(รีวิว) เที่ยวเชียงใหม่เดือนกันยายน

อมยิ้ม04สวัสดีครับ ว่างๆเลยจะมารีวิวเที่ยวเชียงใหม่นะครับ
(ลงรูปไม่เป็นต้องขออภัย)

ทริปเชียงใหม่ 27-30 กันยายน 2017
เดินทางด้วยรถสาธารณะทั้งหมด

ไปกลับโดยรถไฟขบวนใหม่ ซึ่งราคาสูงกว่านั่งเครื่องอยู่เกือบเท่าตัว
(ไปกลับ 2 คน 3900 บาท)
สะดวก สะอาด สบาย ไม่ปวดหู เสียอย่างเดียวนั่งนานไป (13 ชม รถไฟไม่ดีเลย์)
อาหารบนรถแพงมาก รถชาติงั้นๆ
เครื่องดื่มดี อร่อย มีหลายอย่างให้เลือก
ผู้ร่วมทางส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ
ตอนจองตั๋วบอกพนักงานนิดหนึ่งว่า ขอขบวนที่เป็นคนไทย หรือแทบยุโรปไปเลย
(ถ้าไปนั่งชบวนเดียวกับทัวร์จีน อาจจะคนละฟิล)

วิวสวยมากตอนรุ่งสร่าง (ตี 5 ครึ่ง เป็นต้นไป)
มีแต่คลิป (รูปอยู่เครื่องแฟน)
ห้องพัก Winner Inn ย้านในเมือง 2 คืน คืนละ 500 บาท
(รวมอาหารเช้าสำหรับ 2 คน)
ห้องสะอาด กว้างกำลังดี (เหมาะสมกับราคา)
อยู่ติดประตูเมืองเชียงใหม่ (น่าจะเรียกแบบนี้)
สามารถเดินไปตลาดประตูเมืองเชียงใหม่ และเดินไป-กลับไนท์บาซ่าได้

รถไฟออกจากท่า 18.00 ของวันที่ 27 ถึง 07.10 ของเช้าวันที่ 28 กันยา

อากาศร้อนเป็นปกติ เมฆหนา มองไปทางภูเขาจะเห็นหมอกลงนิดๆ

เปิดด้วยการไปเดิน ตลาดประตูเชียงใหม่ ช่วงเช้า ของขายเยอะมาก
ร้านอาหารเต็มตลาด คนเดินเยอะพอสมควร
ซื้อของเสร็จอะไรเสร็จ เดินต่อไปอีกนิด ก็ถึงสวนสาธารณะหนองบวกหาด
สวนสาธารณะไม่ใหญ่มาก คนมาออกกำลังกายช่วงเช้าเยอะพอสมควร
(ลักษณะสวนเก่าไปนิดหนึ่ง)
อมยิ้ม04
ตกบ่ายก็หนีร้อนเข้า เซ็นทรัลเฟสติวอลเชียงใหม่
ตอนแรกคิดว่าจะใหญ่กว่านี้ ไปถึงเล็กมาก เดินวนไป วนมาก็หมดห้างพอดี

หลบร้อนเสร็จช่วงบ่ายแก่ๆ ก็ไปต่อด้วย สวนสัตว์กลางคืน ไนท์ซาฟารี
สัตว์อาจจะไม่เยอะมาก แต่สามารถสัมผัสพวกสัตว์กินพืช และสามารถป้อนอาหารแบบส่งถึงปากได้
ถือว่าสนุกอยู่ไม่น้อย


นั่งรถชมสัตว์ช่วงกลางคืน (18.30 เป็น ต้นไป) ถือว่าดี มีความตื่นเต้น
การแสดงของสัตว์ที่ให้ชม ถือว่าสนุกพอสมควร (ส่วนตัวชอบการแสดงเสือกับสิงโต)

