้มากนัก เป็นครั้งแรกสำหรับการเลือกเดินทางในยามเย็น เพราะที่เคยทำทั้งสองออกจากตัวเมืองในช่วงบ่ายต้นๆ เท่านั้น ทุกครั้งจะถึงจุดหมายปลายทางก่อนตะวันจะตกดิน
แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แถบนี้ไม่มีเคยมีข่าวโจรผู้ร้าย ถ้าเป็นเวลาเย็นคงจะมองเห็นสองข้างทางเป็นเทือกสวนไร่นาตามสภาพพื้นที่ทำกินตามชนบท มีกระท่อมโรงนาปรากฏให้เห็นตามระยะ แต่ตอนนี้มีแต่ความมืดสองฟากฟั่ง และแสงสว่างจากไฟหน้ารถ
ทันใดนั้นเองปลายแสงไฟหน้ารถสาดจับให้เห็นเหมือนรถจักรยานยนตร์คันหนึ่งล้มกลิ้งอยู่ข้างทาง ไวกว่าความคิด ชายหนุ่มแตะเบรกลดความเร็วลงทันทีเพื่อดูให้แน่ใจ
.
ทางหลอน.........1
.
บิ๊กไบค์คันงามสีดำเข้มราคาเกินครึ่งล้าน ส่งเสียงกระหึ่มหนักแน่นแต่นุ่มนวลซึมซับเต็มความรู้สึกกับการควบคุมของหนุ่มคนขับ ซ้อนท้ายด้วยหญิงสาววัยสวยปล่อยเรือนผมยาวสยายไหวพลิ้วออกมาจากหมวกกันน็อค โลดแล่นไปตามถนนสายยาวเหยียดราวไม่มีจุดจบ อาบแสงลูกไฟกลมโตกำลังบรรจงแตะแมกไม้ ภาพสวยงามของท้องทุ่งเทือกสวนไร่นาเริ่มกลืนหายไปในอ้อมกอดของรัตติกาล
เย็นของวันศุกร์ปลายเดือน เมื่อสายลมหนาวเริ่มลูบไล้ทักทายบางเบา หนุ่มตะวันและสาวจันทรา คู่รักคู่รถในสายตาหลายคนมองว่าเหมาะสมกันที่สุด พากันแต่งตัวทะมัดทะแมงเดินทางออกจากความวุ่นวายสับสนของตัวเมืองหลวง มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านชนบท ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ทั้งสองมีรสนิยมอย่างหนึ่งคล้ายกันคือ ชื่นชมการสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติด้วยผิวกายยามสายลมพัดผ่าน เอนกายไปทิศทางเดียวกันเมื่อรถคันงามเอียงตัวเฉือนมวลอากาศเข้าโค้งไปมาตามความคดเคี้ยวของถนน ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวของสองหัวใจ บางครั้งรถวิ่งความเร็วต่ำซึมซับธรรมชาติและวิถีชีวิตสองฟากฝั่งถนน มีหลายครั้งทั้งสองเคยจอดรถลงไปทักทายพูดคุยกับชาวบ้าน ที่กำลังพากันหาปูปลาอยู่ตามคลองน้ำข้างถนนริมท้องทุ่งนาเขียวขจี ซื้อผักปูปลาติดมือกลับมาด้วยในราคางดงาม ทำให้คนขายต้องยิ้มอย่างสุขใจไปได้หลายวัน
คนเราบางครั้งก็ต้องหาโอกาสเวลาให้กับตัวเอง เพราะไม่ใช่เครื่องจักรกล การเติมเต็มความสุนทรียภาพ หรือสุนทรียรสแห่งอารณ์ให้กับความรู้สึกและหัวใจ ย่อมเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ คนทำงานทั้งคืนทั้งวันไม่หยุดพักผ่อนคลาย แม้จะร่ำรวยมหาศาลก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ไร้อิสระและความเป็นตัวเอง ตะวันกับจันทรามีความเห็นสอดคล้องกันในเรื่องนี้จึงมักหาเวลาเดินทางออกจากเมืองหลวง มุ่งหน้าไปยังบ้านเกิดของฝ่ายหญิง ซึ่งคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทั้งว่าที่พ่อตาแม่ยายญาติพี่น้อง
