
......
..เรื่องนี้นานมาแล้วราวๆปี..2528..ตอนที่ผมอยู่..ป.3
สมัยก่อน..วัดในกรุงเทพจะร่มรื่น...ลานวัดเป็นพันดิน..มีต้นไม้ขึ้นแบบวัดใน.ตจว.ทั่วๆไป
....ลานวัดน่ะ..เป็นสถานที่ทุกๆอย่างของชุมชน..ทั้งจัดงานอะไรๆ...ตอนเย็นๆก็เป็นสนามฟุตบอลของเด็กๆ....เป็นลานเด็กเล่นของแถวถิ่นนั้น
.....ในวัดทุกวัด..จะมีเมรุเผาศพ..มีโกดังเก็บศพ..ก่อปูน..ทำเป็นช่องๆๆๆ...ถ้ามีศพที่ญาติไม่ประสงค์จะเผา..เพราะติดขัดเรื่องทุนทรัพย์ในการจัดงาน..หรือรอญาติพี่น้องทาเผา...เค้าจะนำศพใส่โลงมาบรรจุในช่องปูน..โบกปูนปิดตาย..เก็บศพไว้ในนั้นครับ
....โกดังเก็บศพของวัดที่ผมไปวิ่งเล่น...ทำเป็นสองแถว...มีพื้นที่ตรงกลาง...ทำเป็นโรงเรือนมีหลังคาปิด...แถวละ..2..ชั้น...บรรจุศพชั้นละ..10..ช่อง..เลยสามารถเก็บศพได้ถึง..40..ศพเลยทีเดียว
....สมัยก่อน..ไม่ได้มีมูลนิธิ..หรือวัดจะมีทุนเผาศพใครฟรีๆ...การเผาศพแม้มีเมรุแต่ก็ต้องใช้เชื้อเพลิงมาเผาในช่องเก็บมากนะครับ..ไม่ใช่เตาไฟฟ้าแบบในปัจจุบัน..
.....ในอดีต 7-80 ปีก่อน พื้นที่รอบวัดก็เป็นป่าช้าฝังศพทั้งนั้น....จนมาทำโกดังเก็บมีช่องปูน..และพื้นที่ป่าช้าก็ขุดศพออก..ให้คนเช่าทำตึกแถวบ้านช่องกันไปแบบในปัจุบัน
.....แต่ต่อมาความเจริญก็คืบคลานมาสู่วัดในกรุงเทพ
พื้นที่ลานวัดถูกเทปูนทำลานจอดรถกันหมด
.....เด็กๆไม่มีที่เล่นครับ
....สุดท้ายไปเล่นกันบริเวณหลังเมรุเผาศพ
เพราะเป็นพื้นที่ว่างๆ...
.....หลังเมรุเป็นด้านหน้าโกดังเก็บศพ...มีกำแพงสูงเกือบ...2..เมตร..ขวางไว้ครับ...ปกติประตูหน้าโกดังปิดตาย..เสมอๆ
....ทีนี้ก็น่าจะพอทราบนะ...
เด็กสมัยก่อนตามวัด..ฐานะก็ยากจน..ลูกบอลหนังชั้นดีไม่เคยได้แตะ..เตะได้แต่ลูกบอลพลาสติก..ลูกละ..10..บาท
....แต่..10..บาทสมัยก่อนนี่..เงินเยอะนะครับ...หุ้นกันคนละบาทได้ลูกบอลมาเตะกัน...
....แต่เจ้าลูกบอลพลาสติกนี่..เบามาก...เตะแรงๆทีกระเด็นไปไกลๆ....มันก็มีเหตุที่จะข้ามกำแพงตกลงไปในโกดังเก็บศพเสมอๆ....
....นึ่แหละคือประเด็น
.....พอตกลงไป...จะกลายเป็นสถานที่ทดสอบความกล้านะครับ...
....ตัองปีนเข้าไปเก็บ...และแหม..โกดังเก็บศพเป็นที่ที่ใครก็กลัวทั้งนั้น
....แต่ลูกบอลไม่ใช่ราคาถูกๆ...พึ่งรวมเงินกันซื้อมาก็ต้องไปช่วยกันเก็บ
.....ก็ต้องช่วยกันดันก้น...ช่วยกันดึงขึ้นกำแพง...
.....คือทางฝั่งด้านนอกโกดัง..ปีนง่าย..เพราะกำแพงไม่ได้ราบเรียบเสมอกัน...มีช่องยืนพอเหยียบยื่นตัวปีนได้น่ะครับ...
.....เด็กๆจึงปีนไปนั่งบนสันกำแพงได้เสมอๆ...
......แต่ปัญหาคือ....ใครจะลงไปเก็บบอลในโกดัง
......คนๆย่อมคือคนที่เตะบอลข้ามลงไปในโกดัง..ที่จะต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขา...
......เพราะพอเมื่อ...ลูกบอลตกลงไป...ยังไง..ก็จะพอมองเห็นว่า..มันนกลิ้งไปตกหน้าช่องปูนเก็บศพเสมอๆ..
.....พอมีคนลงไปเก็บ...คนไหนโชคดี...ลูกบอลอยู่ด้านนอกๆก็ดีไป...เก็บได้รีบเขวี้ยงข้ามกำแพง
.....และคนเก็บรีบยื่นมือให้เพื่อนบนกำแพงช่วยดึงขึ้นมา...
.....เพราะผนังกำแพงด้านในโกดังค่อนข้างเรียบ...ไม่มีมุมปีนครับ...ต้องให้เพื่อนบนกำแพงช่วยดึงขึ้นมา..
