… เริ่มจากซีรีย์ ปล่อยโฮน้ำตาท่วมจอ แล้วอินต่อกับเพลงประกอบ ลามไปถึงหมูเกาหลีชีสๆ
อยากรู้นักแฟชั่นเกาๆ แล้วเราก็มาเริ่มทริปกัน @South Korea, 2015 & 2016.
เป็นการเดินทางไปเกาหลีใต้ครั้งแรกในปี 2015 เป็นทริปสั้นๆ ประมาณ 5 วัน ( 1 – 5 เม.ย.) เที่ยวกันเอง หลงไปบ้าง ออกนอกเส้นทางบ้าง ชอป กิน เที่ยวในกรุงโซล แล้วนั่งรถไฟไปดูดอกพ็อตโกต (ดอกซากุระ) ที่จินเฮ เป็นแบบ One day trip ต่อมาไม่รู้ด้วยอิทธิพลของโอปป้าจุงกิ ที่ตอนปี 2016 กำลังเป็นโอปป้ามหาชนจากซีรีย์เรื่องดัง Descendants of the Sun หรืออย่างไร กระแสเกาหลีบุกอย่างต่อเนื่อง จนเป็นเหตุให้ต้องมีซ้ำสอง และแน่นอนว่าครั้งที่สองย่อมต้องไม่ใช่นักท่องเที่ยวสมัครเล่นอีกต่อไป ครั้งนี้เราจึงจัดเต็มไปทั้งหมด 11 วัน (21 เม.ย. – 1 พ.ค.) จากโซล – เจจู – ปูซาน – เคียงจู
เนื่องจากไปมาได้ 2 ปีแล้ว ข้อมูลบางอย่างเลยเลือนหายไปบ้าง บล็อคนี้เลยจะขอเป็นแนวเล่าข่าวเช้าจากภาพแล้วกันนะคะ อ่านเพลินๆ เหมือนเราไปเอง จะไม่ขอเรียงลำดับเวลา แต่จะเอาสถานที่หรือเรื่องเด่นๆที่น่าสนใจมาให้ชมและอ่านกัน เป็นหัวข้อๆไปนะคะ ในส่วนของตอนนี้จะขอเรียกว่าเป็นการเตรียมความพร้อม ปรับพื้นฐานก่อนเข้าสู่จุดหมายปลายทาง Top Hit ของเหล่าสาวกซีรีย์ นักร้อง ดารา อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ณ ประเทศเกาหลีใต้ แห่งนี้นี่เอง
จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมอย่างไรดี?
จองตั๋วเครื่องบิน ส่วนใหญ่อันดับแรก เราจะเช็คจาก Skyscanner ก่อนเพื่อเช็คราคาและจองตั๋ว โดยที่เราชอบเกี่ยวกับ Skyscanner มากๆคือการที่เราสามารถดูราคาตั๋วแบบทั้งเดือนได้คร่าวๆ ทำให้เราสามารถเลือกได้ว่า ไปช่วงไหนถึงจะได้ตั๋วถูก โดยให้เลือกดูแบบทั้งเดือน และยังเลือกได้ว่าจะดูเฉพาะเที่ยวบินตรงหรือแบบที่ต้องต่อเครื่องค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถจองห้องพักและเช่ารถได้อีกด้วย
นอกจากจะดูจาก Skyscanner แล้ว ยังสามารถตรวจสอบสอบโปรโมชั่นต่างๆได้จากเว็บสายการบินหรือจากเพจดังๆในเฟสบุคที่มักจะมาบอกข่าวโปรโมชั่นกันให้ใจสั่นกันได้ทุกวัน
ตอนที่เราไปทั้ง 2 ครั้ง ขอบอกว่าเวลาเตรียมตัวไม่ถึงเดือน พอกระแสมาปุ๊ป ความคิดเรื่องเสียเงินมาปั๊ป ทุกท่านคงจะทราบดีว่ายิ่งใกล้วันเดินทาง ค่าตั๋วก็จะยิ่งแพง และตัวเองก็เป็นพวกชอบเจ็บทีเดียว คือ ชอบบินตรง จะปวดเมื่อยตัวแต่ขอไปทีเดียวตรงๆพอ ซึ่งสายการบินที่พอจะไปได้ก็ต้องเป็นสายการบิน Low Cost ซึ่งที่ได้ลองใช้บริการ คือ Jeju Air กับ Air Asia X นั่นเอง โดยส่วนตัวรู้สึกว่า Air Asia X จะค่อยข้างกว้างกว่าหน่อย แต่โดยรวมก็คือถือว่าโอเคสำหรับราคาและความคุ้มค่า ผ่านค่ะ!
