ปัญหาในใจผม ข้อดีก็มีเยอะ ข้อเสียเรื่องเดียว
เคยไหมครับคบกับแฟนได้1เดือน เค้าขอค่าเลี้ยงดูจากเรา เค้าบอกว่าเค้าเคยได้จากแฟนเก่า 2k เราถามว่าต้องให้ขนาดนั้นเลยหรอ เค้าบอกว่า ขนาดมีคนอื่นที่ยื่นขอเสนอให้เยอะกว่านี้เค้ายังไม่เอาเลย เพราะว่ามันไม่ใช่ โดยบอกว่าเค้ามีค่าใช้จ่ายหลายอย่างทั้งค่าคอนโด ส่งให้ที่บ้าน ขาดทุนจากธุรกิจ แล้วเค้าก็ร้องไห้ผมก็ใจอ่อน เราเลยตกลงกัน ว่าจะให้ เดือนละ15000 โดยแบ่งจ่าย ต้นเดือน 10000 วันที่ 15 อีก 5000 ซึ่งขณะนั้น ผมมี รายได้อยุ่ 50k
แล้วค่าใช้จ่ายส่วนตัวอยุ่อีก 12000 แบ่งออมในกองทุน อีกเดือนละ10000 ผมเหลือเงินใช้รายเดือนอยุ่ 18000 บาท ทุกๆครั้งที่เราทานอาหารผมจะเป็นคนออกให้เสมอ ส่วนใหญ่ เค้าจะช่วยออกบ้าง ส่วนน้อย แต่ผมก็ทนครับ เพราะรัก ก็อยุ่กันอย่างนี้เรื่อยมา ผมใช้น้อยหน่อยให้แฟนสะบายก็พอ
แล้วมีอยุ่ครั้งนึง เค้าต้องการจะขยายสาขา เค้าอ้างว่า อยากมาเปิดร้านใกล้ๆ กับบ้านเรา จะได้อยุ่ใกล้กันมากขึ้น เพราะเราอยุ่คนละจังหวัด ผมจะไปหาอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งต่ออาทิต 60กิโล ผมก็แอบดีใจ แต่มีข้อแม้ คือ เค้าจะใช้เงินเราเปิดร้านทั้งหมด งบประมาณ 8แสน ผมเลยตอยเค้าไปว่า นั้นมันมากเกินไปสำหรับผม ผมมีเงินเก็บอยุ่ 5 แสน จะต้องเอารถยนต์ไปเข้าไฟแนนท์เพื่อให้ได้เงินมาอีก ถึงจะได้ 8แสน ตอนแรกผมก็สนใจ เพราะมันเป็นธุรกิจ ผมเลยถามว่า นั้นเป็นเงินทั้งหมดของผม ผมลงทุนไป จะแบ่งผลตอบแทนกันอย่างไง ไหนลองเอาแผนธุรกิจ มาดูหน่อยว่ามีแผนอย่างไร เราจะคืนทุนกันภายในกี่เดือน แล้วเค้าแจ้งว่า ผมคิดเรื่องธุรกิจมากเกินไป ผมก็คิด...อ้าวนั้นมันเงินผม ผมลงทุนก็หวังผลตอบแทนให้คุ้มค่า เค้าก็ไม่พอใจ อืมม เท่าที่รู้มานะครับ ร้านที่เค้าเปิดมาก่อนมาเจอผม แฟนเก่าเค้าเป็นคนลงทุนให้ทั้งหมด ทุนน่าจะหลักล้าน แม่เจ้าาา แล้วผมเป็นใคร... คงไม่สามารถทำได้อย่างนั้นแน่นนอน เพราะเรามีเงินจำกัดหาเงินเก็บเล็กผสมน้อยมาตลอด แล้วนั้นเป็นเงินร้อนด้วย แล้วเรื่องนี้ก็ถูกพับโปรเจ็คไป โดยที่เราทะเลาะกัน
