ถ้าเรามาที่นี่ในฐานะคนไทย เราก็จะเจอกับคนรัสเซีย
ถ้าเรามาที่นี่ในฐานะทุนนิยม เราก็จะเจอสังคมนิยม
แต่ถ้าเรามาที่นี่ในฐานะมนุษย์ เราก็จะเจอกับเพื่อนมนุษย์

ทริปของพวกเราในครั้งนี้เป็นการเดินทางไปยังเมืองท่องเที่ยว และยังเป็น 2 เมืองหลวงทั้งในอดีต และปัจจุบันของรัสเซียคือ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และมอสโคว์
และนี่คือแผนการเดินทางของพวกเราที่ได้วางไว้

สำหรับการเตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง :
1.จองตั๋ว✈ไป-กลับ BKK-DME แต่เราจองโปรที่ต้องไปเช็คอินที่ฮานอย,เวียดนาม(HAN) จึงต้องจองตั๋วเพิ่มจาก DMK-HAN เพื่อไปเช็คอินต้นทาง แต่ขากลับ DME-BKK สามารถดร็อปที่ BKK ได้ แต่ถ้าอยากไปดร็อปปลายทางที่ฮานอยก็ได้เหมือนกัน
2.ตั๋วรถไฟ(นอน)ไป-กลับ Moscow-St. Petersburg ค่อนข้างจะยุ่งยากนิดหน่อย เพราะต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิกก่อนถึงจะจองได้ สามารถศึกษาได้จากลิ้งรีวิวด้านล่าง….
https://pantip.com/topic/36890443
3.จอง Hostel ซึ่งทริปนี้เราไปกัน 9 คืน 10 วันรวมเช็คอินต้นทางที่ฮานอย แต่เราจอง Hostel แค่ 5 คืน เพราะอีก 4 คืนที่เหลือเรานอนที่สนามบินสุวรรณภูมิ 1 คืน นอนบนรถไฟ 2 คืน และนอนบน✈ขากลับอีก 1 คืน
4. ประกันการเดินทาง-ยามเจ็บป่วยต่างแดน
ข้อนี้แล้วแต่มุมมอง #perspective
5. แผนที่เมโทรในมอสโคว์ที่มีชื่อสถานีเป็นแบบตัวอักษรซีริลลิก หรือภาษารัสเซียที่ต้องใช้ในการจับคู่ดูสถานีที่ต้องการไป เพราะชื่อเมโทรในมอสโคว์ไม่มีภาษาอังกฤษซึ่งต่างกับที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
6. เตรียมแอพแผนผังการเดินรถ метро ในมอสโคว์ให้เรียบร้อย พวกเราใช้ Yandex Metro ส่วนแผนที่ใช้อากูก็ได้
7. พาสปอร์ตที่มีหน้าว่าง และอายุคงเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
***สำหรับเอกสารข้อที่ 1-3 / 5-6 ควรเตรียมติดตัวไปด้วย เพื่อความสะดวกในการเดินทางและใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตม.ในกรณีที่สุ่มตรวจ ส่วนข้อ 7 ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
1/10 1-day-trip-in-Hanoi
การเดินทางในวันแรกเราออกจาก DMK ตั้งแต่เช้าเพื่อจะได้เที่ยวย่านโอลด์ควอเตอร์ในเมืองฮานอย เมื่อไปถึงสนามบินนานาชาตินอยไบก็ฝากกระเป๋าที่ชั้น 2 แล้วต่อรถบัสสาย 86 เข้าเมือง โดยจุดหมายแรกคือสุสานโฮจิมินห์ แต่เมื่อไปถึงได้ความว่าปิดให้บริการเพราะต้องการนำศพลุงโฮไปทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำยาที่รัสเซีย(เขาเล่าว่า) โดยปีนี้ปิดตั้งแต่ 5Sep - 5 Dec 2017 รวมไปถึงเจดีย์เสาเดียวที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็ไม่ให้เข้าไปชมด้วย
เราจึงกลับมายังโบสถ์เซนต์โจเซฟ (St.Joseph's Cathedral) แต่แวะพักสักครู่รู้สึกเหนื่อย