ส่วนเรื่องโรงแรมเราก็จะดูตามเวบไซต์จองทั่วๆไปค่ะ แต่สิ่งที่เน้นคือโลเคชั่นต้องเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า เดี๋ยวจะมารีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับที่พักกันอีกทีค่ะ
VISA เกาหลี: ด่านวัดใจ ใบดำหรือใบแดง?
ใครไปเกาหลีใต้ก็คงหนีไม่พ้น ความกังวล ความร้อนรุ่ม ความตื่นเต้น เมื่อก้าวแรกที่เราได้เหยียบแผ่นดินเกาหลีใต้ เราต่างถูกต้อนเข้าสู่คอกยาวที่ทอดตัววนขดไปมาจนถึงจุดตัดสินเบื้องหน้า ระหว่างที่รอ ก็จะเห็นทั้งคนที่โชคดีได้ไปต่อ และคนที่โชคน้อยหน่อย ต้องเข้าห้องดำเพื่อเตรียมตัวว่าจะถูกคัดออกหรือไม่ โดยประสบการณ์ส่วนตัว ที่ไปมาทั้ง 2 ครั้ง อาจจะถือว่าเป็นผู้โชคดีก็ได้ เพราะผ่านทั้งสองครั้ง และเท่าที่จำได้ ก็ไม่ได้ต้องโชว์เอกสารมากมายเลย ทางเจ้าหน้าที่แค่สอบถามคำถามพื้นฐานทั่วไป มาทำอะไร มากี่วัน ซึ่งก็ควรจะต้องสามารถสื่อสารและโต้ตอบได้บ้าง และครั้งที่สองก็แทบจะไม่ถูกถามเลย ก็ผ่านเข้ารอบไปได้อย่างไม่ยากเย็น
ถ้าจะให้วิเคราะห์ว่าทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีจะดูจากอะไร เท่าที่ไปมาสองรอบก็คิดว่าหนึ่งเลยที่เป็นจุดแรกนั่นก็คือ First Impression หรือการแต่งกายของเรานั่นเอง ลักษณะภายนอกโดยรวม ที่จะดูว่าลักษณะแบบนี้น่าจะมาเที่ยวหรือจะแอบเข้ามาทำงาน มาเป็นโรบินฮู้ดอย่างที่เขาว่ากันรึเปล่า โดยที่เราก็แต่งตัวพร้อมมากเพื่อรับสภาพอากาศหนาวที่ไปเวลาไล่เลี่ยกันทั้งสองปี เราใส่เสื้อกันหนาว เดรส/กางเกง รองเท้าผ้าใบ/รองเท้าบูทหุ้มข้อ เพราะช่วงที่เราไปเพิ่งเข้าฤดูใบไม้ผลิได้ไม่นานอากาศก็ยังเย็นอยู่ แต่จำได้ว่าตอนที่ไปครั้งแรก แอบเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า คิดว่าเป็นคนไทยแต่ใส่ชุดกระโปรงสั้น ผ้าบางหน่อย ดูไม่ค่อยจะกันหนาวได้สักเท่าไหร่ และที่สำคัญลากรองเท้าแตะมา ผ่าง! ตอนนั้นงงมาก นางไม่กลัวหนาวเลยเหรอ พอถึงคิวนาง ตม. เรียกเข้าไปเช็คพาสปอร์ต คุยกันอยู่นาน เหมือนนางจะตอบไม่ค่อยได้ จุดจบไม่ต้องบอกเลยว่าได้ไปที่ไหน เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ก็เรียกเจ้าหน้าที่อีกคน กำลังเดินมาจากทางห้องดำ พาเดินเข้าห้องไปสู่รอบตัดเชือก โดยที่เราก็ไม่รู้ชะตากรรมว่านางจะได้ไปต่อหรือได้กลับบ้านกันแน่ เพราะฉะนั้นเราจึงคิดว่า First Impression สำคัญที่สุด เพราะต้องบอกว่าเจ้าหน้าที่ตม.ส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่เกาหลีใต้ ไม่ว่าเป็นอเมริกา ประเทศแถบยุโรป ประเทศไทย หรือประเทศไหนๆที่ต้องคัดกรองคนเป็นพิเศษ ขอบอกว่ามีริว จิตสัมผัสเป็นไอดอลทุกคน สัญชาตญาณของเจ้าหน้าที่ตม. มีคลื่นความถี่ในระดับที่คนทั่วไปอาจจะไม่สามารถเห็นได้ เหมือนที่เราชอบบอกว่าถ้าตำรวจไทยจะจับหรือหาใครจริงๆ ก็ทำได้ (แต่แค่ว่าจะทำไหมมม…นั่นแหละฮ่ะ ท่านผู้ชม)
