(ย้อนรอยละครช่อง3)เหตุเกิตในครอบครัว อีกหนึ่งละครน้ำดีสร้างสรรค์สังคมจากค่ายบรอดคาซท์ ที่ถูกลืมไปจากความทรงจำ


เหตุเกิดในครอบครัว (2550)
จากบทประพันธ์ของ : สีฟ้า
บทโทรทัศน์โดย : คฑาหัสต์ บุษปะเกศ,สถาพร สุชาติ
กำกับการแสดงโดย : คุณหมี โชติรัตน์ รักเริ่มวงษ์
ผลิตโดย : บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 19.00 น. (ออกอากาศเมื่อ 3 พฤษภาคม 2550 - 18 มิถุนายน 2550)
นำแสดงโดย :
นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช รับบท ปุณย์
แอน สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ รับบท ปัทมาภรณ์
ตุ๊กตา อินทิรา แดงจำรูญ รับบท ใหม่
วัชรินทร์ ฟรานซิส แองกุส รับบท ป๋อง
ดุ๊ก ภาณุเดช วัฒนสุชาติ รับบท ฉัตร
อรัญญา นามวงศ์ รับบท มารศรี
วิไลวรรณ วัฒนพานิช รับบท แม่จำเนียร
ด.ญ. วรมน จิวลวัฒน์ รับบท ปารวดี (ปา)
ด.ช. นนท์ หงษ์มานพ รับบท ปรศุ (ปอ)
และนักแสดงอีกคับคั่ง

เรื่องย่อ :
สวัสดีครับ ผมชื่อ ปอ อายุ 10 ขวบ มีพี่สาวชื่อ ปา อายุ 12 เราทั้งสองเป็นครอบครัวตัว ป. จริงๆ เพราะพ่อของเราชื่อ ปุณย์ ส่วนแม่ก็ชื่อ ปัท ช่วยขยับเข้ามาชิดๆ เอียงหูเข้ามาใกล้ๆ ซิครับ ผมมีเรื่องจะนินทาพ่อกับแม่ของผมให้ฟัง
แม่ของผมนะครับจัดเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทช้างเท้าหลังอย่างผู้หญิงไทยโบราณ แม่ผมเป็นนักวิชาการฝีปากกล้า ที่เดี๋ยวไปอภิปรายที่นั่น เดี๋ยวมาบรรยายที่นี่ มีชื่อเสียงไม่หยอกครับ แต่พออยู่ในบ้านแม่จัดเป็นแม่บ้านที่ไม่เอาไหนเลยเพราะขนาดไข่ดาวยังทอดไหม้ สู้พ่อผมก็ไม่ได้ เพราะแม้พ่อจะทำงานอยู่บริษัทฝรั่งเงินเดือนแพง แต่พ่อก็ทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่เสียอีก (ผมไม่ได้เข้าข้างพ่อนะครับ) และก็เพราะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอย่างนี้แหละครับ ที่มักจะเป็นจุดก่อให้เกิดศึกย่อยๆ ขึ้นในครอบครัวของผม จากเรื่องไข่ก็บานปลายเป็นเรื่องสิทธิระหว่างเพศจนอาจเลยเถิดไปถึงเรื่องการเมืองก็ยังได้ พ่อผมนะหรือครับจะสู้ฝีปากแม่ผมได้ อย่างเก่งก็แค่มานินทาให้ผมฟังลับหลังว่าแม่นะพูดจนลิงยังหลับ และก็เช่นทุกครั้งเหมือนกันที่พอมวยคู่ใหญ่เริ่ม ก็มักลามให้เกิดมวยคู่เล็กของผมกับพี่ปาเสมอ ก็แหม...ทีพ่อแม่ยังขัดแย้งกันบ่อยๆ ผมกับพี่ปาก็เลยได้กรรมพันธุ์เรื่องนี้มาเต็มๆ ยังดีที่เราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน การวิวาทกันจึงเกิดแค่ในบ้านเท่านั้น