เส้นทางไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ เพราะเคยพากันผ่านมาหลายครั้งในเวลาสามปีเศษ กับเส้นทางรักซึ่งส่วนใหญ่ประดับแต่งแต้มด้วยสีชมพู ชายหนุ่มจำกัดอัตราเร็วของพาหนะคู่ชีพไม่ให้ทะลุเกินพิกัดแห่งความปลอดภัย เพราะต้องรับผิดชอบคนซ้อนท้ายด้วย ความเร้าใจกับความปลอดภัยควรไปคู่กันเสมอ
ป้ายบอกทางทำให้รู้ว่าระยะทางอีกร้อยกว่ากิโลเมตรจะถึงจุดหมาย ทำให้ไม่ได้รู้สึกถึงความเร่งร้อน เพียงโอกาสสัมผัสกับวิวทิวทัศน์กำลังจะหมดไปพร้อมกับการมาเยือนของความมืด สีเขียวสดใสของพันธุ์ไม้ต่างๆ ข้างทางเริ่มเปลี่ยนเป็นภาพขาวดำขมุกขมัว
ถนนสี่เลนยังมียานพาหนะวิ่งสวนทางให้เห็นเป็นระยะ ความมืดโรยม่านหม่นลงมาปกคลุมแต่ก็ไม่ได้อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวมากนัก ชายหนุ่มเปิดไฟหน้ารถสว่างจ้า พร้อมกับลดอัตราเร็วลงให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ หลังจากออกมาจากตัวเมืองทั้งสองแทบไม่ได้คุยอะไรกัน เพราะส่วนใหญ่สนใจอยู่กับทิวทัศน์ตามเส้นทางมากกว่า
อัตราเร็วของบิ๊กไบต์คันงามแม้จะลดอัตราเร็วลงไปจากปกติ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับแตะร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง กับการดินทางสะดวกสบายใจ ไม่มีรถราติดเนืองแน่นเหมือนถนนในกรุง
แสงไฟดวงหนึ่งส่องสาดจากความมืดด้านหลังไล่มาติดๆ ก่อนจะพุ่งแซงทางขวามือผ่านไปพร้อมกับเสียงแสบสะท้านจากท่อไอเสียปรับแต่ง ตะวันเหลือบมองด้วยหางตาแวบเดียวก็พอรู้ว่าเป็นจักรยานยนต์ธรรมดา ขนาดคงจะร้อยกว่าซีซีคันหนึ่งเท่านั้น อัตราเร็วขณะวิ่งแซงประมาณคร่าวๆ ว่าไม่ต่ำกว่าร้อยสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน ชายหนุ่มมองตามหลังรถคันนั้นไปด้วยความไม่เข้าใจ มันวิ่งเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร กระทั่งรถลึกลับวิ่งหายไปจากรัศมีของไฟหน้ารถพร้อมไฟท้ายดับวูบไปเฉยๆ หมายความว่าพอแซงผ่านไปได้มันก็ปิดไฟหน้ารถกะทันหัน
แบบนี้ต้องบ้ามากกว่าเมา คนปกติไหนเลยจะทำได้
ใครกันบ้ามากพอจะขับรถอัตราเร็วสูงแล้วดับไฟหน้ารถในเวลากลางคืน โดยเฉพาะช่วงบริเวณไม่มีแสงสว่างจากเสาไฟฟ้าตามข้างถนน และเป็นช่วงถนนปลอดจากยานพาหนะเสียด้วย
ใจหนึ่งอยากบิดคันเร่งตามไปดูให้รู้แน่แก่ใจ เพราะการขับแซงหน้าไปด้วยรถคันเล็กๆ มันเหมือนหยามหยันกันอยู่ในที คนขับรถย่อมรู้ภาษารถของกันและกัน แต่ยังห่วงหน้าพะวงหลังเพราะมีคนสำคัญซ้อนท้ายมาด้วย มือที่กำลังโอบกอดเอวแน่นกระชับเข้าราวกับจะบอกว่ายังไม่หล่นหายไปไหน
