กระทู้สาระมาเยอะแล้ว วันนี้ชวนไปเที่ยว ไปกินบ้าง ที่หลายคนอาจจะไปบ่อยแล้ว หรือบางคนอาจกำลังแพลนจะไป
เราขอไม่รีวิวเชิงแนะนำแล้วกันเพราะทริปนี้ไปมาจะครบปีแล้ว ข้อมูลไม่ได้เป๊ะอะไรมาก แค่มาแชร์ความสนุก ประสบการณ์ ความอ้วนตัวแตก ความช็อปกระเป๋าฉีก ความเดินจนขาบวมตัวสั้นในแบบของเรา เผื่อเป็นไอเดียจัดทริปของเพื่อนๆนะคะ
จะลำดับเหตุการณ์ (เท่าที่จำได้แบบง่ายๆ คือเราจำแต่ของกิน ในหัวมีแต่แบบกินอะไรดี 555)
เราผู้ร่วมทริป 2 คู่ จริงๆ 5 คน กล่าวคือ เพื่อนกำลังตั้งครรภ์ 6 เดือนไปด้วย นี่เครียดมากพูดเลย ห่วงเพื่อนและหลานในท้องมาก เป็นการจัดทริปเพื่อคนท้องครั้งแรกในชีวิต 555 โจทย์คือ ทำอย่างไรให้เพื่อนไม่เหนื่อยจนเกินไป เพราะญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ต้องเดินเยอะมาก เราก็แพลนสถานที่หลักๆที่เราอยากไป พร้อมวิธีการเดินทาง แม้กระทั้งประตูทางออกรถไฟฟ้าให้พลาดน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เพื่อนต้องเดินเยอะ แต่...ค่ะ ...แต่ 4 เท้ารู้พลาด นักปราชญ์รู้พลั้ง ผู้หญิงอวบอย่างเราก็ต้องพลาดค่ะ
พอเริ่มพลาดบ้าง เราก็เริ่มคิดละ ใช้ผู้ชายใรทริปให้เป็นประโยชน์ นั่นคือ การให้แฟนเรา เดินไปดูทางให้ก่อนว่าชัวร์ไหม ถ้าใช่ค่อยเดินมาตามเรากับเพื่อน ต้องปรบมือต่อหน้าสื่อให้นางเลยจริงๆ ดูและเราและเพื่อนเราอย่างดี ดีมากจริงๆ
เป้าหมายของทริปนี้คือ กิน ช็อป และเป็นนางแบบ คือเราจะถ่ายรูปรัวๆนั่นเอง ขอเล่าเป็นข้อๆ ในส่วนที่น่าจะเป็นประโยชน์ละกันนะคะ
** ภาพและข้อมูลเพิ่มเติมของสถานที่ อาหาร และแหล่งช็อปปิ้ง จะทยอยเขียนเพิ่มในความคิดเห็นต่อๆไป**
1.ช่วงเวลาเดินทาง 24 พ.ย. 59 – 1 ธ.ค. 59 เป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี น่าจะช่วงปลายฤดูแล้ว มีฝนแค่ 1 วัน อุณหภูมิสูงสุด 8 ต่ำสุด 2 องศาช่วงกลางคืน
2. เดินทางไปกลับด้วยสายการบิน แอร์เอเชีย (ดอนเมือง – นาริตะ) เลือกบินไปกลางวัน และกลับกลางคืน ค่าตั๋ว ค่าน้ำหนักกระเป๋า ค่าอาหารบนเครื่อง
ค่าใช้จ่ายในการเลือกที่นั่ง รวม ไป – กลับ ต่อ 1 คนประมาณ 13, 000 บาท แต่ขาไปน้ำหนักกระเป๋าเกิน 2 กิโล จริงๆช่างมาจากบ้านแล้ว ผิดที่เราแหละขนเฟอไปเยอะ 555 จ่ายเพิ่มปาดเหงื่อไป 1,800 อันนี้เพื่อนๆต้องระวังนะคะ ไม่น่าจะต้องมาจ่ายอะไรแบบนี้เลย ซูชิหายไปหลายชิ้น

