ปัญหาคำว่าคู่เวรคู่กรรมบั่นทอน ความสัมพันธ์

เราคบกับแฟนมาปีนี้ก็ปีที่  7 แล้ว เราวางแผนจะแต่งงานกันปีหน้า
เรากับแฟนคบกันก็เหมือนคู่อื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป มีรักกันดีกัน ทะเลาะกันเถียงกัน เราเป็นคนนิสัยไม่ค่อยดีด้วย ขี้โมโห ขี้งอน ขี้หึง ขี้น้อยใจ คิดมาก
(รู้ตัวแต่แก้ไม่ได้คล้ายๆ จะเป็นสัน...ไปแล้ว)
หลายๆ คู่ที่คบ ๆ กันโดยเฉพาะผู้ ญ มักชอบดูดวงใช่มั้ยคะ เราจะเป็นเหมือนพวกขัดแย้งในตัวเอง คือเหมือนจะไม่เชื่อแต่ก็เชื่อ งงๆกับตัวเอง
เวลาที่จะไปดูก็เปลี่ยนไปเรื่อยนะคะไม่ได้ยึดติดว่าจะดูกะคนไหน ส่วนใหญ่เลยจะดูตอนที่รู้ว่าชีวิตมีปัญหาเท่านั้น
ว่าด้วยเรื่องของการดูดวง....การทำนายทายทัก...
ครั้งที่ 1 ย้อนไปเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน เรามีโอกาสทำงานร้านกาแฟแห่งนึง ร้านกาแฟร้านนี้จะมีลูกค้าคนนึง เค้าจะมาใช้สถานที่ของร้านนัดเจอลูกค้าดูดวงของเค้า (ดูด้วยไพ่ยิปซี) เราไม่เคยไปดูนะคะเพราะเราอยู่ในฐานะพนักงาน แต่มีอยู่วันนึงที่เราจะลาออกแล้ว หมอดูคนนี้เค้าทักว่าเราจะออกไปทำราชการใช่มั้ย คำตอบคือใช่ เค้าทักเรื่องผู้ชายว่ายังไม่ใช่คู่นะ เค้าบอกได้แม้กระทั่งแฟนเราเกิดเดือนอะไร
แม่แฟนเป็นหวงลูกมากๆนะ ที่ทักมานี่ก็ใช่ มาตกประโยคสุดท้ายคือ เป็นคู่เวรคู่กรรมกันนะ ยังไม่ใช่นะ มันก็เหมือนเครื่องซักผ้าอ่ะปั่นวนๆไป แล้วก็สิ้นสุดลง ฟังแบบนั้นก็ดราม่าสิยิ่งเป็นคนคิดมากๆ อยู่ คิดได้ซักพักน้ำตาร่วงแปบๆก็เลิกคิด
---ความสัมพันธ์ยังดำเนินต่อมาเรื่อยๆ ---
ครั้งที่ 2 ครั้งนี้ตั้งใจไปดูเองเพราะว่ามีปัญหากับแฟน เข้าหน้ากันไม่ค่อยติดทะเลาะกันบ่อยเรื่องเวลา ความงี่เง้า ความเบื่อ แต่ไม่ใช่มือที่ 3 อาจมีแต่ไม่รู้ ก็เลยไม่นับ คำทำนายคือ ไม่ใช่คู่กันเช่นเคย รอบนี้ไปดูแล้วกลับมาเล่าให้แฟนฟัง แฟนก็กลับไปดูกับหมอดูคนนี้และถูกทักว่าไม่ใช่คู่เช่นกัน
----ความสัมพันธ์ก็ปรับความเข้าใจกันและดำเนินต่อไป--
ครั้งที่ 3 ก็ตั้งใจไปดูเอง เพิ่งไปดูในปีนี้แหละค่ะ เพราะเวลาที่คบกันก็ล่วงเลยมาเยอะและ จากวัยรุ่นสู่วัยทำงานและ เริ่มจริงจังมากขึ้นและอยากจะสร้างครอบครัวแล้ว ด้วยอะไรหลายๆอย่างมันทำให้เราไม่ค่อยมั่นใจว่าเค้าก็จะเป็นคนๆนั้น คนที่จะสร้างครอบครัวกับเรารึเปล่า ประเด็นให้คิดก็คือ ความต่างทางการเลี้ยงดู ความคิด ความชอบ เราไม่เคยเหมือนกันเลย ก่อนหน้ามาไม่ก็เป็นปัญหานะคะ
อาจเป็นเพราะเรา 2 คนเลือกที่จะมองข้ามปัญหาว่าสิ่งเรานั้นไม่ใช่ปัญหา แต่มันก็สะสมอยู๋ภายในทั้งคู่
ครั้งนี้คือครั้งที่รุนแรงที่สุดเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้าย ที่เราจะยอมปล่อยมือจากกัน เพราะความต่าง
ความที่เรา 2 คนไม่ใช่คนในแบบที่เราชอบ
ไม่รู้ว่ามีใครเคยเจอปัญหาแบบเราบ้างรึเปล่านะคะ วินาทีนั้นคือมันเจ็บมาก เราจะหยุดความสัมพันธ์ทุกอย่างลง ทั้งๆที่เรายังรักกัน
แต่แค่คิดว่าจะไม่ได้โทรหาจะไม่ได้มาเจอกันอีก ต่างฝ่ายต่างหายออกไปจากชีวิตของกันและกัน เจ็บ!!!ค่ะ
สรุปก็ทำไม่ได้ เลือกที่จะเดินต่อไป
โดยวางสิ่งที่ยืดมั่นถือมั่นลง มองว่าถ้าเรารักกันก็ต้องยังไหว รอบนี้ที่เรามีปัญหากันเราทั้งคู่ก็เริ่มตระหนักและเริ่มคิดเรื่องที่หมอดูเคยทักไว้
ขึ้นมาคิด แต่สุดท้ายเราก็สู้ต่อ เพราะเรารับความเจ็บปวดที่ต้องจบความสัมพันธ์ไม่ได้
หลังจากเคลียร์ปัญหาปรับความเข้าใจ...
การดูดวงครั้งที่ 3 จึงเกิดขึ้นจากที่เกริ่นไว้ เราตั้งคำถามเลยว่าคนนี้ใช่มั้ย คำตอบคือไม่ใช่ คบไปได้แต่เหนื่อย ที่วางแผนแต่งงานได้มั้ย
ในปี 61 คำตอบคือ ไม่ดีแต่งก็มีเกณฑ์หย่าร้าง หรือผลัดพรากจากกันสูง และถ้าจะคบคือต้องไม่แต่ง ไม่ประกาศให้ใครรู้จะคบไปได้เรื่อยๆ
หมอดูก็ทักๆเรื่องอื่นมา บ้างก็จริงบ้างก็ไม่จริงก็หักล้างกันไป
สุดท้าย...บอกกับตัวเองว่าหมอดูคู่กับหมอเดาและทำให้บอกตัวเองว่าจะดำเนินชีวิตโดยเราเป็นคนกำหนดเอง จะไม่ดูอีก

