แชร์แนวคิดที่ได้จากการซื้อบ้าน 5 หลังครับ
(อย่าเข้าใจผิดนะครับ ไม่ใช่ของตัวเองทั้งหมดครับ เพราะรับอาสาหาบ้านให้เพื่อน พ่อแม่ พี่น้องด้วย เพราะเป็นคนชอบดูบ้านครับ)
1. บ้านถูกและดีมีอยู่จริง

บ้านราคาถูกสุดคุ้มมีจริงครับ (หมายถึงบ้านมือ 2 นะครับ)
แต่ต้องหาทุกวันครับ
อย่างที่ผมเคยเจอคือ บ้าน 100 ตารางวา ในกทม. อายุ 1 ปี ออกแบบดีมาก ลดจาก 15 ล้าน เหลือ 8 ล้าน
เพราะเจ้าของต้องรีบย้ายที่อยู่
หรือบ้านต่างจังหวัด 300 ตารางวา ต่างจังหวัด อายุ 1 ปี สวยมาก ลดจาก 4.3 ล้าน เหลือ 2.6 ล้าน
ดังนั้นใครมาสายคุ้ม พยายามเข้าไปดูใน Kaidee.com หรือ Ddproperty.com ทุกวันนะครับ (เว็บอื่นก็ได้นะเออ)
หากของดีมาเมื่อไร พยายามเป็นคนแรกที่โทรไปสอบถามครับ
2. อยู่กลางเมืองไม่ได้หมายความว่า "ดี" นะ

ผมเคยเจอโครงการบ้านจัดสรร กลางเมืองมากคือ ห่างจากสีลมแค่ 3 กม.แต่ปรากฎว่าขายอยู่ 2 ปีกว่า ยังไม่หมดเลย
อีกโครงการอยู่ในซอยลึกโซนลาดพร้าว 1 เดือนหมดเรียบ
ผมมานั่งวิเคราะห์พบว่า โครงการที่ทำเลกลางเมือง แต่ขายไม่หมดเป็นเพราะว่า อยู่กลางชุมชนแออัด ถนนแคบ เพราะคนจอดรถสองฝั่ง
ต่างจากโครงการที่ขายหมดไว ซึ่งอยู่ในย่านคนรวย (บวกกับออกแบบดี)
ดังนั้นเวลาเลือกบ้าน ไม่ได้แปลว่ากลางเมืองแล้วดีนะครับ ต้องดูชุมชนรอบข้างด้วย
3. เลือกบ้านควรใช้เหตุผล + สัญชาตญาณ

บางครั้งเราใช้สมองคิดอย่างเดียว ผลลัพธ์อาจแย่ก็ได้นะครับ
เพราะสมองเราไม่มีข้อมูลมากพอไปทุกเรื่อง
ต่างจากสัญชาตญาณของเราที่รู้ว่าอะไรคือดีงามอะไรคือหายนะ
เหมือนนกที่แตกรังตอนแผ่นดินไหวมา ฉันใดฉันนั้น
ยกตัวอย่าง ผมเคยลังเลระหว่างบ้าน 2 หลังที่ข้อดีข้อเสียใกล้เคียงกันมาก
ผมจึงถามตัวเองว่า "รู้สึกสบายใจกับหลังไหนมากกว่ากัน?"
และผมก็เลือกบ้านที่สบายใจกว่า
ผ่านไป 3 เดือนพบว่าผมคิดถูกครับ เพราะบ้านหลังที่ผมไม่ได้เลือก รถติดมาก แถมน้ำท่วมด้วย
4. บ้านที่อยู่เองเป็นการออมเงินบางส่วน และออมความภูมิใจ

หากพูดแบบกลางๆ
บ้านที่เราอยู่เอง เสมือนเป็นกระปุกออมสินมากกว่าเป็นการลงทุนครับ
แถมเป็นกระปุกออมสินที่อาจมีรั่วไหลด้วยหากขายขาดทุน
แต่ก็ยังดีกว่าซื้อของฟุ่มเฟือยอื่นครับ
ดังนั้นใครต้องซื้อบ้านแน่นอน และผ่อนได้แบบสบายๆ ควรซื้อเลยครับ เพราะราคาจะขยับแบบไม่ปราณีครับ
5. บ้าน บาน ปลาย