.....แต่มันมีการแกล้งกัน
.....บางทีเพื่อนๆบนกำแพง....พอเห็นว่าคนเก็บบอลเขวี้ยงบอลออกมาได้...ก็ทิ้งคนเก็บไว้ในโกดังนั่นแหละครับ...
.....แล้วก็ปีนลงมา...ปล่อยให้เพื่อนที่เก็บบอลตะโกนเรียกชื่อ...ขอร้อง..หรือด่าทอ...
...ทีนี้เพื่อนๆในกลุ่มผมน่ะครับ..ชอบแกล้งกัน
แต่ก็คือไปยืนหัวเราะกันด้านนอก..ปล่อยให้เพื่อนที่ติดอยู่ข้างในร้องโวยวาย..
แต่เราก็ปล่อยให้อยู่ในนั้นไม่เกิน..5..นาที..ก็ปีนไปช่วยดึงขึ้นมา..
....บางคนก็ร้องไห้..ให้มีมาแซวกัน..
แต่ระยะหลังๆ..เพื่อนที่โดนแกล้งไปฟ้องพี่ชายที่ตัวโตกว่าเรา..จึงมีโดนตบหัวกันทั้งแก๊งค์..ที่ไปแกล้งน้องชายเค้า
....เราจึงไม่มีกล้าทิ้งเพื่อนไว้อีกครับ
...ตัวผมเองก็เคยลงไปเก็บ..
เค้าไปกลางๆ..ไม่กล้ามองข้างๆ..มาก...บางช่องโบกปูน..มีกระถางธูป..สีชื่อเขียนข้างหน้า..วันที่บรรจุมีเรียบร้อย...มองแล้วขนลุก
...ตอนปีนกำแพงไปเก็บ..เคยมองไปด้านหลังโกดัง..มีโรงเรือนสังกะสี..มีโลงศพวางซ้อนๆๆๆกัน
ขาตั้งพวงหรีด..อุปกรณ์งานศพต่างๆมาวางตรงนี้..คือบริเวณนี้เป็นที่ทำงานของสัปเหร่อครับ..
...พวกเราก็มาเตะบอลเล่นกันในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ตามปกติ.นานๆทีลูกบอลจะข้ามตกไปในโกดังเก็บศพบ้าง...ให้ต้องไปวัดใจปีนเก็บกัน
...แต่ในระยะหลังๆ..พระท่านมาไล่ครับ
...ท่านไม่อยากให้เด็กๆมาเตะบอลตรงหลังเมรุ..อย่างว่า..มันสถานที่ทำพิธีศพ..มันก็ไม่เหมาะที่จะมีเด็กมาเล่นอยู่แล้วครับ
...เราจึงทิ้งช่วงกันนาน..
...แต่พอไม่มีที่เตะบอล..ก็แอบมาเล่นกันอีก
...ก็วัดเล่นเทปูนลานวัดเอารถยนต์มาจอดเต็มไปหมดแบบนั้น
...เราแอบไปเตะบอลนานๆครั้ง..จนถึงครั้งสุดท้ายจึงตัองเลิกไปเล่นแถวนั้นกันตลอดชีวิต
...วันอาทิตย์กลางปีใน.2529.พวกเรา..7..คนก็เป็นเด็กประถมสี่กันแล้ว
...สาเหตุที่ทำให้เลิกไปเตะบอลกันตรงนั้น...พวกเราหุ้นกันซื้อลูกบอลพลาสติกซื้อมาใหม่..เอามาเตะกันตามเดิม...และก็พลาดตกลงไปในโกดังจนได้...
...ก็ต้องช่วยกันปีนข้ามไปเก็บ..
...แต่คราวนี้..คนที่เตะบอลข้ามลงไปหาบอลไม่เจอครับ
...ลูกบอลหาย!!
...เลยลงกันไปหา 3 คน..อีก 4.คนนั่งบนกำแพง..รอดึงเพื่อน
...ลงกันมามาก..และตอนกลางวันแดดร้อนจ้า..ก็เลยไม่กลัวกันครับ..เดินอ้อมโกดัง..ไปหาตรงที่วางโลงก็ไม่เจอ..มีเพื่อนไปมองในช่องเก็บบ้าง..ที่ไม่ได้โบกปูนก็ไม่เจอครับ..ลูกบอลหายไปเลย!!
...แต่อย่างว่าครับ..หากัน.10.นาที..ผมเองไม่ได้ลวไปครับ..เป็นคนที่นั่งบนกำแพง..เห็นเพื่อนอีกคนจะเดินไปสุดโกดังเพิ่อไปมองช่องลึกด้านในสุดที่มีช่องว่าง..แต่ไม่ทันจะเข้าไป..พระก็มาตะโกนมาไล่ครับ..
...คือพระในวัดเห็นเด็กปีนและนั่งอยู่บนกำแพง..จึงไล่ให้ลงมา..จึงต้องรีบช่วยกันดึงเพื่อนๆปีนกลับกันจนหมด..แล้วท่านก็ไล่ให้ไปเล่นที่อื่น...
...เราจึงตัองทิ้งลูกบอลไป...
...พอแยกย้ายกันกลับบ้าน..ผมเองนั้น..นอนในคืนนั้นไม่ฝันอะไร.ไม่มีอะไรผิดปกติ.
...แต่พอวันจันทร์ไปโรงเรียน..เพื่อน.2..คนที่ลงไปหาบอลข้างล่างหยุดเรียน!!..