ก่อนกลับก็ปิดท้ายด้วยการแสดงโชว์ของคนใส่ชุดสัตว์ เต้น
(เหมือนเต้นยั่วมากกว่า) ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
สุดท้าย การแสดงน้ำพุเต้นระบำเห็นในระยะไกลมาก
(ขนาดอยู่หน้าสุด แต่ก็ไกลอยู่ดี)
การแสดงต่างๆ ใช้เวลาอย่างละประมาณ 10 นาที
ให้คะแนนความพอใจ 3.5/5 (หัวคะแนนตรงการแสดงจากทางสวนสัตว์ล้วนๆ)

ตกดึกไปต่อกันที่ ไนท์บาซ่า
ตลาดใหญ่มาก คนเดินเยอะมาก แต่ของขายซ้ำไป ซ้ำมา (ส่วนใหญ่เป็นของพื้นเมือง ขายนักท่องเที่ยว)
(ซื้อมา 3-4 อย่าง) ส่วนเรื่องของราคาก็แล้วแต่บุญที่ทำมา เพราะว่าในตลาด ของชิ้นเดียวกัน เหมือนกันทุกอย่าง
แต่ราคาอาจจะต่างกันเกือบเท่าตัว ซึ่งขึ้นอยู่ว่าจะทักร้านแพง หรือร้านถูก
อาหารขายเยอะพอสมควร แต่ไม่ได้ซื้อไรกินมาก เพราะว่ากินจากสวนสัตว์มาแล้ว
(ซื้อแต่ไอติมผัด สตอเบอร์วนิลา ท็อปปิ้งด้วยเงาะและสตอเบอร์ รสราติถือว่าผ่าน แต่ราคาแรงพอสมควร 140 บาท)

จบวันไปอย่างเหนื่อล้า กับเวลา 5 ทุ่มของวันที่ 28

เช้า 29 เวลา 5.30 ออกเดินทางจากที่พัก มุ่งหน้าสู่ ดอยสุเทพ (ด้วยรถประจำทาง)
แนะนำถ้าจะขึ้นดอยตอนเช้าตรูเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
ควรจะเหมารถจากในเมืองขึ้นไปบนดอยเลย เพราะว่าราคาเหมาจากในเมืองประมาณ 30-400 บาท (รอรับกลับ)
แต่ถ้าเป็นตีนดอย ราคาเหมาจะอยู่ที่ 800 บาท (รอรับกลับ)

แต่ จขกท พลาด เพราะว่าเจอป้ายบอกว่าราคาขึ้นดอยคนละ 40 บาท ที่ตีนดอย
แต่สุดท้าย 40 บาท จะต้องรอคนครบ 10 คนถึงออก
แต่ช่วงเช้ายังไงก็ไม่มีทางถึงแน่นอน จึงทำให้ต้องจ่ายในราคาที่สูงกว่าเหมารถจากในเมือง
(ขาขึ้นขาเดียวไม่กลับ ไปกัน 3 คน คนละ 150 บาท)

ระหว่างทางขึ้นดอยอากาศดีมาก มีหมอง มีความชื้น อากาศเย็นสบายๆ
แต่โชคดันไม่เข้าข้าง กลางทางฝนก็เทกระหน่ำ
(พอจะทราบว่าเป็นฤดูฝน แต่ก็แอบหวังว่าจะไม่เจอ สุดท้ายก็ไม่รอด)
ถึงฝนจะตก เราก็มิหวั่น ขึ้นชมดอยด้วยกระเช้าลอยฟ้า (ทำหน้าต่างไว้ให้ดูอุโมงรถ ไม่ได้ทำไว้เพื่อดูวิว ไม่เข้าใจเหมือนกัน)
ด้านบนดอยช่วงฝนตกเป็นอะไรดีที่งามมาก
ไม่ร้อน ไม่มีแดด ลมพัด หมองลง อากาศเย็นสบาย อะไรๆก็ไปซะทุกอย่าง
ติดอยู่อย่างเดียว ถ่ายรูปไม่สวย เพราะว่าแสงไม่มี ฟ้าไม่เปิด ถ่ายยอดดอยพร้อมกับฟ้าหม่นๆ (แต่ก็สวยไปอีกแบบ)
เดินเล่น กินลม ชมวิว ที่ดอยสุเทพเสร็จ ก็ตัดสินใจไปต่อที่พระตำหนักภูพิงค์
ด้วยการเดินเท้าอีก 4 กิโลขึ้นเข้า (คิดว่าไม่ไกล พึ่งรู้ตัวว่า 4 กิโลกับการขึ้นเข้าไม่ใช่เรื่องที่ดี)
เดินเท้าไปประมาณ 1 ชม จากดอยสุเทพ ขึ้นตำหนัก เส้นทางเสมือนเที่ยวชมธรรมชาติ สวยงาม
แต่เหนื่อยมาก (คิดผิดสุดๆ)