บ้านเป็นวัตถุที่ทำให้บานปลายในเรื่องเงินมากครับ
เช่น บ้านผม จากที่เคยคิดจะซื้อ 4 บาท (ราคาสมมตินะครับ) ปรากฎรวมตกแต่ง งอกไปเป็น 12 บาท
เพิ่มไป 3 เท่าเลยทีเดียว
หากคุณมีงบก็คงไปต่อได้
แต่หากคุณมีงบจำกัด คุณต้องซื้อเฉพาะของจำเป็น ของสวยงามเกินจำเป็นตัดทิ้งไปก่อนเลยครับ
ไว้ค่อยแต่งวันหน้าก็ได้น่าาา
6. บ้านไม่ต้องใหญ่ แต่ต้องพอดี

ผมเคยอยากมีบ้านหลังใหญ่ครับ เป็นคฤหาสน์ได้ยิ่งดี
แต่ผมกลับพบว่า บ้านหลังใหญ่แต่คนอยู่น้อยเป็นอะไรที่ไม่คุ้มเลย
แถมเดี๋ยวนี้ บ้านหลังใหญ่ก็มีให้เห็นดาษดื่น ถึงเรามีก็ไม่ได้ดูเด่นเท่าไร แถมบ้านข้างๆ อาจใหญ่กว่าเราอีกด้วยซ้ำ
ดังนั้นผมอยากแนะนำให้เลือกบ้านที่พอดีกับความต้องการของคนในครอบครัวและไปเน้นที่การออกแบบจะดีกว่า
ผมสังเกตเห็นว่า บ้านที่ออกแบบดี จะขายง่ายขายคล่องเหมือนขนมชั้นเลยครับ
ยกตัวอย่างเช่น บ้าน i-nine ตรงสะพานควาย หรือ PuriPuri ตรงโชคชัย 4
ดังนั้นเลือกให้เหมาะสมและออกแบบดี เริ่ดสุดครับ
หวังว่าเพื่อนๆ คงพอได้ประโยชน์จากแนวคิดของผมบ้างนะครับ
ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ซื้อบ้านยังไงให้ >>>โดน<<<
(อย่าเข้าใจผิดนะครับ ไม่ใช่ของตัวเองทั้งหมดครับ เพราะรับอาสาหาบ้านให้เพื่อน พ่อแม่ พี่น้องด้วย เพราะเป็นคนชอบดูบ้านครับ)
1. บ้านถูกและดีมีอยู่จริง
แต่ต้องหาทุกวันครับ
อย่างที่ผมเคยเจอคือ บ้าน 100 ตารางวา ในกทม. อายุ 1 ปี ออกแบบดีมาก ลดจาก 15 ล้าน เหลือ 8 ล้าน
เพราะเจ้าของต้องรีบย้ายที่อยู่
หรือบ้านต่างจังหวัด 300 ตารางวา ต่างจังหวัด อายุ 1 ปี สวยมาก ลดจาก 4.3 ล้าน เหลือ 2.6 ล้าน
ดังนั้นใครมาสายคุ้ม พยายามเข้าไปดูใน Kaidee.com หรือ Ddproperty.com ทุกวันนะครับ (เว็บอื่นก็ได้นะเออ)
หากของดีมาเมื่อไร พยายามเป็นคนแรกที่โทรไปสอบถามครับ
2. อยู่กลางเมืองไม่ได้หมายความว่า "ดี" นะ
อีกโครงการอยู่ในซอยลึกโซนลาดพร้าว 1 เดือนหมดเรียบ
ผมมานั่งวิเคราะห์พบว่า โครงการที่ทำเลกลางเมือง แต่ขายไม่หมดเป็นเพราะว่า อยู่กลางชุมชนแออัด ถนนแคบ เพราะคนจอดรถสองฝั่ง
