แบกเป้ เที่ยวกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน

         สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ ที่ได้ไปเที่ยวมานะค่ะ เนื่องจาก จขกท. กับ เพื่อนอยากไปน้ำตกเอราวัณมากๆ เลยจัดทริปเพื่อไปที่นั้นโดยเฉพาะ ตอนแรกกะจะไปนอนเต้นท์ แต่ว่าไปกันแค่ ผญ สองคน เลยคิดว่าน่าจะไม่ปลอดภัยเท่าไร (safty first) เลยตัดสินใจหา โรงแรมใกล้ๆ แต่คิดแล้วว่าคงได้ไปเที่ยวไม่กี่ที่ ถ้าไม่ได้ขับรถไปเอง แต่มีอยู่กระทู้หนึ่งแนะนำให้ไปพักที่บ้านชาวเกาะโฮมเสตย์ ซึ่งมีคุณลุง(ลุงยศ) พานำเที่ยว แล้วไปหลายที่มาก ถึงมีรถก็ไม่สามารถไปได้ทั้งหมดเพราะไม่ชำนาญเส้นทางเหมือนเจ้าถิ่น พวกเราเลยตัดสินใจจะไปที่นี้เพราะรีวิวดีมากจากคนที่เคยไปพัก พวกเราสองคนเลยตัดสินใจจองทันที่ โดยค่าใช้จ่าย คือ 590 บาทต่อคน ถึงจะเป็นที่พักเล็กๆและไม่ได้หรูหรา แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากการตอนรับของคุณตาและคุณยาย

         เมื่อถึงวันเดินทางพวกเราไปถึงสถานีรถไฟกันแต่เช้าเพื่อไปจองตั๋วขึ้นรถไฟฟรีจากสถานีศาลายาไปน้ำตก แต่เราจะไปลงที่สถานีกาญจนบุรีเพื่อที่จะไปที่พัก หลังจากนั้นเปิดทริปด้วยข้าวหมกไก่ตลาดศาลายาจร๊า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ระหว่างทางไป รถไฟชั้นสามมีหลายตู้แต่โชคดีที่ได้ตู้ที่มีอากาศถ่ายเทและเห็นวิวข้างนอกอย่างชัดเจน ระหว่างทางก็จะมีคนมาขายก๋วยเตี๋ยวและน้ำ บนรถไฟตลอดทาง คือเราอิ่มกันมากกกกก

         หลังจากถึงสถานี เราก็ได้โทรไปหาพี่คนที่มารับ พี่เขาบอกว่าเป็นลูกของคุณลุง วันนี้คุณลุงพาคนฝรั่งไปเที่ยวตั้งแต่เช้าแล้ว เราก็โอเคขึ้นรถ ในรถ มีเราสองคน ไกด์และ พี่ที่มาพักอีกสองคน  รถมุ่งหน้าไปที่แรกคือประตูเมืองกาญจน์(1) พี่เขาพาไปไหว้ศาลหลักเมือง(2) ตอนเรามามันเป็นช่วงหน้าฝน ท้องฟ้ามืดไม่มาก แต่โชคดีฝนไม่ตก

          หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็ไปต่อกันที่วัดบ้านถ้ำ(3) ซึ่งมีประวัติความเป็นมาของมหาเศรษฐีผู้สร้างวัดและเรื่องขุนแผน มากไปกว่านั้นคือพวกเราต้องเดินไปถึงจุดสูงสุดก็จะมองเห็นวิวที่สวยงามจากข้างบน อยากจะบอกว่า จขกท.จะหยุดเดินตั้งแต่กลางคันแต่เพื่อนอยากขึ้นไปข้างบนมาก เราก็เลยโอเค เพราะมาด้วยกันก็ไปด้วยกัน ไม่อยากรออยู่กลางทาง (ในใจ: โปรดทิ้งฉันไว้กลางทาง) 55555  รู้เลยว่าร่างกายเราตอนนั้นอ่อนแอมาก เนื่องจากไม่ได้ออกกำลังกายมานานแล้ว แต่เราก็ไปถึงจุดบนสุดจนได้ เรากับเพื่อนได้น้ำมนต์เย็นๆ จากพระอาจารย์พร้อมกับสายสิญจน์ ดีใจมาก รู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ทำอะไรที่ใหญ่ยิ่ง555  ตอนลงไปไม่ต้องพูดถึงยากกว่าขึ้นอีกจร๊าาาา แทบขาดใจ55555 บันไดทั้งหมดกี่ขั้น ใครนับได้บอก จขกท. ไกด์บอกขึ้นไปหลายรอบ เหนื่อยจนเลิกนับทุกที555555555555