สุดท้ายอาจจะมีคำถามว่า แล้วถ้าเราไม่ค่อยไปไหนมาเลย พาสปอร์ตขาวจั๊วะเหมือนใช้โอโม่ ก็ไม่ต้องกลัวไปนะคะ เพราะอย่างที่บอก First Impression เป็นสิ่งที่สำคัญในความคิดเรา โดยประสบการณ์ส่วนตัวไม่เคยเจอ เพราะพาสปอร์ตก็มีไปไหนมาบ้าง แต่ตอนที่ไปทั้ง 2 ครั้ง เราเปลี่ยนพาสปอร์ตเล่มใหม่พอดี มีไปนิดหน่อย เป็นประเทศในแถบเอเชียทั้งนั้น ก็สามารถผ่านมาได้ หรือจากที่เพื่อนเพิ่งไปมาปีนี้ ปี 2017 เพื่อนของเพื่อนพาสปอร์ตใหม่กิ๊ก แกะกล่อง สะอาดขาวทุกหน้า ก็สามารถพาตัวเองเข้าสู่กรุงโซลได้อย่างสบายๆ ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็อยากให้ทุกคนที่ตั้งใจมาท่องเที่ยวทำใจให้สบาย แต่งกายให้ถูกกาละเทศะ เตรียมเอกสารให้พร้อม ถ้าคิดว่าจำเป็น และถ้าสื่อสารได้ก็ยิ่งดีค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ แล้วเราจะลั้นลาไปด้วยกัน 🙂
เนตไหน…ไฟแรงเฟร่อออ
ยุคนี้ สมัยนี้ การไม่มีอินเตอร์เนตเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับมนุษย์สมัยใหม่ ไม่ว่าจะเกิด Gen X Y หรือ Z อาการไร้อินเตอร์เนตมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคอื่นๆตามาได้มากมาย เช่น โรคชักลงแดง เนื่องจากขาดโซเชียล โรคความจำเสื่อม เพราะไม่สามารถหาข้อมูลได้จากอากู๋ หาร้านอาหารฮิตๆไม่ได้ หาโน้นนี่อีกหลายอย่าง หรือโรคขาดที่พึ่งทางใจ เพราะไม่สามารถได้รับ Like Love Laugh จากรูปที่เราไปเที่ยวมานี่เอง แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป แน่นอนว่าอินเตอร์เนตกลายมาเป็นปัจจัยที่ห้า หรือ อาจจะเข้า Top 4 สำหรับบางคน ดังนั้น เลยจะมาแนะนำอินเตอร์เนตทางเลือกให้กับผู้ที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวกันค่ะ
แบบที่ 1: Simไทย ซื้อง่าย เครื่องใครเครื่องมัน ใส่แทนซิมเดิม ราคาดี ถึงเกาหลีปุ๊ปก็ใช้ได้เลย เท่าที่ทราบ ณ ตอนนี้มี 2 ค่าย ที่ให้บริการไนเกาหลีใต้คือ Sim2Fly ของ AIS และ ซิมท่องโลก ของ True
