#เรื่องสั้นที่กะว่าจะส่งเข้าร่วมเกมถุงมือนักเขียนค่ะ แต่เมื่อเลื่อนกิจกรรม ลิจึงนำมาวางให้อ่านกันค่ะ#
ซินเดอเรลล่า ล่ารัก
โดย ล. วิลิศมาหรา
ฉันชื่อเอลล่า พ่อบอกว่าเป็นอีกชื่อของซินเดอเรลล่า หญิงสาวแสนสวยผู้โชคดีในนิทานปรัมปรา ฉันชอบชื่อนี้และรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตเหมือนหล่อนเข้าไปทุกที โดยเฉพาะเมื่อแม่ตายลง และพ่อแต่งงานใหม่กับแม่หม้ายสาวพราวเสน่ห์ มีลูกติดหนึ่งคนอย่างติวาห์ เสียแต่ว่าฉันไม่ใช่สาวน้อยเรียบร้อยอ่อนแอแบบนั้น ฉันเข้มแข็งเอาแต่ใจและดื้อ เคยโดนพ่อสั่งกักบริเวณหลายครั้ง
ในบ้านหลังใหญ่หรูหรา อุดมไปด้วยเครื่องประดับตบแต่งราคาแพง ตามแบบฉบับบ้านของคนรวยแห่งนครตาลัมบาน ฉันกำลังรอต้อนรับแม่เลี้ยงคนใหม่และริอันนาลูกสาวของหล่อนพร้อมกันกับพ่อ
“ลูกรัก พ่อเข้าใจดีว่าลูกคิดยังไงที่พ่อแต่งงานใหม่ พ่อแค่อยากจะขอร้องลูก ติวาห์กับ ริอันนา...พวกเธอเป็นคนดี พ่อรับรองได้ พ่อจะไม่ขออะไรกับลูกมากมาย เพียงอยากให้ลูกต้อนรับพวกเขาดีๆ ก็แค่กุมมือทักทาย...และยิ้ม ลูกของพ่อจะทำได้ไหม”
เสียงทุ้มนุ่มของคุณพ่อผู้น่ารัก...อย่างน้อยๆ ก็ก่อนที่ท่านจะหันไปคว้าเอายายแม่หม้ายผัวตายคนนั้นมาทำเมียเอ่ยขึ้น ท่านถึงกับลงทุนคุกเข่าลงข้างหนึ่งบนพื้น เอื้อมมือมาจับมือฉันไว้พลางอ้อนวอน ก็คงกลัวฉันออกฤทธิ์เสียตั้งแต่วันแรกที่พบพวกหล่อนนั่นแหละ
“แน่นอนสิคะคุณพ่อ” ฉันเชิดหน้าขึ้นตอบ มือปัดชุดกระโปรงตัวใหม่ก่อนยกขึ้นแตะปอยผมสีบลอนด์ยาวสลวย ที่วันนี้เซ็ตหยิกเป็นลอนไว้อย่างดี
“ไม่เห็นหรือคะว่าวันนี้ หนูถึงกับใส่ชุดใหม่มารอต้อนรับคุณผู้หญิงคนใหม่ของพ่อด้วย”ตอบเสียงขึ้นจมูก ทำหน้าจริงจังให้สมบูรณ์แบบ คนฟังพยักหน้าแต่สายตาดูไม่ใคร่เชื่อถือนัก แน่ละ เพราะท่านรู้จักลูกสาวคนนี้ของท่านดีน่ะซี ฉันร้ายจะตาย...แต่ร้ายเฉพาะกับคนที่ร้ายกับฉันเท่านั้นเองหรอก
“พ่อขอบใจลูกมาก เจ้าหญิงตัวน้อยของพ่อ”
พ่อยิ้มออก ริ้วรอยแห่งวัยกระจายเต็มใบหน้าชรา อืม...พ่อแก่ลงมาก ท่านคงเหงาและต้องการคนดูแลเอาใจใส่ ซึ่งฉันเข้าใจได้ เพราะเรื่องแบบนี้ใครๆ เขาก็ทำกัน ถึงแม้นิสัยตัวเองจะไม่ใช่นางเอก แต่ก็ไม่ได้ร้ายถึงขนาดตัวโกงที่เที่ยวไปขัดขวางความสุขของใครไปทั่ว และอันที่จริงฉันก็ไม่ได้หวงพ่อขนาดไม่ยอมให้แต่งงานใหม่ เพียงแต่ฉันรู้สึกไม่ค่อยชอบใจลูกสาวของแม่เลี้ยงต่างหาก...ริอันนา แม่สาวผมแดงตาสีเขียวใสเหมือนหยก ดาวดวงเด่นของโรงเรียนชั้นมัธยมปลายที่ฉันเรียนอยู่ หล่อนเป็นคู่แข่งคนสำคัญในชั้น ทั้งเรื่องความสวยและผลการเรียนอันเป็นเลิศ ไหนจะเรื่องที่หล่อนพยายามช่วงชิงความสนใจของไบรอันไปจากฉันอีกล่ะ ทั้งๆ ที่หล่อนก็รู้ว่าไบรอันกับฉันชอบกัน
