ก่อนอื่นจะขอกล่าวคร่าวๆถึงเรื่องราวก่อนจะมีประเด็น
เดิมทีที่บริษัทจะมีหมายเลขโทรศัพท์หนึ่งหมายเลขของระบบ True ที่ใช้มานานมาก
โดยใช้แพคเกจ 599 บาท โทรได้ 1100 นาที ซึ่งเปิดมานานแล้ว โดยไม่มีอินเตอร์เน็ตมาเกี่ยวข้องในแพคเกจ
และเนื่องด้วยโทรศัพท์ที่ใช้นั้น เป็นเครื่องโบราณมากพอสมควร อารมณ์มีไว้โทรเข้าโทรออกอย่างเดียว เลยทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่
มาใช้สมาร์ทโฟน ผลปรากฏว่า ในรอบบิล กรกฎาคม มีค่าโทรศัพท์เรียกเก็บ รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นยอด 2245.94 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยรายละเอียดระบุว่า เป็นแพคเกจรายเดือนตามโปรโมชั่น 599 บาท โทรทุกเครือข่าย 1,100 นาที
ค่าบริการรับส่งข้อมูล 769.98 MB 1,500 บาท ซึ่ง ตรงส่วนนี้ทำให้เริ่มมีคำถามแล้วอันเนื่องจากว่า
โดยปกติโทรศัพท์อยู่ที่ออฟฟิศ ต่อไวไฟเพื่อทำการใช้งานตลอด จะมีบ้างที่แม่บ้านนำออกไปใช้นอกสถานที่
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถเช็คจำรชนวน DATA ที่ใช้จริงได้หรือไม่ เพราะทางคอลเซ็นเตอร์ก็ไม่มีคำตอบให้
ตัดมารอบบิลที่ 2 ก็เรียกเก็บในจำนวน 2,245.92 ซึ่งมาตามรายละเอียดในแบบเดิม ทุกการใช้งานในเบอร์นี้ก็ยังคงใช้งานในแบบเดิม
*** ซึ่งเนื่องด้วยรอบบิลแล้วยังมีข้อสงสัยที่ไม่ได้รับคำตอบ ก็เลยไม่มีการชำระค่าบริการใดๆเกิดขึ้น จนส่งผลให้โทรศัพท์ถูกระงับบริการชั่วคราว
แต่วันนี้ได้รับบิลเรียกค่าบริการ โดยมีอัตราเรียกเก็บที่ จำนวน 2,245.93
เป็นอัตราแพคเกจ 599 บาท พร้อมส่วนเกินค่าใช้บริการ 1,500 บาท ซึ่งมีปัญหาตรง 1,500 บาทนี่แหละครับ
โดยรอบบิลนี้แจ้งว่าเป็นการใช้งานในระหว่างวันที่ 28/08/2560 - 27/09/2560
คำถามคือ คอลเซ็นเตอร์แจ้งว่าหมายเลขนี้ถูกระงับสัญญานไปเมื่อวันที่ 28/08/2560 เมื่อเวลา 7.00 น.
แล้ว 1,500 บาทในรอบบิลดังกล่าว ซึ่งระบุว่าเป็นค่าบริการส่วนเกินจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อโทรศัพท์ถูกตัดสัญญานไปแล้ว
ทั้งนี้ได้ทำการสอบถามไปยังคอลเซ็นเตอร์ คอลเซ็นเตอร์แจ้งว่าอีก สองสาม วันถึงจะให้คำตอบได้
ณ ตอนนี้ ทางเรายินดีจ่ายเพื่อต้องการปิดหมายเลขนี้ไป ระยะเวลาการใช้งานของเบอร์นี้ที่มีมากกว่า 7 ปี
ไม่มีผลใดต่อการให้ความร่วมมือในการหาคำตอบให้จากรูแม้แต่น้อย
ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากฝากเป็นอุทาหรณ์ สำหรับบริษัทใดก็ตามที่เปลี่ยนโทรศัพท์ที่โทรเข้าโทรออกอย่างเดียว
มาใช้เป็นสมาร์ทโฟน อย่าลืม ตรวจสอบแพคเกจของท่านให้ถี่ก้วน ไม่เช่นนั้น อาจโดนค่าบริการอินเตอร์เน็ตมาแบบงงๆได้
และถ้าจะผิดพลาดประการใดก็คงเป็น Human Error ในองค์กรณ์ของเราเอง ที่ไม่ได้ตรวจสอบแพคเกจให้ถี่ถ้วนก่อนใช้งาน