..เจอเพื่อนอีกคนที่ลงไปแต่มาเรียน..ปกติเพื่อนคนนี้ใจกล้ากว่าใครและเป็นเหมือนหัวโจกของกลุ่มครับ..แต่วันนี้เค้าดูท่าทางกลัวมาก..เค้าเล่าว่า
เมื่อคืนเค้าฝันว่า..ปีนกำแพงเข้าไปในโกดังเก็บศพ..และเค้าจะต้องเดินเข้าไปในช่องสุดท้าย..ที่ว่างด้านใน..ในฝันเค้าคิดว่าลูกบอลอยู่ในนั้น..เข้าเดินเข้าไป และมองเห็น..เห็นลูกบอลสีขาวในนั้น..พอเค้าจะก้มเอื้อมไปหยิบบอล..เค้าโดนดึงมือไว้...เค้าดิ้นรนพยายามจะหนี..ถึงกับละเมอ..จนพ่อแม่ต้องปลุก..เค้ากลัวมากๆ
...เค้าจึงเล่าให้พ่อของเค้าฟัง..พ่อของเค้าเอาสร้อยพระมาห้อยคอเค้าไว้..เค้าจึงนอนหลับได้.
...แต่เช้ามาโรงเรียนก็กลัวมาก..เพราะฝันเหมือนจริงมากๆ
...พวกผมอีก..4..คนขนลุกกันไปหมด..คือกลัวผีครับ..
..พอเลิกเรียนพวกเราไปหาเพื่อนที่ไม่มาเรียน..ไปถึงบ้านเพื่อนคนแรก..เจอแม่ของเพื่อน...แม่ของเพื่อนบอกว่า..เพื่อนคนนี้ไม่สบาย..เป็นไข้..ไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า..หมอให้นอนดูอาการเพราะไข้ขึ้นสูงครับ..
...เราก็ไปบ้านเพื่อนอีกคน..เจอเพื่อนนอนอยู่กลางบ้าน..มีผู้ใหญ่มานั่งในบ้านหลายคน..ก็คุยกันเรื่องเพื่อนไม่สบายนี่แหละครับ...บ้านเพื่อนคนนี้เค้าเป็นคณะลิเกนะครับ...ในบ้านจะมีหัวโขนฤาษี..มีคุณตาของเพื่อนคนนึ้นั่งอยู่ด้วย.คุณตาท่านนี้อายุมากแล้วครับ..ผมขาวทั้งหัว...พวกเราไปหา..เจอเพื่อนนอนบนตั่งไม้ในบ้าน..เพื่อนคนนี้ก็ไม่สบาย.เป็นไข้.หน้าซีดไปเลย..เค้าก็บอกว่าฝันว่าเข้าไปในโกดังเก็บเหมือนคนแรกเป๊ะๆเลย..ทำเอาพวกเรากลัวกันมากๆๆ
...คุณตาท่านเลยสอบถามว่า..พวกเราไปทำอะไรมา..พวกเราจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง..คุณตาจึงว่า..อ้อ..พวกเราไปรบกวนคนตาย..เจอดีให้แล้ว!!
...คุณตาท่านก็เอาสายศีลมาพันข้อมือพวกเราทุกคน..สวดมนต์ให้พร..(สมัยนั้นคนแก่ๆผู้หลักผู้ใหญ่ชอบนำสายศีลมาพันข้อมือลูกหลานเสมอๆ..ในวันสงกรานต์วันหยุดอะไรๆ)...
...ท่านก็บอกว่า..เราต้องไปเอาลูกบอลออกมาจากช่องเก็บนั้น..และ..3..คนที่ลงไป..ต้องไปไหว้ขอขมาวิญญาณที่ถูกรบกวนด้วยครับ...
...พ่อของเพื่อนคนนี้จึง..(คือบ้านนี้ค่อนข้างจะเชื่อทางไสยศาสตร์บ้านของพวกคณะลิเกน่ะครับ).จึงเดินไปเป็นธุระบอกทางบ้านเพื่อนอีกสองคนว่า..พรุ่งนี้..ให้หยุดเรียนไปขอขมาโกดังเก็บศพกัน..ไม่อย่างนั้นก็เหมือนจะโดนรังควาญต่อไป...
...คนอื่นจะมาขอขมาด้วยก็ดี...แต่ไม่ได้ลงไปก็ไม่น่าจะมีอะไร..จะมาก็ได้ไม่มาก็ได้...
...แต่วันนี้ทำอะไรไม่ได้เย็นแล้ว..จะมืดแล้ว..ให้ทุกคนกลับบ้านไปพักผ่อนนอนไวๆ..ก่อนนอนหาสร้อยพระห้อยคอ..สวดมนต์แล้วเล่าให้พ่อแม่ฟัง..ถ้ามีเสียงอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจ...คุณตาท่านย้ำอย่างนั้น
ผมเองกลับไปเล่าให้แม่ฟัง..แม่เลยบอกว่า..งั้นแม่จะให้ผมไปไหว้ด้วย..จะได้ไม่มีอะไรมารังควาญ..คือแม่ก็อยากทำบุญด้วย
...ผมเอง..คืนนั้น...ผมก็สวดมนต์..หาสร้อยพระห้อยคอ..นอนข้างๆแม่ครับ พ่อผมไปทำงานต่างจังหวัดจึงมีแค่ผมกับน้องสาว...เรานอนกางมุ้งกันสามแม่ลูก..
...พอนอนไป..คืนนั้นฝนตก..ก็เดือนกรกฏาคมแล้ว..ฝนตกหนักมากเลย..ฟ้าร้องฟ้าผ่า.ทำให้ผมสะดุ้งตื่นกลางดึก..