หลังจากนั้นไม่นานถนนฝั่งตรงกันข้ามมีรถวิ่งสวนทางมาอีกหลายคัน มีทั้งบรรทุก รถเก๋งส่วนตัว รถทัวร์ขนาดใหญ่ แต่ละคันดูเหมือนจะใช้อัตราเร็วไม่มากนักเพราะเข้าสู่เส้นทางลาดโค้ง หลังจากรถสิบล้ออุ้ยอ้ายคันสุดท้ายสวนทางไป ถนนเบื้องหน้ามีเพียงแสงสว่างจากไฟหน้ารถเท่านั้น
แต่แล้ว ชายหนุ่มต้องสะดุ้งเมื่อกระจกมองหลังปรากฏแสงไฟจัดจ้าดวงหนึ่งพุ่งตามมาจากด้านหลังอีกครั้ง ในลักษณะของการเปิดไฟสูงอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็วิ่งแซงทางขวามืออย่างรวดเร็ว ดูเหมือนคนขับจะหันหลังกลับมามองแวบหนึ่ง ก่อนเร่งเครื่องวิ่งปราดพ้นจากรัศมีแสงไฟหน้ารถไม่ให้มีโอกาสพิจารณารายละเอียดอะไรมากมาย
“ไอ้บ้าเอ้ย...!”
ตะวันหลุดปากสบถอย่างขุ่นเคือง การเปิดไฟสูงไล่หลังมาในขณะแซงเป็นลักษณะการเสียมรรยาท แต่อาการหันมามองทำท่าเหมือนเยาะเย้ยอยู่ในทีต่างหากทำให้เลือดในกายร้อนระอุขึ้นมาทันที ไฟท้ายของรถคันนั้นก็ดับวูบลงอย่างจงใจ ลักษณะรูปร่างรถ และเสียงดังแสบสนั่น ความรู้สึกเหมือนรถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่เพิ่งขับแซงไปไม่มีผิด
ชายหนุ่มเกือบจะแน่ใจว่าเป็นรถคันเดียวกัน ด้วยลักษณะที่ไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือพฤติกรรมคล้ายคลึง แต่ว่ามันต้องการอะไรกันแน่
ความสงสัยอย่างหนึ่งคือรถเล็กขนาดร้อยกว่าซีซีวิ่งเร็วระดับนั้นได้อย่างไร ปกติเมื่อถึงความอัตราเร็วระดับหนึ่ง มันควรสั่นสะท้านเป็นเจ้าเข้า และอาจสูญเสียการทรงตัว ต่างจากบิ๊กไบต์ขุมพลังมหาศาลของเขาที่สามารถรักษาความมั่นคงทรงตัวเยี่ยมทุกอัตราเร็ว ความสงสัยทำให้ชายหนุ่มบิดคันเร่งของรถขึ้นทันที ตั้งใจจะไล่ล่ารถกวนประสาทคนดังกล่าวให้ทัน เพราะมั่นใจว่าถ้าขับไล่กันจริงๆ รถของเขาต้องวิ่งทันอย่างแน่นอน แต่มือของคนซ้อนท้ายหยิกสีข้างของเขาอย่างแรง อันเป็นภาษามือ บอกว่าขับเร็วเกินไป ทำให้จำใจลดอัตราเร็วลงอย่างเสียมิได้
ทั้งสองมีภาษามือที่ใช้สื่อสารกันเวลาขับรถเช่น หยิกสองครั้งหมายความว่าให้ลดอัตราเร็วลง หยิกหนึ่งครั้งหมายถึงให้เพิ่มอัตราเร็วขึ้น หยิกสามครั้งหมายถึงให้จอดรถเพราะมีเรื่องด่วนจะคุยด้วย วิธีการสื่อสารพิเศษทำให้ไม่ต้องตะโกนกรอกหูกันให้ลำบาก
รถประจำทาง และรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งสวนทางมา หลังจากนั้นบรรยากาศก็ตกอยู่ในความอ้างว้าง แต่ไม่ถึงอึดใจด้านหลังปรากฏแสงสว่างแบบเปิดไฟสูงไล่ติดตามมาอย่างรวดเร็วแบบเดิมไม่มีผิดเพี้ยน แถมพอเร่งความเร็วมาวิ่งคู่กันมอเตอร์ไซค์ลึกลับยังลดอัตราเร็วลงวิ่งตีคู่ขนาน คราวนี้คนขับสวมหมวกกันน็อคเปิดหน้า หันมาจ้องมองอยู่ประมาณห้าวินาที ก่อนจะดับไฟแล้วเร่งเครื่องแซงผ่านไปอย่างรวดเร็วจนหายไปในความมืดเบื้องหน้า
ไอ้บ้าเอ้ย......เอาอีกแล้ว!