แบบที่ 2: Pocket Wifi ไปเที่ยวหลายคน คุ้มแน่นอน จะเช่าจากเมืองไทยก็สะดวกดี หรือไปเช่าที่เกาหลีก็ได้ แล้วแต่ความชอบและราคาที่พึงพอใจของแต่ละคนในการหาเลยค่ะ อันนี้ส่วนตัวตอนไปที่ครั้งแรก ไปเช่าที่เกาหลีใต้ โดยมีให้เช่าทุกค่ายใหญ่ๆจากที่สนามบินอินชอนเลยค่ะ ตอนนั้นเลือกของ LG U+ สีม่วง พอเดินออกมาจากด่านวัดใจ ก็เจอตั้งอยู่ตรงทางออก ม่วงเด่นเป็นสง่าเลยทีเดียว สัญญาณก็โอเคนะคะ ถือว่าพอใช้ได้ค่ะ
แบบที่ 3: เปิด Roaming จ้า อันนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความคุ้มไม่คุ้ม เอาที่สบายใจเลยจ๊ะ ดีอย่างเดียวคือสะดวก เพราะไม่ต้องเปลี่ยนซิม ไม่ต้องเช่า Pocket Wifi คือ เอามือถือเราแบบเป็นๆไปใช้ได้เลย แต่ราคาที่มากับความสะดวกก็มีราคาที่ต้องเสียไป ขึ้นอยู่กับแต่ละค่าย และโปรโมชั่นในช่วงนั้นๆค่ะ
แลกเงิน…พลิกชีวิต
แลกเงินนี่ก็เป็นเรื่องที่จะลืมไม่ได้เลย ช่วงที่จะไป เงินวอนขึ้นลงคอยเช็คทุกวัน ร้านที่ซื้อประจำ คือ Superrich สีเขียว แต่อาจจะมีสีอื่นหรือแบรนด์อื่นที่เพื่อนๆ ถนัดใช้กัน อันนี้ไม่ได้ค่าโฆษณา ใครใคร่จะใช้แบรนด์ใดก็ใช้ไปเถิด แต่เราชอบใช้แบรนด์นี้ เพราะว่าเรตดี เป็นร้านเก่าแก่ สมัยพ่อแม่ก็ว่าได้ แต่ตอนนี้มีสาขามากมาย แถมแลกด้วยเรตที่เท่ากันกับสาขาใหญ่ที่ราชดำริเลย ไปห้างบ่อยๆ เลยสะดวกมากเพราะไปแลกที่ห้างได้เลย
ทีนี้แลกตอนไหนดี บางคนนี่ลุ้นยิ่งกว่าหวยออก ก็เอาเป็นว่าใครใคร่จะซื้อราคาไหนที่สบายใจก็ซื้อกันไปเถอะ แต่ถ้าจะเอาให้สบายหน่อย ก็เข้าไปดู www.superrichthailand.com แล้วกดตรง อัตราแลกเปลี่ยน => อัตราแลกเปลี่ยนย้อนหลัง จะมีกราฟโชว์ให้ย้อนหลังเป็นเดือนๆให้ดู แล้วก็ดูเทรนว่าช่วงนี้มันขึ้นหรือลง เรตเดือนที่แล้วเป็นยังไง ถ้าคิดว่าจะรอ ก็รอ แต่ถ้าคิดว่าซื้อเลยดีกว่าปิดความเสี่ยงอันนี้ก็ตามความสบายใจเลยจ้า ไปเที่ยวเอาตังไปใช้ให้เงินหมุนไป มีคนบอกว่ามีเงินออก ก็ต้องมีเงินเข้า คิดบวกๆ
สารพัดสิ่ง…จัดใส่กระเป๋าเดินทาง
สำหรับคนที่ต้องการดำเนินรอยตามแฟชั่นสายเกา ก็แนะนำว่าไม่ต้องเอาเสื้อผ้าไปเยอะ เอาโค้ดไปสักตัวถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว รองเท้าผ้าใบคู่ใจสักคู่ เพราะคิดว่าทันทีที่เข้าไปในย่านเมียงดง ฮงแด อีแด ทงแดมุน อับกุจอง หรือร้านชอปทั้งหลาย คุณจะสามารถละลายทรัพย์ได้ทันที และยังสามารถตามเทรนเกาหลีแบบวันต่อวันกันได้ทีเดียว เรียกว่า blend in ไปกับคนที่โน้นได้เลย เครื่องสำอางค์ก็ไม่ต้องแบกไปมากมาย เพราะคิดว่าก็คงไม่พลาดเช่นกัน ส่วนปลั๊กจะถามว่าต้องใช้กี่ขา แนะว่าใช้ Universal Adapter ตัวเดียวครบจบ แยกย้ายค่ะ!