...แต่พอตื่นในที่มืดๆความกลัวก็จู่โจม..นอนคลุมโปง..แต่ไม่แน่ใจว่าหูแว่วไปเองหรือเพราะความกลัว..หรือเสียงฝนเสียงลม...ผมได้ยินเสียง..
...เสียงลูกบอลพลาสติกตกกระทบพื้นครับ..เสียงดัง
...แต๊ก..แต๊ก..แต๊กๆๆๆๆ...แบบมันกระดอน..และค่อยๆกระดอนช้าลง...
...แต๊ก.แต๊กๆๆๆๆๆ
...เหมือนกับมีคนมาโยนบอลให้ตกลงพื้นครับ..
...ได้ยินสามครั้ง!!...
เสียงมันดังมา..แต่ไม่รู้ทิศทาง...คือนอนคลุมโปง..เเละหลับตา..ก็ไม่รู้ว่าหันหัวไปทางไหน..เสียงมันดังมาจากทิศไหน...แต่ได้ยินว่าเสัยงมันดังมาจากนอกบ้าน..แต่เสียงมันไม่ชัดเจน..เพราะมีเสียงลมเสียงฝนผสมด้วยครับ..
...(พ่อแม่ผมเช่าห้องนะครับ..เป็นบ้านเช่าหลังใหญ่ที่ซอยแบ่งเป็นห้องเช่าในชุมชนแออัดหลังวัด..ในซอยแคบๆเป็นตรอกเข้าไปลึกๆ..
....พอผมได้ยินเสียงสามเที่ยว..หลับตาปี๋..เลยหลับยาวไปเลย..จนแม่มาปลุก..
....เช้าวันนั้นผมไม่ได้ไปเรียน...แวะไปวัดกับแม่..ไปถึงวัด..9.โมงเช้า...ก็มีเพื่อน..3..คนที่ปีนลงไปมาครบ
แต่ละคนยังไม่สบายกันอยู่เลยครับ.
..ผมกับเพื่อนอีกคนก็มา..ส่วนอีกสองคนไม่มาครับ..ไปเรียน...
....ไปถึงสัปเหร่อเอาลูกบอลออกมาแล้ว...ประตูโกดังเก็บศพเปิดครับ..คุณตาของเพื่อน..นิมนต์พระมา..4..รูปเพื่อสวดบังสุกุล..
...พาพวกเราเข้าไปนั่งยองๆฟังสวดในโกดังกันเลย..
...คือลูกบอลน่ะ..มันตกไปในช่องด้านล่างซ้ายมือริมสุด..ช่องสุดท้ายครับ
แต่ด้านบน..มีศพอยู่นะครับ..
...เป็นศพผู้ชาย..ลูกบอลไปกระทบช่องนี้..และเหมือนกับไปอยู่ใต้ศพคนตาย...เค้าจึงรังควาญ..หรือตามให้มาเอาลูกบอลคืนไป..
...พระท่านจึงสวดบังสุกุลให้..คุณตาให้พวกเรา..5..คนถือดอกไม้ธูปเทียนขอขมาศพ...
...ท่านให้เราพูดตาม..จำไม่ค่อยได้แล้ว..
"กรรมใดที่ข้าพเจ้ากระทำมาทั้งกายกรรม..วจีกรรม..มโนกรรม..ที่ล่วงเกินไปขออภัยให้ข้าพเจ้าด้วย...".
....จำได้แค่นี้ครับ...
....เสร็จแล้วพวกผู้ใหญ่ก็พาพวกเราไปถวายสังฆทาน..3..ถัง..ให้พระสวดมนต์ให้ศีลให้พร..
และรดน้ำมนต์ให้...
...พระท่านกับพวกผู้ใหญ่หัวเราะกันใหญ่...พระท่านเล่าว่าศพตายโหง..รถคว่ำตาย..ตายใหม่ๆพึ่งนำมาบรรจุเมื่อตอนวันเสาร์นี่เอง..แต่พอวันอาทิตย์..พวกเราก็ไปรบกวน..เค้าจึงตามหารังควาญครับ..
..แต่ปกติ...โกดังนี้เก็บศพคนแก่ที่ป่วยตาย..แบบหมดอายุขัยแล้ว...จึงไม่มีวิญญาณอะไรมารบกวน...แต่เฉพาะรายนี้ตายโหง..และพึ่งตายจึงยังไม่ไปไหน...
...ผมถามเพื่อน..เมื่อคืนได้ยินเสียงลูกบอลบ้างไหม...เพื่อนสามคนที่ลงเก็บบอลไปได้ยินทุกคน..ในช่วงเวลาเดียวกับที่ผมได้ยินด้วย....อีกคนที่ไม่ได้ลงไปไม่ได้ยินเพราะหลับสนิท...
...ไปถามเพื่อนอีกสองคนที่ไปเรียน..คนนึงได้ยินเพราะตื่นกลางคืนเหมือนผม..อีกคนหลับสนิท....
....เพื่อนสามคนที่ลงไป..พอหลังจากทำบุญก็หายจากไข้ใน.2-3..วัน....
