
  สวัสดีชาวพันทิปทุกคนครับ นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตผมเหมือนกันที่ได้นำประสบการณ์จากการขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวมาลงเขียนให้ทุกคนได้อ่านกันครับ ถ้าเกิดผมเขียนผิดพลาดประการใดก็ขอโทษและช่วยชี้แนะติชมได้เสมอครับ เพราะผมเองก็เขียนไม่เก่ง(มือใหม่หัดเขียน) ยังไงก็ดูรูปเอาล่ะกันนะครับ ก่อนอื่นต้องขอเกริ่น(พร่าม)ก่อนว่าการที่เราตั้งใจจะไปเที่ยวไหนหลายๆวันนี่มันเป็นเรื่องที่ยากและมักจะมีเรื่องให้ลุ้นอยู่เสมอว่าจะได้ไปหรือไม่ได้ไปเพราะผมมันเป็นมนุษย์เงินเดือน คนทำงานจะรู้ว่าเรื่องลาหลายๆวันมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ก่อนที่จะได้ไปเที่ยวมันก็มีเรื่องกังวลหลายอย่างคือ
1.เมียจะอนุญาติให้ไปหรือไม่ (อันนี้สำคัญสุดๆ555)
***จริงๆแล้วบอกเมียไปแค่28-30กย.ไม่ได้บอกว่าจริงๆไปถึง3ตค.กลัวไม่ได้ไป

2.ที่ทำงานจะให้ลาหลายๆวันหรือเปล่า (ถ้าได้ลาแล้วจะถูกเรียกกลับกลางคันหรือไม่)
3.จะเอาเงินที่ไหนไปเที่ยว (เงินเดือนยังไม่ออกเมียจะให้ติดตัวไปหรือป่าว)
4.โรคประจำตัวที่เป็นอยู่จะกำเริบหรือไม่ตอนออกทริป (ผมเป็นโรคความดันสูง)
5.เพื่อนที่จะไปด้วยกันจะได้ลากลับมาหรือเปล่า (เพื่อนเป็นทหารพรานอยู่จ.นราธิวาส)
 แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็ผ่านไปด้วยดีครับเลยได้กลับมาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกัน
   คราวนี้เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าหลังจากพร่ามมาเยอะ(รู้ตัวเองดี)  
   ทริปนี้ก่อนวันที่จะเริ่มออกเดินทางก็วางแผนเช็คข้อมูลที่ท่องเที่ยว,ระยะทางและเวลาที่ใช้เดินทาง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
  เริ่มออกเดินทางจากบ้านผมใน อ.กันตัง ด้วยมอเตอร์ไซค์ วันที่ 28 ก.ย. เวลาตี 3.25 นาที   

นัดเจอเพื่อนกันที่หน้า 7-11 ควนปริง ปากทางเข้า มอ.ตรัง 

เมื่อมาพร้อมกันแล้วก็ออกเดินทางออกจาก จ.ตรัง กันเวลา 04.00 น. โดยเป้าหมายแรกของการเดินทางคือเขาศูนย์ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช 
 ตอนเดินทางไปใช้ GPS นำทางตลอดเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 ตอนไปนี่ลุ้นตลอดเลยกลัวว่าGPSจะพาหลงทางเพราะมีข่าวเรื่องGPSพาหลงกันเยอะเลยกลัวจะโดนเองมั่งแต่ในที่สุดก็ถึงจุดหมายแรกอย่างปลอดภัยไม่มีหลง แต่ทางขึ้นต้องระมัดระวังให้มากๆเพราะถนนขึ้นเขาไม่ดีก้อนหินใหญ่ๆและหลุมเยอะมากถ้าเกิดพลาดก็ได้เจ็บตัวกันแน่ๆ กดเข้าไปดูคลิปทางขึ้นกันได้ครับอัดตอนเกือบจะถึงและมีวิวบนเขาด้วย

