Pennhurst State School and Hospital โรงพยาลจิตเวชที่เฮี้ยนที่สุดในสหรัฐอเมริกา



เรื่องจาก FB page: Demonology - ปีศาจวิทยา
https://www.facebook.com/demonologydemonologist/posts/499347803783148

ภาพจาก: http://www.pinterest.com




Pennhurst State School and Hospital เป็นทั้งโรงเรียนและโรงพยาบาลประจำรัฐ ตั้งอยู่ที่ Spring City รัฐ Pennsylvania เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ.1908 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นสถานที่รับเลี้ยงและให้การศึกษาสำหรับเด็กที่มีอาการทางจิตเวช และยังใช้เป็นสถานที่ในการรักษาพยาบาลทหารที่ได้รับบาดเจ็บในช่วงสงครามกลางเมืองอีกด้วย โรงพยาบาลแห่งนี้ปิดตัวลงอย่างถาวรเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ.1987 ว่ากันว่าโรงพยาบาลดังกล่าวเป็นนรกสำหรับผู้ป่วยจิตเวชโดยแท้จริง

.

ย้อนกลับไปในช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์มีนามว่า บิล บาลดินี (Bill Baldini) ทำรายงานพิเศษที่มีความยาวห้าตอนเกี่ยวกับ Pennhurst State School and Hospital เพื่อออกอากาศทางช่อง TV10 (ปัจจุบันเป็นเครือข่ายของโทรทัศน์ NBC) รายงานพิเศษที่ออกอากาศในตอนนั้น มันทำให้ภาพลักษณ์ของสถานพยาบาลแห่งนี้เต็มไปด้วยภาพของการรักษาคนไข้อย่างพิสดารและล่วงละเมิดความเป็นมนุษย์อย่างน่ากลัว แม้ว่าในตอนนั้นภาพโทรทัศน์เป็นสีขาวดำ ก็ยังไม่สามารถลดความน่าสยองปนสังเวชจากภาพผู้ป่วยที่มือและเท้าอันมีเพียงหนังหุ้มกระดูกที่ถูกรัดติดอยู่กับเตียงขนาดใหญ่ บางคนนั่งโยกตัวไปมาอย่างไม่รู้สึกตัวเนื่องจากสมองไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ บ้างก็นอนงอก่องอขิง คุดคู้อยู่บนเตียงแน่นิ่ง บางร่างบิดเร่า และอีกมากที่มีสภาพพิกลพิการ ซึ่งทั้งหมดของผู้ป่วยที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ ต่างก็มีความพิการทางกายหรือทางจิต บางคนก็เป็นทั้งสองอย่าง ในช่วงหนึ่งของรายงานพิเศษ ผู้สื่อข่าวถามเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ทรมานกับความผิดปกตินี้ว่า อะไรคือสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในโลก เธอหันมาตอบเขาด้วยความเศร้าสร้อยว่า “แค่ออกไปจากเพนเฮิร์ส”



โรงเรียนและศูนย์พยาบาลของรัฐแห่งนี้ กลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการการปฏิวัติสิทธิมนุษยชนและแนวทางการดูแลสุขภาพสำหรับผู้พิการทางร่างกายและจิตใจ แม้ว่าโรงพยาลจิตเวชมักถูกมองว่ามีการรักษาพยาบาลที่สุ่มเสี่ยงต่อชีวิตและอาจละเมิดความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง แต่สำหรับเพนเฮิร์สแล้วนั้น มันกลายเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดถึงขนาดพาดหัวในเอกสารทางประวัติศาสตร์ว่าเป็น “ความอัปยศของเพนซิลวาเนีย”

.