....พวกเราไม่ไปเล่นหลังเมรุกันอีก...กำแพงนั้นถูกต่อเติมและมีสังกระสีมาปิด..คลุมหมด อีก 2-3ปีต่อมาเมรุถูกรื้อสร้างใหม่ โกดังเก็บศพถูกรื้อทำเป็นศาลาจวบจนปัจจุบัน ไม่มีศพฝากไว้ในวัดอีก
ลูกบอลในช่องเก็บศพ
..เรื่องนี้นานมาแล้วราวๆปี..2528..ตอนที่ผมอยู่..ป.3
สมัยก่อน..วัดในกรุงเทพจะร่มรื่น...ลานวัดเป็นพันดิน..มีต้นไม้ขึ้นแบบวัดใน.ตจว.ทั่วๆไป
....ลานวัดน่ะ..เป็นสถานที่ทุกๆอย่างของชุมชน..ทั้งจัดงานอะไรๆ...ตอนเย็นๆก็เป็นสนามฟุตบอลของเด็กๆ....เป็นลานเด็กเล่นของแถวถิ่นนั้น
.....ในวัดทุกวัด..จะมีเมรุเผาศพ..มีโกดังเก็บศพ..ก่อปูน..ทำเป็นช่องๆๆๆ...ถ้ามีศพที่ญาติไม่ประสงค์จะเผา..เพราะติดขัดเรื่องทุนทรัพย์ในการจัดงาน..หรือรอญาติพี่น้องทาเผา...เค้าจะนำศพใส่โลงมาบรรจุในช่องปูน..โบกปูนปิดตาย..เก็บศพไว้ในนั้นครับ
....โกดังเก็บศพของวัดที่ผมไปวิ่งเล่น...ทำเป็นสองแถว...มีพื้นที่ตรงกลาง...ทำเป็นโรงเรือนมีหลังคาปิด...แถวละ..2..ชั้น...บรรจุศพชั้นละ..10..ช่อง..เลยสามารถเก็บศพได้ถึง..40..ศพเลยทีเดียว
....สมัยก่อน..ไม่ได้มีมูลนิธิ..หรือวัดจะมีทุนเผาศพใครฟรีๆ...การเผาศพแม้มีเมรุแต่ก็ต้องใช้เชื้อเพลิงมาเผาในช่องเก็บมากนะครับ..ไม่ใช่เตาไฟฟ้าแบบในปัจจุบัน..
.....ในอดีต 7-80 ปีก่อน พื้นที่รอบวัดก็เป็นป่าช้าฝังศพทั้งนั้น....จนมาทำโกดังเก็บมีช่องปูน..และพื้นที่ป่าช้าก็ขุดศพออก..ให้คนเช่าทำตึกแถวบ้านช่องกันไปแบบในปัจุบัน
.....แต่ต่อมาความเจริญก็คืบคลานมาสู่วัดในกรุงเทพ
พื้นที่ลานวัดถูกเทปูนทำลานจอดรถกันหมด
.....เด็กๆไม่มีที่เล่นครับ
....สุดท้ายไปเล่นกันบริเวณหลังเมรุเผาศพ
เพราะเป็นพื้นที่ว่างๆ...
.....หลังเมรุเป็นด้านหน้าโกดังเก็บศพ...มีกำแพงสูงเกือบ...2..เมตร..ขวางไว้ครับ...ปกติประตูหน้าโกดังปิดตาย..เสมอๆ
....ทีนี้ก็น่าจะพอทราบนะ...
เด็กสมัยก่อนตามวัด..ฐานะก็ยากจน..ลูกบอลหนังชั้นดีไม่เคยได้แตะ..เตะได้แต่ลูกบอลพลาสติก..ลูกละ..10..บาท
....แต่..10..บาทสมัยก่อนนี่..เงินเยอะนะครับ...หุ้นกันคนละบาทได้ลูกบอลมาเตะกัน...
....แต่เจ้าลูกบอลพลาสติกนี่..เบามาก...เตะแรงๆทีกระเด็นไปไกลๆ....มันก็มีเหตุที่จะข้ามกำแพงตกลงไปในโกดังเก็บศพเสมอๆ....
....นึ่แหละคือประเด็น
.....พอตกลงไป...จะกลายเป็นสถานที่ทดสอบความกล้านะครับ...
....ตัองปีนเข้าไปเก็บ...และแหม..โกดังเก็บศพเป็นที่ที่ใครก็กลัวทั้งนั้น
....แต่ลูกบอลไม่ใช่ราคาถูกๆ...พึ่งรวมเงินกันซื้อมาก็ต้องไปช่วยกันเก็บ
.....ก็ต้องช่วยกันดันก้น...ช่วยกันดึงขึ้นกำแพง...
.....คือทางฝั่งด้านนอกโกดัง..ปีนง่าย..เพราะกำแพงไม่ได้ราบเรียบเสมอกัน...มีช่องยืนพอเหยียบยื่นตัวปีนได้น่ะครับ...
.....เด็กๆจึงปีนไปนั่งบนสันกำแพงได้เสมอๆ...
......แต่ปัญหาคือ....ใครจะลงไปเก็บบอลในโกดัง
......คนๆย่อมคือคนที่เตะบอลข้ามลงไปในโกดัง..ที่จะต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขา...
......เพราะพอเมื่อ...ลูกบอลตกลงไป...ยังไง..ก็จะพอมองเห็นว่า..มันนกลิ้งไปตกหน้าช่องปูนเก็บศพเสมอๆ..
.....พอมีคนลงไปเก็บ...คนไหนโชคดี...ลูกบอลอยู่ด้านนอกๆก็ดีไป...เก็บได้รีบเขวี้ยงข้ามกำแพง
.....และคนเก็บรีบยื่นมือให้เพื่อนบนกำแพงช่วยดึงขึ้นมา...
.....เพราะผนังกำแพงด้านในโกดังค่อนข้างเรียบ...ไม่มีมุมปีนครับ...ต้องให้เพื่อนบนกำแพงช่วยดึงขึ้นมา..