จากนั้นเราก็ใช้ชีวิตเรื่อยมา การใช้จ่ายนอกเหนือจากเงินเดือนที่ผมให้เค้าเดือนละ15000 บาท เค้าก็ขอให้ผมซื้อของผ่อนบัตรให้อีกเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ผมมองว่ามันเป็นสิ่งของจำเป็น เดือนละ 5000 จำนวน 6งวด เป็นรวม 20000 ต่อเดือน เงินเดือนผมเหลือใช้ 13000 บาทต่อเดือน ไม่เป็นไรครับเพราะรัก ไม่ว่าการเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด ค่าเดินทาง ค่าซ่อมรถต่างๆของเค้าผมต้อง รับภาระเบื่องต้นทั้งสิ้น โทรศัพท์เค้าเสีย ผมเอาip6 ของผมให้ แล้วผมต้องซื้อใหม่ ip7 มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก
แล้วต่อมา เค้ามีโครงการจะขยายเฟรินชาย ผมก็ยินดีด้วย เค้าบอกว่าเค้าทำคนเดียวไม่ได้ ผมก็ยินดีช่วยเหลือ แต่ก็ตกลงกันไม่ได้อีก เลยล้มโครงการไป เค้าบอกว่าเราคิดเรื่องธุรกิจเกินไป
เค้าทำประกันชีวิต มีค่าเบี้ยอยุ่ 2หมื่น เค้าบอกว่าถ้าเค้าเป็นอะไรไปค่ารักษาพยาบาลจะจ่ายไหวหรือ เค้าเลยทำประกันเอาไว้ แต่เค้าไม่มีเงินจ่าย เลยขอเงินผมไปจ่าย อีก 2หมื่น แล้วมีเรื่องว่านายหน้าประกันปีก่อน ไม่ยื่นทำให้ เค้ามีปัญหา ตามเงินประกันจากคนเก่าจนได้เงินคืนมา 2 หมื่น แล้วเรื่องก็เงียบหายไป(ผมรุ้เรื่องหลังจากผมจ่ายไปแล้ว 2หมื่น) ผมก็จำใจออกให้ 2 ห มื่นโดยไม่เต็มใจนักเพราะเค้าได้เงินคืนจากประกันคนเก่ามาแล้ว 2หมื่น + ผมจ่ายให้อีก 2หมื่น อืมมมคิดว่าไงครับ เรื่องนี้ผมมารู้ภายหลัง แล้ว... เงินเก็บผมเริ่มจะหมดลงเรื่อยๆ
เอาล่ะ ต่อมา เค้าต้องการซื้อโรงงาน เป็นห้องแถว1ห้อง เซ็งต่อจากคนรู้จัก ใช้ค่าใช้จ่ายประมาณ 1 แสน เค้าบอกว่าเดี๋ยวเค้าจะได้เงินจากการ ขายร้านอีกสาขานึงได้เงินมาแล้วเค้าจะเอาเงินนั้นมาเซ็ง แต่ไม่ได้เป็นไว้ตามนั้นครับ เค้ามาขอเงินจากผม 1แสน เพื่อไปเซ็งโรงงาน แต่ผมบอกปัดไป ว่าผมไม่มีเงิน เค้าก็ทะเลาะกันผม หาว่าผมไม่ใจ ขี้งก
เค้ามองว่าผมมีแต่ผมไม่ให้ คือ...ผมมีผมก็ให้นะครับ นี่ผมไม่มีเงินแล้ว
ต่อมาถึงดิลที่จะต้องจ่ายค่าประกันสุขภาพ ของเค้า 4หมื่นบาท เค้ายังไม่ได้เอ่ย ปากถามผมหรอก แต่เค้าบอกเพียวแค่ว่า เค้าไม่เคยออกค่าประกันเลยแม้แต่ครั้งเดียวเพราะแฟนเก่า ออกให้หมดทุกอย่าง ......
