กิจกรรม Writer share (ตย) ไม่ดี บกพร่องยังไงขออภัย

ขอโทษที่หายไปราวๆ 48 ชม นะครับ
เผอิญไปแอบเล่นเกมเราอยู่ในเงามืดกับคุณนะมา 5555  Just kidding..

เผอิญมีชีวิตน้อยๆนับล้านชีวิตมาให้อุปการะน่ะครับ ตอนนี้ก็นำน้องๆไปส่งคุณหมอเรียบร้อยละ

เลยขออนุญาตทำตัวอย่าง  Writer share ให้ดู

โดยเรื่องนี้นำมาจาก เวปพลังจิตนะครับ เป็นกระทู้ของสมาชิกที่มีนามว่า Norlnorrakuln ครับ
ผมก็ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอก แต่เห็นเรื่องที่เขานำเสนอ ก็เป็น Folklore อย่างหนึ่ง และเป็นเรื่องไทยๆ และชาวนักเขียนสามารถนำไปต่อยอดได้ (พวกแนวแฟนตาซี , ไสยเวท , ดาร์คแฟนตาซี และพีเรียดบางประเภทครับ)

จึงนำมาทำ ตย ให้ดูครับ ซึ่งก็ขอ Credit ให้ท่าน Norlnorrakuln แห่งเวปพลังจิตไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ (เราเอาไรของใครมา สมบัติผู้ดีข้อแรกคือ การเครดิตครับ จะได้ไม่โดนฟ้องทีหลังด้วย XD) ซึ่งทุกๆท่านสามารถเข้าไปแวะอ่าน ต้นฉบับที่ละเอียดกว่า และมีเรื่องราวน่าสนใจมากกว่าเพิ่มเติมได้จาก ลิงค์ต้นฉบับตามนี้นะครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

Story "แดนดินถิ่นลี้ลับ"
ภูเขาควายเป็นสถานที่ที่เป็นป่าลึกร้อนชื้น บางช่วงเป็นป่าดิบบางช่วงเป็นป่าเบญจพรรณ มีอาณาเขตติดต่อกับฝั่งไทยลาวเป็นเทือกเขาแนวยาวไปตลอด
สามารถติดต่อไปทางจำปาศักดิ์ปากเซซึ่งเป็นเขตทางภาคใต้ของประเทศลาว อันมีสถานที่เลื่องชื่ออีกแห่งหนึ่งเรียกว่า "แก่งลีผี"
สถานที่ของภูเขาควายตลอดแนวไปจนถึงแก่งลีผีนี่เองที่เป็นตำนานเรื่องเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของป่าแถบนี้ นานมาแล้วสถานที่ดังกล่าวเป็นเขตรุกขมูล
ของพระธุดงค์จากทั้งไทยและลาวรวมไปถึงพม่าและเขมร พระอาจารย์หลายท่านต่างพากันมาสำเร็จอภิญญาสมาบัติ ณ สถานที่แห่งนี้
รวมไปถึงการมาของกลุ่มคนมบางกลุ่ม ที่ต้องการวัตถุธาตุกายสิทธิ์เหนือโลกอย่างเหล็กไหลและหินกินเหล็ก บนภูเขาควายยังมีเทือกเขาสลับซับซ้อนกันอีกหลายภู
ล้วนเป็นสถานที่ที่ไปมาลำบาก เสี่ยงอันตรายนานัปการ หากไม่มีความจำเป็นแล้วก็ไม่มีใครอยากเข้าไปเสี่ยงชีวิตนักหรอก แต่แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า
ในวันวานที่ผ่านมาจะมีผู้คนยอมเข้าไปตายถวายชีวิต เพื่อการปฎิบัติเอามรรคผลรวมไปถึงการแสวงหาธาตุกายสิทธิ์

เป็นความจริงที่ว่าภายในภูเขาควายที่ซับซ้อน มีภูเล็กๆอีกเป็นจำนวนมากซ่อนอยู่ และเชื่อกันว่าตามภูตามเทือกเหล่านั้น
มีของกายสิทธิ์เกิดขึ้นตามธรรมชาติมากมายนับไม่ถ้วน แต่การที่จะได้มานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะของดีย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เร้นลับมองไม่เห็นคอยดูแลรักษา
เฝ้าติดตามหวงแหนอยู่ ต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาจริงๆเท่านั้นถึงจะสามารถไปนำมาเป็นสมบัติของตนได้