3. โรงแรมที่พัก 6 คืนแรก คือ โฮริโดเมะ วิลลา Hotel Horidome Villa จองผ่าน bookin.com ราคาไม่แพง สะอาด ปลอดภัย พนักงานบริการดี ฝากระเป๋าได้ ห้องเล็กตามสไตล์ มีร้านอาหารรอบๆ family mart ไม่พลุกพล่าน เดินไปรถไฟใต้ดิน Kodenmacho Station ได้ (Hibiya Subway Line)

4. คืนสุดท้ายย้ายไปพักที่โอไดบะ ไปนอนเฝ้ากันดั้มที่ Grand Nikko Tokyo Daiba คืนละ 6000 กว่าบาทเป็นโรงแรม 4 ดาวราคานี้ไม่มีอาหารเช้า บรรยากาศดี เห็นวิวเกาะโอไดบะ ตอนไปสนามบินนาริตะ มีรถบัสจากโรงแรมไปส่ง (จ่ายเพิ่มคนละประมาณ 600 บาท)

5. สถานที่หลักที่เราไปตอนพักอยู่ในโตเกียวก็มี วัดอาซากุสะ, Yokohama, ฟูจิ kawaguchiko , Tokyo Sky tree, มหาลัยโตเกียว สวนสาธารณะต่างๆ เพื่อถ่ายภาพกับใบแปะก๊วยสีเหลือง ที่เหลือก็ใสๆวัยรุ่นชอบ Shinjuku , Shibuya, Harajuku และที่ไปเกือบทุกวันคือ ตลาดปลาเรากับแฟนชอบทานปลาดิบและอูนิมาก และคืนสุดท้ายย้ายที่พักก็ไปเที่ยวโซนโอไดบะ Rainbow Bridge เทพีเสรีภาพ, Diver City Tokyo Plaza กันดั้มเขาอยู่ห้างนี้ และที่ชอบมากสำหรับคืนสุดท้ายคือ oedo onsen monogatari
** รีวิวนี้อาจไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก แต่ถือว่าเอามาฝาก และเป็น Dairy ของเราแล้วกันเนอะ**
ทริปลากกระเป๋า แบกถุงช็อป ตัวแตกที่โตเกียวช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี [7 วัน 7 คืน]
กระทู้สาระมาเยอะแล้ว วันนี้ชวนไปเที่ยว ไปกินบ้าง ที่หลายคนอาจจะไปบ่อยแล้ว หรือบางคนอาจกำลังแพลนจะไป
เราขอไม่รีวิวเชิงแนะนำแล้วกันเพราะทริปนี้ไปมาจะครบปีแล้ว ข้อมูลไม่ได้เป๊ะอะไรมาก แค่มาแชร์ความสนุก ประสบการณ์ ความอ้วนตัวแตก ความช็อปกระเป๋าฉีก ความเดินจนขาบวมตัวสั้นในแบบของเรา เผื่อเป็นไอเดียจัดทริปของเพื่อนๆนะคะ
จะลำดับเหตุการณ์ (เท่าที่จำได้แบบง่ายๆ คือเราจำแต่ของกิน ในหัวมีแต่แบบกินอะไรดี 555)
เราผู้ร่วมทริป 2 คู่ จริงๆ 5 คน กล่าวคือ เพื่อนกำลังตั้งครรภ์ 6 เดือนไปด้วย นี่เครียดมากพูดเลย ห่วงเพื่อนและหลานในท้องมาก เป็นการจัดทริปเพื่อคนท้องครั้งแรกในชีวิต 555 โจทย์คือ ทำอย่างไรให้เพื่อนไม่เหนื่อยจนเกินไป เพราะญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ต้องเดินเยอะมาก เราก็แพลนสถานที่หลักๆที่เราอยากไป พร้อมวิธีการเดินทาง แม้กระทั้งประตูทางออกรถไฟฟ้าให้พลาดน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เพื่อนต้องเดินเยอะ แต่...ค่ะ ...แต่ 4 เท้ารู้พลาด นักปราชญ์รู้พลั้ง ผู้หญิงอวบอย่างเราก็ต้องพลาดค่ะ