แต่จะว่าไปมันก็น่าอยู่หรอก ไบรอันหนุ่มหล่อผมทอง ตาสีเขียวอมน้ำเงิน สูงสง่าคมเข้มราวเจ้าชายในเทพนิยายที่สาวๆ พากันฝันหา ลูกชายอัครมหาเศรษฐีแห่งตาลัมบาน พ่อของเขารวยกว่าและยิ่งใหญ่กว่าพ่อของฉันหลายเท่า เขาเป็นทั้งนักกีฬาเบสบอล นักเรียนเหรียญทองสามปีซ้อน นักร้องนักดนตรีของโรงเรียนที่มีสาวๆ ตามกรี๊ดมากที่สุด จึงไม่น่าแปลกที่ริอันนาจะโปรยเสน่ห์ของเธอแข่งกับหญิงสาวทุกคน รวมทั้งฉันด้วย แต่ไบรอันมีท่าทีสนใจฉันมากกว่าใคร เขาชอบผมสีบลอนด์สว่างกับตากลมโตสีฟ้าน้ำทะเลของฉัน แต่เหนืออื่นใดเขาบอกว่าชอบความจริงใจ ความเป็นตัวของตัวเองอย่างที่ฉันเป็นมากที่สุด
“มากันแล้ว”
คุณพ่ออุทาน นัยน์ตาเปล่งประกายวาววามเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูบ้าน รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปรอรับภรรยาคนใหม่ถึงหน้าประตู ฉันลุกตามไป แล้วก็ได้เห็นพวกเธอแม่ลูกเดินตามคนรับใช้ที่หอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินตรงมาหา
ติวาห์เป็นผู้หญิงร่างอวบแต่ยังมีส่วนเว้าส่วนโค้งดึงดูดสายตา ผมและตาเป็นสีเดียวกันกับลูกสาวของหล่อน พอพบหน้าเข้าจริงๆ ฉันกลับรู้สึกเป็นมิตรด้วย ใบหน้าสวยอิ่มเต็มของแม่หม้ายสาวใหญ่ดูเป็นคนดีมีเมตตา มิน่า พ่อถึงได้ตกหลุมรักหล่อนจนยอมตกร่องปล่องชิ้น แต่ลูกสาวของหล่อนนี่สิ...ที่พอสบตากันกับฉัน ริอันนาก็แสร้งทำหน้าเฉยราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
...
นังบ้า ไร้มารยาทที่สุด
“ติวาห์ดีใจมากที่ได้พบลูก เธอสัญญาว่าจะดูแลครอบครัวเราให้ดี ลูกเองก็ดีใจเหมือนกันใช่ไหมจ๊ะ บ้านเราจะได้มีแม่ศรีเรือนเสียที” พ่อแนะนำหล่อน สายตาบอกถึงความชื่นชมในตัวภรรยาใหม่ พูดเองเออเองเสร็จสรรพไม่ทันให้ฉันได้เปิดปากพูดสักคำ
“อรุณสวัสดิ์จ้ะเอลล่า หนูสวยงามสดชื่นเหมือนดอกกุหลาบแรกแย้มตามชื่อจริงๆ”
เสียงใสไพเราะทักทาย สายตาชื่นชมจริงใจ หล่อนคงเห็นฉันเป็นสาวน้อยตาโต สวยหวานน่ารักเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ไปอีกคน ฉันจับมือกับหล่อนพลางคลี่ยิ้มให้
“ส่วนนี่คือริอันนา” พ่อหันมาผายมือไปทางลูกติดของติวาห์ ฉันเห็นริอันนาทำเป็นพึมพำสวัสดี หล่อนยิ้มติดมุมปากนิดๆ อย่างเสียไม่ได้
“ริอันนาอายุเท่ากันกับลูก”พ่อชักนำ
“เรารู้จักกันค่ะ เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ชั้นเดียวกันด้วย” เหลือบตามองหน้าหล่อนแล้วบอกพ่อเสียเอง รู้สึกหมั่นไส้คนจองหองเสียจนอดไม่ได้ที่จะเหลือกตาใส่
“ดีใจที่ได้มาเจอเธอ เอลล่า” คราวนี้หล่อนถึงได้ยื่นมือมาทักทาย
“เช่นกัน...”