.....แต่มันมีการแกล้งกัน
.....บางทีเพื่อนๆบนกำแพง....พอเห็นว่าคนเก็บบอลเขวี้ยงบอลออกมาได้...ก็ทิ้งคนเก็บไว้ในโกดังนั่นแหละครับ...
.....แล้วก็ปีนลงมา...ปล่อยให้เพื่อนที่เก็บบอลตะโกนเรียกชื่อ...ขอร้อง..หรือด่าทอ...
...ทีนี้เพื่อนๆในกลุ่มผมน่ะครับ..ชอบแกล้งกัน
แต่ก็คือไปยืนหัวเราะกันด้านนอก..ปล่อยให้เพื่อนที่ติดอยู่ข้างในร้องโวยวาย..
แต่เราก็ปล่อยให้อยู่ในนั้นไม่เกิน..5..นาที..ก็ปีนไปช่วยดึงขึ้นมา..
....บางคนก็ร้องไห้..ให้มีมาแซวกัน..
แต่ระยะหลังๆ..เพื่อนที่โดนแกล้งไปฟ้องพี่ชายที่ตัวโตกว่าเรา..จึงมีโดนตบหัวกันทั้งแก๊งค์..ที่ไปแกล้งน้องชายเค้า
....เราจึงไม่มีกล้าทิ้งเพื่อนไว้อีกครับ
...ตัวผมเองก็เคยลงไปเก็บ..
เค้าไปกลางๆ..ไม่กล้ามองข้างๆ..มาก...บางช่องโบกปูน..มีกระถางธูป..สีชื่อเขียนข้างหน้า..วันที่บรรจุมีเรียบร้อย...มองแล้วขนลุก
...ตอนปีนกำแพงไปเก็บ..เคยมองไปด้านหลังโกดัง..มีโรงเรือนสังกะสี..มีโลงศพวางซ้อนๆๆๆกัน
ขาตั้งพวงหรีด..อุปกรณ์งานศพต่างๆมาวางตรงนี้..คือบริเวณนี้เป็นที่ทำงานของสัปเหร่อครับ..
...พวกเราก็มาเตะบอลเล่นกันในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ตามปกติ.นานๆทีลูกบอลจะข้ามตกไปในโกดังเก็บศพบ้าง...ให้ต้องไปวัดใจปีนเก็บกัน
...แต่ในระยะหลังๆ..พระท่านมาไล่ครับ
...ท่านไม่อยากให้เด็กๆมาเตะบอลตรงหลังเมรุ..อย่างว่า..มันสถานที่ทำพิธีศพ..มันก็ไม่เหมาะที่จะมีเด็กมาเล่นอยู่แล้วครับ
...เราจึงทิ้งช่วงกันนาน..
...แต่พอไม่มีที่เตะบอล..ก็แอบมาเล่นกันอีก
...ก็วัดเล่นเทปูนลานวัดเอารถยนต์มาจอดเต็มไปหมดแบบนั้น
...เราแอบไปเตะบอลนานๆครั้ง..จนถึงครั้งสุดท้ายจึงตัองเลิกไปเล่นแถวนั้นกันตลอดชีวิต
...วันอาทิตย์กลางปีใน.2529.พวกเรา..7..คนก็เป็นเด็กประถมสี่กันแล้ว
...สาเหตุที่ทำให้เลิกไปเตะบอลกันตรงนั้น...พวกเราหุ้นกันซื้อลูกบอลพลาสติกซื้อมาใหม่..เอามาเตะกันตามเดิม...และก็พลาดตกลงไปในโกดังจนได้...
...ก็ต้องช่วยกันปีนข้ามไปเก็บ..
...แต่คราวนี้..คนที่เตะบอลข้ามลงไปหาบอลไม่เจอครับ
...ลูกบอลหาย!!
...เลยลงกันไปหา 3 คน..อีก 4.คนนั่งบนกำแพง..รอดึงเพื่อน
...ลงกันมามาก..และตอนกลางวันแดดร้อนจ้า..ก็เลยไม่กลัวกันครับ..เดินอ้อมโกดัง..ไปหาตรงที่วางโลงก็ไม่เจอ..มีเพื่อนไปมองในช่องเก็บบ้าง..ที่ไม่ได้โบกปูนก็ไม่เจอครับ..ลูกบอลหายไปเลย!!
...แต่อย่างว่าครับ..หากัน.10.นาที..ผมเองไม่ได้ลวไปครับ..เป็นคนที่นั่งบนกำแพง..เห็นเพื่อนอีกคนจะเดินไปสุดโกดังเพิ่อไปมองช่องลึกด้านในสุดที่มีช่องว่าง..แต่ไม่ทันจะเข้าไป..พระก็มาตะโกนมาไล่ครับ..
...คือพระในวัดเห็นเด็กปีนและนั่งอยู่บนกำแพง..จึงไล่ให้ลงมา..จึงต้องรีบช่วยกันดึงเพื่อนๆปีนกลับกันจนหมด..แล้วท่านก็ไล่ให้ไปเล่นที่อื่น...
...เราจึงตัองทิ้งลูกบอลไป...
...พอแยกย้ายกันกลับบ้าน..ผมเองนั้น..นอนในคืนนั้นไม่ฝันอะไร.ไม่มีอะไรผิดปกติ.
...แต่พอวันจันทร์ไปโรงเรียน..เพื่อน.2..คนที่ลงไปหาบอลข้างล่างหยุดเรียน!!..