เพนเฮิร์สในช่วงแรกเปิดให้บริการเมื่อปี 1908 ไม่เพียงแต่สำหรับผู้มีความพิการทางกายและจิตใจเท่านั้น ยังเป็นสถานที่พักสำหรับอาชญากรและเด็กกำพร้าอีกด้วย จนกระทั่งปี 1913 ที่กลายมาเป็นสถานที่รองรับผู้ที่ไม่เหมาะสมในการเป็นพลเมืองของรัฐ หรือแม้กระทั่งผู้ที่เป็นภัยคุกคามต่อความสงบสุขของสังคม คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น “ผู้ป่วย” ของเพนเฮิร์สทั้งสิ้น ทางโรงพยาบาลจัดหมวดหมู่ของผู้ป่วยจำเพาะตามลักษณะความหนักเบาของอาการปรากฎของโรคทางจิตว่า “สติปัญญาอ่อนด้อย” หรือ “เป็นบ้า” ส่วนลักษณะพิการทางกายจะถูกระบุว่าเป็น “โรคลมชัก” หรือ “มีความสมบูรณ์”

.

เพนเฮิร์สเกือบจะกลายเป็นนครรัฐที่แยกจากการเป็นส่วนหนึ่งของเพนซิลวาเนียโดยสิ้นเชิง เนื่องการโรงพยาบาลมีโรงไฟฟ้า การผลิตอาหาร สาธารณูปโภค และการควบคุมดูแลพื้นที่อย่างเป็นเอกเทศไม่ร่วมกับรัฐแต่อย่างใด หากมีความต้องการที่นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานก็จะขนส่งเข้ามาทางรถไฟ สถานที่แห่งนี้จึงไม่จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์กับชุมชนโดยรอบซึ่งสอดคล้องต่อความต้องการของสังคมเช่นกัน

.

ช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 หลังจากที่โรงพยาบาลเปิดให้บริการมาแล้วกว่าห้าสิบปี มีผู้ป่วยถึง 2791 คน เป็นเด็กในราว 900 คนซึ่งมากเกินกว่าที่อาคารเรียนจะรองรับได้ ดังนั้น จึงมีเด็กเพียง 200 คนเท่านั้นที่ได้รับการฝึกฝนศิลปะ การเรียน และนันทนาการเพื่อปรับปรุงและฟื้นฟูจากสภาพพิการ แม้ว่าจะมีเด็กมากกว่านี้ที่มีความสามารถในการฟื้นฟูสมรรถภาพหากได้รับการดูและรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม ผู้บริหารโรงพยาบาลในยุคนั้นให้สัมภาษณ์ว่า การรักษาพยาบาลไม่สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์เนื่องจากขาดงบประมาณและเจ้าหน้าที่จะมาสนับสนุน งบประมาณถูกตัดลงเหลือเพียงสี่ล้านเหรียญ และมีเพียงอายุรแพทย์ 9 คน กับครู 11 คนเท่านั้น (ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีใครเคยรับการฝึกเฉพาะทางมาก่อนเลย) อาจกล่าวได้ว่า เจ้าหน้าที่ในขณะนั้นกำลังถูกมัดมือชกให้ทำในสิ่งที่ตนไม่มีความรู้เพียงพอ

.

ในรายงานพิเศษเผยให้เห็นภาพการรักษาที่ไม่ถูกต้อง จากการที่แพทย์คนหนึ่งของโรงพยาบาลอธิบายว่าเขาจัดการกับสถานการณ์ที่ผู้ป่วยที่มีอารมณ์รุนแรงคนหนึ่งกำลังข่มขู่ผู้ป่วยอีกคนอย่างไร เขาให้สัมภาษณ์ว่าเขาเพียงแต่ถามเพื่อนร่วมงานว่า มียาใดบ้างที่จะทำให้ผู้ป่วยที่กำลังอาละวาดในขณะนั้นสงบสติอารมณ์ลงได้ และเมื่อได้รับคำตอบ เขาจึงลงมือฉีดยาดังกล่าวให้กับผู้ป่วยคุ้มคลั่งคนดังกล่าวทันที และเมื่อภาพดังกล่าวปรากฏต่อสาธารณะชน จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่โรงพยาบาลจำเป็นต้องปิดตัวลงและยุติการรักษาพยาบาลทั้งหมดนอกเหนือจากเหตุผลทางด้านการเงิน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้กินเวลากว่าสองทศวรรษในการดำเนินการทางกฎหมายจนกระทั่งโรงพยาบาลปิดตัวลงอย่างถาวรในปี 1987 แม้การปิดโรงพยาบาลจะไม่มีผลกระทบด้านดีต่อชุมชนโดยรอบ แต่การที่ผู้ป่วยทุกข์ทรมานกับการรักษาที่เหี้ยมโหดหลายสิบปีก็มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านการแพทย์ทั่วประเทศและสังคมโดยรวม

.

อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเมื่อโรงพยาบาลปิดตัวลงว่า ไม่มีผู้ป่วยคนใดเลยที่ได้รับการบำบัดจนกลับมาเป็นปกติจากโรงพยาบาลแห่งนี้ เนื่องจากผลที่ได้จากการดำเนินการของโรงพยาบาลมาอย่างยาวนาน ผู้ป่วยบางคนก็กลับออกไปสู่สังคมภายนอกและใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข บางคนหลงเหลืออาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยังมีอีกหลายคนที่รักษาไม่หาย นับจากวันที่โรงพยาบาลปิดตัวลง สถานที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ผีเฮี้ยนที่สุดในอเมริกา เนื่องจากหลายคนเชื่อว่า ผู้ป่วยหลายคนล้วนแล้วแต่มีชีวิตอยู่ที่นี่อย่างทรมานและตายไปด้วยความเจ็บปวด วิญญาณจึงยังคงวนเวียนอยู่และวิญญาณหลายดวงอาจยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนได้ตายไปนานแล้ว



ทิโมธี สมิธ (Timothy Smith) ประธานและผู้บริหารแห่ง Pennhurst Paranormal Association กล่าวว่า “พวกเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาตายที่นี่ และตอนนี้พวกเขายังคงวนเวียนอยู่ที่เดิม” รายงานการพบเห็นเหตุการณ์ประหลาดอันเกิดขึ้นในโรงพยาบาลร้างแห่งนี้ไม่ได้ถูกรายงานโดย Shore Paranormal Research Society (S.P.R.S.) อันเป็นการรวมกลุ่มของผู้คนที่ต้องการสืบสวนปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเพียงอย่างเดียว ยังมีกลุ่มคนอีกมากที่บอกเล่าความเฮี้ยนของสถานที่แห่งนี้จากประสบการณ์การล่าผีด้วยตัวของพวกเขาเอง

.

ตึก Quaker – มีผู้พบเห็นเงาดำที่มีลักษณะเหมือนผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาวดำ ปรากฏตัวในหลายที่ของอาคารแห่งนี้ เงาดำทอดทับผนัง กำแพง และสิ่งของต่าง ๆ ในอาคาร และข้าวของที่หลงเหลืออยู่ในอาคารนี้ขยับโยกเองและเคลื่อนย้ายโดยที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ใกล้ บางคนถูกผลักอย่างแรงขณะที่ยืนอยู่บนขั้นบันได ซึ่งพฤติการณ์นี้ได้ทิ้งรอยแดงช้ำลึกขนาดเล็กไว้บนหลังพวกเขา บางคนได้รับรอยขีดข่วนตามแขนขาทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ผนังหรือวัตถุมีคมเลย วัตถุหนักและโลหะที่อยู่ห้องใต้ดินเคลื่อนย้ายได้เอง แม้แต่การเกิด EVP (electronic voice phenomena - ปรากฏการณ์ของเสียงอันเนื่องมาจากกระแสไฟฟ้า) ในขณะที่ไม่มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าใดอยู่ใกล้อาคารหลังนี้ ร่างทรงที่มีชื่อว่า ชารอน พิวจ์ (Sharon Pugh) กล่าวว่าเขารู้สึกได้ถึงพลังงานหลายอย่างรวมถึงพลังปีศาจ (demonic force) ในที่นี้ ทั้งหมดไม่ได้เป็นมิตรกับผู้มาเยือนที่เป็นมนุษย์นัก

ตึก Limerick – มีการพบเห็นการปรากฎกายของพยาบาลอาวุโสในเครื่องแบบพยาบาลยุคเก่าโดยนักดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งปรากฏการณ์ EVP