ฉันจับมือเขย่าพอเป็นพิธี พ่อทำหน้าแปลกใจต่อท่าทีของเราสองคน แต่ก็ไม่พูดว่าอะไร ท่านดูเหมือนจะพอใจแล้วกับท่าทีของฉันที่มีต่อสองแม่ลูก
หนูทำตามที่ขอแล้วนะคุณพ่อ...ต่อไปพ่อจะมาว่าอะไรกันไม่ได้อีกแล้ว เพราะฉันได้ทำหน้าที่เจ้าของบ้านที่ดีอย่างเต็มกำลังแล้วนี่
หลังมื้อค่ำ ริอันนาในชุดราตรีสั้นสีสดคอคว้านลึกเกือบถึงสะดือ เปิดหลังโล่งจนแทบเห็นก้นกบก็เกร่เข้ามาหาฉันในห้องนั่งเล่น หล่อนหมุนตัวให้ดูรอบหนึ่งก่อนบอก
“คืนพรุ่งนี้จะมีงานเต้นรำฉลองฤดูเก็บเกี่ยวที่บ้านของไบรอัน เห็นว่าปีนี้จัดงานใหญ่โต ฉันได้บัตรเชิญจากมือเขาด้วยนะ ชุดนี้ดูแล้วเป็นไงบ้างล่ะ เธอว่าเหมาะกับฉันไหม” ตาสีเขียวใสจ้องมาที่ฉันแฝงเลศนัย
“ใครๆ ก็ได้บัตรเชิญจากเขาทั้งนั้นแหละ”
ฉุนกึกขึ้นมาทันควัน
เชอะ อยากอวดล่ะสิ...ฉันคิดในใจอย่างรู้ทันหล่อน ฉุกคิดถึงบัตรเชิญที่ไบรอันไม่ได้ให้ฉันขึ้นมาแวบหนึ่ง...ทำไมเขาถึงไม่ให้บัตรเชิญฉันนะ แต่ไม่เป็นไร เอาไว้ถามเขาในวันงานก็ได้ ไบรอันคงมีเหตุผลที่น่ารับฟัง เลิกคิดถึงเรื่องบัตรเชิญไร้สาระนั่นแล้วทำปากแบะใส่ชุดที่หล่อนสวมอยู่
สวยตายล่ะ...
“แต่ฉันพิเศษตรงที่เขาเอามาให้เองกับมือ ฉันก็เลยต้องทุ่มเอาใจเขาหน่อย เธอว่าชุดนี้สวยไหมล่ะ ไบรอันเขาชอบแบบนี้”
เมื่อเห็นฉันไม่ตอบเรื่องชุดหล่อนก็ถามย้ำอีก ริอันนารู้จุดอ่อนของฉันดี คำพูดถัดๆ มาของหล่อนก็แค่ต้องการแหย่ให้ฉันโมโห แล้วพาลไปทะเลาะกับไบรอันเท่านั้นเองหรอก ซึ่งหล่อนมักทำได้ดี เพราะตอนนี้ฉันก็กำลังเดือดปุดในใจอีกแล้ว...
ฮึ่ม ชอบชุดโป๊ๆ แบบนี้หรอกรึ พ่อรูปหล่อ
“สวย...เหมาะกับคนอย่างเธอ”
พูดตัดบทสั้นๆ พยายามระงับอารมณ์เดือดดาลเต็มที่ แต่หล่อนก็ยังคุยอวดไม่หยุด
“ทั้งชุดทั้งบัตรเพิ่งได้เมื่อวานนี้เอง ตอนอยู่ในห้องสมุดน่ะนะ รู้มั้ย พอถึงคาบว่างไบรอันก็เที่ยวตามหาฉันจนเจอ เขาต้องรีบมาเชิญเพราะใกล้จะถึงวันงานอยู่แล้ว แต่ที่บ้านเขาคงยุ่งมากเลยล่ะ เขาถึงลืมเชิญตั้งหลายคน แล้วนี่เธอได้บัตรเชิญหรือยังล่ะ”
ถามกวนประสาทแล้วยังไม่พอ หล่อนร่อนบัตรเชิญใบนั้นไปมาตรงหน้า หมั่นไส้นักเชียว...
ไม่ใช่เธอวิ่งไล่ตามไปขอเขาเองหรอกเหรอ...อยากจะว่าใส่หน้าหล่อนไปแรงๆ แต่จำต้องระงับใจเอาไว้อย่างเต็มที่ ฉันต้องทำตัวให้เรียบร้อยที่สุด จนกว่าคุณพ่อจะแน่ใจว่าฉันไม่ไปก่อเรื่องยุ่งอะไรเข้า และอนุญาตให้ฉันไปร่วมงานเต้นรำที่นั่นได้เสียก่อน
เมื่อวานนี้เองที่ไบรอันชวนฉันให้ออกไปนอกระเบียงห้องเรียนด้วยกัน เขาไม่มีบัตรเชิญ แต่กำชับว่าฉันต้องไปงานนี้ให้ได้ เขามีบางอย่างจะทำเซอร์ไพร้ส์ให้
“ก็ดีแล้วนี่ เขาเชิญแล้วก็ไปเตรียมตัวเสียสิ มัวรออะไรอยู่ล่ะ”
ฉันโบกหลังมือไล่ นึกว่าจะจบแค่นั้น แต่ที่ไหนได้ ริอันนายังตอแยไม่เลิก
“นี่...ฉันจะให้ไบรอันประกาศคบกับฉันเป็นทางการวันนั้นด้วยล่ะ ฉันลองเลียบเคียงถามดู ไบรอันเขาก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนะ เราสองคนชอบกันมานาน อยากคบกันแบบเปิดเผยซะทีน่ะ เธอว่าดีไหม”
รู้ทั้งรู้ว่าหล่อนแสร้งยั่ว ไบรอันไม่มีทางนอกใจฉันแน่ ฉันรู้ดี แต่ก็ยังอดโมโหไม่ได้ตามเคย อารมณ์ร้ายพลุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด ผุดลุกขึ้นยืนแล้วผลักอกหล่อนเต็มแรง
“ว้าย! เธอเป็นบ้าอะไรถึงมาทำร้ายฉันแบบนี้”
แม่สาวผมแดงผงะล้มลงก่อนกรีดร้องดังลั่นห้อง ท่าทางหล่อนราวนักแสดงละครเจนเวที
“จะไปไหนก็ไปเสียทีเถอะริอันนา ฉันไม่ว่างคุยด้วย”
ฉันโกรธเสียจนเสียงสั่น สะบัดหน้าเดินหนีไปจากผู้หญิงหน้าด้าน เวรกรรมจริงๆ ที่ต้องมาดองกันกับหล่อนคนนี้
“เธออิจฉาฉันใช่ไหมล่ะที่ไบรอันชอบฉันมากกว่าเธอ ชุดนี้น่ะ เขาซื้อให้ฉันใส่วันงาน รู้เอาไว้ด้วย”
ริอันนาตะโกนตามหลัง ฉันหันขวับทันที ถลันเข้ากางเล็บออกตะกุยไปที่ใบหน้าของคนซึ่งลอยหน้าลอยตาพูด จากนั้นก็กระชากคอเสื้อชุดสวยของหล่อนเต็มแรง
แคว่ก!