เสียดายที่วันที่ไปหมอกน้อยมากดังรูปที่เห็น


แต่ได้มาเห็นแค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว

 
ส่วนใครจะมากางเต้นท์นอนก็ได้นะครับติดต่อเบอร์โทรตามรูปเลยมีลุงกับป้าซึ่งใจดีมากๆคอยให้บริการอยู่(ลืมถ่ายลืมลุงกับป้า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 หลังจากชมความงามของธรรมชาติที่เขาศูนย์กันเสร็จแล้วก็ออกเดินทางกันไปยังเป้าหมายที่สองกันต่อนั่นก็คือ
  ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี
  ยังใช้ GPS นำทางเหมือนเดิม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 ตอนใช้GPSนำทางมันสิ้นสุดก่อนที่จะถึงป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดประมาณ3กิโลได้ หลังจากนั้นต้องไปตามป้ายบอกทางกันเอาเอง
 พอมาถึงจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการและคำแนะนำก่อนเข้าไปยังที่เล่นน้ำพร้อมกฎระเบียบต่างๆเป็นป้ายแผ่นใหญ่มีข้อห้ามหลายอย่างที่ห้ามพาเข้า(ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู) ยังไงใครที่ไปเที่ยวก็ควรปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับเพื่อที่จะให้ความงามของธรรมชาติอยู่ไปนานๆ
 




 มีคลิปตอนผมเล่นน้ำกับเพื่อนด้วยครับเผื่อใครอยากดูความใสของน้ำถ้าใครไม่อยากดูก็ไม่ต้องกดก็ได้ครับ
 (ผมแนะนำว่าอย่ากดเลยดีกว่า555)

 หลังจากแวะเล่นน้ำกันอย่างสบายใจก็ต้องรีบออกเดินทางกันต่อเพราะเวลาแต่ละที่มันจำกัดนั่นเอง
 เป้าหมายที่สามที่จะไปต่อก็คือ เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) กุ้ยหลินเมืองไทย  อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี
 ก่อนออกเดินทางก็ต้องตั้ง GPS กันต่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 ก่อนที่จะเข้าไปในเขื่อนนั้นจะมีที่ให้แวะเที่ยวและถ่ายรูปอยู่ที่นึงนั้นก็คือ สะพานแขวนเขาพัง หรือสะพานแขวนบ้านพิทักษ์ สะพานลวดสลิงขนาดใหญ่ ขึงยึดกับเสาคอนกรีต ฉากหลังเป็นความงดงามของเขาเทพพิทักษ์ หรือ เขารูปหัวใจ ซึ่งอยู่ทางผ่านไปเขื่อนผมเลยแวะเข้าไปถ่ายรูปกันหน่อย
 

 
 หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ตัวเขื่อนกันต่อเลย
 ทริปเขื่อนรัชชประภาที่แวะไปนั้นผมไม่ได้ลงเรือไปเที่ยวจึงได้แต่เก็บภาพวิวบนเขื่อนมาให้ได้ดูกัน การมาเที่ยวครั้งนี้จริงๆแล้วแค่มาสำรวจเส้นทางและหาข้อมูลเอาไว้เผื่อครั้งหน้าจะได้พาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนครับ
 