เอาล่ะถึงเเล้ว

ไปต่อกันที่ทะเลสาบคืนดาบ หรือทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม (Hoan Kiem lake)

จากนั้นนั่งบัสสายเดิมกลับมายังสนามบินเพื่อรอเช็คอินกลับกุงเตพ...
รถบัสที่เข้ามาส่งที่สนามบินนอยไบจะส่งที่อาคารภายในประเทศ T1 หากต้องการเดินทางต่อไปอาคารขาออกระหว่างประเทศต้องลงไปที่ชั้น 1 ของ T1 จะมี shuttle bus ไปส่งที่ T2
เมื่อถึงเวลาเช็คอิน HAN-BKK ทางเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์สงสัยว่าทำไมเรามาฮานอยเช้า และกลับในวันเดียวกันตอนช่วงค่ำ แสดงเอกสารการจองโรงแรมที่รัสเซียก็แล้ว แจงแผนการเดินทางตลอดทริปก็เเล้ว อธิบายอยู่พักใหญ่เลยได้ตั๋วมา แต่กระเป๋าสัมภาระที่โหลดจะไปรับที่มอสโคว์ทีเดียวเลย
เมื่อมาถึงด่านตม.ขาออก เรื่องสงสัยคิดว่าจบ-แต่ไม่ง่ายเลย เพราะเจ้าหน้าที่ถามเรื่องวีซ่าอีก จึงบอกไปว่าระหว่างไทยกับรัสเซียไม่ต้องใช้วีซ่า เจ้าหน้าที่ขอดูหลักฐาน-ยื่นให้ถึงกับเงิบ อ่านไม่ออกเพราะมีแค่ภาษาไทย และภาษารัสเซียที่เราเตรียมมา ยังไม่จบย้ายเรามาตรวจแยกอีกเคาน์เตอร์ โดยเฉพาะบางคนที่หน้าตาไม่เหมือนในพาสปอร์ตจึงโดนถามชื่อย้อนกลับเพื่อยืนยันตัวตนถึง 2 ครั้งแต่สุดท้ายเราก็ผ่านมาได้ทั้งหมด
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า หากหน้าตาในวันเดินทางไม่เหมือนในพาสปอร์ต ให้ไปทำพาสปอร์ตใหม่เพื่ออัพเดตหน้าตาให้ทันปัจจุบัน
เหนื่อยกับตม. เลยแวะหาอะไรรองท้องกันโหน่ย.....

เมื่อมาถึง BKK เราก็ไปตามทาง Transit เพื่อทำการสแกนสัมภาระที่ติดตัวมาอีกครั้ง เมื่อผ่านมาได้จัดแจงหาที่อาบน้ำในสนามบินสุวรรณภูมิ เรามาเจอที่โรงแรมมิราเคิล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต (Miracle Suvarnabhumi Airport Hotel) ค่าบริการ 350 บาท/คน จากนั้นก็หาที่นอนตามอัธยาศัย zzZZZZZZZ

Expense/day/person : 2,195 THB
DMK-HAN = 1,750 ฿
HAN-BKK for free (including with BKK-DME/DME-BKK)
Left luggage = 95 ฿
Bus to town & return back = 95 ฿
Shower at BKK airport = 350 ฿
2/10 : Bangkok - Moscow
เธอทั้งสองตื่นเช้า เพราะความหนาวจากฝนด้านนอก
ฉันตื่นเช้า เพราะเธอปลุก
นายไม่นอน เพราะนายอินดี้ (ป. นอนมา)
ถึงเวลาเฝ้ารอเกทโชว์ แล้วก็ไปรอหน้าเกท และก็ได้บัสเกท
เมื่อเครื่องเทคออฟก็นั่งเล่นเกมส์ นอนในท่านั่ง นั่งทานข้าว-กาแฟ



อยากอ้วนให้กินชีสสสสส แต่ถ้าอยากซีดดดดให้มาหา.....คนถือชีส
หรือแม้แต่สร้างมิตรภาพระหว่างการเดินทาง

