[นิยาย] ฝ่าฝูงโจร (บทที่ 2 โจรสะกดรอย)

กระทู้สนทนา
บทที่ 1 https://pantip.com/topic/36937202

บทที่ 2  โจรสะกดรอย

บ่ายวันพุธ หญิงสาวเพิ่งเสร็จจากการฝึกซ้อมบาสเก็ตบอลในโรงยิมเนเซียม อาบน้ำสระผมที่ตัดซอยสั้นและเป่าให้แห้ง เปลี่ยนจากชุดกีฬามาสวมกางเกงยีนส์สีดำกับรองเท้าผ้าใบสีขาว เสื้อยืดคอกลมสีเทาแล้วทับด้วยแจ็กเก็ตยีนส์ฟอกสีจาง เธอสะพายกระเป๋าเป้สีฟ้าสดใสมาซื้อขนมกับน้ำอัดลมในศูนย์อาหาร นั่งกินจนอิ่มท้องตึงหายหิว ก่อนเดินฮัมเพลง ซาน ฟรานซิสโก ของ สก็อตต์ แม็คเคนซี ผ่านประตูใหญ่ออกมาด้านหน้ามหาวิทยาลัยอย่างอารมณ์ดี

    “เฮ้ย...คนสวย เอาแบงค์สิบเหรียญมาใบซิ!” เสียงเล็กแหลมของผู้ชายตะโกนอยู่ด้านหลังใกล้ๆ ทำให้เธอต้องชะงัก หยุดร้องเพลงกลางคันแล้วหันกลับไปมอง

        เธอสบตาเขา ชายแปลกหน้าที่เธอเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิตกำลังยืนกวักมืออยู่ห่างไปไม่ถึงหลา ท่าทางเหมือนพวกกุ๊ยอันธพาล หน้าตาอัปลักษณ์ ผิวดำเหมือนหมึก ใส่หมวกแก๊ปและเสื้อแจ็กเก็ตสีแดงเก่าคร่ำคร่าของทีมฟุตบอลซานฟราซิสโก ฟอร์ตีไนเนอร์ส กางเกงยีนส์สีซีดๆ ขาดตรงต้นขากับรองเท้าผ้าใบสีแดงสกปรก ในมือขวากำโทรศัพท์ ส่วนนิ้วบนมือซ้ายที่เรียกเอาเงิน คีบมวนบุหรี่ที่ยังไม่ถูกจุดสูบ

        “ไม่...อย่ามายุ่งกับฉัน” เธอบอกแค่นั้นแล้วรีบหันกลับ ก้าวยาวๆ หนีออกจากตรงนั้นด้วยอารมณ์เริ่มขุ่นมัวลง

        “เฮ้ย...เฮ้ย...จะรีบไปไหนล่ะ ส่งเงินมาเดี๋ยวนี้!” เขาตะคอกเสียงดัง เดินตามหลังเธอมากระชั้นชิด พยายามดึงกระชากเป้ที่เธอสะพายอยู่ “นังแพศยา...เอามา!”

        “ปล่อยนะ ไอ้บ้า!” เธอสะบัดตัวอย่างแรงจนหลุดพ้น แล้ววิ่งมาจนกระทั่งมาถึงสถานีรถไฟรางเบาบนถนนฮอลโลเวย์ หันมองเขาเป็นระยะ สัญชาติญาณบอกว่าอันตรายได้มาถึงตัวแล้ว เธอต้องทำอะไรสักอย่าง คิดแล้วก็รีบแทรกตัวเข้าปะปนกำบังกายท่ามกลางผู้คนที่รอโดยสารรถขนส่งสาธารณะ

    เธอเปลี่ยนสรรพนามจาก เขา เป็น มัน ในใจทันที เมื่อคิดได้ว่าเธอเองไม่จำเป็นต้องให้เกียรติคนที่มุ่งร้ายต่อทรัพย์สินของเธออย่างมัน ไอ้กุ๊ย ไอ้โจรกระจอก เที่ยวรังแกรีดไถผู้หญิง