 
ถ่ายรูปคู่กับรถมอเตอร์ไซค์เป็นที่ระลึกกันหน่อยว่าเราเคยได้แวะมาที่นี่แล้ว

 หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็ขับรถชมวิวรอบๆเขื่อนและแวะเข้าไปดูที่ท่าเรือกันมาด้วย พอขี่ชมวิวกันเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางกันไปยังอุทยานแห่งชาติเขาสกกันต่อเพื่อจะหาที่กางเต้นท์นอนกัน อุทยานปิดตอน 4 โมงเย็น เราต้องเดินทางไปให้ถึงก่อนอุทยานปิดเพื่อติดต่อที่พักกัน
 วันนี้ถือว่าโชคดีที่ GPS ไม่พาหลงเลย555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาต่อกันใหม่นะครับคืนนี้ง่วงแล้ว ขนาดลงแค่นี้ก็ฝืดทนสุดๆ กลับมาเมื่อวานจนวันนี้ยังพักผ่อนไม่เต็มที่เลยเพราะมัวแต่เคลียร์ของอยู่    พรุ่งนี้ก็ทำงานแล้ว ยังไงก็ขอตัวก่อนนะครับ ถ้าผมพักผ่อนน้อยเดี๋ยวความดันกำเริบอีก555
  ฝันดีนะครับ
 ***ถ้าผิดพลาดประการใดๆผมก็ขอน้อมรับคำติชมจากทุกๆท่านนะครับ ยิ่งหลังๆง่วงๆและเบลอๆด้วย
สวัสดีครับกลับมาต่อกันจากที่ค้างไว้เมื่อคืน 
 หลังจากขับรถมาถึงอุทยานเขาสกแล้วก็รีบจอดรถลงไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามราคาเรื่องกางเต้นท์กัน ถ้าเราพาเต้นท์มาเองก็คนละ30บาทต่อคนต่อคืนและค่าเข้าอุทยานอีก20บาทรวมแล้วก็คน50บาทถ้าใครไม่มีเต้นท์อุทยานก็จะมีให้เช่าไม่ว่าจะเป็นทีรองนอน,ถุงนอนหรือหมอน ก็มีบริการให้ครับส่วนราคาและข้อควรปฏิบัติลานกางเต้นท์ตามรูปเลยครับ


หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จแล้วก็เดินสำรวจและถ่ายรูปรอบๆอุทยานกันก่อนที่จะไปกางเต้นท์กัน 


  เมื่ออ่านป้ายบอกทางกันแล้ว ในอุทยานนั้นมีที่เที่ยวมากมายแต่ต้องเดินเท้าไปเท่านั้นและต้องมีเจ้าหน้าทีไปด้วยถ้าหากไปไกลๆ ถ้าคนชอบเดินเท้านี่คงจะสนุกมากๆแน่นอนส่วนคนที่จะมาเที่ยวที่นี่คงต้องพักค้างคืนหลายวันหน่อยถึงจะเที่ยวได้หมด ส่วนผมคงต้องรอโอกาสหน้าเพราะมาครั้งนี้แค่แวะมานอนและสำรวจหาข้อมูลเก็บเอาไว้ก่อน เมื่อกางเต้นท์เสร็จก็เปลี่ยนผ้าลงเล่นน้ำกันเลยขอบอกว่าน้ำที่นี่เย็นมากๆตอนถูกน้ำใหม่ๆมีสะดุ้งเล็กน้อยตอนผมมามีฝนตกก่อนหน้าทำให้น้ำเลยมีสีขุ่นและกระแสน้ำเชี่ยวมากๆเลยไม่กล้าลงไปถึงตรงกลางเลยเล่นแค่ขอบๆเท่านั้น



 หลังจากเล่นน้ำเสร็จแล้ว ก็มาหาอะไรกินกันของกินซื้อมาจากข้างนอก แต่ในอุทยานก็มีขายถึงแค่ช่วงเย็นๆเท่านั้น(น่าไม่เกิน6โมงเย็น)หลังจากกินเสร็จ ของที่เหลือก็ตั้งเอาไว้หน้าเต้นท์และไม่นึกว่าที่นี่จะมีลิงลงมาขโมยของกินที่เหลือไป พอพวกมันเห็นเรามาลิงบางส่วนก็หนีไปเลยแต่มีลิงอีกตัวไม่หนี เพื่อนผมมันก็เลยลองหยิบอาหารที่ลิงมันทำตกไว้แล้วยื่นให้ดูทีแรกลิงมีขู่เล็กน้อยแต่ก็ลงมาเอาอาหารถึงมือเลย(เพื่อนมันเคยเลี้ยงลิงเลยรู้นิสัยเจ้าจ๋อดี555)หลังจากยื่นให้เสร็จคราวนี้มาเป็นฝูงเลยคอยดูอยู่ห่างๆแต่สักพักหัวหัวหน้าฝูงก็เรียกกลับไปหมดแต่ก็ได้ยินเสียงร้องของลิงตลอดทั้งคืน 
 