คอเสื้อขาดกระจุย ฉันไม่สนใจเสียงหวีดร้องโหยหวนของเจ้าของชุด ที่ร้องพลางยกมือขึ้นกุมหน้าอกกับแก้มที่โดนข่วน หันหลังกระแทกเท้าจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อพบว่าคุณพ่อกำลังยืนจ้องดูอยู่ เคียงข้างท่านคือติวาห์ ทั้งสองมองมาที่ฉันเขม็ง
ฉันถูกพ่อสั่งกักบริเวณอีกแล้ว...
แต่คราวนี้ไม่ได้...ฉันจำเป็นต้องไปงานเต้นรำคืนนี้ให้ได้ ไบรอันมีเซอร์ไพร้ส์บางอย่างรอให้ฉันในงาน
“คุณเอลล่า คุณเอลล่า”
เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้นนอกหน้าต่างในเวลาใกล้จะถึงเที่ยงคืน เจคอบมาแล้ว ฉันคว้าเก้าอี้มาวางใกล้ขอบหน้าต่าง รวบชายกระโปรงชุดราตรีสีหวานของตัวเองขึ้น แล้วปีนข้ามหน้าต่างลงบันไดที่ลูกชายพ่อครัววัยเดียวกันกับฉันหามาพาดให้ ไต่ลงจากห้องนอนตัวเองบนชั้นสองอย่างว่องไว
“ทำไมมาช้าจัง ไหนมอเตอร์ไซค์ล่ะ”
ทันทีที่เท้าแตะพื้น ฉันบ่นเขา แล้วถามถึงพาหนะที่จะใช้หลบหนีไปงานเต้นรำ เจคอบยิ้มแหยพึมพำขอโทษ ชี้ไปทางนอกรั้ว จากนั้นเราสองคนก็ออกวิ่งตื๋อไปทางนั้น ฉันต้องรีบไปให้ทันงานเลิก ไบรอันกำลังรอฉันอยู่
มอเตอร์ไซค์ของเจคอบพาฉันแล่นฉิวกระโปรงปลิวมาจนถึงบ้านของไบรอัน ฉันวิ่งข้ามสวนสวยกว้างใหญ่ ตรงขึ้นบันไดหินที่กว้างและสูงหลายสิบขั้นเพื่อไปให้ถึงสถานที่จัดงาน ไบรอันบอกว่าจะรอฉันอยู่ที่หน้างานบนลานหน้าคฤหาสน์
“อุ้ย อย่าทำแบบนี้สิคะที่รัก”
แต่ก่อนจะวิ่งไปถึงที่นั่น ตรงมุมมืดข้างซุ้มประตูเข้างานนั้นเอง ที่เสียงคุ้นหูของผู้หญิงคนหนึ่งร้องดังออกมา...ริอันนา ฉันจำเสียงหล่อนได้ ชะงักเท้าที่วิ่งลงแล้วหยุดเขม้นมอง ก่อนสาวเท้าเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัยในอะไรบางอย่าง
พระเจ้าช่วย! สิ่งที่เห็นมันช่างบาดตาบาดใจสิ้นดี แม้ที่นั่นจะมีเพียงแสงสลัว แต่ฉันก็จำเงาของคนสองคนที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ได้ในทันที ไบรอันกับริอันนา...
“เอลล่า...เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป...”