"เหล็กไหลกายสิทธิ์ สุดยอดตำนานแห่งภูเขาควาย"
เมื่อเราเอ่ยถึง"ภูเขาควาย"สิ่งหนึ่งที่หลายคนคิดขึ้นมาย่อมไม่พ้นเรื่อง "เหล็กไหล"ธาตุกายสิทธิ์สุดยอดแห่งเครื่องรางของขลัง
เป็นที่เล่าสืบต่อกันมานานหลายชั่วอายุคนว่าที่ภูแห่งนี้มีเหล็กไหลซุกซ่อนอยู่ "หลวงปู่จันดี เกสาโร"ท่านเคยเล่าไว้ว่า สมัยที่ท่านเป็นเณร
เคยมีพระอาจารย์ของท่าน ๕ รูปขึ้นไปตัดเอาเหล็กไหลบนยอดภูเขาควาย โดยทราบตรงกันเป็นที่แน่ใจแล้วว่าเหล็กไหลนั้นอยู่ภายในผนังถ้ำ
ใกล้กับต้นตะเคียนยักษ์อายุนับร้อยนับพันปีเป็นจุดสังเกต!เมื่อพระอาจารย์ทั้ง ๕ ขึ้นไปถึงยังที่หมายแล้วได้ทำการลองเอาน้ำผึ้งเทลงใส่บนฝ่ามือ
ยื่นล่อเหล็กไหล ผลปรากฎว่า เหล็กไหลได้ย้อยตัวลงมาเป็นดุจเส้นใยบัวเพื่อมาเสพน้ำผึ้ง!พระอาจารย์ทั้ง ๕ เห็นเป็นอัศจรรย์ดังนั้นจึงเตรียมการ
ทำพิธีเรียกเหล็กไหล โดยสั่งให้สามเณรจันดีคอยเตรียมหุงหาอาหารไว้ให้ ส่วนพระอาจารย์ทั้ง ๕ ก็เริ่มทำพิธีกัน โดยคราวนี้ตกลงที่จะล่อเหล็กไหล
ออกมาหน้าปากถ้ำแล้วเดินวนรอบผูกไว้กับต้นตะเคียนยักษ์ที่ขึ้นเด่นอยู่หน้าปากถ้ำ จากนั้นจึงค่อยใช้มีดอาคมตัด

การดำเนินพิธีเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ คือเริ่มเอาน้ำผึ้งล่อเหล็กไหลดังกล่าว จากนั้นพอเหล็กไหลย้อยตัวลงมาตามแผนก็ล่อหลอกให้เหล็กไหล
ยืดยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วค่อยๆถือน้ำผึ้งเดินวนรอบต้นตะเคียนยักษ์ พระอาจารย์จันดีย้อนความหลังให้ฟังในคราวครั้งนั้นว่าท่านเองได้เห็นกับตา
ถึงสิ่งเร้นลับนามเหล็กไหลมีลักษณะเป็นเส้นๆคล้ายผมคนหรือเส้นใยบัว สีเขียวปีกแมลงทับยามต้องกับแสงแดดดูมันวาวเป็นประกายน่าจับตามอง
สวยงามมาก แต่ทว่า!สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจสามเณรจันดีในขณะนั้นก็คือ ท่านมีความรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะเหล็กไหลนั้น
มีอาถรรพณ์พลังบางอย่างซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่ สามเณรจันดีมองอยู่ได้ไม่นานก็โดนพระอาจารย์ท่านอื่นไล่ลงไปเตรียมสำรับกับข้าวเอาไว้ เพราะตรงนี้
ไม่ใช่ที่ที่เด็กอย่างสามเณรจันดีจะเข้ามายุ่งย่าม จากนั้นท่านพระอาจารย์ทั้ง ๕ ก็เริ่มทำพิธีกันต่อไป

พิธียังคงดำเนินเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่แล้วพอสามเณรจันดีเดินลับหลังหายไปได้สักพักหนึ่ง โศกนาฎกรรมก็บังเกิดขึ้นทันที!
เมื่อพระอาจารย์ท่านหนึ่งในกลุ่มนั้น ได้ทำการลงมีดอาคมเพื่อหวังตัดเอาเหล็กไหลที่ยืดย้อยตัวออกมาจนถึงที่สุดแล้ว...
ทันที่ที่มีดอาคมถูกต้องสัมผัสเข้ากับเหล็กไหล ก็บังเกิดเสียงดังครืนๆๆๆ คล้ายกับถ้ำบนภูที่สถิตย์อยู่ของเหล็กไหลจะถล่มทลายลงมา
พร้อมกับมีแสงประกายวาบดุจว่ามีการระเบิดเกิดขึ้น พระอาจารย์หลวงปู่จันดีเองในขณะนั้นกำลังเตรียมหุงหาอาหารหากจากตัวถ้ำ
ลงไปด้านล่างเมื่อได้ยินเสียงดังคล้ายกับถ้ำระเบิดจึงรีบวิ่งกลับขึ้นไปดูทันที ปรากฎว่าภาพที่สามเณรจันดีเห็นในขณะนั้นเป็นศพพระอาจารย์
ทั้ง ๕ นอนตายอยู่มีลักษณะแขนขาและหัวขาดกระจายไปคนละทิศละทางเป็นที่น่าสยดสยองสลดใจยิ่งนัก!ที่น่าแปลกประหลาดใจอีกอย่างก็คือ
ไม่มีเลือดสักหยดไหลให้เห็นบนพื้นดินเลย!...และนี่คือประสบการณ์ในการล่าแสวงหาเหล็กไหลบนภูเขาควาย
ที่มีทั้งพระและฆราวาสนับไม่ถ้วนต่างพากันไปสังเวยชีวิตมาแล้ว