แต่ปัญหาของครอบครัวผมไม่ได้มีแค่นี้นะครับ เพราะพ่อผมนะไม่ถูกชะตาอย่างแรงกับ คุณยาย มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็ใครต่อใครว่าพ่อผมนะเป็นคนปากไม่ดีหนึ่งล่ะ ส่วนอีกอย่างก็เพราะคุณยายเคยหมายตา ลุงฉัตร ผู้ที่ปัจจุบันมีฐานะการงานที่ก้าวหน้าจนเกือบจะได้เป็นนายพลอยู่รอมร่อ แต่สุดท้ายก็ต้องมาคลาดแคล้วกันไปเพราะแม่มาลงเอยกับพ่อแทน (ผมว่าที่คุณยายไม่ชอบพ่อ คงเพราะเหตุผลข้อแรกมากกว่า)
นิยายรักของพ่อกับแม่ผมเริ่มต้นอย่างโรแมนติกที่เมืองนอกตอนที่แม่ไปเรียนต่อปริญญาโท ส่วนพ่อแม้จะจบเพียงวิทยาลัยธุรกิจแต่ก็ได้ช่องและจังหวะทำให้ได้ทำงานกับองค์กรฝรั่งตั้งแต่อยู่เมืองนอก และก็คงเพราะบรรยากาศเป็นใจทำให้พ่อแม่ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างสายฟ้าแลบที่นั่น เล่นเอาคุณยายเต้นเป็นเจ้าเข้าเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ก็คนรักกันนี่ ในช่วงนั้นพ่อแม่ยังรักกันจ๋าอย่างที่เรียกว่าน้ำต้มผักยังว่าหวาน และตอนแม่เป็นสาว พ่อก็ว่าแม่น่ารักที่เป็นคนรั้นและขี้งอน แต่ทำไมพอเวลาผ่านไปพ่อถึงเปลี่ยนความคิดก็ไม่รู้
หนำซ้ำญาติผู้ใหญ่ของผมทั้งสองฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เพราะคุณยายกับ คุณย่า ผมไม่เหมือนกันเลย เป็นคนแก่คนละประเภทโดยสิ้นเชิง คุณยายผมน่ะแม้จะอายุย่างเข้า 60 แต่ก็ยังดูสาวกว่าอายุ แต่งตัวทันสมัย ชอบตีกอล์ฟแถมเป็นคุณหญิงเสียด้วย ส่วนคุณย่าผมเป็นแค่คหปตานีเจ้าของสวนที่เมืองนนท์ที่เป็นคนแก่ชาวบ้านธรรมดาๆ แม่ผมนะชอบนินทาคุณย่าบ่อยๆ ว่ากะเร่อกะร่า ว่าที่จริงผมรักคุณยายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะเอียงไปทางคุณย่าเสียมากกว่า
ดูจะมีญาติทางฝ่ายแม่คนเดียวเท่านั้นที่ดูจะพูดคุยได้ถูกคอกับพ่อคือ น้าใหม่ น้าใหม่เป็นผู้หญิงครับ สวยเสียด้วยเป็นตั้งดอกเตอร์ ใหม่ทั้งชื่อแล้วก็ความคิดอ่าน แต่งเนื้อแต่งตัวสมัยใหม่เปี๊ยบ แต่บางอย่างไม่ยักเหมือนแม่ของผม คือน้าใหม่ทำกับข้าวเก่งชะมัด และแม้น้าใหม่จะเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณยาย แต่ดูคุณยายจะไม่รักใคร่เท่าไหร่ ฤทธิ์ที่ชอบขัดคออยู่เสมอๆ จนคุณยายจัดน้าใหม่เป็นประเภทขวางโลกเช่นเดียวกับพ่อของผม
ส่วนพรรคพวกของพ่ออีกคนก็คือ ลุงป๋อง ลุงป๋องเป็นเพื่อนสนิทของพ่อและยังเป็นเพื่อนที่ดีของผม ถึงจะแก่กว่าผมตั้งสามรอบก็ตาม ลุงป๋องเขาเป็นม่ายเมียตายมาหลายปีแล้ว มีลูกชายคนเดียวเรียนอยู่เมืองนอก โดยมีอดีตแม่ยายคอยดูแลให้ ผมเคยได้ยินลุงป๋องบ่นกับพ่อว่าที่ไม่คิดจะแต่งงานใหม่เพราะยังเข็ดความวุ่นวายจุ้นจ้านของแม่ยายไม่หาย