หมดแล้วกับภาคเตรียมความพร้อม ถ้าตกหล่น หรืออยากเสริม สงสัยตรงไหน คอมเมนท์มาได้เลยคะ จะดีใจเป็นอย่างยิ่งที่มีคนอ่านจนจบมาถึงตรงนี้ บล็อคหน้าจะมารีวิว บอกเล่าเก้าล้าน ถึงสถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน และที่พักเป็นลำดับต่อไป สำหรับวันนี้ สวัสดี ราตรีสวัสดิ์ ขอบคุณค่ะ ^.^
เกาหลีใต้ 2 ปี ดี 2 หน: ภาคเตรียมความพร้อม
อยากรู้นักแฟชั่นเกาๆ แล้วเราก็มาเริ่มทริปกัน @South Korea, 2015 & 2016.
เป็นการเดินทางไปเกาหลีใต้ครั้งแรกในปี 2015 เป็นทริปสั้นๆ ประมาณ 5 วัน ( 1 – 5 เม.ย.) เที่ยวกันเอง หลงไปบ้าง ออกนอกเส้นทางบ้าง ชอป กิน เที่ยวในกรุงโซล แล้วนั่งรถไฟไปดูดอกพ็อตโกต (ดอกซากุระ) ที่จินเฮ เป็นแบบ One day trip ต่อมาไม่รู้ด้วยอิทธิพลของโอปป้าจุงกิ ที่ตอนปี 2016 กำลังเป็นโอปป้ามหาชนจากซีรีย์เรื่องดัง Descendants of the Sun หรืออย่างไร กระแสเกาหลีบุกอย่างต่อเนื่อง จนเป็นเหตุให้ต้องมีซ้ำสอง และแน่นอนว่าครั้งที่สองย่อมต้องไม่ใช่นักท่องเที่ยวสมัครเล่นอีกต่อไป ครั้งนี้เราจึงจัดเต็มไปทั้งหมด 11 วัน (21 เม.ย. – 1 พ.ค.) จากโซล – เจจู – ปูซาน – เคียงจู
เนื่องจากไปมาได้ 2 ปีแล้ว ข้อมูลบางอย่างเลยเลือนหายไปบ้าง บล็อคนี้เลยจะขอเป็นแนวเล่าข่าวเช้าจากภาพแล้วกันนะคะ อ่านเพลินๆ เหมือนเราไปเอง จะไม่ขอเรียงลำดับเวลา แต่จะเอาสถานที่หรือเรื่องเด่นๆที่น่าสนใจมาให้ชมและอ่านกัน เป็นหัวข้อๆไปนะคะ ในส่วนของตอนนี้จะขอเรียกว่าเป็นการเตรียมความพร้อม ปรับพื้นฐานก่อนเข้าสู่จุดหมายปลายทาง Top Hit ของเหล่าสาวกซีรีย์ นักร้อง ดารา อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ณ ประเทศเกาหลีใต้ แห่งนี้นี่เอง
จองตั๋วเครื่องบิน ส่วนใหญ่อันดับแรก เราจะเช็คจาก Skyscanner ก่อนเพื่อเช็คราคาและจองตั๋ว โดยที่เราชอบเกี่ยวกับ Skyscanner มากๆคือการที่เราสามารถดูราคาตั๋วแบบทั้งเดือนได้คร่าวๆ ทำให้เราสามารถเลือกได้ว่า ไปช่วงไหนถึงจะได้ตั๋วถูก โดยให้เลือกดูแบบทั้งเดือน และยังเลือกได้ว่าจะดูเฉพาะเที่ยวบินตรงหรือแบบที่ต้องต่อเครื่องค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถจองห้องพักและเช่ารถได้อีกด้วย
นอกจากจะดูจาก Skyscanner แล้ว ยังสามารถตรวจสอบสอบโปรโมชั่นต่างๆได้จากเว็บสายการบินหรือจากเพจดังๆในเฟสบุคที่มักจะมาบอกข่าวโปรโมชั่นกันให้ใจสั่นกันได้ทุกวัน
ตอนที่เราไปทั้ง 2 ครั้ง ขอบอกว่าเวลาเตรียมตัวไม่ถึงเดือน พอกระแสมาปุ๊ป ความคิดเรื่องเสียเงินมาปั๊ป ทุกท่านคงจะทราบดีว่ายิ่งใกล้วันเดินทาง ค่าตั๋วก็จะยิ่งแพง และตัวเองก็เป็นพวกชอบเจ็บทีเดียว คือ ชอบบินตรง จะปวดเมื่อยตัวแต่ขอไปทีเดียวตรงๆพอ ซึ่งสายการบินที่พอจะไปได้ก็ต้องเป็นสายการบิน Low Cost ซึ่งที่ได้ลองใช้บริการ คือ Jeju Air กับ Air Asia X นั่นเอง โดยส่วนตัวรู้สึกว่า Air Asia X จะค่อยข้างกว้างกว่าหน่อย แต่โดยรวมก็คือถือว่าโอเคสำหรับราคาและความคุ้มค่า ผ่านค่ะ!