    มันขึ้นรถรางเบาโบกี้เดียวกับเธอ วิ่งขึ้นเป็นคนสุดท้ายก่อนประตูปิดไม่กี่วินาทีและยืนพิงเสาอยู่ด้านหน้า มวนบุหรี่เสียบไว้บนซอกใบหูข้างซ้าย สายตาจับจ้องแล้วยกโทรศัพท์ในมือขึ้นถ่ายรูปมาที่ตัวเธอ แต่เธอรีบเบือนหน้าหลบมองออกนอกหน้าต่างในทันที

    เธอหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าเป้ขึ้นมาเลื่อนเปิดหน้าจอ ควรจะบอกเรื่องนี้ให้คนที่เธอรักรู้เลยดีไหม บอกพ่อ และเพื่อนๆ ในกลุ่มแช็ทให้รู้ไว้ว่าเธอถูกไอ้กุ๊ยตามรังควาญ แต่อีกใจหนึ่งกลับแย้งว่าเก็บไว้ก่อนดีกว่า เรื่องแค่นี้เธอยังรับมือได้ รอดูอีกสักระยะจนแน่ใจว่ามันไม่ยอมเลิกราแล้วค่อยบอกก็ยังไม่สาย ปิดหน้าจอโทรศัพท์ กำไว้ในอุ้งมือ

    สิบห้านาทีต่อมา เธอลงที่สถานีถนนมาร์เก็ตใกล้กับถนนสายที่ 4 ทางใต้ของย่านยูเนียน สแควร์ ไอ้โจรกระจอกเบียดตัวเองไปชิดผนังตู้รถรางขณะที่เธอก้าวลงประตูด้านหน้า เธออยู่ห่างมันแค่เอื้อมมือถึง จ้องตามันอึดใจหนึ่ง คราวนี้มันหลบหน้าอย่างรวดเร็ว ตัวมันสูงพอๆ กับเธอ แต่ผอมกะหร่อง หน้าตาซูบเซียวเหมือนพวกขี้ยา อัปลักษณ์สิ้นดี ไอ้นี่ดูแล้วไม่น่าจะเท่าไหร่ คงเป็นแค่โจรกระจอกตัวหนึ่งตามที่เธอคิดไว้ แปลก...เธอไม่รู้สึกกลัวหรือหวั่นเกรงอะไรในตัวมันเลยแม้แต่นิดเดียว มันตามหลังเธอลงมาขณะที่เธอก้าวข้ามถนนทิ้งระยะห่างหลายสิบหลาเพื่อเป็นการระวังป้องกันเอาไว้ก่อน เตือนตัวเองว่าอย่าประมาท คนแปลกหน้าในมหานครใหญ่ ภัยร้ายมีอยู่รอบด้าน  
        
        เดินฉับๆ ตรงเข้าประตูร้าน ลีวายส์ ช็อป ที่เธอทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน เห็นเมลิสซาพนักงานประจำกำลังยุ่งอยู่กับเสื้อผ้ากองมหึมาภายในร้าน

        “คริตา เหมือนเธอกำลังหนีอะไรมา” เมลิสซาถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

        “เปล่า..เปล่า ฉันแค่รีบ เกือบมาทำงานสายแล้ว” เธอบอกแล้วเดินผ่านเข้าหลังร้าน เธอทำงานจันทร์ถึงศุกร์ บ่ายสี่โมงถึงสามทุ่มซึ่งเป็นเวลาที่ร้านปิด ส่วนเสาร์อาทิตย์เริ่มงานตั้งแต่สิบโมงเช้าและเลิกหนึ่งทุ่ม พักหนึ่งชั่วโมงช่วงบ่ายสองถึงสามโมง