พักหลังๆ มานี่แม่ผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเท่าไหร่เพราะแม่ต้องออกสมาคมข้างนอกบ่อยๆ รวมถึงต้องไปเล่นกอล์ฟที่นั่นที่นี่ ทำให้ลูกจ้างที่มีอยู่แล้วสองคนคือ ศรี กับ คำใส ไม่พอรับผิดชอบงานในบ้าน เราถึงได้แม่บ้านคนใหม่มา แข เป็นแม่ม่ายสาวใหญ่ หน้าตาสะสวยและทำอาหารอร่อย ตั้งแต่แขมาอยู่ดูพ่อจะอารมณ์ดีขึ้นหน่อยเพราะกาแฟของพ่อคงมีรสชาติอร่อยขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ปัญหาครอบครัวของผมเริ่มขึ้นจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่พ่อของผมตกงานล่ะครับ ใช่ครับยุคนี้เรื่องตกงานนั้นง่ายกว่าได้งานซะอีก แล้วผู้ใหญ่อายุ 30 กว่าอย่างพ่อก็คงปรับตัวลำบากที่ถูกลอยแพเสียอย่างนี้ จากเรื่องนี้ล่ะครับทำให้ลุกลามไปยังเรื่องอื่น ก็ในขณะที่เส้นกราฟชีวิตพ่อผมพุ่งลง กราฟของแม่กลับพุ่งสวนทางขึ้นเพราะแว่วๆ ว่าแม่จะได้เป็นรองอธิบดี
ส่วนลุงฉัตรก็กำลังเฟื่องไม่ต่างกันเพราะได้เป็นถึงนายพล และเข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วย ยิ่งเมื่อเทียบกับพ่อผมตอนนี้ ลุงฉัตรยิ่งถูกเชิดชูให้เด่นโดยคุณยายอย่างนอกหน้า ซ้ำยังคอยนินทาคุณหญิงภรรยาลุงฉัตรด้วยว่าเชยเสียไม่มี โอ๊ย...สารพัดจะค่อนขอดเขา ฟังๆ ดูภรรยาลุงฉัตรจะสู้แม่ผมไม่ได้สักอย่าง แถมระยะหลังๆ แม่ยังไปออกรอบกับสมาคมกอล์ฟที่มีลุงฉัตรร่วมอยู่ด้วยบ่อยเข้า (ดูเหมือนจะมีคุณยายเป็นใจอยู่ด้วย) และพ่อก็ได้ยินคุณยายสรรเสริญลุงฉัตรมากขึ้นเท่าไหร่ พ่อกับแม่ก็ยิ่งมีเรื่องขัดใจกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ตัวต้นเหตุคงไม่ใช่ลูกกอล์ฟกลมๆ หรอกครับ น่าจะเป็นลุงฉัตรเสียมากกว่า ยิ่งผนวกรวมคุณยายที่ชอบแขวะพ่อเรื่องตกงานจนพ่อมาบ่นกับผมว่าคุณยายกับแม่ทำให้พ่อรู้สึกเหมือนคนไร้ค่า แหม...ถ้าผมโตได้รวดเร็วกว่านี้ ผมจะทำงานหาเลี้ยงพ่อเอง
ถึงพ่อแม่จะปึงปังใส่กันแต่ก็แปลกแฮะ เขาไม่ยักแยกห้องกัน เห็นโกรธกันทะเลาะกัน แต่แล้วพอถึงเวลานอนเขาก็นอนห้องเดียวกัน ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนเราที่เคยรักกันมากๆ ถึงขนาดตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันในบ้านเดียวกันทำไมถึงได้โกรธกัน มันไม่เหมือนผมกับพี่ปานี่ พี่ปากับผมน่ะโกรธกันทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ผมกับพี่ปาไม่ได้ตกลงกันมา ไม่ได้เต็มใจอยู่ด้วยกันเองในบ้านเดียวกัน มันเกิดตามกันมาเป็นพี่เป็นน้องกันเอง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงได้ แต่อย่างพ่อกับแม่ตกลงกันเองแท้ๆ ทีเดียวว่าจะอยู่ด้วยกัน