ชายหนุ่มเพิ่งได้สติพร้อมอาการโมโหปะทุพล่าน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการจงใจกวนประสาทหาเรื่องกันชัดๆ เจ้ารถนรกจะต้องไปจอดรอหลบมุมข้างทางที่ไหนสักแห่งในความมืด จากนั้นค่อยปิดไฟวิ่งตามหลัง ก่อนจะหาจังหวะวิ่งแซงขึ้นมาให้ตกใจเล่นถึงสามครั้งสามครา ใบหน้าเปื้อนยิ้มหยันของเจ้าของรถลึกลับแทบจะลอยออกมาปรากฏให้เห็น
แต่การขับรถในความมืดแบบปิดไฟไม่ต่างจากคนตาบอด ทำได้อย่างไร... มันอาจมีเทคนิคพิเศษบางอย่างในการปิดไฟท้ายรถ แล้วเปิดไฟหน้าขนาดเล็กพิเศษพอมองเห็นเส้นทาง หรือไม่ก็สายตาดีเป็นพิเศษ อาศัยแสงจันทร์เสี้ยวนำทางได้ แต่จะลงทุนเสี่ยงอันตายขนาดนั้นเพื่ออะไร
คนโรคจิต
คนบ้า
คำตอบพิสดารพุ่งแวบเข้ามาในความคิด ไม่ว่าจะเป็นแห่งหนตำบลใดก็มีโอกาสพบคนโรคจิตหรือคนบ้า บางครั้งมองเข้าไปในตัวเองยังพบเลย
ขายหนุ่มเพิ่งรู้สึกว่าสีข้างกำลังโดนหยิกอย่างแรงสามครั้งติดกันเป็นระยะ แสดงว่าแฟนสาวมีเรื่องด่วนจะพูดคุยด้วย ทำให้ต้องยอมชะลอรถลงอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนถอดหมวกกันน็อคออกมาห้อยแขวนไว้กับกระจกมองหลังบริเวณแฮนด์รถ หันไปจะถามคนซ้อนท้ายด้วยอารมณ์ครุกรุ่นจากการถูกหยามหยันด้วยรถเล็ก
“วันสังเกตเห็นหน้าคนขับรถคนนั้นไหมคะ” จันทราถามขึ้นก่อนชายหนุ่มจะมีโอกาสเอ่ยปาก น้ำเสียงของหญิงสาวมีแววประหลาดใจอย่างสังเกตได้ชัด ทั้งยังแฝงแววหวาดวิตกอะไรบางอย่างด้วย
“ผมไม่ได้สังเกต” ชายหนุ่มบอกตามตรง “ เพราะมัวแต่กังวลทางข้างหน้า มีอะไรเหรอครับ”
“เขาเหมือนภพมาก”
“คุณหมายถึงผ่านภพ”
“ค่ะ”
ผ่านภพเป็นเพื่อนสนิทของจันทรา รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก แม้จะแต่งงานไปแล้วแต่ยังติดต่อกับจันทราเสมอในฐานะเพื่อนสนิท แต่ว่าเรื่องพวกนั้นไม่สำคัญเท่ากับคำพูดของหญิงสาวที่บอกว่าใบหน้าคนขับรถลึกลับเหมือนผ่านภพ ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาดเพราะผ่านภพขี่จักรยานสองล้อยังไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ
“เป็นไปไม่ได้หรอก เดือนก็รู้” ชายหนุ่มว่าพลางหัวเราะเมื่อนึกถึงชายคนหนึ่งซึ่งจัดว่าเป็นเพื่อนของเขาคนหนึ่งเหมือนกัน แม้จะไม่สนิทมากนักก็ตาม “เจ้าภพขี่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ยังนั่งตัวแข็งหน้าซีดจะเป็นลม มันไม่มีทางมาซิ่งวิ่งซ่าแข่งกับเราแบบนี้ได้หรอกครับ เดือนก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“ค่ะ เดือนก็ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่คนเมื่อกี้คล้ายกันมาก”