ข้อดีขอเค้า ทำให้ผมเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เด็จขาด หายจากโรคประจำตัวสะเก็ดเงิน หายขาดโดยเค้าพาเราไปรักษาแพทย์แผนโบราณ หายจริงๆครับ ผมคิดว่าตลอดชีวิตผมจะไม่หายจากโรคนี้แล้ว เพราะ เป็นโรคที่เป็นแล้วทรมานมากไม่หายขาด และเป็นคนชอบสัมณาพาผมไปในที่ที่ดีคิดบวก เปลี่ยนผมเป็นคนสวดมนต์ทุกวันพระ ไปทำบุญบ่อยขึ้น ยกระดับความคิดในทางที่ดีผมเปลีายนไปมากจากคนเก่าเป็นคนที่คิดบวกมากขึ้น มีวินัยมากขึ้น ไม่มีคนอื่น แต่ผมมีปัญหาเรื่องเดียวครับ เรื่องเงิน เค้าเคยบอกกับผมตั้งแต่แรกแล้วว่า สิ่งที่จะทำใหผมเลิกกับเค้าได้ก็คือเรื่องเงิน เรื่องเดียว ผมควรทำอย่างไรดีครับ ควรหยุด หรือ ไปต่อดีครับ ไม่ได้คุยกันมาอาทิตย์นึงแล้วครับ
ระหว่างความดีที่เธอให้ กับปัญหาเรื่องเงิน เป็นคุณจะทำอย่างไรครับ เครียดดมาก
เคยไหมครับคบกับแฟนได้1เดือน เค้าขอค่าเลี้ยงดูจากเรา เค้าบอกว่าเค้าเคยได้จากแฟนเก่า 2k เราถามว่าต้องให้ขนาดนั้นเลยหรอ เค้าบอกว่า ขนาดมีคนอื่นที่ยื่นขอเสนอให้เยอะกว่านี้เค้ายังไม่เอาเลย เพราะว่ามันไม่ใช่ โดยบอกว่าเค้ามีค่าใช้จ่ายหลายอย่างทั้งค่าคอนโด ส่งให้ที่บ้าน ขาดทุนจากธุรกิจ แล้วเค้าก็ร้องไห้ผมก็ใจอ่อน เราเลยตกลงกัน ว่าจะให้ เดือนละ15000 โดยแบ่งจ่าย ต้นเดือน 10000 วันที่ 15 อีก 5000 ซึ่งขณะนั้น ผมมี รายได้อยุ่ 50k
แล้วค่าใช้จ่ายส่วนตัวอยุ่อีก 12000 แบ่งออมในกองทุน อีกเดือนละ10000 ผมเหลือเงินใช้รายเดือนอยุ่ 18000 บาท ทุกๆครั้งที่เราทานอาหารผมจะเป็นคนออกให้เสมอ ส่วนใหญ่ เค้าจะช่วยออกบ้าง ส่วนน้อย แต่ผมก็ทนครับ เพราะรัก ก็อยุ่กันอย่างนี้เรื่อยมา ผมใช้น้อยหน่อยให้แฟนสะบายก็พอ
แล้วมีอยุ่ครั้งนึง เค้าต้องการจะขยายสาขา เค้าอ้างว่า อยากมาเปิดร้านใกล้ๆ กับบ้านเรา จะได้อยุ่ใกล้กันมากขึ้น เพราะเราอยุ่คนละจังหวัด ผมจะไปหาอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งต่ออาทิต 60กิโล ผมก็แอบดีใจ แต่มีข้อแม้ คือ เค้าจะใช้เงินเราเปิดร้านทั้งหมด งบประมาณ 8แสน ผมเลยตอยเค้าไปว่า นั้นมันมากเกินไปสำหรับผม ผมมีเงินเก็บอยุ่ 5 แสน จะต้องเอารถยนต์ไปเข้าไฟแนนท์เพื่อให้ได้เงินมาอีก ถึงจะได้ 8แสน ตอนแรกผมก็สนใจ เพราะมันเป็นธุรกิจ ผมเลยถามว่า นั้นเป็นเงินทั้งหมดของผม ผมลงทุนไป จะแบ่งผลตอบแทนกันอย่างไง ไหนลองเอาแผนธุรกิจ มาดูหน่อยว่ามีแผนอย่างไร เราจะคืนทุนกันภายในกี่เดือน แล้วเค้าแจ้งว่า ผมคิดเรื่องธุรกิจมากเกินไป ผมก็คิด...อ้าวนั้นมันเงินผม ผมลงทุนก็หวังผลตอบแทนให้คุ้มค่า เค้าก็ไม่พอใจ อืมม เท่าที่รู้มานะครับ ร้านที่เค้าเปิดมาก่อนมาเจอผม แฟนเก่าเค้าเป็นคนลงทุนให้ทั้งหมด ทุนน่าจะหลักล้าน แม่เจ้าาา แล้วผมเป็นใคร... คงไม่สามารถทำได้อย่างนั้นแน่นนอน เพราะเรามีเงินจำกัดหาเงินเก็บเล็กผสมน้อยมาตลอด แล้วนั้นเป็นเงินร้อนด้วย แล้วเรื่องนี้ก็ถูกพับโปรเจ็คไป โดยที่เราทะเลาะกัน