ส่วนเรื่องโรงแรมเราก็จะดูตามเวบไซต์จองทั่วๆไปค่ะ แต่สิ่งที่เน้นคือโลเคชั่นต้องเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า เดี๋ยวจะมารีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับที่พักกันอีกทีค่ะ
ใครไปเกาหลีใต้ก็คงหนีไม่พ้น ความกังวล ความร้อนรุ่ม ความตื่นเต้น เมื่อก้าวแรกที่เราได้เหยียบแผ่นดินเกาหลีใต้ เราต่างถูกต้อนเข้าสู่คอกยาวที่ทอดตัววนขดไปมาจนถึงจุดตัดสินเบื้องหน้า ระหว่างที่รอ ก็จะเห็นทั้งคนที่โชคดีได้ไปต่อ และคนที่โชคน้อยหน่อย ต้องเข้าห้องดำเพื่อเตรียมตัวว่าจะถูกคัดออกหรือไม่ โดยประสบการณ์ส่วนตัว ที่ไปมาทั้ง 2 ครั้ง อาจจะถือว่าเป็นผู้โชคดีก็ได้ เพราะผ่านทั้งสองครั้ง และเท่าที่จำได้ ก็ไม่ได้ต้องโชว์เอกสารมากมายเลย ทางเจ้าหน้าที่แค่สอบถามคำถามพื้นฐานทั่วไป มาทำอะไร มากี่วัน ซึ่งก็ควรจะต้องสามารถสื่อสารและโต้ตอบได้บ้าง และครั้งที่สองก็แทบจะไม่ถูกถามเลย ก็ผ่านเข้ารอบไปได้อย่างไม่ยากเย็น
ถ้าจะให้วิเคราะห์ว่าทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีจะดูจากอะไร เท่าที่ไปมาสองรอบก็คิดว่าหนึ่งเลยที่เป็นจุดแรกนั่นก็คือ First Impression หรือการแต่งกายของเรานั่นเอง ลักษณะภายนอกโดยรวม ที่จะดูว่าลักษณะแบบนี้น่าจะมาเที่ยวหรือจะแอบเข้ามาทำงาน มาเป็นโรบินฮู้ดอย่างที่เขาว่ากันรึเปล่า โดยที่เราก็แต่งตัวพร้อมมากเพื่อรับสภาพอากาศหนาวที่ไปเวลาไล่เลี่ยกันทั้งสองปี เราใส่เสื้อกันหนาว เดรส/กางเกง รองเท้าผ้าใบ/รองเท้าบูทหุ้มข้อ เพราะช่วงที่เราไปเพิ่งเข้าฤดูใบไม้ผลิได้ไม่นานอากาศก็ยังเย็นอยู่ แต่จำได้ว่าตอนที่ไปครั้งแรก แอบเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า คิดว่าเป็นคนไทยแต่ใส่ชุดกระโปรงสั้น ผ้าบางหน่อย ดูไม่ค่อยจะกันหนาวได้สักเท่าไหร่ และที่สำคัญลากรองเท้าแตะมา ผ่าง! ตอนนั้นงงมาก นางไม่กลัวหนาวเลยเหรอ พอถึงคิวนาง ตม. เรียกเข้าไปเช็คพาสปอร์ต คุยกันอยู่นาน เหมือนนางจะตอบไม่ค่อยได้ จุดจบไม่ต้องบอกเลยว่าได้ไปที่ไหน เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ก็เรียกเจ้าหน้าที่อีกคน กำลังเดินมาจากทางห้องดำ พาเดินเข้าห้องไปสู่รอบตัดเชือก โดยที่เราก็ไม่รู้ชะตากรรมว่านางจะได้ไปต่อหรือได้กลับบ้านกันแน่ เพราะฉะนั้นเราจึงคิดว่า First Impression สำคัญที่สุด เพราะต้องบอกว่าเจ้าหน้าที่ตม.ส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่เกาหลีใต้ ไม่ว่าเป็นอเมริกา ประเทศแถบยุโรป ประเทศไทย หรือประเทศไหนๆที่ต้องคัดกรองคนเป็นพิเศษ ขอบอกว่ามีริว จิตสัมผัสเป็นไอดอลทุกคน สัญชาตญาณของเจ้าหน้าที่ตม. มีคลื่นความถี่ในระดับที่คนทั่วไปอาจจะไม่สามารถเห็นได้ เหมือนที่เราชอบบอกว่าถ้าตำรวจไทยจะจับหรือหาใครจริงๆ ก็ทำได้ (แต่แค่ว่าจะทำไหมมม…นั่นแหละฮ่ะ ท่านผู้ชม)