        เก็บกระเป๋าเป้ในล็อกเกอร์ รีบกลับออกมาพบผู้จัดการชายวัยสี่สิบเศษ คุยกันไม่กี่คำ เธอก็ได้รับมอบหมายให้ยืนแจกคูปองลดราคาเสื้อผ้าสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ประตูหน้า บ่ายสี่โมงครึ่งถึงสองทุ่มครึ่งคือช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้าร้านมากที่สุดของวันธรรมดา

        มือของเธอยื่นคูปองให้ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาบนทางเท้า ปากพร่ำเชิญชวนให้แวะเวียนเข้าเลือกชมเลือกซื้อสินค้าภายในร้าน ส่วนสายตาสอดส่ายมองหาไอ้โจรถ่อยตามสถานที่ต่างๆ รอบทิศทาง

        มันคงจะเที่ยวรีดไถเงินชาวบ้านไปทั่ว หรือดักรอจี้ชิงทรัพย์สินตามมุมตึก อาจถึงขั้นทำร้ายร่างกายหรือคุกคามทางเพศอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจจะทำทุกอย่างกันพร้อมกัน แต่ดูสภาพอย่างมันแล้วจะทำอะไรเธอได้ ผอมเป็นไม้เสียบผี ดูเผินๆ ออกจะขลาดกลัวเสียด้วยซ้ำ เจอเธอใช้ไหล่กระแทกไม่กี่ครั้งคงหักครึ่งท่อน ทว่าเธอก็ไม่ควรนึกดูถูกมัน ใต้เสื้อแจ็กเก็ตตัวที่มันใส่อยู่นั้นอาจมีอาวุธซุกซ่อนไว้ก็เป็นได้

        หมวกแก๊ปสีแดงสะดุดตาเธอ ต่ำลงไปเป็นเสื้อแจ็กเก็ตสีเดียวกัน มันอยู่นั่นไง เดินวนเวียนทำลับๆ ล่อๆ อยู่ถัดจากป้ายรถบัสประจำทางตรงเกาะกลางถนน มันมองมาที่เธอเป็นระยะ
  
        และแล้วจู่ๆ ความคิดหนึ่งก็พุ่งวาบเข้ามาในหัวของเธอโดยอัตโนมัติชนิดที่เธอเองก็รู้สึกประหลาดใจว่า ผุดขึ้นมาได้อย่างไร

       เกม...เธอจะเล่นเกมกับมัน เกมวิ่งหลบหลีกหนีการไล่ล่าติดตาม เหมือนที่เธอเคยเล่นตอนเป็นเด็กอนุบาลกับแม่และน้าสาว

        เธอยิ้มกริ่มออกมาโดยไม่รู้ตัว ความสนุกจะเริ่มต้นขึ้นในคืนนี้ รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย สมองเริ่มทำงานอย่างอัตโนมัติอีกเช่นเคย

        ไอ้โจรรีดไถคงรู้แล้วว่าเธอเรียนมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก สเตทและทำงานที่นี่ แต่มันอาจจะยังไม่รู้ว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหน และเธอก็จะไม่ยอมปล่อยให้มันแอบตามไปรู้จักบ้านของเธอเป็นอันขาด
  
        ผ่านไปสามชั่วโมงเศษ คูปองพร่องไปหลายสิบใบ เธอมัวแต่ยุ่งเชิญชวนลูกค้าเข้าร้าน จนลืมสังเกตไอ้บ้านั่นไปนาน พอนึกขึ้นได้ ก็กวาดสายตามอง แต่หาไม่เจอ มันหายหัวไปไหนแล้ว

        “คริตา..” เสียงผู้จัดการร้องเรียก “วางมือจากคูปอง ไปช่วยเมลิสซาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หุ่นโชว์ ทำให้เสร็จก่อนร้านปิดนะ”

        “ได้ค่ะ” ก่อนเดินกลับเข้าข้างใน คริตามองหาไอ้โจรผอมอีกครั้ง ฟ้ามืดแล้ว อาคารต่างๆ และตามถนนเปิดไฟสว่างไสว ไม่มีแม้แต่เงาของมัน แต่ไปตายเสียได้ก็ดี