ยังจะมีการยืนจ้องหน้ากันอีกคงสงสัย555

 มานอนค้างคืนที่นี่ได้เจอพี่ที่เดินทางด้วยรถบ้านซึ่งมากับลูกสาวกัน2คน
 
 
 ผมจึงได้พูดคุยถามเส้นทางและสถานที่กางเต้นท์ตามจังหวัดต่างๆจากพี่เค้าด้วยว่าที่ไหนน่าไปกางพักผ่อนบ้างนั่งคุยกับพี่เค้านานมากและได้รู้ข้อมูลสถานที่ต่างๆเยอะเลยแต่ผมจำได้ไม่หมดหรอกครับเลือกเอาแต่ที่น่าสนใจและทางผ่านก็พอ แถมพี่แกยังช่วยวางแผนการเดินทางให้อีกด้วย ขอขอบคุณมากๆเลยครับ
 ผมลองถามราคารถบ้านของพี่เค้าพี่เค้าบอกราคาแค่2.2ล้านเอง(เหงื่อตกเลยเรา555)
 

 ใครที่มากางเต้นท์ที่นี่ให้ระวังเรื่องทากดูดเลือดด้วยนะครับทีแรกนึกว่าเศษใบหญ้าแต่พอปัดออกดันไม่ออกเลยใช้มือเขี่ยดูจึงรู้ว่าเป็นตัวทากจึงใช้มือปลดออกและพากลับไว้บนหญ้าต่อ


 หลังจากนอนไปสักพักก็มีฝนตกจึงต้องย้ายเต้นท์ไปที่ร้านอาหารของอุทยานเพราะเต้นท์ผมราคาถูกๆไม่กันฝนจากจะนอนเอาบรรยากาศข้างนอกกันคืนแรกก็จำเป็นต้องย้ายมาหลบข้างในร้านอาหารเซงเลย555 
 ตื่นเช้ามาก็เก็บของกันต่อเพื่อจะเตรียมตัวไปที่อื่นกันต่อแต่เพื่อนมันเห็นฝรั่งก็เลยอยากถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้
 

  ส่วนผมถ่ายกับรถบ้านเป็นที่ระลึกครับ

 ทริปวันแรกก็หมดเพียงเท่านี้เดี๋ยวค่อยมาต่อกันใหม่ครับ																																	
  
							 
						