เรื่องการตัดเหล็กไหลบนภูเขาควายในสมัยนั้นเป็นที่โดงดังเอามากๆ มีคนตายไปหลายศพสังเวยต่อความโลภและความอาถรรพณ์ของเหล็กไหลบนภู
จนข่าวเรื่องเหล็กไหลอาถรรพณ์ฆ่าคนมานักต่อนัก แพร่ไปถึงหูท่านพระอาจารย์มั่นและพระอาจารย์เสาร์ ในกาลนั้นเองเมื่อออกพรรษาแล้วพระอาจารย์ทั้งสอง
ได้ออกเดินทางจาริกไปยังภูเขาควายเพื่อกำราบเหล็กไหล ในครั้งนั้นได้มีหลวงปู่ฝั้นศิษย์เอกท่านพระอาจารย์มั่นติดตามไปด้วย
เมื่อพระอาจารย์มั่นและพระอาจารย์เสาร์ได้เดินทางไปถึงยังสถานที่ที่เล่าลือว่ามีเหล็กไหลสิงสถิตอยู่แล้ว ได้ทำการแสดงพระธรรมเทศนาสั่งสอนเหล็กไหล
ดุจว่าเป็นญาติโยมสาธุชนคนหนึ่ง ท่านได้เทศน์อะไรมิทราบได้ แต่คงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการละเว้นปาณาติบาตเป็นแน่แท้
การที่ท่านพระอาจารย์มั่นและท่านพระอาจารย์เสาร์ขึ้นไปภูเขาควายนั้นเพื่อโปรดเหล็กไหล มิได้ไปตัดดังที่หลายคนเคยเข้าใจผิด ปรากฎอัศจรรย์เป็น
"อนุสาสนีปาฎิหาริย์"คือการแสดงพระธรรมเทศนาเป็นอัศจรรย์ จนเหล็กไหลเข้าใจถึงข้ออรรถข้อธรรมที่ท่านแสดงนั้น เกิดสำนึกผิดเห็นบาปบุญคุณโทษ
เหล็กไหลในถ้ำเดียวกันกับที่มีต้นตะเคียนยักษ์นั้นเอง ได้ทำการย้อยตัวลงมาจากผนังถ้ำแล้วตกลงในบาตรของท่านพระอาจารย์มั่นโดยดุสดี!

เหล็กไหลของมีค่าสุดยอดความปรารถนาชิ้นนั้นที่หลายคนต่างพากันไปสังเวยชีวิต ท่านเชื่อหรือไม่ว่าพระอาจารย์มั่นท่านกลับไม่มีความต้องการ
เมื่อท่านได้มาแล้วกลับนำไปโยนทิ้งลงแม่น้ำโขง ทั้งนี้เพื่อตัดปัญหาในอนาคตไม่ให้ผู้ใดขึ้นมาแก่งแย่งมาตัดเหล็กไหลในถ้ำนี้อีก เรียกว่าเป็นการตัดปัญหา
ความโลภของมนุษย์นั่นเอง มนต์ขลังของเหล็กไหลบนภูเขาควายยังคงเป็นสิ่งที่ล่อใจใครต่อใครอีกเป็นจำนวนมากแม้ว่าต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม!

Comment ส่วนตัวของผู้ขอยืมมาเผยแพร่ (ไม่จำเป็นต้องมีทุกท่าน อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ แล้วแต่ผู้นำมาปันมาแชร์เห็นสมควร ^ ^)