และเข้าห้องน้ำ ทำแบบนี้วนไปจนครบ 8.5 ชม.เห็นจะได้ เครื่องทำการแลนดิ้งสู่สนามบินนานาชาติโดโมเดโดโว (DME) ซึ่งอยู่ชานเมืองทางใต้ของมอสโคว์ เวลาที่นี่ช้ากว่าราชอาณาจักรไทย 4 ชม. UTC+3
ได้เวลาระทึกอีกครั้งเมื่อยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ตม. โดยเจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าใช่คนเดียวกับรูปในหนังสือเดินทางหรือไม่? เธอก็เรียกเจ้าหน้าที่ข้างๆมาดู แล้วเธอทั้งสองก็ยิ้ม แล้วปล่อยผ่านไป
ซึ่งเมื่อผ่าน ตม. มาแล้วทางเจ้าหน้าที่จะให้ Migration card มาด้วย ส่วนใบด้านบนเราจะได้จากโรงแรมที่เราไปพักในรัสเซีย มีชื่อเราเป็นภาษารัสเซียด้วย

และต้องใช้ตอนเข้าพัก หรือเผื่อเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ รวมไปถึงส่งคืนขาออกประเทศด้วย
จากนั้นแวะหาซิมการ์ดโทรศัพท์ในสนามบิน เราจึงได้เครือข่ายของ MTC เล่นเน็ตได้ 5 GB ราคา 700 rub
ปรีเวียต......รูสกี้ = สวัสดี.....รัสเซีย

การเดินทางเข้าเมือง : Aeroexpress - Paveletskaya - Tverskaya
Aeroexpress คือจุดหมายต่อไปเพื่อขึ้นรถไฟโดยต้นขบวนอยู่หน้าสนามบินที่แล่นตรงไปยังเมโทรสายสีเขียวเพื่อต่อไปยังโฮสเทล

เมื่อ express train จอดสนิทที่ปลายทางก็เดินไปทางหัวขบวนแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามป้าย M สีแดง ลงไปแล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นคุณไม่สามารถเดินต่อไปได้อีกเพราะต้องซื้อตั๋วเมโทรก่อนถึงจะผ่านประตูกั้นไปได้
เราซื้อตั๋วเมโทรที่ใช้ได้ 60 ครั้ง สามารถใช้ร่วมกันกี่คนก็ได้แต่ไม่เกิน 60 คนสนนราคาที่ 1,750 rub

เทคนิคการใช้บัตรแค่คนสุดท้ายที่ผ่านเครื่องกั้นเมโทรจะมีสิทธิ์ได้ถือบัตรนี้ เมื่อลงไปถึงที่ชานชาลาถึงกับผงะเพราะเมโทรที่มอสโคว์มีแต่ตัวอักษรซีริลลิกไม่มีภาษาอังกฤษ เราทำการกางแผนที่เมโทรที่เตรียมมาและเริ่มจับคู่ตัวอักษรสถานีต่อไปที่ต้องการไปว่าอยู่ฝั่งไหนเพื่อจะได้ขึ้นขบวนที่ถูกต้อง
เทคนิคไม่ให้หลงเมโทรคือการจับคู่ตัวอักษรนั่นเอง!

โฮสเทลที่นี่เราพัก 2 คืนซึ่งอยู่ไม่ไกลมากกับ red square ใช้เวลาเดินไปที่นั่นประมาณ 10-15 นาทีระยะทาง 1 สถานีเมโทร




จากนั้นเราก็เดินไปชม red square ในบรรยากาศกลางคืน และบอกเลยว่าสวยแบบไม่ต้องใส่แว่น 3-D


และนี่คือห้างกุมในมุมมืด...

จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาฟรีไทม์ และกลับโฮสเทล
Expense/day/person : 17,127 THB (1 rub = 0.56 ฿ ณ.วันแลกเปลี่ยน)
BKK-DME / DME-BKK = 14,900 ฿
Sim card = 392 ฿
Aeroexpress = 500 rub = 280 ฿
Metro card 60 times = 1,750 rub/4 = 245 ฿
Hostel 2N = 5,242 baht/4 = 1,310 ฿
3/10 Москва : here we come
ผ่านไปแล้ว 2 วัน ส่วนวันนี้ไปไหนตามมาเลยครับ :
1.
Cathedral of Christ the Saviour หรือ มหาวิหารเซนต์เดอะซาเวียร์ หรือ โบสถ์โดมทอง
การเดินทาง : เมโทร Kropotkinskaya

เมื่อออกจากเมโทรก็เดินอ้อมไปทางน้ำพุ


เขาเล่าว่าเป็นวิหารที่ใหญ่สุดในรัสเซีย และสูงที่สุดในโลก อยู่ริมแม่น้ำ Moskva
มุมถ่ายภาพบนสะพานหน้าโบสถ์สามารถมองเห็นทัศนียภาพของพระราชวังเครมลินได้อีกด้วย


ที่นี่ชมโบสถ์ฟรี แต่ห้ามเก็บภาพ เข้าไปในโบสถ์แล้วอย่าลืม “มองบน” เพราะเพดานในโบสถ์ก็สวยไม่แพ้คนที่เรามาด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวในรัสเซียจะมีตู้กดเหรียญที่ระลึกด้วย หากใครต้องการก็กดเก็บสะสมในคอลเลคชั่นได้

กว่าจะได้สักภาพล้วนมาจากความตั้งใจทั้งนั้น

2.
Metro scenery

การเที่ยวชมภาพเขียน หรือสถาปัตยกรรมในเมโทรก็เป็นหนึ่งสิ่งห้ามพลาด บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าไปสถานีไหนบ้างเอาเป็นว่าสายสีน้ำตาลเกือบทุกสถานีสวย หากเลือกไม่ถูกก็ลงไปดูให้หมด




มองบน!

เริ่มเหนื่อย นั่งพักแป๊บ

ยืนพักด้วย

และอีกสถานีอยู่ใกล้ red square คือ สถานี Ploschad Revolyutsii สายสีน้ำเงิน เพื่อไปลูบจมูกสุนัขที่คู่กับทหารเพื่อความโชคดี(เขาเล่าว่า)