ทำใจให้สบายอยู่ซักพัก....ก็เริ่มคุยเริ่มวางแผนเตรียมงานปีหน้า ทางบ้านเราค่อนข้างมีฐานะ แต่ทางบ้านแฟนไม่ค่อยเท่าไหร่
ด้วยความเราคบกันมานานแม่เราก็เลยมองว่าน่าจะแต่งได้แล้ว
สิ่งที่เราจะทำก็คือการกู้เงินมาแต่ง โดยฝ่ายชายจะออกเงินค่าจัดงาน ค่าแหวนแต่งงานหารกัน
ค่าสินสอดแม่เราบอกว่าเอามาวางเป็นหน้าเป็นตาเฉยๆ เพราะแม่กับพ่อเรามีเงินใช้เรื่อยๆอยู่แล้ว
ท่านไม่ลำบากแน่นอน เรื่องป่วยไข้ท่านเองมีประกันและใช้สิทธิ์ของเราในการเบิกค่ารักษา
เท่ากับเงินที่เรากู้มาจะแค่มาว่าเป็นสินสอด จบงานก็คืนแบงค์
หรืออาจจะนำบางส่วนมาเติมค่าจัดงานที่บานปลายหากเงินที่เราช่วยกันเก็บไม่พอ
ปัจจุบันก็คือ ต่างคนต่างเก็บเงิน เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ในงานแต่งจะเป็นเงินของเราสองคนทางบ้านของเราทั้งสองคนจะไม่มีส่วนร่วม

แต่...แล้ว....เรื่องดวงก็มาอีก แฟนกับครอบครัวไปดูดวงกับพระ ถามว่าแต่งงานในปีหน้าได้มั้ย คำตอบคือไม่ดี แต่งแล้วมีอันต้องพลัดพราก
ไม่จากเป็นก็จากตาย... ดราม่าอีกแล้ว....
บางทีก็เริ่มจะเชื่อแล้วนะ ว่าหรือว่ามันไม่ใช่จริงๆอ่ะ แต่อีกใจก็ไม่อยากให้ดวงมากำหนดชีวิตเรา ถามตัวเองว่าทำไมเรากำหนดชีวิตตัวเองไม่ได้
จริง ๆ ความต่างของเรานี่ก็เป็นอีกประเด็นที่ทำให้มันบั่นทอน แฟนยังคงต้องแบกรับภาระครอบครัวของเค้าด้วย ต้องหาเงินเยอะๆไหนจะพ่อแม่เค้า ไหนจามาแต่งงานกับเรา  เราเลยมองว่าอนาคตช่างริบหรี่เป็นอีกสาเหตุที่เราเริ่มไม่มั่นใจว่าความสัมพันธ์จะดำเนินต่อไปตลอดรอดฝั่งมั้ย
หากเค้าต้องหาเงินมากๆนั่นหมายถึงเวลาของครอบครัวเราก็จะลดลง คือเราคิดเยอะพอเค้าไม่มีเวลาให้เราก็งี่เง้าอีก นี่ก็อาจเป็นอีกสาเหตุที่ว่าเราไม่น่าจะรอดไม่น่าจะไปด้วยกันได้ คือเราคิดเอามารวมกันไปหมด...วุ่นวายในหัว
ใจนึงเราก็พยายามจะวางจะอดทน ถ้าคิดจะคบกันต่อไปให้ยืดยาวแล้ว ก็ต้องยอมรับให้ได้ทั้งทุกข์ สุข ยากลำบาก
แต่ก็จะสับสนว่าทำไมต้องทน...แล้วถ้าทนแล้วสุดท้ายก็แยกย้ายล่ะ เราเป็นผู้หญิงแก่ลงทุกวัน ไม่อยากต้องมานั่งเสียดายเวลา
เราสับสนมากไม่รู้ว่ามีใครเคยเจอปัญหาคิดไม่ตกแบบที่เราเป็นมั้ย
แต่ก็ขอบคุณนะคะ ใครก็ตามที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ ที่รับฟังเราพร่ำปัญหาอะไรก็ไม่รู้
เตือนสติเราได้นะคะ แนะนำเราได้ บางทีการอยู่ใกล้ปัญหาเกินไปเราก็มองอะไรไม่ชัดค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
"คู่กรรมคู่เวร" คืออะไร งงอะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่