สำหรับเรื่องเหล็กไหลนี้ ก็เป็นของคู่กับกลุ่มชนไทยเรามาช้านาน แต่มันก็น่าแปลกพอๆกับครุฑ ตรงที่ว่า ไม่ค่อยมีใครเอาเรื่องเหล็กไหลมาเขียนเท่าไหร่เลย ส่วนใหญ่เราจะพบเรื่องราวของเหล็กไหลในนิตยสารพระเครื่อง หรือสารคดีที่นำเสนอ folklore เป็นหลัก มีหลุดมาให้เห็นเป็นหนังเรื่องมนุษย์เหล็กไหล เมื่อนานมาแล้ว แค่เรื่องหนึ่ง  แล้วก็ที่เด่นจนผมจำติดหัวอีกอย่าง ก็คือ เหล็กไหล เป็น 1 ในของวิเศษที่แม่มดหับเผย ในอุทัยเทวีชอบใช้
ผมเอง เคยถูกรุ่นพี่ต่างคณะคนหนึ่งถามว่า " ทำไม ทั้งๆที่ครุฑเป็นของสูง เป็นตราประจำธนบัตร และเอกสารสำคัญต่างๆ แต่เรื่องเล่าของครุฑน้อยมากๆเลย ครุฑไปปราฎเด่นทางแถบชวามลายูมากกว่าไทยซะอีก "  ตอนนั้นผมก็ยังเฟรชชี่ๆ (ตอนนี้ก็ยังเฟรชนะครับ XD)  เลยตอบเฮียแกไปว่า
" คงเพราะบ้านเราเป็นถิ่นนาคมั้งพี่ " พี่แกก็ไม่รู้พอๆกัน เลยเออออไป

แต่สำหรับเรื่องเหล็กไหลนี้  ผมสันนิษฐานว่า การที่นักเขียนรุ่นครูอาจารย์เรา หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง น่าจะเพราะเหล็กไหลคอนโทรลยาก แม้กระทั่งในโลกสมมุติในงานประพันธ์  เพราะจะทำให้เรื่องไม่สมดุล หรือจืดไม่สนุกได้  

ไม่แตกต่างจาก การที่ Square จำเป็นต้องฆ่าแอริส ซึ่งเป็นนางเอกคนเดิมของ ไฟนอล 7 ทิ้ง แล้วเอาทิฟ่า มาเสียบแทน  เพราะแอริสเก่งเกินไป เก่งจนสามารถทำให้พระเอกเอาชนะตัวร้ายของเรื่องได้ง่ายๆ (ถ้านางมีชีวิตอยู่จนถึงตอนจบ) ถ้าใครไม่เคยสัมผัส F7 ก็จะสปอยให้สั้นๆครับ

คือ นางเอกร่ายมนต์สั้นๆ เสกเปรี้ยง พระเอกไร้เทียมทาน ฟันแทงไม่เข้า โดนระเบิดไม่ตายแถมไม่มีแผล ไปราวๆ 30 นาที แล้วแบบนี้ เรื่องจะสนุกไหม คนดูก็รู้ทันที เดี๋ยวตัวโกงก็ตายแบบหมาละ = =

Square จึงต้องฆ่าแอริสทิ้ง แล้วทำนางเอกใหม่มาเสียบ เพื่อให้ F7 คงความสนุกไว้ได้ (แถมได้แอร์ไทม์กับดราม่า ช่วงแอริสตายด้วย)

เหล็กไหลก็เช่นกันครับ ถ้านำมาใช้ไม่ระวัง ตัวละครฝ่ายที่มีเหล็กไหล ก็จะแข็งแกร่งเกิน จนอีกฝ่ายชนะได้ยาก (แล้วก็งานเข้านักเขียนอีกแหละ ต้องมาแก้ปัญหาให้เรื่องเดินต่อไปได้ แบบมีเสน่ห์ชวนติดตามด้วย)  ซึ่งถ้าไปอยู่กะฝ่ายอธรรม มันก็ยังดีว่า เรื่องน่าติดตาม ว่าพวกพระเอกจะแก้ไขยังไง (แต่นักเขียนเหนื่อย)  แต่ถ้าไปอยู่กะฝ่ายพระเอก คราวนี้ เรื่องเฝือเลยครับ จืดสนิท เพราะคนดูจะมองเลย เฮ้ย แบบนี้ชนะแน่ๆ แล้วก็อาจจะไม่ค่อยอยากติดตาม เพราะเห็นเป็นของตายไป

ซึ่งทั้งหมดนั่นก็แค่เพียงทัศนะของผม ต่อคำถามที่ว่า ทำไม...เราไม่ค่อยเห็น " เหล็กไหล " ในงานประพันธ์ไทย นะครับ

และเรื่อง เหล็กไหล นี้แม้จะเป็น 1 ในรากไทยได้ แต่ก็ไม่ใช่ของผมเองจริงๆนะครับ ผมยืมเขามาเพื่อเป็น Sample สำหรับการแชร์การปันของเรานะครับ  ตัวผมเองจะกลับไปทำการบ้าน หา folklore ที่เหมาะกับตัวผม และเป็นของไทย มีความเป็นไทย สืบสานรากไทย และบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ของผมมาให้ในโอกาสหน้านะครับ

(ระหว่างนี้รอดูพระรอดลำพูนของคุณลิต่อ แล้วก็หาทางจบเรื่องของตัวเอง ทุกๆเรื่อง ฮี่ๆๆๆ)

ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่