เสียงร้องเรียกชื่อฉันอย่างตกใจดังมาจากไบรอัน ฉันจำเสียงเขาได้เช่นกัน แต่ไม่...โทสะฉันพุ่งจี๊ดจนหูอื้อตาลาย รู้สึกถึงเลือดลมที่พลุ่งพล่านแล่นขึ้นมาถึงสมอง มันสั่งให้ฉันหันหลังกลับวิ่งลงบันไดโดยเร็ว จากนั้นน้ำก็ผุดออกมาเต็มตา
(มีต่อ)
ซินเดอเรลล่า...ล่ารัก
#เรื่องสั้นที่กะว่าจะส่งเข้าร่วมเกมถุงมือนักเขียนค่ะ แต่เมื่อเลื่อนกิจกรรม ลิจึงนำมาวางให้อ่านกันค่ะ#
โดย ล. วิลิศมาหรา
ฉันชื่อเอลล่า พ่อบอกว่าเป็นอีกชื่อของซินเดอเรลล่า หญิงสาวแสนสวยผู้โชคดีในนิทานปรัมปรา ฉันชอบชื่อนี้และรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตเหมือนหล่อนเข้าไปทุกที โดยเฉพาะเมื่อแม่ตายลง และพ่อแต่งงานใหม่กับแม่หม้ายสาวพราวเสน่ห์ มีลูกติดหนึ่งคนอย่างติวาห์ เสียแต่ว่าฉันไม่ใช่สาวน้อยเรียบร้อยอ่อนแอแบบนั้น ฉันเข้มแข็งเอาแต่ใจและดื้อ เคยโดนพ่อสั่งกักบริเวณหลายครั้ง
ในบ้านหลังใหญ่หรูหรา อุดมไปด้วยเครื่องประดับตบแต่งราคาแพง ตามแบบฉบับบ้านของคนรวยแห่งนครตาลัมบาน ฉันกำลังรอต้อนรับแม่เลี้ยงคนใหม่และริอันนาลูกสาวของหล่อนพร้อมกันกับพ่อ
“ลูกรัก พ่อเข้าใจดีว่าลูกคิดยังไงที่พ่อแต่งงานใหม่ พ่อแค่อยากจะขอร้องลูก ติวาห์กับ ริอันนา...พวกเธอเป็นคนดี พ่อรับรองได้ พ่อจะไม่ขออะไรกับลูกมากมาย เพียงอยากให้ลูกต้อนรับพวกเขาดีๆ ก็แค่กุมมือทักทาย...และยิ้ม ลูกของพ่อจะทำได้ไหม”
เสียงทุ้มนุ่มของคุณพ่อผู้น่ารัก...อย่างน้อยๆ ก็ก่อนที่ท่านจะหันไปคว้าเอายายแม่หม้ายผัวตายคนนั้นมาทำเมียเอ่ยขึ้น ท่านถึงกับลงทุนคุกเข่าลงข้างหนึ่งบนพื้น เอื้อมมือมาจับมือฉันไว้พลางอ้อนวอน ก็คงกลัวฉันออกฤทธิ์เสียตั้งแต่วันแรกที่พบพวกหล่อนนั่นแหละ
“แน่นอนสิคะคุณพ่อ” ฉันเชิดหน้าขึ้นตอบ มือปัดชุดกระโปรงตัวใหม่ก่อนยกขึ้นแตะปอยผมสีบลอนด์ยาวสลวย ที่วันนี้เซ็ตหยิกเป็นลอนไว้อย่างดี
“ไม่เห็นหรือคะว่าวันนี้ หนูถึงกับใส่ชุดใหม่มารอต้อนรับคุณผู้หญิงคนใหม่ของพ่อด้วย”ตอบเสียงขึ้นจมูก ทำหน้าจริงจังให้สมบูรณ์แบบ คนฟังพยักหน้าแต่สายตาดูไม่ใคร่เชื่อถือนัก แน่ละ เพราะท่านรู้จักลูกสาวคนนี้ของท่านดีน่ะซี ฉันร้ายจะตาย...แต่ร้ายเฉพาะกับคนที่ร้ายกับฉันเท่านั้นเองหรอก
“พ่อขอบใจลูกมาก เจ้าหญิงตัวน้อยของพ่อ”
พ่อยิ้มออก ริ้วรอยแห่งวัยกระจายเต็มใบหน้าชรา อืม...พ่อแก่ลงมาก ท่านคงเหงาและต้องการคนดูแลเอาใจใส่ ซึ่งฉันเข้าใจได้ เพราะเรื่องแบบนี้ใครๆ เขาก็ทำกัน ถึงแม้นิสัยตัวเองจะไม่ใช่นางเอก แต่ก็ไม่ได้ร้ายถึงขนาดตัวโกงที่เที่ยวไปขัดขวางความสุขของใครไปทั่ว และอันที่จริงฉันก็ไม่ได้หวงพ่อขนาดไม่ยอมให้แต่งงานใหม่ เพียงแต่ฉันรู้สึกไม่ค่อยชอบใจลูกสาวของแม่เลี้ยงต่างหาก...ริอันนา แม่สาวผมแดงตาสีเขียวใสเหมือนหยก ดาวดวงเด่นของโรงเรียนชั้นมัธยมปลายที่ฉันเรียนอยู่ หล่อนเป็นคู่แข่งคนสำคัญในชั้น ทั้งเรื่องความสวยและผลการเรียนอันเป็นเลิศ ไหนจะเรื่องที่หล่อนพยายามช่วงชิงความสนใจของไบรอันไปจากฉันอีกล่ะ ทั้งๆ ที่หล่อนก็รู้ว่าไบรอันกับฉันชอบกัน