และแล้ว ลุงรอง พี่ชายของแม่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณยายก็ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ผมแอบได้ยินพ่อเรียกตำแหน่งของลุงรองว่ารัฐมนตรีหยิบฉวย และก็เพราะตำแหน่งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านคุณยายเป็นการใหญ่ ใครต่อใครหมั่นมาเยี่ยมเยียนกันไม่ซ้ำหน้า รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ตำแหน่งรัฐมนตรีของลุงรองพลอยทำให้ ป้าชื่น ภรรยามีหน้ามีตาขึ้นมาทันที พี่จ้อย ของผมเปลี่ยนแปลงไปด้วย พี่จ้อยคือลูกชายคนเดียวของลุงรอง อายุแก่กว่าผมสามปีกว่า เรียนค่อนข้างเก่ง แต่ผมไม่ใคร่ชอบพี่จ้อยเท่าไรนัก เพราะพี่จ้อยเป็นคนเจ้าอารมณ์ยังไงไม่รู้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วก็โม้เก่งชะมัด
ว่าที่จริงลุงรองเขาได้เป็นรัฐมนตรีเรื่องมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับครอบครัวเรา แต่ก็เกี่ยวกันจนได้นั่นแหละ เพราะคุณยายถือเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งของวงศ์สกุล แม่เองก็ตื่นเต้นยินดีและพลอยได้รับผลดีไปด้วย ผมค่อนข้างจะรู้สึกของผมเองว่าตั้งแต่ลุงฉัตรมีชื่อเสียงดังขึ้น ลุงรองได้เป็นรัฐมนตรี แม่ของผมก็ชักจะมีชื่อในหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ในที่สุดแม่ผมก็ได้เป็นรองอธิบดีจริงๆ นะแหละ แหม...หนังสือพิมพ์บางฉบับบางคอลัมน์สวดกันยับไปเลยครับ เขาเรียกแม่ว่ารองอธิบดีสาวสวยที่สุดของยุค มีอยู่คอลัมน์หนึ่งเขียนเป็นนัยๆ ถึงความสัมพันธ์ของแม่และลุงฉัตรสมัยยังหนุ่มสาวมากๆ แต่แหม...ผมก็ไม่อยากให้ใครพูดอะไรๆ ถึงแม่แบบนี้เลย
แล้วก็เกิดเรื่องอีกจนได้ เมื่อวันที่แม่ได้รับตำแหน่งใหม่ พอกลับถึงบ้านพ่อซึ่งนั่งดื่มเบียร์อยู่ก็ไม่วายพูดประชดประชัน จนเกิดเรื่องทะเลาะกัน ก็นี่แหละครับวันต้อนรับตำแหน่งของแม่ในครอบครัววันแรก ผลก็คือผมกับพี่ปาต้องนั่งกินข้าวกันสองคน (ตามเคย) ต่างคนต่างเงียบกริบ ไม่เห็นอร่อยสักนิดเดียว ให้ตายซี (อุทานอย่างลุงป๋อง แต่ไม่เหมือนนักหรอกครับ ของลุงป๋องเขาไม่ตายเฉยๆ แต่ตายอย่างมีห่...อยู่ด้วย) แล้วแม่ก็โทรศัพท์ถึงคุณยายเพื่อถ่ายทอดเรื่องที่โต้เถียงกับพ่อไปเมื่อครู่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่กับคุณยายดูช่างสนิทสนมกลมเกลียวกันกว่าก่อนๆ ผมจำได้ว่าเมื่อตอนผมยังเล็กๆ ช่วงที่ครอบครัวเรากำลังมีความสุขดีที่สุด (ผมประมาณเอาจากการที่พ่อแม่ไม่เคยโต้เถียงกัน และมีการสัพยอกหยอกล้อเที่ยวเตร่ด้วยกันตามประสาพ่อแม่ลูก) ตอนนั้นน่ะคุณยายไม่ได้เข้ามายุ่งกับครอบครัวของเราเท่าไหร่หรอกครับ