          ถัดมาพี่เขาพาไปให้อาหารปลาที่แม่น้ำแม่กลอง ซึ่งเกิดจากแม่น้ำแควใหญ่และแควน้อยไหลมาบรรจบกัน บรรยากาศดีมาก พอให้อาหารปลาเสร็จก็ได้เดินไปไหว้ร่างหลวงพ่อแบนในโรงแก้วที่วัดนางโน(4) ซึ่งศพของท่านไม่เน่าไม่เปื่อย และยังมีพระปรางค์ ของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ซึ่งถูกบูรณะขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ บรรยากาศตอนนั้นมันเย็นและขลังมาก เพราะที่นี้เคยเป็นวัดร้างมาก่อน เหมือนภาพในหนังไทยสมัยก่อนมันขึ้นมาฉายซ้ำในความคิดของเรา
        หลังจากนั้นก็เดินทางไปวัดถัดไปคือ วัดถ้ำเสือ เพื่อกราบนมัสการพระธาตุ และพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อเดินทางมาถึงด้านบนจะเห็นด้านล่างเป็นทุ่งนาเขียวขจี และชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาติที่อัญเชิญ มาจากประเทศ อินเดีย

           ต่อมาเดินทางไปต้นจามจุรียักษ์(5) และแวะไปกินอาหารเที่ยงแถวนั้น

           หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จก็เดินทางไปยังวัดถ้ำฤาษี (6) เป็นวัดที่สวยงามอีกที่หนึ่ง ทริปนี้วัดเยอะมากๆๆอิ่มบุญกันถ้วนหน้า หลังจากนั้นก็ไปจุดชมวิวสะพานหนองหญ้า-เกาะสำโรง(7) และจุดชมวิวที่วัดถ้ำเขาปูน(8) และต่อด้วยช่องเขาขาด(9) ซึ่งขอเตือนว่าถ้าไปเที่ยวเองให้ระวังทางรถไฟตรงนั้นด้วยเพราะรถไฟอาจะผ่านมาถ้าไม่เช็คเวลาให้ดีๆ แต่พี่ไกด์บอกว่าไม่มีรถไฟผ่านแล้ว ณ ช่วงเวลานั้น ที่นี้เป็นที่ถ่ายรูปได้สวยมาก หุหุ คือแบบตอนนั้นรู้สึกตัวเน่าสุดๆ เพราะไปเดินมาตั้งแต่เช้าที่วัดบ้านถ้ำ เหนื่อยมาก และทุกคนบนรถก็เน่าเช่นกัน5555 ยกเว้นไกด์ของเรา  

            และสามที่สุดท้ายของวันนี้ที่ไกด์จะพาไปถ่ายรูปชมบรรยกาศที่ ทุ่งดอกปอเทือง (10) และ สะพานข้ามแม่น้ำแคว(11) หลังจากนั้นถึงเวลากลับที่พักอาบน้ำแล้วออกมาเที่ยวถนนคนเดินต่อ ทาโกยากิอร่อยมากบอกเลย 5555555 พอหาข้าวมื้อดึกเสร็จ อาบน้ำอีกรอบแล้วก็นอนหลับยาว เพื่อวันพรุ่งนี้ของเรา นั้นก็คือน้ำตกเอราวัณนั้นเอง