แต่จะว่าไปมันก็น่าอยู่หรอก ไบรอันหนุ่มหล่อผมทอง ตาสีเขียวอมน้ำเงิน สูงสง่าคมเข้มราวเจ้าชายในเทพนิยายที่สาวๆ พากันฝันหา ลูกชายอัครมหาเศรษฐีแห่งตาลัมบาน พ่อของเขารวยกว่าและยิ่งใหญ่กว่าพ่อของฉันหลายเท่า เขาเป็นทั้งนักกีฬาเบสบอล นักเรียนเหรียญทองสามปีซ้อน นักร้องนักดนตรีของโรงเรียนที่มีสาวๆ ตามกรี๊ดมากที่สุด จึงไม่น่าแปลกที่ริอันนาจะโปรยเสน่ห์ของเธอแข่งกับหญิงสาวทุกคน รวมทั้งฉันด้วย แต่ไบรอันมีท่าทีสนใจฉันมากกว่าใคร เขาชอบผมสีบลอนด์สว่างกับตากลมโตสีฟ้าน้ำทะเลของฉัน แต่เหนืออื่นใดเขาบอกว่าชอบความจริงใจ ความเป็นตัวของตัวเองอย่างที่ฉันเป็นมากที่สุด
“มากันแล้ว”
คุณพ่ออุทาน นัยน์ตาเปล่งประกายวาววามเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูบ้าน รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปรอรับภรรยาคนใหม่ถึงหน้าประตู ฉันลุกตามไป แล้วก็ได้เห็นพวกเธอแม่ลูกเดินตามคนรับใช้ที่หอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินตรงมาหา
ติวาห์เป็นผู้หญิงร่างอวบแต่ยังมีส่วนเว้าส่วนโค้งดึงดูดสายตา ผมและตาเป็นสีเดียวกันกับลูกสาวของหล่อน พอพบหน้าเข้าจริงๆ ฉันกลับรู้สึกเป็นมิตรด้วย ใบหน้าสวยอิ่มเต็มของแม่หม้ายสาวใหญ่ดูเป็นคนดีมีเมตตา มิน่า พ่อถึงได้ตกหลุมรักหล่อนจนยอมตกร่องปล่องชิ้น แต่ลูกสาวของหล่อนนี่สิ...ที่พอสบตากันกับฉัน ริอันนาก็แสร้งทำหน้าเฉยราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
...นังบ้า ไร้มารยาทที่สุด
“ติวาห์ดีใจมากที่ได้พบลูก เธอสัญญาว่าจะดูแลครอบครัวเราให้ดี ลูกเองก็ดีใจเหมือนกันใช่ไหมจ๊ะ บ้านเราจะได้มีแม่ศรีเรือนเสียที” พ่อแนะนำหล่อน สายตาบอกถึงความชื่นชมในตัวภรรยาใหม่ พูดเองเออเองเสร็จสรรพไม่ทันให้ฉันได้เปิดปากพูดสักคำ
“อรุณสวัสดิ์จ้ะเอลล่า หนูสวยงามสดชื่นเหมือนดอกกุหลาบแรกแย้มตามชื่อจริงๆ”
เสียงใสไพเราะทักทาย สายตาชื่นชมจริงใจ หล่อนคงเห็นฉันเป็นสาวน้อยตาโต สวยหวานน่ารักเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ไปอีกคน ฉันจับมือกับหล่อนพลางคลี่ยิ้มให้
“ส่วนนี่คือริอันนา” พ่อหันมาผายมือไปทางลูกติดของติวาห์ ฉันเห็นริอันนาทำเป็นพึมพำสวัสดี หล่อนยิ้มติดมุมปากนิดๆ อย่างเสียไม่ได้
“ริอันนาอายุเท่ากันกับลูก”พ่อชักนำ
“เรารู้จักกันค่ะ เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ชั้นเดียวกันด้วย” เหลือบตามองหน้าหล่อนแล้วบอกพ่อเสียเอง รู้สึกหมั่นไส้คนจองหองเสียจนอดไม่ได้ที่จะเหลือกตาใส่
“ดีใจที่ได้มาเจอเธอ เอลล่า” คราวนี้หล่อนถึงได้ยื่นมือมาทักทาย
“เช่นกัน...”