อุทาหรณ์ กรณีเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์ง่อยๆโทรเข้าโทรออกอย่างเดียว มาเป็น Smart Phone โดยใช้บริการเครือข่าย True
เดิมทีที่บริษัทจะมีหมายเลขโทรศัพท์หนึ่งหมายเลขของระบบ True ที่ใช้มานานมาก
โดยใช้แพคเกจ 599 บาท โทรได้ 1100 นาที ซึ่งเปิดมานานแล้ว โดยไม่มีอินเตอร์เน็ตมาเกี่ยวข้องในแพคเกจ
และเนื่องด้วยโทรศัพท์ที่ใช้นั้น เป็นเครื่องโบราณมากพอสมควร อารมณ์มีไว้โทรเข้าโทรออกอย่างเดียว เลยทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่
มาใช้สมาร์ทโฟน ผลปรากฏว่า ในรอบบิล กรกฎาคม มีค่าโทรศัพท์เรียกเก็บ รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นยอด 2245.94 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยรายละเอียดระบุว่า เป็นแพคเกจรายเดือนตามโปรโมชั่น 599 บาท โทรทุกเครือข่าย 1,100 นาที
ค่าบริการรับส่งข้อมูล 769.98 MB 1,500 บาท ซึ่ง ตรงส่วนนี้ทำให้เริ่มมีคำถามแล้วอันเนื่องจากว่า
โดยปกติโทรศัพท์อยู่ที่ออฟฟิศ ต่อไวไฟเพื่อทำการใช้งานตลอด จะมีบ้างที่แม่บ้านนำออกไปใช้นอกสถานที่
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถเช็คจำรชนวน DATA ที่ใช้จริงได้หรือไม่ เพราะทางคอลเซ็นเตอร์ก็ไม่มีคำตอบให้
ตัดมารอบบิลที่ 2 ก็เรียกเก็บในจำนวน 2,245.92 ซึ่งมาตามรายละเอียดในแบบเดิม ทุกการใช้งานในเบอร์นี้ก็ยังคงใช้งานในแบบเดิม
*** ซึ่งเนื่องด้วยรอบบิลแล้วยังมีข้อสงสัยที่ไม่ได้รับคำตอบ ก็เลยไม่มีการชำระค่าบริการใดๆเกิดขึ้น จนส่งผลให้โทรศัพท์ถูกระงับบริการชั่วคราว
แต่วันนี้ได้รับบิลเรียกค่าบริการ โดยมีอัตราเรียกเก็บที่ จำนวน 2,245.93
เป็นอัตราแพคเกจ 599 บาท พร้อมส่วนเกินค่าใช้บริการ 1,500 บาท ซึ่งมีปัญหาตรง 1,500 บาทนี่แหละครับ
โดยรอบบิลนี้แจ้งว่าเป็นการใช้งานในระหว่างวันที่ 28/08/2560 - 27/09/2560
คำถามคือ คอลเซ็นเตอร์แจ้งว่าหมายเลขนี้ถูกระงับสัญญานไปเมื่อวันที่ 28/08/2560 เมื่อเวลา 7.00 น.
แล้ว 1,500 บาทในรอบบิลดังกล่าว ซึ่งระบุว่าเป็นค่าบริการส่วนเกินจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อโทรศัพท์ถูกตัดสัญญานไปแล้ว
ทั้งนี้ได้ทำการสอบถามไปยังคอลเซ็นเตอร์ คอลเซ็นเตอร์แจ้งว่าอีก สองสาม วันถึงจะให้คำตอบได้
ณ ตอนนี้ ทางเรายินดีจ่ายเพื่อต้องการปิดหมายเลขนี้ไป ระยะเวลาการใช้งานของเบอร์นี้ที่มีมากกว่า 7 ปี
ไม่มีผลใดต่อการให้ความร่วมมือในการหาคำตอบให้จากรูแม้แต่น้อย
ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากฝากเป็นอุทาหรณ์ สำหรับบริษัทใดก็ตามที่เปลี่ยนโทรศัพท์ที่โทรเข้าโทรออกอย่างเดียว
มาใช้เป็นสมาร์ทโฟน อย่าลืม ตรวจสอบแพคเกจของท่านให้ถี่ก้วน ไม่เช่นนั้น อาจโดนค่าบริการอินเตอร์เน็ตมาแบบงงๆได้
และถ้าจะผิดพลาดประการใดก็คงเป็น Human Error ในองค์กรณ์ของเราเอง ที่ไม่ได้ตรวจสอบแพคเกจให้ถี่ถ้วนก่อนใช้งาน