แถมอีกสถานีนอกสายวงกลม(สายสีน้ำตาล) คือสถานี Elektrozavodskaya สายสีน้ำเงิน น่าจะเป็นสถานีที่เปลืองค่าไฟมากที่สุด
[CR] Россия : ยิ่งเที่ยว-ยิ่งค้นพบสิ่งที่ควรเที่ยว…..รัสเซีย
ถ้าเรามาที่นี่ในฐานะทุนนิยม เราก็จะเจอสังคมนิยม
แต่ถ้าเรามาที่นี่ในฐานะมนุษย์ เราก็จะเจอกับเพื่อนมนุษย์
และนี่คือแผนการเดินทางของพวกเราที่ได้วางไว้
สำหรับการเตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง :
1.จองตั๋ว✈ไป-กลับ BKK-DME แต่เราจองโปรที่ต้องไปเช็คอินที่ฮานอย,เวียดนาม(HAN) จึงต้องจองตั๋วเพิ่มจาก DMK-HAN เพื่อไปเช็คอินต้นทาง แต่ขากลับ DME-BKK สามารถดร็อปที่ BKK ได้ แต่ถ้าอยากไปดร็อปปลายทางที่ฮานอยก็ได้เหมือนกัน
2.ตั๋วรถไฟ(นอน)ไป-กลับ Moscow-St. Petersburg ค่อนข้างจะยุ่งยากนิดหน่อย เพราะต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิกก่อนถึงจะจองได้ สามารถศึกษาได้จากลิ้งรีวิวด้านล่าง….
https://pantip.com/topic/36890443
3.จอง Hostel ซึ่งทริปนี้เราไปกัน 9 คืน 10 วันรวมเช็คอินต้นทางที่ฮานอย แต่เราจอง Hostel แค่ 5 คืน เพราะอีก 4 คืนที่เหลือเรานอนที่สนามบินสุวรรณภูมิ 1 คืน นอนบนรถไฟ 2 คืน และนอนบน✈ขากลับอีก 1 คืน
4. ประกันการเดินทาง-ยามเจ็บป่วยต่างแดน
ข้อนี้แล้วแต่มุมมอง #perspective
5. แผนที่เมโทรในมอสโคว์ที่มีชื่อสถานีเป็นแบบตัวอักษรซีริลลิก หรือภาษารัสเซียที่ต้องใช้ในการจับคู่ดูสถานีที่ต้องการไป เพราะชื่อเมโทรในมอสโคว์ไม่มีภาษาอังกฤษซึ่งต่างกับที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
6. เตรียมแอพแผนผังการเดินรถ метро ในมอสโคว์ให้เรียบร้อย พวกเราใช้ Yandex Metro ส่วนแผนที่ใช้อากูก็ได้
7. พาสปอร์ตที่มีหน้าว่าง และอายุคงเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
***สำหรับเอกสารข้อที่ 1-3 / 5-6 ควรเตรียมติดตัวไปด้วย เพื่อความสะดวกในการเดินทางและใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตม.ในกรณีที่สุ่มตรวจ ส่วนข้อ 7 ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
1/10 1-day-trip-in-Hanoi
การเดินทางในวันแรกเราออกจาก DMK ตั้งแต่เช้าเพื่อจะได้เที่ยวย่านโอลด์ควอเตอร์ในเมืองฮานอย เมื่อไปถึงสนามบินนานาชาตินอยไบก็ฝากกระเป๋าที่ชั้น 2 แล้วต่อรถบัสสาย 86 เข้าเมือง โดยจุดหมายแรกคือสุสานโฮจิมินห์ แต่เมื่อไปถึงได้ความว่าปิดให้บริการเพราะต้องการนำศพลุงโฮไปทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำยาที่รัสเซีย(เขาเล่าว่า) โดยปีนี้ปิดตั้งแต่ 5Sep - 5 Dec 2017 รวมไปถึงเจดีย์เสาเดียวที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็ไม่ให้เข้าไปชมด้วย
เราจึงกลับมายังโบสถ์เซนต์โจเซฟ (St.Joseph's Cathedral) แต่แวะพักสักครู่รู้สึกเหนื่อย
เอาล่ะถึงเเล้ว
ไปต่อกันที่ทะเลสาบคืนดาบ หรือทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม (Hoan Kiem lake)
จากนั้นนั่งบัสสายเดิมกลับมายังสนามบินเพื่อรอเช็คอินกลับกุงเตพ...
รถบัสที่เข้ามาส่งที่สนามบินนอยไบจะส่งที่อาคารภายในประเทศ T1 หากต้องการเดินทางต่อไปอาคารขาออกระหว่างประเทศต้องลงไปที่ชั้น 1 ของ T1 จะมี shuttle bus ไปส่งที่ T2