ฉันจับมือเขย่าพอเป็นพิธี พ่อทำหน้าแปลกใจต่อท่าทีของเราสองคน แต่ก็ไม่พูดว่าอะไร ท่านดูเหมือนจะพอใจแล้วกับท่าทีของฉันที่มีต่อสองแม่ลูก
หนูทำตามที่ขอแล้วนะคุณพ่อ...ต่อไปพ่อจะมาว่าอะไรกันไม่ได้อีกแล้ว เพราะฉันได้ทำหน้าที่เจ้าของบ้านที่ดีอย่างเต็มกำลังแล้วนี่
หลังมื้อค่ำ ริอันนาในชุดราตรีสั้นสีสดคอคว้านลึกเกือบถึงสะดือ เปิดหลังโล่งจนแทบเห็นก้นกบก็เกร่เข้ามาหาฉันในห้องนั่งเล่น หล่อนหมุนตัวให้ดูรอบหนึ่งก่อนบอก
“คืนพรุ่งนี้จะมีงานเต้นรำฉลองฤดูเก็บเกี่ยวที่บ้านของไบรอัน เห็นว่าปีนี้จัดงานใหญ่โต ฉันได้บัตรเชิญจากมือเขาด้วยนะ ชุดนี้ดูแล้วเป็นไงบ้างล่ะ เธอว่าเหมาะกับฉันไหม” ตาสีเขียวใสจ้องมาที่ฉันแฝงเลศนัย
“ใครๆ ก็ได้บัตรเชิญจากเขาทั้งนั้นแหละ”
ฉุนกึกขึ้นมาทันควัน เชอะ อยากอวดล่ะสิ...ฉันคิดในใจอย่างรู้ทันหล่อน ฉุกคิดถึงบัตรเชิญที่ไบรอันไม่ได้ให้ฉันขึ้นมาแวบหนึ่ง...ทำไมเขาถึงไม่ให้บัตรเชิญฉันนะ แต่ไม่เป็นไร เอาไว้ถามเขาในวันงานก็ได้ ไบรอันคงมีเหตุผลที่น่ารับฟัง เลิกคิดถึงเรื่องบัตรเชิญไร้สาระนั่นแล้วทำปากแบะใส่ชุดที่หล่อนสวมอยู่
สวยตายล่ะ...
“แต่ฉันพิเศษตรงที่เขาเอามาให้เองกับมือ ฉันก็เลยต้องทุ่มเอาใจเขาหน่อย เธอว่าชุดนี้สวยไหมล่ะ ไบรอันเขาชอบแบบนี้”
เมื่อเห็นฉันไม่ตอบเรื่องชุดหล่อนก็ถามย้ำอีก ริอันนารู้จุดอ่อนของฉันดี คำพูดถัดๆ มาของหล่อนก็แค่ต้องการแหย่ให้ฉันโมโห แล้วพาลไปทะเลาะกับไบรอันเท่านั้นเองหรอก ซึ่งหล่อนมักทำได้ดี เพราะตอนนี้ฉันก็กำลังเดือดปุดในใจอีกแล้ว...ฮึ่ม ชอบชุดโป๊ๆ แบบนี้หรอกรึ พ่อรูปหล่อ
“สวย...เหมาะกับคนอย่างเธอ”
พูดตัดบทสั้นๆ พยายามระงับอารมณ์เดือดดาลเต็มที่ แต่หล่อนก็ยังคุยอวดไม่หยุด
“ทั้งชุดทั้งบัตรเพิ่งได้เมื่อวานนี้เอง ตอนอยู่ในห้องสมุดน่ะนะ รู้มั้ย พอถึงคาบว่างไบรอันก็เที่ยวตามหาฉันจนเจอ เขาต้องรีบมาเชิญเพราะใกล้จะถึงวันงานอยู่แล้ว แต่ที่บ้านเขาคงยุ่งมากเลยล่ะ เขาถึงลืมเชิญตั้งหลายคน แล้วนี่เธอได้บัตรเชิญหรือยังล่ะ”
ถามกวนประสาทแล้วยังไม่พอ หล่อนร่อนบัตรเชิญใบนั้นไปมาตรงหน้า หมั่นไส้นักเชียว...ไม่ใช่เธอวิ่งไล่ตามไปขอเขาเองหรอกเหรอ...อยากจะว่าใส่หน้าหล่อนไปแรงๆ แต่จำต้องระงับใจเอาไว้อย่างเต็มที่ ฉันต้องทำตัวให้เรียบร้อยที่สุด จนกว่าคุณพ่อจะแน่ใจว่าฉันไม่ไปก่อเรื่องยุ่งอะไรเข้า และอนุญาตให้ฉันไปร่วมงานเต้นรำที่นั่นได้เสียก่อน
เมื่อวานนี้เองที่ไบรอันชวนฉันให้ออกไปนอกระเบียงห้องเรียนด้วยกัน เขาไม่มีบัตรเชิญ แต่กำชับว่าฉันต้องไปงานนี้ให้ได้ เขามีบางอย่างจะทำเซอร์ไพร้ส์ให้
“ก็ดีแล้วนี่ เขาเชิญแล้วก็ไปเตรียมตัวเสียสิ มัวรออะไรอยู่ล่ะ”
ฉันโบกหลังมือไล่ นึกว่าจะจบแค่นั้น แต่ที่ไหนได้ ริอันนายังตอแยไม่เลิก
“นี่...ฉันจะให้ไบรอันประกาศคบกับฉันเป็นทางการวันนั้นด้วยล่ะ ฉันลองเลียบเคียงถามดู ไบรอันเขาก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนะ เราสองคนชอบกันมานาน อยากคบกันแบบเปิดเผยซะทีน่ะ เธอว่าดีไหม”
รู้ทั้งรู้ว่าหล่อนแสร้งยั่ว ไบรอันไม่มีทางนอกใจฉันแน่ ฉันรู้ดี แต่ก็ยังอดโมโหไม่ได้ตามเคย อารมณ์ร้ายพลุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด ผุดลุกขึ้นยืนแล้วผลักอกหล่อนเต็มแรง
“ว้าย! เธอเป็นบ้าอะไรถึงมาทำร้ายฉันแบบนี้”
แม่สาวผมแดงผงะล้มลงก่อนกรีดร้องดังลั่นห้อง ท่าทางหล่อนราวนักแสดงละครเจนเวที
“จะไปไหนก็ไปเสียทีเถอะริอันนา ฉันไม่ว่างคุยด้วย”
ฉันโกรธเสียจนเสียงสั่น สะบัดหน้าเดินหนีไปจากผู้หญิงหน้าด้าน เวรกรรมจริงๆ ที่ต้องมาดองกันกับหล่อนคนนี้
“เธออิจฉาฉันใช่ไหมล่ะที่ไบรอันชอบฉันมากกว่าเธอ ชุดนี้น่ะ เขาซื้อให้ฉันใส่วันงาน รู้เอาไว้ด้วย”
ริอันนาตะโกนตามหลัง ฉันหันขวับทันที ถลันเข้ากางเล็บออกตะกุยไปที่ใบหน้าของคนซึ่งลอยหน้าลอยตาพูด จากนั้นก็กระชากคอเสื้อชุดสวยของหล่อนเต็มแรง
แคว่ก!