ตึก Devon - มีเสียงประหลาดเกิดขึ้นโดยรอบ และเกิดปรากฏการณ์ EVP

ตึก Mayflower – เงาคนปรากฏขึ้นภายในอาคารบ่อยครั้ง มีคนถ่ายรูปปรากฏการณ์ EVP เอาไว้ได้ รวมทั้งคนที่เข้ามาถูกสัมผัสจากสิ่งที่มองไม่เห็น

ตึก Tinicum - เกิดปรากฏการณ์ EVP และมีคนถูกมือที่มองไม่เห็นสัมผัสบริเวณขา

ตึก Philadelphia – มีรายงานว่าได้ยินเสียงดังประหลาดและเสียงคนดังมาจากอาคาร ผู้สังเกตการณ์ที่อยู่รอบ ๆ อาคารเข้าไปยังตัวอาคารผ่านระบบอุโมงค์ หลายคนถึงกับกระเจิงออกมาโดยที่ไม่มีการสังเกตการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น
ตึกอำนวยการ – มีรายงานการได้ยินเสียงประหลายหลายครั้งและมีการปรากฏของ EVP อันเป็นสาเหตุของการกดชักโครกในห้องน้ำทั้ง ๆ ที่ภายในอาคารไม่มีระบบประปาใดทำงานอยู่

ตึก Hershey – มีรายงานการได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงบริเวณชั้นสามของอาคาร

.

ว่ากันว่าเด็กที่อยู่ที่นี่ไม่ได้รับการศึกษาที่เพียงพอต่อพัฒนาการตามวัย หลายคนไม่สามารถอ่านเขียนได้ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือการที่เด็กหลาย ๆ คนไม่ได้มีความผิดปกติหรืออาการพิการมาก่อน แต่เมื่อพวกเขามาอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ จึงมีการเรียนรู้ที่จะกลายมาเป็นผู้พิการด้วยตนเองที่มีอาการของภาวะอารมณ์บกพร่องและปัญหาสมาธิสั้น โดยภายหลังพวกเขาเหล่านี้จะถูกคัดแยกให้ไปอยู่ยังตึกผู้ป่วยที่มีความสามารถสูงกว่าผู้ป่วยทั่วไป เมื่อโรงพยาบาลปิดตัวลงจึงมีเรื่องเล่าจากอดีตเจ้าหน้าที่ว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในเพนเฮิร์สบางส่วนที่มีความสามารถสูงกว่าผู้ป่วยทั่วไปมักจะถูกมอบหมายงานให้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการดูแลวอร์ดสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหา เรียกกันว่า “วอร์ดลงโทษ” เด็กหลายคนที่ถูกพาตัวมาในวอร์ดนี้ไม่ได้เป็นเด็กที่เลวร้ายโดยกมลสันดาน แต่เมื่อถูกพาตัวมาแล้วก็จะกลายเป็นเหยื่อความรุนแรง พวกเขามักถูกทำร้ายทุบตีด้วยด้ามไม้กวาด ซึ่งสาเหตุการตายของเด็กที่นี่ทั้งที่ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายหรืออุบัติเหตุก็ล้วนเกิดจากการกลั่นแกล้งกดดันกันในลักษณะนี้แทบทั้งสิ้น โดยทั่วไปแล้วผู้ที่ชอบรังแกผู้อื่นมักจะไม่ถูกจับตัวไปยังวอร์ดนี้เพราะพวกเขาจะเป็นคนคุมพวกผู้ป่วยที่มีปัญหาทางจิต อันที่จริงเพนเฮิร์สไม่ได้เป็นองค์กรที่เลวร้ายด้วยตัวมันเอง แต่เพราะถูกโถมปัญหาจากองค์กรทางสังคมอื่น ๆ จึงทำให้เพนเฮิร์สต้องจัดการปัญหาเหล่านั้นในฐานะถังขยะของสังคม ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ที่อยู่ในเพนเฮิร์สทุกคนต้องมารับเคราะห์กรรมที่ตนไม่ได้ก่อไว้

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่