..เจอเพื่อนอีกคนที่ลงไปแต่มาเรียน..ปกติเพื่อนคนนี้ใจกล้ากว่าใครและเป็นเหมือนหัวโจกของกลุ่มครับ..แต่วันนี้เค้าดูท่าทางกลัวมาก..เค้าเล่าว่า
เมื่อคืนเค้าฝันว่า..ปีนกำแพงเข้าไปในโกดังเก็บศพ..และเค้าจะต้องเดินเข้าไปในช่องสุดท้าย..ที่ว่างด้านใน..ในฝันเค้าคิดว่าลูกบอลอยู่ในนั้น..เข้าเดินเข้าไป และมองเห็น..เห็นลูกบอลสีขาวในนั้น..พอเค้าจะก้มเอื้อมไปหยิบบอล..เค้าโดนดึงมือไว้...เค้าดิ้นรนพยายามจะหนี..ถึงกับละเมอ..จนพ่อแม่ต้องปลุก..เค้ากลัวมากๆ
...เค้าจึงเล่าให้พ่อของเค้าฟัง..พ่อของเค้าเอาสร้อยพระมาห้อยคอเค้าไว้..เค้าจึงนอนหลับได้.
...แต่เช้ามาโรงเรียนก็กลัวมาก..เพราะฝันเหมือนจริงมากๆ
...พวกผมอีก..4..คนขนลุกกันไปหมด..คือกลัวผีครับ..
..พอเลิกเรียนพวกเราไปหาเพื่อนที่ไม่มาเรียน..ไปถึงบ้านเพื่อนคนแรก..เจอแม่ของเพื่อน...แม่ของเพื่อนบอกว่า..เพื่อนคนนี้ไม่สบาย..เป็นไข้..ไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า..หมอให้นอนดูอาการเพราะไข้ขึ้นสูงครับ..
...เราก็ไปบ้านเพื่อนอีกคน..เจอเพื่อนนอนอยู่กลางบ้าน..มีผู้ใหญ่มานั่งในบ้านหลายคน..ก็คุยกันเรื่องเพื่อนไม่สบายนี่แหละครับ...บ้านเพื่อนคนนี้เค้าเป็นคณะลิเกนะครับ...ในบ้านจะมีหัวโขนฤาษี..มีคุณตาของเพื่อนคนนึ้นั่งอยู่ด้วย.คุณตาท่านนี้อายุมากแล้วครับ..ผมขาวทั้งหัว...พวกเราไปหา..เจอเพื่อนนอนบนตั่งไม้ในบ้าน..เพื่อนคนนี้ก็ไม่สบาย.เป็นไข้.หน้าซีดไปเลย..เค้าก็บอกว่าฝันว่าเข้าไปในโกดังเก็บเหมือนคนแรกเป๊ะๆเลย..ทำเอาพวกเรากลัวกันมากๆๆ
...คุณตาท่านเลยสอบถามว่า..พวกเราไปทำอะไรมา..พวกเราจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง..คุณตาจึงว่า..อ้อ..พวกเราไปรบกวนคนตาย..เจอดีให้แล้ว!!
...คุณตาท่านก็เอาสายศีลมาพันข้อมือพวกเราทุกคน..สวดมนต์ให้พร..(สมัยนั้นคนแก่ๆผู้หลักผู้ใหญ่ชอบนำสายศีลมาพันข้อมือลูกหลานเสมอๆ..ในวันสงกรานต์วันหยุดอะไรๆ)...
...ท่านก็บอกว่า..เราต้องไปเอาลูกบอลออกมาจากช่องเก็บนั้น..และ..3..คนที่ลงไป..ต้องไปไหว้ขอขมาวิญญาณที่ถูกรบกวนด้วยครับ...
...พ่อของเพื่อนคนนี้จึง..(คือบ้านนี้ค่อนข้างจะเชื่อทางไสยศาสตร์บ้านของพวกคณะลิเกน่ะครับ).จึงเดินไปเป็นธุระบอกทางบ้านเพื่อนอีกสองคนว่า..พรุ่งนี้..ให้หยุดเรียนไปขอขมาโกดังเก็บศพกัน..ไม่อย่างนั้นก็เหมือนจะโดนรังควาญต่อไป...
...คนอื่นจะมาขอขมาด้วยก็ดี...แต่ไม่ได้ลงไปก็ไม่น่าจะมีอะไร..จะมาก็ได้ไม่มาก็ได้...
...แต่วันนี้ทำอะไรไม่ได้เย็นแล้ว..จะมืดแล้ว..ให้ทุกคนกลับบ้านไปพักผ่อนนอนไวๆ..ก่อนนอนหาสร้อยพระห้อยคอ..สวดมนต์แล้วเล่าให้พ่อแม่ฟัง..ถ้ามีเสียงอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจ...คุณตาท่านย้ำอย่างนั้น
ผมเองกลับไปเล่าให้แม่ฟัง..แม่เลยบอกว่า..งั้นแม่จะให้ผมไปไหว้ด้วย..จะได้ไม่มีอะไรมารังควาญ..คือแม่ก็อยากทำบุญด้วย
...ผมเอง..คืนนั้น...ผมก็สวดมนต์..หาสร้อยพระห้อยคอ..นอนข้างๆแม่ครับ พ่อผมไปทำงานต่างจังหวัดจึงมีแค่ผมกับน้องสาว...เรานอนกางมุ้งกันสามแม่ลูก..
...พอนอนไป..คืนนั้นฝนตก..ก็เดือนกรกฏาคมแล้ว..ฝนตกหนักมากเลย..ฟ้าร้องฟ้าผ่า.ทำให้ผมสะดุ้งตื่นกลางดึก..