คอเสื้อขาดกระจุย ฉันไม่สนใจเสียงหวีดร้องโหยหวนของเจ้าของชุด ที่ร้องพลางยกมือขึ้นกุมหน้าอกกับแก้มที่โดนข่วน หันหลังกระแทกเท้าจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อพบว่าคุณพ่อกำลังยืนจ้องดูอยู่ เคียงข้างท่านคือติวาห์ ทั้งสองมองมาที่ฉันเขม็ง
ฉันถูกพ่อสั่งกักบริเวณอีกแล้ว...
แต่คราวนี้ไม่ได้...ฉันจำเป็นต้องไปงานเต้นรำคืนนี้ให้ได้ ไบรอันมีเซอร์ไพร้ส์บางอย่างรอให้ฉันในงาน
“คุณเอลล่า คุณเอลล่า”
เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้นนอกหน้าต่างในเวลาใกล้จะถึงเที่ยงคืน เจคอบมาแล้ว ฉันคว้าเก้าอี้มาวางใกล้ขอบหน้าต่าง รวบชายกระโปรงชุดราตรีสีหวานของตัวเองขึ้น แล้วปีนข้ามหน้าต่างลงบันไดที่ลูกชายพ่อครัววัยเดียวกันกับฉันหามาพาดให้ ไต่ลงจากห้องนอนตัวเองบนชั้นสองอย่างว่องไว
“ทำไมมาช้าจัง ไหนมอเตอร์ไซค์ล่ะ”
ทันทีที่เท้าแตะพื้น ฉันบ่นเขา แล้วถามถึงพาหนะที่จะใช้หลบหนีไปงานเต้นรำ เจคอบยิ้มแหยพึมพำขอโทษ ชี้ไปทางนอกรั้ว จากนั้นเราสองคนก็ออกวิ่งตื๋อไปทางนั้น ฉันต้องรีบไปให้ทันงานเลิก ไบรอันกำลังรอฉันอยู่
มอเตอร์ไซค์ของเจคอบพาฉันแล่นฉิวกระโปรงปลิวมาจนถึงบ้านของไบรอัน ฉันวิ่งข้ามสวนสวยกว้างใหญ่ ตรงขึ้นบันไดหินที่กว้างและสูงหลายสิบขั้นเพื่อไปให้ถึงสถานที่จัดงาน ไบรอันบอกว่าจะรอฉันอยู่ที่หน้างานบนลานหน้าคฤหาสน์
“อุ้ย อย่าทำแบบนี้สิคะที่รัก”
แต่ก่อนจะวิ่งไปถึงที่นั่น ตรงมุมมืดข้างซุ้มประตูเข้างานนั้นเอง ที่เสียงคุ้นหูของผู้หญิงคนหนึ่งร้องดังออกมา...ริอันนา ฉันจำเสียงหล่อนได้ ชะงักเท้าที่วิ่งลงแล้วหยุดเขม้นมอง ก่อนสาวเท้าเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัยในอะไรบางอย่าง
พระเจ้าช่วย! สิ่งที่เห็นมันช่างบาดตาบาดใจสิ้นดี แม้ที่นั่นจะมีเพียงแสงสลัว แต่ฉันก็จำเงาของคนสองคนที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ได้ในทันที ไบรอันกับริอันนา...
“เอลล่า...เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป...”
เสียงร้องเรียกชื่อฉันอย่างตกใจดังมาจากไบรอัน ฉันจำเสียงเขาได้เช่นกัน แต่ไม่...โทสะฉันพุ่งจี๊ดจนหูอื้อตาลาย รู้สึกถึงเลือดลมที่พลุ่งพล่านแล่นขึ้นมาถึงสมอง มันสั่งให้ฉันหันหลังกลับวิ่งลงบันไดโดยเร็ว จากนั้นน้ำก็ผุดออกมาเต็มตา
(มีต่อ)