เมื่อถึงเวลาเช็คอิน HAN-BKK ทางเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์สงสัยว่าทำไมเรามาฮานอยเช้า และกลับในวันเดียวกันตอนช่วงค่ำ แสดงเอกสารการจองโรงแรมที่รัสเซียก็แล้ว แจงแผนการเดินทางตลอดทริปก็เเล้ว อธิบายอยู่พักใหญ่เลยได้ตั๋วมา แต่กระเป๋าสัมภาระที่โหลดจะไปรับที่มอสโคว์ทีเดียวเลย
เมื่อมาถึงด่านตม.ขาออก เรื่องสงสัยคิดว่าจบ-แต่ไม่ง่ายเลย เพราะเจ้าหน้าที่ถามเรื่องวีซ่าอีก จึงบอกไปว่าระหว่างไทยกับรัสเซียไม่ต้องใช้วีซ่า เจ้าหน้าที่ขอดูหลักฐาน-ยื่นให้ถึงกับเงิบ อ่านไม่ออกเพราะมีแค่ภาษาไทย และภาษารัสเซียที่เราเตรียมมา ยังไม่จบย้ายเรามาตรวจแยกอีกเคาน์เตอร์ โดยเฉพาะบางคนที่หน้าตาไม่เหมือนในพาสปอร์ตจึงโดนถามชื่อย้อนกลับเพื่อยืนยันตัวตนถึง 2 ครั้งแต่สุดท้ายเราก็ผ่านมาได้ทั้งหมด
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า หากหน้าตาในวันเดินทางไม่เหมือนในพาสปอร์ต ให้ไปทำพาสปอร์ตใหม่เพื่ออัพเดตหน้าตาให้ทันปัจจุบัน
เหนื่อยกับตม. เลยแวะหาอะไรรองท้องกันโหน่ย.....
เมื่อมาถึง BKK เราก็ไปตามทาง Transit เพื่อทำการสแกนสัมภาระที่ติดตัวมาอีกครั้ง เมื่อผ่านมาได้จัดแจงหาที่อาบน้ำในสนามบินสุวรรณภูมิ เรามาเจอที่โรงแรมมิราเคิล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต (Miracle Suvarnabhumi Airport Hotel) ค่าบริการ 350 บาท/คน จากนั้นก็หาที่นอนตามอัธยาศัย zzZZZZZZZ
Expense/day/person : 2,195 THB
DMK-HAN = 1,750 ฿
HAN-BKK for free (including with BKK-DME/DME-BKK)
Left luggage = 95 ฿
Bus to town & return back = 95 ฿
Shower at BKK airport = 350 ฿
2/10 : Bangkok - Moscow
เธอทั้งสองตื่นเช้า เพราะความหนาวจากฝนด้านนอก
ฉันตื่นเช้า เพราะเธอปลุก
นายไม่นอน เพราะนายอินดี้ (ป. นอนมา)
ถึงเวลาเฝ้ารอเกทโชว์ แล้วก็ไปรอหน้าเกท และก็ได้บัสเกท
เมื่อเครื่องเทคออฟก็นั่งเล่นเกมส์ นอนในท่านั่ง นั่งทานข้าว-กาแฟ
อยากอ้วนให้กินชีสสสสส แต่ถ้าอยากซีดดดดให้มาหา.....คนถือชีส
หรือแม้แต่สร้างมิตรภาพระหว่างการเดินทาง
และเข้าห้องน้ำ ทำแบบนี้วนไปจนครบ 8.5 ชม.เห็นจะได้ เครื่องทำการแลนดิ้งสู่สนามบินนานาชาติโดโมเดโดโว (DME) ซึ่งอยู่ชานเมืองทางใต้ของมอสโคว์ เวลาที่นี่ช้ากว่าราชอาณาจักรไทย 4 ชม. UTC+3
ได้เวลาระทึกอีกครั้งเมื่อยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ตม. โดยเจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าใช่คนเดียวกับรูปในหนังสือเดินทางหรือไม่? เธอก็เรียกเจ้าหน้าที่ข้างๆมาดู แล้วเธอทั้งสองก็ยิ้ม แล้วปล่อยผ่านไป
ซึ่งเมื่อผ่าน ตม. มาแล้วทางเจ้าหน้าที่จะให้ Migration card มาด้วย ส่วนใบด้านบนเราจะได้จากโรงแรมที่เราไปพักในรัสเซีย มีชื่อเราเป็นภาษารัสเซียด้วย
และต้องใช้ตอนเข้าพัก หรือเผื่อเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ รวมไปถึงส่งคืนขาออกประเทศด้วย
จากนั้นแวะหาซิมการ์ดโทรศัพท์ในสนามบิน เราจึงได้เครือข่ายของ MTC เล่นเน็ตได้ 5 GB ราคา 700 rub