สุดท้ายอาจจะมีคำถามว่า แล้วถ้าเราไม่ค่อยไปไหนมาเลย พาสปอร์ตขาวจั๊วะเหมือนใช้โอโม่ ก็ไม่ต้องกลัวไปนะคะ เพราะอย่างที่บอก First Impression เป็นสิ่งที่สำคัญในความคิดเรา โดยประสบการณ์ส่วนตัวไม่เคยเจอ เพราะพาสปอร์ตก็มีไปไหนมาบ้าง แต่ตอนที่ไปทั้ง 2 ครั้ง เราเปลี่ยนพาสปอร์ตเล่มใหม่พอดี มีไปนิดหน่อย เป็นประเทศในแถบเอเชียทั้งนั้น ก็สามารถผ่านมาได้ หรือจากที่เพื่อนเพิ่งไปมาปีนี้ ปี 2017 เพื่อนของเพื่อนพาสปอร์ตใหม่กิ๊ก แกะกล่อง สะอาดขาวทุกหน้า ก็สามารถพาตัวเองเข้าสู่กรุงโซลได้อย่างสบายๆ ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็อยากให้ทุกคนที่ตั้งใจมาท่องเที่ยวทำใจให้สบาย แต่งกายให้ถูกกาละเทศะ เตรียมเอกสารให้พร้อม ถ้าคิดว่าจำเป็น และถ้าสื่อสารได้ก็ยิ่งดีค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ แล้วเราจะลั้นลาไปด้วยกัน 🙂
ยุคนี้ สมัยนี้ การไม่มีอินเตอร์เนตเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับมนุษย์สมัยใหม่ ไม่ว่าจะเกิด Gen X Y หรือ Z อาการไร้อินเตอร์เนตมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคอื่นๆตามาได้มากมาย เช่น โรคชักลงแดง เนื่องจากขาดโซเชียล โรคความจำเสื่อม เพราะไม่สามารถหาข้อมูลได้จากอากู๋ หาร้านอาหารฮิตๆไม่ได้ หาโน้นนี่อีกหลายอย่าง หรือโรคขาดที่พึ่งทางใจ เพราะไม่สามารถได้รับ Like Love Laugh จากรูปที่เราไปเที่ยวมานี่เอง แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป แน่นอนว่าอินเตอร์เนตกลายมาเป็นปัจจัยที่ห้า หรือ อาจจะเข้า Top 4 สำหรับบางคน ดังนั้น เลยจะมาแนะนำอินเตอร์เนตทางเลือกให้กับผู้ที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวกันค่ะ
แบบที่ 1: Simไทย ซื้อง่าย เครื่องใครเครื่องมัน ใส่แทนซิมเดิม ราคาดี ถึงเกาหลีปุ๊ปก็ใช้ได้เลย เท่าที่ทราบ ณ ตอนนี้มี 2 ค่าย ที่ให้บริการไนเกาหลีใต้คือ Sim2Fly ของ AIS และ ซิมท่องโลก ของ True
แบบที่ 2: Pocket Wifi ไปเที่ยวหลายคน คุ้มแน่นอน จะเช่าจากเมืองไทยก็สะดวกดี หรือไปเช่าที่เกาหลีก็ได้ แล้วแต่ความชอบและราคาที่พึงพอใจของแต่ละคนในการหาเลยค่ะ อันนี้ส่วนตัวตอนไปที่ครั้งแรก ไปเช่าที่เกาหลีใต้ โดยมีให้เช่าทุกค่ายใหญ่ๆจากที่สนามบินอินชอนเลยค่ะ ตอนนั้นเลือกของ LG U+ สีม่วง พอเดินออกมาจากด่านวัดใจ ก็เจอตั้งอยู่ตรงทางออก ม่วงเด่นเป็นสง่าเลยทีเดียว สัญญาณก็โอเคนะคะ ถือว่าพอใช้ได้ค่ะ