บ้านผมตอนหลังๆ นี่แย่มากครับ แล้วก็ยิ่งแย่ลงทุกวันด้วย บางทีคนอื่นเขาอาจไม่รู้สึกกัน แต่ผมรู้สึกว่าพ่อแม่หมางเมินต่อกัน ทำยังกับว่าต่างคนต่างอยู่ทั้งๆ ที่เขาก็ยังนอนห้องเดียวกันอยู่ แต่พ่อผมนะหลังๆ นี่ไม่ค่อยกลับบ้านหรอกครับ บางทีก็หายไปตั้งวันสองวัน พ่อบอกผมว่าพ่อไปนอนบ้านคุณย่า ผมไม่เคยได้ยินแม่ถามหรือต่อว่าอะไรพ่อเลย เห็นแต่แม่เฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ แม่ผมเป็นรองอธิบดีฝ่ายอะไรก็ไม่รู้อยู่แค่ครึ่งปีเท่านั้นเองก็ได้เป็นอธิบดี ทีแรกพ่อก็ทำหน้าชื่น อาจจะเป็นเพราะกลัวแม่ว่าอิจฉาแม่ แต่ก็ชื่นอยู่ไม่นานเพราะข่าวคราวเกี่ยวกับแม่และลุงฉัตร เป็นข่าวทำนองซุบซิบในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์เก่าๆ ของแม่และลุงฉัตร ผมว่าพวกเราลูกๆ นี่ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อเรา บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับความรักที่พ่อแม่เขามีต่อกันเหมือนกันนะครับ ผมพูดยังงี้จะแก่แดดไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ซึ
พ่อยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้น กระทั่งวันหนึ่งแม่นัดผมกับพี่ปาเอาไว้หลายวันแล้วว่าจะไปตีกอล์ฟที่ศรีราชา แล้วจะเลยค้างพัทยากันสักหนึ่งคืน...ครับ...ก็คงไปพบกับเพื่อนสนิทมิตรสหายของแม่นั่นแหละ เห็นจะรวมทั้งลุงฉัตรด้วย เรื่องมันไม่น่าจะเป็นเรื่องขึ้นมาเลย ก็พอพ่อรู้ว่าผมไม่สบายเท่านั้นเอง พ่อก็ถือเอาโอกาสนี้จะให้ยิ้มดการไปศรีราชา แม่ไม่ยอม พ่อเลยเอะอะใหญ่หาว่าแม่รักสนุก รักที่จะไปเล่นกอล์ฟมากกว่าห่วงลูก แล้วก็เลยลามปามไปถึงเรื่องลุงฉัตร โอ๊ย...ผมกับพี่ปาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่โมโหโทโสใส่กันอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน พ่อพูดจาหยาบคายหลายคำ ตอนนี้ผมชักเห็นใจแม่ซึ่งเป็นถึงอธิบดี พี่ปาตัวสั่น เขาเป็นโรคกลัวคนทะเลาะกันครับ ยิ่งพ่อกับแม่ด้วยแล้ว พี่ปาเขามักจะหนีเข้าห้องปิดประตูเลย แต่ที่สุดแม่ก็พาพี่ปาออกไป คงไม่ได้คิดอยากจะไปตีกอล์ฟหรอกครับ คงเลี่ยงการปะทะคารมกับพ่อมากกว่า และพี่ปาก็มาเล่าให้ผมฟังทีหลังว่าแม่ไปปรึกษากับคุณยายเรื่องที่พ่อเป็นยังงี้ แต่คุณยายกลับสรุปว่าพ่อนั่นแหละเป็นตัวขัดขวางความเจริญของแม่ แล้วไม่วายตบท้ายถึงความดีของลุงฉัตร เข้าทำนองยุให้รำตำให้รั่วเลยครับ

เรื่องย่อค่อนข้างยาว เดี๋ยวจะมาต่อพร้อมเกร็ดน่ารู้สำหรับละครเรื่องนี้นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่