ต่างจากโครงการที่ขายหมดไว ซึ่งอยู่ในย่านคนรวย (บวกกับออกแบบดี)
ดังนั้นเวลาเลือกบ้าน ไม่ได้แปลว่ากลางเมืองแล้วดีนะครับ ต้องดูชุมชนรอบข้างด้วย
3. เลือกบ้านควรใช้เหตุผล + สัญชาตญาณ
เพราะสมองเราไม่มีข้อมูลมากพอไปทุกเรื่อง
ต่างจากสัญชาตญาณของเราที่รู้ว่าอะไรคือดีงามอะไรคือหายนะ
เหมือนนกที่แตกรังตอนแผ่นดินไหวมา ฉันใดฉันนั้น
ยกตัวอย่าง ผมเคยลังเลระหว่างบ้าน 2 หลังที่ข้อดีข้อเสียใกล้เคียงกันมาก
ผมจึงถามตัวเองว่า "รู้สึกสบายใจกับหลังไหนมากกว่ากัน?"
และผมก็เลือกบ้านที่สบายใจกว่า
ผ่านไป 3 เดือนพบว่าผมคิดถูกครับ เพราะบ้านหลังที่ผมไม่ได้เลือก รถติดมาก แถมน้ำท่วมด้วย
4. บ้านที่อยู่เองเป็นการออมเงินบางส่วน และออมความภูมิใจ
บ้านที่เราอยู่เอง เสมือนเป็นกระปุกออมสินมากกว่าเป็นการลงทุนครับ
แถมเป็นกระปุกออมสินที่อาจมีรั่วไหลด้วยหากขายขาดทุน
แต่ก็ยังดีกว่าซื้อของฟุ่มเฟือยอื่นครับ
ดังนั้นใครต้องซื้อบ้านแน่นอน และผ่อนได้แบบสบายๆ ควรซื้อเลยครับ เพราะราคาจะขยับแบบไม่ปราณีครับ
5. บ้าน บาน ปลาย
เช่น บ้านผม จากที่เคยคิดจะซื้อ 4 บาท (ราคาสมมตินะครับ) ปรากฎรวมตกแต่ง งอกไปเป็น 12 บาท
เพิ่มไป 3 เท่าเลยทีเดียว
หากคุณมีงบก็คงไปต่อได้
แต่หากคุณมีงบจำกัด คุณต้องซื้อเฉพาะของจำเป็น ของสวยงามเกินจำเป็นตัดทิ้งไปก่อนเลยครับ
ไว้ค่อยแต่งวันหน้าก็ได้น่าาา
6. บ้านไม่ต้องใหญ่ แต่ต้องพอดี
แต่ผมกลับพบว่า บ้านหลังใหญ่แต่คนอยู่น้อยเป็นอะไรที่ไม่คุ้มเลย
แถมเดี๋ยวนี้ บ้านหลังใหญ่ก็มีให้เห็นดาษดื่น ถึงเรามีก็ไม่ได้ดูเด่นเท่าไร แถมบ้านข้างๆ อาจใหญ่กว่าเราอีกด้วยซ้ำ
ดังนั้นผมอยากแนะนำให้เลือกบ้านที่พอดีกับความต้องการของคนในครอบครัวและไปเน้นที่การออกแบบจะดีกว่า
ผมสังเกตเห็นว่า บ้านที่ออกแบบดี จะขายง่ายขายคล่องเหมือนขนมชั้นเลยครับ
ยกตัวอย่างเช่น บ้าน i-nine ตรงสะพานควาย หรือ PuriPuri ตรงโชคชัย 4
ดังนั้นเลือกให้เหมาะสมและออกแบบดี เริ่ดสุดครับ
หวังว่าเพื่อนๆ คงพอได้ประโยชน์จากแนวคิดของผมบ้างนะครับ
ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านครับ