แบบที่ 3: เปิด Roaming จ้า อันนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความคุ้มไม่คุ้ม เอาที่สบายใจเลยจ๊ะ ดีอย่างเดียวคือสะดวก เพราะไม่ต้องเปลี่ยนซิม ไม่ต้องเช่า Pocket Wifi คือ เอามือถือเราแบบเป็นๆไปใช้ได้เลย แต่ราคาที่มากับความสะดวกก็มีราคาที่ต้องเสียไป ขึ้นอยู่กับแต่ละค่าย และโปรโมชั่นในช่วงนั้นๆค่ะ
แลกเงินนี่ก็เป็นเรื่องที่จะลืมไม่ได้เลย ช่วงที่จะไป เงินวอนขึ้นลงคอยเช็คทุกวัน ร้านที่ซื้อประจำ คือ Superrich สีเขียว แต่อาจจะมีสีอื่นหรือแบรนด์อื่นที่เพื่อนๆ ถนัดใช้กัน อันนี้ไม่ได้ค่าโฆษณา ใครใคร่จะใช้แบรนด์ใดก็ใช้ไปเถิด แต่เราชอบใช้แบรนด์นี้ เพราะว่าเรตดี เป็นร้านเก่าแก่ สมัยพ่อแม่ก็ว่าได้ แต่ตอนนี้มีสาขามากมาย แถมแลกด้วยเรตที่เท่ากันกับสาขาใหญ่ที่ราชดำริเลย ไปห้างบ่อยๆ เลยสะดวกมากเพราะไปแลกที่ห้างได้เลย
ทีนี้แลกตอนไหนดี บางคนนี่ลุ้นยิ่งกว่าหวยออก ก็เอาเป็นว่าใครใคร่จะซื้อราคาไหนที่สบายใจก็ซื้อกันไปเถอะ แต่ถ้าจะเอาให้สบายหน่อย ก็เข้าไปดู www.superrichthailand.com แล้วกดตรง อัตราแลกเปลี่ยน => อัตราแลกเปลี่ยนย้อนหลัง จะมีกราฟโชว์ให้ย้อนหลังเป็นเดือนๆให้ดู แล้วก็ดูเทรนว่าช่วงนี้มันขึ้นหรือลง เรตเดือนที่แล้วเป็นยังไง ถ้าคิดว่าจะรอ ก็รอ แต่ถ้าคิดว่าซื้อเลยดีกว่าปิดความเสี่ยงอันนี้ก็ตามความสบายใจเลยจ้า ไปเที่ยวเอาตังไปใช้ให้เงินหมุนไป มีคนบอกว่ามีเงินออก ก็ต้องมีเงินเข้า คิดบวกๆ
สำหรับคนที่ต้องการดำเนินรอยตามแฟชั่นสายเกา ก็แนะนำว่าไม่ต้องเอาเสื้อผ้าไปเยอะ เอาโค้ดไปสักตัวถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว รองเท้าผ้าใบคู่ใจสักคู่ เพราะคิดว่าทันทีที่เข้าไปในย่านเมียงดง ฮงแด อีแด ทงแดมุน อับกุจอง หรือร้านชอปทั้งหลาย คุณจะสามารถละลายทรัพย์ได้ทันที และยังสามารถตามเทรนเกาหลีแบบวันต่อวันกันได้ทีเดียว เรียกว่า blend in ไปกับคนที่โน้นได้เลย เครื่องสำอางค์ก็ไม่ต้องแบกไปมากมาย เพราะคิดว่าก็คงไม่พลาดเช่นกัน ส่วนปลั๊กจะถามว่าต้องใช้กี่ขา แนะว่าใช้ Universal Adapter ตัวเดียวครบจบ แยกย้ายค่ะ!
หมดแล้วกับภาคเตรียมความพร้อม ถ้าตกหล่น หรืออยากเสริม สงสัยตรงไหน คอมเมนท์มาได้เลยคะ จะดีใจเป็นอย่างยิ่งที่มีคนอ่านจนจบมาถึงตรงนี้ บล็อคหน้าจะมารีวิว บอกเล่าเก้าล้าน ถึงสถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน และที่พักเป็นลำดับต่อไป สำหรับวันนี้ สวัสดี ราตรีสวัสดิ์ ขอบคุณค่ะ ^.^