ขึ้นมาถึงตำหนักประมาณ 11 โมง ฟ้าก็ยังไม่เปิดดี มีละอองฝนตกปรอยๆ
นักท่องเที่ยวเริ่มหนาตาขึ้นกว่าตอนเช้าที่ดอยสุเทพ
ค่าเข้าชม 20 บาท (แต่ จขกท ใส่ขาสั้นไปเที่ยว จึงต้องซื้อ กางเกงขายาวใส่อีกตัวที่ราคา 100 บาท)
ด้านในสวยงามตามท้องเรื่อง ส่วนดอกไม้อยู่ทุกทาง (เน้นดอกกุหลาบเป็นพิเศษ)
ทางตำหนักบอกว่า ช่วงนี้ดอกไม้ยังไม่มีอะไรพิเศษเท่าไหร่ ต้องผ่านไปอีกสักพักสะสวยสะพรั้งกว่านี้
มาเที่ยวพระตำหนัก แต่จริงๆ แล้วเหมือนมาเที่ยวชมรอบๆตำหนัก เพราะว่าด้านในไม่เปิดให้นักท่องเที่ยว
ได้แค่เดินตรงทางเดิน และชมสวนดอกไม้เท่านั้น (แต่ก็ถือว่าคุ้มมาก มองลงไปในเมืองวิวสวยสุดยอดมากจริง)
ลงจากดอยก็ตอนบ่ายๆ ไปต่อที่สวนสัตว์เชียงใหม่
(ค่าเข้าประตู 290 บาท ต่อคน โดยชมสวน กับ Sea aquarium ถ้าอยากดูแพนด้าต้องเพิ่มอีกคนละ 100 บาท)

สวนสัตว์ใหญ่มาก ตอนแรกกะว่าจะเดินชม
แต่สภาพขาพังตั้งแต่ขึ้นดอย จึงต้องเสียค่านั่งรถชมอีก 30 บาทต่อคน
(ซึ่งประหยัดเวลาได้ดีพอสมควร) เลือกชมได้ตามจุดที่รถจอด
รถจอด 7 จุด ถ้าเลยแล้วย้อนกลับไม่ได้ ต้องเดินกลับไปชมอย่างเดียว
ความคุ้มค่าของการชมได้ 3.5 (หักคะแนนกรงเปล่า เพราะว่ากรงเปล่าเยอะมาก เสียเวลาหาสัตว์)

ตกเย็นก็ไปเดินนิมมาน หาข้าวและขนมกิน ตามประสาคู่รัก
ไปด้วยร้านไส้กรอกอีสารข้างทาง แต่คนซื้อเยอะมาก
ซื้อมาก็อร่อยถูกปากพอสมควร
ต่อด้วย โรตีกู ก็ใช้ได้ สั่งมาอย่างเดียวกิน 2 คน
ตบท้ายด้วยเค้ก Kantary (ไม่แน่ใจสะกดถูกไหม) เด้กช็อคโกแล็ตอร่อยดี
แต่ข้าวเหนียวมะม่วงเฉยๆ

สุดท้ายของวันก็ไปตลาดประตูเชียงใหม่ ซึ่งมีแต่ของกิน กินๆๆ อย่างเดียว
(ป่อเปี้ยะทอด ไส้อั่ว ขนมจีน น้ำปั่น)

สามทุ่งครึ่งก็เดินไปตลาดไนท์บาซ่า อีกมุมที่วันก่อนเดินไปไม่ถึง เดินเล่นวนไปมา
ก็ตบท้ายของวันด้วย The Best โรตี หน้าทางเข้าตลอด ทอดมาได้อร่อย หอมมาก

เข้านอนคืนสุดท้ายด้วยเวลา 12.00 น.