จากนั้นเราก็ใช้ชีวิตเรื่อยมา การใช้จ่ายนอกเหนือจากเงินเดือนที่ผมให้เค้าเดือนละ15000 บาท เค้าก็ขอให้ผมซื้อของผ่อนบัตรให้อีกเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ผมมองว่ามันเป็นสิ่งของจำเป็น เดือนละ 5000 จำนวน 6งวด เป็นรวม 20000 ต่อเดือน เงินเดือนผมเหลือใช้ 13000 บาทต่อเดือน ไม่เป็นไรครับเพราะรัก ไม่ว่าการเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด ค่าเดินทาง ค่าซ่อมรถต่างๆของเค้าผมต้อง รับภาระเบื่องต้นทั้งสิ้น โทรศัพท์เค้าเสีย ผมเอาip6 ของผมให้ แล้วผมต้องซื้อใหม่ ip7 มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก
แล้วต่อมา เค้ามีโครงการจะขยายเฟรินชาย ผมก็ยินดีด้วย เค้าบอกว่าเค้าทำคนเดียวไม่ได้ ผมก็ยินดีช่วยเหลือ แต่ก็ตกลงกันไม่ได้อีก เลยล้มโครงการไป เค้าบอกว่าเราคิดเรื่องธุรกิจเกินไป
เค้าทำประกันชีวิต มีค่าเบี้ยอยุ่ 2หมื่น เค้าบอกว่าถ้าเค้าเป็นอะไรไปค่ารักษาพยาบาลจะจ่ายไหวหรือ เค้าเลยทำประกันเอาไว้ แต่เค้าไม่มีเงินจ่าย เลยขอเงินผมไปจ่าย อีก 2หมื่น แล้วมีเรื่องว่านายหน้าประกันปีก่อน ไม่ยื่นทำให้ เค้ามีปัญหา ตามเงินประกันจากคนเก่าจนได้เงินคืนมา 2 หมื่น แล้วเรื่องก็เงียบหายไป(ผมรุ้เรื่องหลังจากผมจ่ายไปแล้ว 2หมื่น) ผมก็จำใจออกให้ 2 ห มื่นโดยไม่เต็มใจนักเพราะเค้าได้เงินคืนจากประกันคนเก่ามาแล้ว 2หมื่น + ผมจ่ายให้อีก 2หมื่น อืมมมคิดว่าไงครับ เรื่องนี้ผมมารู้ภายหลัง แล้ว... เงินเก็บผมเริ่มจะหมดลงเรื่อยๆ
เอาล่ะ ต่อมา เค้าต้องการซื้อโรงงาน เป็นห้องแถว1ห้อง เซ็งต่อจากคนรู้จัก ใช้ค่าใช้จ่ายประมาณ 1 แสน เค้าบอกว่าเดี๋ยวเค้าจะได้เงินจากการ ขายร้านอีกสาขานึงได้เงินมาแล้วเค้าจะเอาเงินนั้นมาเซ็ง แต่ไม่ได้เป็นไว้ตามนั้นครับ เค้ามาขอเงินจากผม 1แสน เพื่อไปเซ็งโรงงาน แต่ผมบอกปัดไป ว่าผมไม่มีเงิน เค้าก็ทะเลาะกันผม หาว่าผมไม่ใจ ขี้งก
เค้ามองว่าผมมีแต่ผมไม่ให้ คือ...ผมมีผมก็ให้นะครับ นี่ผมไม่มีเงินแล้ว
ต่อมาถึงดิลที่จะต้องจ่ายค่าประกันสุขภาพ ของเค้า 4หมื่นบาท เค้ายังไม่ได้เอ่ย ปากถามผมหรอก แต่เค้าบอกเพียวแค่ว่า เค้าไม่เคยออกค่าประกันเลยแม้แต่ครั้งเดียวเพราะแฟนเก่า ออกให้หมดทุกอย่าง ......
ข้อดีขอเค้า ทำให้ผมเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เด็จขาด หายจากโรคประจำตัวสะเก็ดเงิน หายขาดโดยเค้าพาเราไปรักษาแพทย์แผนโบราณ หายจริงๆครับ ผมคิดว่าตลอดชีวิตผมจะไม่หายจากโรคนี้แล้ว เพราะ เป็นโรคที่เป็นแล้วทรมานมากไม่หายขาด และเป็นคนชอบสัมณาพาผมไปในที่ที่ดีคิดบวก เปลี่ยนผมเป็นคนสวดมนต์ทุกวันพระ ไปทำบุญบ่อยขึ้น ยกระดับความคิดในทางที่ดีผมเปลีายนไปมากจากคนเก่าเป็นคนที่คิดบวกมากขึ้น มีวินัยมากขึ้น ไม่มีคนอื่น แต่ผมมีปัญหาเรื่องเดียวครับ เรื่องเงิน เค้าเคยบอกกับผมตั้งแต่แรกแล้วว่า สิ่งที่จะทำใหผมเลิกกับเค้าได้ก็คือเรื่องเงิน เรื่องเดียว ผมควรทำอย่างไรดีครับ ควรหยุด หรือ ไปต่อดีครับ ไม่ได้คุยกันมาอาทิตย์นึงแล้วครับ