        ภายในร้านลีวายส์ ช็อป เปิดเพลงบัลลาร์ดร็อกรวมฮิตยุค 80s พนักงานแต่ละคนจัดระเบียบเสื้อผ้าและสินค้าประเภทอื่นในโซนรับผิดชอบของตัวเอง เมลิสซากำลังปลุกปล้ำกับหุ่นชายหญิงอยู่ด้านหนึ่ง คริตาวางคูปองบนตู้กระจกแล้วไปช่วยจัดการถอดกางเกงยีนส์ออกจากท่อนล่างของหุ่นเพื่อสวมตัวใหม่แทนที่

        “ขอบใจนะ..” เมลิสซาว่า “เหลืออีกสามสิบกว่าตัว ผู้จัดการเห็นว่าฉันคงทำคนเดียวไม่ทัน เสื้อผ้าแบบใหม่พวกนี้จะเริ่มโชว์ตอนเปิดร้านพรุ่งนี้เช้า”

        “โอเค งั้นเร่งมือกันเถอะ” คริตาจัดการกับหุ่นโชว์ไปพลางส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ เมลิสซาเป็นหญิงผิวขาว อายุปลายยี่สิบ รูปร่างออกเจ้าเนื้ออ้วนๆ สูงแค่หัวไหล่ของคริตา

        เสร็จจากหุ่นโชว์ตัวแรกก็ขยับไปหาตัวที่สองและสามที่วางอยู่เป็นจุดๆ ภายในร้าน คริตารับผิดชอบท่อนล่าง ส่วนเมลิสซาสวมเสื้อให้ท่อนบน และตั้งเอาไว้ที่เดิม

        “รูปร่างดี” เมลิสซาพูดขึ้น

        “หุ่นโชว์จะทำให้ออกมาสวยแค่ไหนก็ได้ ไม่เห็นแปลก” คริตาบอก

        “ไม่ใช่ ฉันหมายถึงเธอ คริตา”

        “อ้าว...” เธอทำหน้าประหลาดใจ หัวเราะลั่น

        “เห็นเธอเคยบอกว่ามาจากเอเชียเหรอ ประเทศอะไรนะ ฉันจำไม่ได้”

        “ไทยแลนด์”

        “อ้อ..ไทยแลนด์ ฉันเคยได้ยินชื่อ แต่เธอสูงมากนะ ไม่ตัวเตี้ยเหมือนคนเอเชียทั่วไป ขายาว หุ่นเพรียว มีกล้ามเนื้อ ใส่เสื้อผ้าสวย โดยเฉพาะกางเกงยีนส์ เธอใส่แล้วดูดี ฉันรู้สึกอิจฉา ดูฉันสิ อ้วน เจ้าเนื้อ ไขมันเป็นชั้นๆ”

        “ไม่หรอก เธอก็ไม่ถึงกับอ้วนสักหน่อย ใส่อะไรก็สวยเหมือนกัน” เธอแกล้งชม ยิ้มกว้างจนตาหยี๋

        “ฉันชอบแอบมองก้นเธอนะ เวลาใส่กางเกงยีนส์แล้ว มันกระชับเข้ารูป เธอใส่ยีนส์สวยมากๆ”

        “ขอบใจ” คริตาจ้องหน้ารุ่นพี่แบบงงๆ

        “เป็นนักกีฬาด้วยเหรอ”

        “ใช่ บาสเก็ตบอล เล่นมาตั้งแต่เกรดเก้า ตอนนี้เล่นให้ทีมมหาวิทยาลัย”

        “ดีจัง แต่ดูฉันสิ ไม่มีเวลาเล่นกีฬาอะไรเลย มีแต่เวลากินกับนอน” เมลิสซาพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

        “เธอเป็นคนตลกดีนะ เมลิสซา ฉันชอบเธอ” ว่าแล้วก็หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานไปด้วยกัน
      
(กรุณาอ่านต่อในหน้าถัดไป)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่