วันสุดท้ายแพลนแรกคืนจะไปดอยอิน แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง
(โดยเฉพาะค่ารถ เนื่องด้วยขับรถกันไม่เป็น จึงต้องตัดทิ้ง รอมาทริปหน้า พร้อมกับคนขับรถ)

จึงเช่ามอไซด์ขี่เที่ยวรอบๆเมืองเอา
ประเดิมด้วยอุทยานราชพฤกษ์ ขี่ไปประมาณ 20-30 นาทีจากตัวเมือง
แดดร้อน เผาแขนมาก ไปถึงแดดก็เผาจนไหม้
ค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ 100 บาท (ไม่แน่ใจ)
ด้านในส่วนก็ร้อน ความร่มรื่นอยู่ที่ระดับต่ำ ถ้าไม่พกร่มมาอาจจะละลายกลายเป็นไอได้
แต่จุดชมดอกไม้สวยน่าประทับในมาก สิ่งปลูกสร้างที่เป็นโซนสวนแบบต่างๆ ค่อนข้างเก่า และขาดการดูแล ต้นไม้หายไปเยอะพอสมควร
ถ้าจะไป อย่าเข้าช่วงเที่ยงเป็นอันขาด

เดินไปได้ 2 ชม ก็กลับเข้าตัวเมืองไปเดินตลาดวโรรส ซื้อของฝากญาติมิตรที่ กทม
ตลาดใหญ่มาก เดินวนไปมาๆ คนเยอะ ของก็เยอะ มีตั้งแต่ของกิน ยันของใช้
แต่สำคัญมาก เข้าทางไหน ต้องจำให้ดี ไม่งั้นต้องเดินหารถตอนขากลับแน่นอน ทางออกตลาดมีแทบทุกด้าน

ก่อนแพ็คของกลับก็แวะคาเฟ่ SS125 อะไรสักอย่างที่ถนนนิมมาน
สั่งขนมไป 1 จาก น้ำ 2 แก้ว
ขนมปังอบกินกับผลไม้สีเหลือง (มะม่วงสุก เสาวรส ถั่ว) เข้ากันได้ดีมาก อร่อยแท้
ส่วนน้ำ ที่ลองมี CHA-CO (ไม่แน่ใจสะกดถูกไหม) เป็นการรวมตัวของชาและโกโก้ แก้วนี้ผ่านมาก
อีกแก้วเป็น Choco Butter (น่าจะประมาณนี้) รสชาติ นุ่มๆ ไม่เด่นรสอะไรออกมาเลย วนๆไปหมด

หลังจากนั้น กลับที่พัก แพ็คของ กลับกทมด้วยรถไฟเหมือนเดิม ออกจากเชียงใหม่ 18.15 ถึง กทม 07.15
( 13 ชม พอดีเดะ)

สรุปค่าใช้จ่าย (ตัดเรื่องของการกินออก) สำหรับ 2 คน

ค่ารถไฟ ไปกลับ 2 คน: 3900 บาท (มีเศษแต่จำไม่ได้)
ค่าที่พัก: 500 ต่อคืน (ซื้อจากงานไทยเที่ยวไทย)
ค่ารถแดงสำหรับเที่ยว: 1800 บาท (โดยประมาณ ไปกลับ 2 คนจากเมืองไปไนท์ซาฟารี 400,
จากเมืองขึ้นดอยลงดอย 2 คน 700, ที่เหลือเป็นค่านั่งรถแดงเล่นในเมือง)
ค่าเช่ามอไซด์: 100 บาท กับน้ำมันครึ่งถัง (ค่ามัดจำ 3000บาท)

ปล. คราวหน้าไป จะไปเรียนขับรถก่อน ไม่ไหว เห็นค่าเดินทางแล้วรู้สึกไม่คุ้มเที่ยว
ปล. เข้ามาใส่รูปเท่าที่มีให้ชม รูปส่วนใหญ่อยู่ที่แฟนหมดเลย ขอโทษด้วยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่