พอเริ่มพลาดบ้าง เราก็เริ่มคิดละ ใช้ผู้ชายใรทริปให้เป็นประโยชน์ นั่นคือ การให้แฟนเรา เดินไปดูทางให้ก่อนว่าชัวร์ไหม ถ้าใช่ค่อยเดินมาตามเรากับเพื่อน ต้องปรบมือต่อหน้าสื่อให้นางเลยจริงๆ ดูและเราและเพื่อนเราอย่างดี ดีมากจริงๆ
เป้าหมายของทริปนี้คือ กิน ช็อป และเป็นนางแบบ คือเราจะถ่ายรูปรัวๆนั่นเอง ขอเล่าเป็นข้อๆ ในส่วนที่น่าจะเป็นประโยชน์ละกันนะคะ
** ภาพและข้อมูลเพิ่มเติมของสถานที่ อาหาร และแหล่งช็อปปิ้ง จะทยอยเขียนเพิ่มในความคิดเห็นต่อๆไป**
1.ช่วงเวลาเดินทาง 24 พ.ย. 59 – 1 ธ.ค. 59 เป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี น่าจะช่วงปลายฤดูแล้ว มีฝนแค่ 1 วัน อุณหภูมิสูงสุด 8 ต่ำสุด 2 องศาช่วงกลางคืน
2. เดินทางไปกลับด้วยสายการบิน แอร์เอเชีย (ดอนเมือง – นาริตะ) เลือกบินไปกลางวัน และกลับกลางคืน ค่าตั๋ว ค่าน้ำหนักกระเป๋า ค่าอาหารบนเครื่อง
ค่าใช้จ่ายในการเลือกที่นั่ง รวม ไป – กลับ ต่อ 1 คนประมาณ 13, 000 บาท แต่ขาไปน้ำหนักกระเป๋าเกิน 2 กิโล จริงๆช่างมาจากบ้านแล้ว ผิดที่เราแหละขนเฟอไปเยอะ 555 จ่ายเพิ่มปาดเหงื่อไป 1,800 อันนี้เพื่อนๆต้องระวังนะคะ ไม่น่าจะต้องมาจ่ายอะไรแบบนี้เลย ซูชิหายไปหลายชิ้น
4. คืนสุดท้ายย้ายไปพักที่โอไดบะ ไปนอนเฝ้ากันดั้มที่ Grand Nikko Tokyo Daiba คืนละ 6000 กว่าบาทเป็นโรงแรม 4 ดาวราคานี้ไม่มีอาหารเช้า บรรยากาศดี เห็นวิวเกาะโอไดบะ ตอนไปสนามบินนาริตะ มีรถบัสจากโรงแรมไปส่ง (จ่ายเพิ่มคนละประมาณ 600 บาท)
5. สถานที่หลักที่เราไปตอนพักอยู่ในโตเกียวก็มี วัดอาซากุสะ, Yokohama, ฟูจิ kawaguchiko , Tokyo Sky tree, มหาลัยโตเกียว สวนสาธารณะต่างๆ เพื่อถ่ายภาพกับใบแปะก๊วยสีเหลือง ที่เหลือก็ใสๆวัยรุ่นชอบ Shinjuku , Shibuya, Harajuku และที่ไปเกือบทุกวันคือ ตลาดปลาเรากับแฟนชอบทานปลาดิบและอูนิมาก และคืนสุดท้ายย้ายที่พักก็ไปเที่ยวโซนโอไดบะ Rainbow Bridge เทพีเสรีภาพ, Diver City Tokyo Plaza กันดั้มเขาอยู่ห้างนี้ และที่ชอบมากสำหรับคืนสุดท้ายคือ oedo onsen monogatari
** รีวิวนี้อาจไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก แต่ถือว่าเอามาฝาก และเป็น Dairy ของเราแล้วกันเนอะ**