...แต่พอตื่นในที่มืดๆความกลัวก็จู่โจม..นอนคลุมโปง..แต่ไม่แน่ใจว่าหูแว่วไปเองหรือเพราะความกลัว..หรือเสียงฝนเสียงลม...ผมได้ยินเสียง..
...เสียงลูกบอลพลาสติกตกกระทบพื้นครับ..เสียงดัง
...แต๊ก..แต๊ก..แต๊กๆๆๆๆ...แบบมันกระดอน..และค่อยๆกระดอนช้าลง...
...แต๊ก.แต๊กๆๆๆๆๆ
...เหมือนกับมีคนมาโยนบอลให้ตกลงพื้นครับ..
...ได้ยินสามครั้ง!!...
เสียงมันดังมา..แต่ไม่รู้ทิศทาง...คือนอนคลุมโปง..เเละหลับตา..ก็ไม่รู้ว่าหันหัวไปทางไหน..เสียงมันดังมาจากทิศไหน...แต่ได้ยินว่าเสัยงมันดังมาจากนอกบ้าน..แต่เสียงมันไม่ชัดเจน..เพราะมีเสียงลมเสียงฝนผสมด้วยครับ..
...(พ่อแม่ผมเช่าห้องนะครับ..เป็นบ้านเช่าหลังใหญ่ที่ซอยแบ่งเป็นห้องเช่าในชุมชนแออัดหลังวัด..ในซอยแคบๆเป็นตรอกเข้าไปลึกๆ..
....พอผมได้ยินเสียงสามเที่ยว..หลับตาปี๋..เลยหลับยาวไปเลย..จนแม่มาปลุก..
....เช้าวันนั้นผมไม่ได้ไปเรียน...แวะไปวัดกับแม่..ไปถึงวัด..9.โมงเช้า...ก็มีเพื่อน..3..คนที่ปีนลงไปมาครบ
แต่ละคนยังไม่สบายกันอยู่เลยครับ.
..ผมกับเพื่อนอีกคนก็มา..ส่วนอีกสองคนไม่มาครับ..ไปเรียน...
....ไปถึงสัปเหร่อเอาลูกบอลออกมาแล้ว...ประตูโกดังเก็บศพเปิดครับ..คุณตาของเพื่อน..นิมนต์พระมา..4..รูปเพื่อสวดบังสุกุล..
...พาพวกเราเข้าไปนั่งยองๆฟังสวดในโกดังกันเลย..
...คือลูกบอลน่ะ..มันตกไปในช่องด้านล่างซ้ายมือริมสุด..ช่องสุดท้ายครับ
แต่ด้านบน..มีศพอยู่นะครับ..
...เป็นศพผู้ชาย..ลูกบอลไปกระทบช่องนี้..และเหมือนกับไปอยู่ใต้ศพคนตาย...เค้าจึงรังควาญ..หรือตามให้มาเอาลูกบอลคืนไป..
...พระท่านจึงสวดบังสุกุลให้..คุณตาให้พวกเรา..5..คนถือดอกไม้ธูปเทียนขอขมาศพ...
...ท่านให้เราพูดตาม..จำไม่ค่อยได้แล้ว..
"กรรมใดที่ข้าพเจ้ากระทำมาทั้งกายกรรม..วจีกรรม..มโนกรรม..ที่ล่วงเกินไปขออภัยให้ข้าพเจ้าด้วย...".
....จำได้แค่นี้ครับ...
....เสร็จแล้วพวกผู้ใหญ่ก็พาพวกเราไปถวายสังฆทาน..3..ถัง..ให้พระสวดมนต์ให้ศีลให้พร..
และรดน้ำมนต์ให้...
...พระท่านกับพวกผู้ใหญ่หัวเราะกันใหญ่...พระท่านเล่าว่าศพตายโหง..รถคว่ำตาย..ตายใหม่ๆพึ่งนำมาบรรจุเมื่อตอนวันเสาร์นี่เอง..แต่พอวันอาทิตย์..พวกเราก็ไปรบกวน..เค้าจึงตามหารังควาญครับ..
..แต่ปกติ...โกดังนี้เก็บศพคนแก่ที่ป่วยตาย..แบบหมดอายุขัยแล้ว...จึงไม่มีวิญญาณอะไรมารบกวน...แต่เฉพาะรายนี้ตายโหง..และพึ่งตายจึงยังไม่ไปไหน...
...ผมถามเพื่อน..เมื่อคืนได้ยินเสียงลูกบอลบ้างไหม...เพื่อนสามคนที่ลงเก็บบอลไปได้ยินทุกคน..ในช่วงเวลาเดียวกับที่ผมได้ยินด้วย....อีกคนที่ไม่ได้ลงไปไม่ได้ยินเพราะหลับสนิท...
...ไปถามเพื่อนอีกสองคนที่ไปเรียน..คนนึงได้ยินเพราะตื่นกลางคืนเหมือนผม..อีกคนหลับสนิท....
....เพื่อนสามคนที่ลงไป..พอหลังจากทำบุญก็หายจากไข้ใน.2-3..วัน....
....พวกเราไม่ไปเล่นหลังเมรุกันอีก...กำแพงนั้นถูกต่อเติมและมีสังกระสีมาปิด..คลุมหมด อีก 2-3ปีต่อมาเมรุถูกรื้อสร้างใหม่ โกดังเก็บศพถูกรื้อทำเป็นศาลาจวบจนปัจจุบัน ไม่มีศพฝากไว้ในวัดอีก