            พอมาถึงอีกวันตอนเช้าคุณยายที่ที่พักเตรียมข้าวต้มกับปลาท่องโก๋ไว้ให้ อร่อยมากมายยยยยยยย น้องแมวมีนวดก็ออกมาเดินเล่นแถวนั้น น่าร๊ากกกกก พอเก็บของเสร็จแบกเป้ แล้วเตรียมตัวออกเดินทางตั้งแต่แปดโมง เพื่อไปรอรถเมล์ไปน้ำตกเอราวัณคันแรก (50  บาทต่อเที่ยว)ใช้เวลาเดินทางประมาณสอง ชม. ถึง พวกเรามีเป้แบกที่หลังด้วย ซึ่งเป็นภาระในการขึ้นไปชั้นเจ็ดอย่างมาก ตอนขึ้นไม่เท่าไร ตอนกลับล้มลุกคลุกคลาน เพราะโคลนมันแฉะแล้ว ล้มลุกคลุกคลานหลายรอบเลยที่เดียวเพราะคนมันเยอะ ทางก็แคบบ เราลื่นที่น้ำตกด้วยเพราะคนไปยืนถ่ายรูปกันและขวางทางเดิน เจ็บตัวไปคร๊า หินลื่นมาก ถ้าใครไปเที่ยวระวังด้วยนะคะเพราะมันอันตรายมาก ของสวยมักจะแฝงไปด้วยอันตราย ขากลับเราลื่นตกบันไดอีกจร๊า มันชันมากและเราลืมไปว่าขั้นที่เราเหยียบมันพังตอนขามาดีนะที่ไม่หล่นลงไปกองข้างล่างกันหมด เพื่อนดึงไว้ทัน แต่ก็เจ็บก้นไปอีกนาน หลายแผลมากเลยยย น้ำตกเจ้ากรรมนายเวรจริงๆ 5555 แต่เราทำบุญมาดีตั้งแต่วันแรก ยังไม่ตายคร๊า ถึงแม้เราจะลื่นล้มหลายครั้ง น้ำตกสวยมากคุ้มที่เสี่ยงชีวิตมา 5555555 ชั้นสามน่าเล่นสุดแล้ว แต่มันอันตรายมากเลย น้ำมันลึกอยู่ช่วงตรงกลางเพื่อนเราเกือบจบน้ำ เพราะ ขาอ่อนแรง เราว่าเป็นเพราะพวกเราเดินกันเยอะมากจริงๆ มากกว่าปกติหลายเท่า โชคดีพี่ที่ทำการรักษาความปลอดภัยที่น้ำตกทำงานได้เร็วมาก ปรบมือดังๆๆ ไม่งั้นคนคงไม่เห็นเพราะพี่เขาเป่านกหวีดหลายครั้งทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆเพื่อนเราไปช่วย คือตอนนั้นเราไปว่ายเล่นอยู่อีกฝั่งนึกว่าเพื่อนว่ายตามมา พอได้ยินเสียงนกหวีดก็หันกลับมา เราก็เห็น ผช สองคนที่อยู่ใกล้เพื่อนเรามาช่วยเพื่อนไว้แล้ว เรารีบว่ายกลับไปหา จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราว่ายกลับมาได้ยังไง จำได้เเค่ว่าตอนนั้นแว๊ปไปตรงที่เพื่อนอยู่แล้ว5555555 เป็นทริปที่โหดมากและสนุกด้วย เพราะถ้านอนอยู่ในห้องคงไม่ได้ใช้ชีวิตแบบ adventure แบบนี้หรอก มันทั้งเหนื่อย ตื่นเต้น สนุก เจ็บตัว น่ากลัว ในทริปอันสั้นๆนี้ มันจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมว่าครั้งหนึ่งชีวิตเราเคยแบกเป้ มาพิชิตน้ำตกเอราวัณมาแล้ว เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เส้นทางทุกเส้นย่อมมีสิ่งที่สวยงาม และอันตรายแอบแฝงอยู่ สิ่งที่เตรียมคือ หัวใจที่เข็มแข็งกับดวงเท่านั้นจร๊า ซึ่งงานนี้พวกก็รอดกลับบ้านมาอย่างปลอดภัยจร๊าาาา ดีไม่โดนแม่ด่า พาเพื่อนไปเถลไถล

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่