แชร์ประสบการณ์ทริปเมื่อวันที่ 28ก.ย. - 3ต.ค.60 ครั้งแรกในชีวิต ที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ตะลอนทัวร์ ระยะทางไปกลับกว่า 1900 กม.
สวัสดีชาวพันทิปทุกคนครับ นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตผมเหมือนกันที่ได้นำประสบการณ์จากการขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวมาลงเขียนให้ทุกคนได้อ่านกันครับ ถ้าเกิดผมเขียนผิดพลาดประการใดก็ขอโทษและช่วยชี้แนะติชมได้เสมอครับ เพราะผมเองก็เขียนไม่เก่ง(มือใหม่หัดเขียน) ยังไงก็ดูรูปเอาล่ะกันนะครับ ก่อนอื่นต้องขอเกริ่น(พร่าม)ก่อนว่าการที่เราตั้งใจจะไปเที่ยวไหนหลายๆวันนี่มันเป็นเรื่องที่ยากและมักจะมีเรื่องให้ลุ้นอยู่เสมอว่าจะได้ไปหรือไม่ได้ไปเพราะผมมันเป็นมนุษย์เงินเดือน คนทำงานจะรู้ว่าเรื่องลาหลายๆวันมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ก่อนที่จะได้ไปเที่ยวมันก็มีเรื่องกังวลหลายอย่างคือ
1.เมียจะอนุญาติให้ไปหรือไม่ (อันนี้สำคัญสุดๆ555)
***จริงๆแล้วบอกเมียไปแค่28-30กย.ไม่ได้บอกว่าจริงๆไปถึง3ตค.กลัวไม่ได้ไป
2.ที่ทำงานจะให้ลาหลายๆวันหรือเปล่า (ถ้าได้ลาแล้วจะถูกเรียกกลับกลางคันหรือไม่)
3.จะเอาเงินที่ไหนไปเที่ยว (เงินเดือนยังไม่ออกเมียจะให้ติดตัวไปหรือป่าว)
4.โรคประจำตัวที่เป็นอยู่จะกำเริบหรือไม่ตอนออกทริป (ผมเป็นโรคความดันสูง)
5.เพื่อนที่จะไปด้วยกันจะได้ลากลับมาหรือเปล่า (เพื่อนเป็นทหารพรานอยู่จ.นราธิวาส)
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็ผ่านไปด้วยดีครับเลยได้กลับมาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกัน
คราวนี้เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าหลังจากพร่ามมาเยอะ(รู้ตัวเองดี)
ทริปนี้ก่อนวันที่จะเริ่มออกเดินทางก็วางแผนเช็คข้อมูลที่ท่องเที่ยว,ระยะทางและเวลาที่ใช้เดินทาง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เริ่มออกเดินทางจากบ้านผมใน อ.กันตัง ด้วยมอเตอร์ไซค์ วันที่ 28 ก.ย. เวลาตี 3.25 นาที
เมื่อมาพร้อมกันแล้วก็ออกเดินทางออกจาก จ.ตรัง กันเวลา 04.00 น. โดยเป้าหมายแรกของการเดินทางคือเขาศูนย์ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช
ตอนเดินทางไปใช้ GPS นำทางตลอดเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนไปนี่ลุ้นตลอดเลยกลัวว่าGPSจะพาหลงทางเพราะมีข่าวเรื่องGPSพาหลงกันเยอะเลยกลัวจะโดนเองมั่งแต่ในที่สุดก็ถึงจุดหมายแรกอย่างปลอดภัยไม่มีหลง แต่ทางขึ้นต้องระมัดระวังให้มากๆเพราะถนนขึ้นเขาไม่ดีก้อนหินใหญ่ๆและหลุมเยอะมากถ้าเกิดพลาดก็ได้เจ็บตัวกันแน่ๆ กดเข้าไปดูคลิปทางขึ้นกันได้ครับอัดตอนเกือบจะถึงและมีวิวบนเขาด้วย
แต่ได้มาเห็นแค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว
ส่วนใครจะมากางเต้นท์นอนก็ได้นะครับติดต่อเบอร์โทรตามรูปเลยมีลุงกับป้าซึ่งใจดีมากๆคอยให้บริการอยู่(ลืมถ่ายลืมลุงกับป้า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากชมความงามของธรรมชาติที่เขาศูนย์กันเสร็จแล้วก็ออกเดินทางกันไปยังเป้าหมายที่สองกันต่อนั่นก็คือ
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี
ยังใช้ GPS นำทางเหมือนเดิม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนใช้GPSนำทางมันสิ้นสุดก่อนที่จะถึงป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดประมาณ3กิโลได้ หลังจากนั้นต้องไปตามป้ายบอกทางกันเอาเอง
พอมาถึงจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการและคำแนะนำก่อนเข้าไปยังที่เล่นน้ำพร้อมกฎระเบียบต่างๆเป็นป้ายแผ่นใหญ่มีข้อห้ามหลายอย่างที่ห้ามพาเข้า(ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู) ยังไงใครที่ไปเที่ยวก็ควรปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับเพื่อที่จะให้ความงามของธรรมชาติอยู่ไปนานๆ
(ผมแนะนำว่าอย่ากดเลยดีกว่า555)
เป้าหมายที่สามที่จะไปต่อก็คือ เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) กุ้ยหลินเมืองไทย อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี
ก่อนออกเดินทางก็ต้องตั้ง GPS กันต่อ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนที่จะเข้าไปในเขื่อนนั้นจะมีที่ให้แวะเที่ยวและถ่ายรูปอยู่ที่นึงนั้นก็คือ สะพานแขวนเขาพัง หรือสะพานแขวนบ้านพิทักษ์ สะพานลวดสลิงขนาดใหญ่ ขึงยึดกับเสาคอนกรีต ฉากหลังเป็นความงดงามของเขาเทพพิทักษ์ หรือ เขารูปหัวใจ ซึ่งอยู่ทางผ่านไปเขื่อนผมเลยแวะเข้าไปถ่ายรูปกันหน่อย
หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ตัวเขื่อนกันต่อเลย
ทริปเขื่อนรัชชประภาที่แวะไปนั้นผมไม่ได้ลงเรือไปเที่ยวจึงได้แต่เก็บภาพวิวบนเขื่อนมาให้ได้ดูกัน การมาเที่ยวครั้งนี้จริงๆแล้วแค่มาสำรวจเส้นทางและหาข้อมูลเอาไว้เผื่อครั้งหน้าจะได้พาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนครับ
ถ่ายรูปคู่กับรถมอเตอร์ไซค์เป็นที่ระลึกกันหน่อยว่าเราเคยได้แวะมาที่นี่แล้ว
วันนี้ถือว่าโชคดีที่ GPS ไม่พาหลงเลย555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาต่อกันใหม่นะครับคืนนี้ง่วงแล้ว ขนาดลงแค่นี้ก็ฝืดทนสุดๆ กลับมาเมื่อวานจนวันนี้ยังพักผ่อนไม่เต็มที่เลยเพราะมัวแต่เคลียร์ของอยู่ พรุ่งนี้ก็ทำงานแล้ว ยังไงก็ขอตัวก่อนนะครับ ถ้าผมพักผ่อนน้อยเดี๋ยวความดันกำเริบอีก555
ฝันดีนะครับ
***ถ้าผิดพลาดประการใดๆผมก็ขอน้อมรับคำติชมจากทุกๆท่านนะครับ ยิ่งหลังๆง่วงๆและเบลอๆด้วย
สวัสดีครับกลับมาต่อกันจากที่ค้างไว้เมื่อคืน
หลังจากขับรถมาถึงอุทยานเขาสกแล้วก็รีบจอดรถลงไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามราคาเรื่องกางเต้นท์กัน ถ้าเราพาเต้นท์มาเองก็คนละ30บาทต่อคนต่อคืนและค่าเข้าอุทยานอีก20บาทรวมแล้วก็คน50บาทถ้าใครไม่มีเต้นท์อุทยานก็จะมีให้เช่าไม่ว่าจะเป็นทีรองนอน,ถุงนอนหรือหมอน ก็มีบริการให้ครับส่วนราคาและข้อควรปฏิบัติลานกางเต้นท์ตามรูปเลยครับ
หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จแล้วก็เดินสำรวจและถ่ายรูปรอบๆอุทยานกันก่อนที่จะไปกางเต้นท์กัน
เมื่ออ่านป้ายบอกทางกันแล้ว ในอุทยานนั้นมีที่เที่ยวมากมายแต่ต้องเดินเท้าไปเท่านั้นและต้องมีเจ้าหน้าทีไปด้วยถ้าหากไปไกลๆ ถ้าคนชอบเดินเท้านี่คงจะสนุกมากๆแน่นอนส่วนคนที่จะมาเที่ยวที่นี่คงต้องพักค้างคืนหลายวันหน่อยถึงจะเที่ยวได้หมด ส่วนผมคงต้องรอโอกาสหน้าเพราะมาครั้งนี้แค่แวะมานอนและสำรวจหาข้อมูลเก็บเอาไว้ก่อน เมื่อกางเต้นท์เสร็จก็เปลี่ยนผ้าลงเล่นน้ำกันเลยขอบอกว่าน้ำที่นี่เย็นมากๆตอนถูกน้ำใหม่ๆมีสะดุ้งเล็กน้อยตอนผมมามีฝนตกก่อนหน้าทำให้น้ำเลยมีสีขุ่นและกระแสน้ำเชี่ยวมากๆเลยไม่กล้าลงไปถึงตรงกลางเลยเล่นแค่ขอบๆเท่านั้น
หลังจากเล่นน้ำเสร็จแล้ว ก็มาหาอะไรกินกันของกินซื้อมาจากข้างนอก แต่ในอุทยานก็มีขายถึงแค่ช่วงเย็นๆเท่านั้น(น่าไม่เกิน6โมงเย็น)หลังจากกินเสร็จ ของที่เหลือก็ตั้งเอาไว้หน้าเต้นท์และไม่นึกว่าที่นี่จะมีลิงลงมาขโมยของกินที่เหลือไป พอพวกมันเห็นเรามาลิงบางส่วนก็หนีไปเลยแต่มีลิงอีกตัวไม่หนี เพื่อนผมมันก็เลยลองหยิบอาหารที่ลิงมันทำตกไว้แล้วยื่นให้ดูทีแรกลิงมีขู่เล็กน้อยแต่ก็ลงมาเอาอาหารถึงมือเลย(เพื่อนมันเคยเลี้ยงลิงเลยรู้นิสัยเจ้าจ๋อดี555)หลังจากยื่นให้เสร็จคราวนี้มาเป็นฝูงเลยคอยดูอยู่ห่างๆแต่สักพักหัวหัวหน้าฝูงก็เรียกกลับไปหมดแต่ก็ได้ยินเสียงร้องของลิงตลอดทั้งคืน
ยังจะมีการยืนจ้องหน้ากันอีกคงสงสัย555
มานอนค้างคืนที่นี่ได้เจอพี่ที่เดินทางด้วยรถบ้านซึ่งมากับลูกสาวกัน2คน
ผมจึงได้พูดคุยถามเส้นทางและสถานที่กางเต้นท์ตามจังหวัดต่างๆจากพี่เค้าด้วยว่าที่ไหนน่าไปกางพักผ่อนบ้างนั่งคุยกับพี่เค้านานมากและได้รู้ข้อมูลสถานที่ต่างๆเยอะเลยแต่ผมจำได้ไม่หมดหรอกครับเลือกเอาแต่ที่น่าสนใจและทางผ่านก็พอ แถมพี่แกยังช่วยวางแผนการเดินทางให้อีกด้วย ขอขอบคุณมากๆเลยครับ
ผมลองถามราคารถบ้านของพี่เค้าพี่เค้าบอกราคาแค่2.2ล้านเอง(เหงื่อตกเลยเรา555)
ใครที่มากางเต้นท์ที่นี่ให้ระวังเรื่องทากดูดเลือดด้วยนะครับทีแรกนึกว่าเศษใบหญ้าแต่พอปัดออกดันไม่ออกเลยใช้มือเขี่ยดูจึงรู้ว่าเป็นตัวทากจึงใช้มือปลดออกและพากลับไว้บนหญ้าต่อ
หลังจากนอนไปสักพักก็มีฝนตกจึงต้องย้ายเต้นท์ไปที่ร้านอาหารของอุทยานเพราะเต้นท์ผมราคาถูกๆไม่กันฝนจากจะนอนเอาบรรยากาศข้างนอกกันคืนแรกก็จำเป็นต้องย้ายมาหลบข้างในร้านอาหารเซงเลย555
ตื่นเช้ามาก็เก็บของกันต่อเพื่อจะเตรียมตัวไปที่อื่นกันต่อแต่เพื่อนมันเห็นฝรั่งก็เลยอยากถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้
ส่วนผมถ่ายกับรถบ้านเป็นที่ระลึกครับ
ทริปวันแรกก็หมดเพียงเท่านี้เดี๋ยวค่อยมาต่อกันใหม่ครับ