“คิดมากน่า หมอนั่นไม่ใช่เจ้าภพแน่ แถมยังจงใจกวนประสาทเราชัดๆ” ชายหนุ่มพูดพลางนึกถึงปืนพกในกระเป๋ากางเกง ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที ถ้าจำเป็นจริงๆ คงสามารถให้ป้องกันตัวได้
“ถ้าเจอมันอีก คราวนี้จะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือแน่”
“คุณจะทำอะไรคะ”
“ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร ต้องการบ้าอะไร” พูดจบก็คว้าหมวกกันน็อคมาสวมให้เรียบร้อยก่อนเข้าควบคุมพาหนะประจำตัว เร่งเครื่องกระหึ่มเพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง เปิดไฟสูงจ้าแบบไม่ต้องเกรงใคร เพราะไม่ปรากฏว่าจะมีรถวิ่งสวนมาเลยแม้แต่คันเดียว หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้ากับความห้าวร้อนของคนรักแต่ไม่พูดอะไรอีก นอกจากเกาะหลังติดสถานการณ์ไปแบบไม่ทิ้งกัน ภาพเบื้องหน้าเป็นเพียงถนนทอดยาวกลืนหายเข้าไปในความมืด มีเพียงเส้นแบ่งเลนวิ่งสวนเข้าหาเป็นสายยาวราวถูกกระหน่ำยิงด้วยกระสุนปืนสีขาวจากความมืดไม่ขาดระยะ
ตัวเลขนาฬิกาบนแผงหน้าปัทม์รถบอกเวลาทุ่มเศษๆ ถือว่ายังไม่ดึกอะไรเลย แต่บรรยากาศกลับรู้สึกว่าโดดเดี่ยวเป็นพิเศษ เพราะไม่มีรถราวิ่งสวนทางมาเลย ประกอบกับสองข้างทางปราศจากแสงไฟฟ้าทำให้ดูเหมือนกำลังอยู่ในดินแดนแห่งความมืด แม้ว่าบนท้องฟ้าปรากฏคันเคียวเสี้ยวจันทร์ แต่แสงสว่างยังไม่ช่วยอะไรได้มากนัก เป็นครั้งแรกสำหรับการเลือกเดินทางในยามเย็น เพราะที่เคยทำทั้งสองออกจากตัวเมืองในช่วงบ่ายต้นๆ เท่านั้น ทุกครั้งจะถึงจุดหมายปลายทางก่อนตะวันจะตกดิน
แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แถบนี้ไม่มีเคยมีข่าวโจรผู้ร้าย ถ้าเป็นเวลาเย็นคงจะมองเห็นสองข้างทางเป็นเทือกสวนไร่นาตามสภาพพื้นที่ทำกินตามชนบท มีกระท่อมโรงนาปรากฏให้เห็นตามระยะ แต่ตอนนี้มีแต่ความมืดสองฟากฟั่ง และแสงสว่างจากไฟหน้ารถ
ทันใดนั้นเองปลายแสงไฟหน้ารถสาดจับให้เห็นเหมือนรถจักรยานยนตร์คันหนึ่งล้มกลิ้งอยู่ข้างทาง ไวกว่าความคิด ชายหนุ่มแตะเบรกลดความเร็วลงทันทีเพื่อดูให้แน่ใจ
.