ปรีเวียต......รูสกี้ = สวัสดี.....รัสเซีย
การเดินทางเข้าเมือง : Aeroexpress - Paveletskaya - Tverskaya
Aeroexpress คือจุดหมายต่อไปเพื่อขึ้นรถไฟโดยต้นขบวนอยู่หน้าสนามบินที่แล่นตรงไปยังเมโทรสายสีเขียวเพื่อต่อไปยังโฮสเทล
เมื่อ express train จอดสนิทที่ปลายทางก็เดินไปทางหัวขบวนแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามป้าย M สีแดง ลงไปแล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นคุณไม่สามารถเดินต่อไปได้อีกเพราะต้องซื้อตั๋วเมโทรก่อนถึงจะผ่านประตูกั้นไปได้
เราซื้อตั๋วเมโทรที่ใช้ได้ 60 ครั้ง สามารถใช้ร่วมกันกี่คนก็ได้แต่ไม่เกิน 60 คนสนนราคาที่ 1,750 rub
เทคนิคการใช้บัตรแค่คนสุดท้ายที่ผ่านเครื่องกั้นเมโทรจะมีสิทธิ์ได้ถือบัตรนี้ เมื่อลงไปถึงที่ชานชาลาถึงกับผงะเพราะเมโทรที่มอสโคว์มีแต่ตัวอักษรซีริลลิกไม่มีภาษาอังกฤษ เราทำการกางแผนที่เมโทรที่เตรียมมาและเริ่มจับคู่ตัวอักษรสถานีต่อไปที่ต้องการไปว่าอยู่ฝั่งไหนเพื่อจะได้ขึ้นขบวนที่ถูกต้อง
เทคนิคไม่ให้หลงเมโทรคือการจับคู่ตัวอักษรนั่นเอง!
โฮสเทลที่นี่เราพัก 2 คืนซึ่งอยู่ไม่ไกลมากกับ red square ใช้เวลาเดินไปที่นั่นประมาณ 10-15 นาทีระยะทาง 1 สถานีเมโทร
จากนั้นเราก็เดินไปชม red square ในบรรยากาศกลางคืน และบอกเลยว่าสวยแบบไม่ต้องใส่แว่น 3-D
และนี่คือห้างกุมในมุมมืด...
จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาฟรีไทม์ และกลับโฮสเทล
Expense/day/person : 17,127 THB (1 rub = 0.56 ฿ ณ.วันแลกเปลี่ยน)
BKK-DME / DME-BKK = 14,900 ฿
Sim card = 392 ฿
Aeroexpress = 500 rub = 280 ฿
Metro card 60 times = 1,750 rub/4 = 245 ฿
Hostel 2N = 5,242 baht/4 = 1,310 ฿
3/10 Москва : here we come
ผ่านไปแล้ว 2 วัน ส่วนวันนี้ไปไหนตามมาเลยครับ :
1. Cathedral of Christ the Saviour หรือ มหาวิหารเซนต์เดอะซาเวียร์ หรือ โบสถ์โดมทอง
การเดินทาง : เมโทร Kropotkinskaya
เมื่อออกจากเมโทรก็เดินอ้อมไปทางน้ำพุ
เขาเล่าว่าเป็นวิหารที่ใหญ่สุดในรัสเซีย และสูงที่สุดในโลก อยู่ริมแม่น้ำ Moskva
มุมถ่ายภาพบนสะพานหน้าโบสถ์สามารถมองเห็นทัศนียภาพของพระราชวังเครมลินได้อีกด้วย
ที่นี่ชมโบสถ์ฟรี แต่ห้ามเก็บภาพ เข้าไปในโบสถ์แล้วอย่าลืม “มองบน” เพราะเพดานในโบสถ์ก็สวยไม่แพ้คนที่เรามาด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวในรัสเซียจะมีตู้กดเหรียญที่ระลึกด้วย หากใครต้องการก็กดเก็บสะสมในคอลเลคชั่นได้
กว่าจะได้สักภาพล้วนมาจากความตั้งใจทั้งนั้น
2. Metro scenery
การเที่ยวชมภาพเขียน หรือสถาปัตยกรรมในเมโทรก็เป็นหนึ่งสิ่งห้ามพลาด บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าไปสถานีไหนบ้างเอาเป็นว่าสายสีน้ำตาลเกือบทุกสถานีสวย หากเลือกไม่ถูกก็ลงไปดูให้หมด
เริ่มเหนื่อย นั่งพักแป๊บ
ยืนพักด้วย
และอีกสถานีอยู่ใกล้ red square คือ สถานี Ploschad Revolyutsii สายสีน้ำเงิน เพื่อไปลูบจมูกสุนัขที่คู่กับทหารเพื่อความโชคดี(เขาเล่าว่า)
แถมอีกสถานีนอกสายวงกลม(สายสีน้ำตาล) คือสถานี Elektrozavodskaya สายสีน้ำเงิน น่าจะเป็นสถานีที่เปลืองค่าไฟมากที่สุด