
กล่าวกันว่า "เชียงใหม่" เป็นเมืองปราบเซียน ความหมายคือ จะเก่งมาจากไหน ก็มักจะหมดลายที่นี่ หลายราย แต่เชียงใหม่ก็ไม่เคยขาดเซียน ที่อยากจะมาล้างอาถรรพ์ที่ว่านี้
เมื่อ 4-5 ปีก่อน ผมนั่งสนทนากับ อินเวสเตอร์มือระดับต้นๆ ของประเทศที่มีประวัติโชกโชนในการเทคโอเวอร์ ซึ่งแน่นอนว่า ต้องมีพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ หลังจากเล่าดีลต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จ ท่านก็ตบท้ายถึง สิ่งที่ค้างคาใจ
"จำไว้นะครับ เชียงใหม่ นี่เมืองปราบเซียน ผมเจอมาแล้ว"
แล้วท่านเล่าถึงการลงทุนทำธุรกิจโรงแรมที่นั่นแล้ว "ไม่ได้ราคา" อย่างที่ตั้งใจไว้ มีความพยายามที่จะอธิบายว่า "ทำไม" เชียงใหม่จึงกลายเป็น "เมืองปราบเซียน " ซะขนาดนั้น " กำลังซื้อในพื้นที่ " เป็นคำอธิบายแรกๆ ที่คนเชียงใหม่มอง
เปรียบเทียบเฉพาะต่างจังหวัดด้วยกัน ในปี 2557 เชียงใหม่มีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) เป็นอันดับที่ 11 ของประเทศด้วยตัวเลข 2.21 แสนล้านบาท คือแม้จะสูงกว่าสงขลา(อันดับ 12) ขอนแก่น (15) แต่ก็เป็นรอง ระยอง(1) ที่มีจีดีพี 8.47 แสนล้านบาท นครราชสีมา (10) เป็นต้น
ด้วยขนาดที่เป็นจังหวัดใหญ่เลยทำให้เชียงใหม่ มีขนาดจีดีพีที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือแต่เมื่อเอ็กซ์เรย์ รายได้ฉลี่ยต่อหัวในหัวเมืองภาคเหนือกันจริงๆ เชียงใหม่ที่มีรายได้ต่อหัว 128,503 บาทเป็นรอง ลำพูน (158,499 บาท) กำแพงเพชร (144,269 บาท)
นั่นเป็นคำอธิบายเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังมีอีกคำอธิบายในเชิงการบริหารจัดการเหมือนกับที่ บทบรรณาธิการ นิตยสารคิด ของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDT) เคยกล่าวไว้
" เมืองที่ผู้คนตั้งใจมาปักหลักเพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เมื่อเมืองเปิดโอกาสให้มีช่องว่างของความสำ เร็จและความผิดพลาด ที่นี่จึงเหมือนสนามทดลองที่ผู้คนเต็มใจจะเสี่ยง ร้านกาแฟ เบเกอรี่โฮมเมด ร้านหนังสือ แกลเลอรี่งานศิลป์ สตูดิโอออกแบบเกสต์เฮาส์ ไปจนถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มาพร้อมกับการลงทุนระดับหลายร้อยล้าน "
ล่าสุด โครงการตันคอมเพล็กซ์ ในเครืออิชิตัน กรุ๊ป ของคุณตัน ภาสกรนที ก็เข้ามาอยู่ในวังวนนี้
ตันคอมเพล็กซ์ ที่ตั้งอยู่บริเวณ เลขที่ 1 ถนนนิมมานเหมินท์ ซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมของโรงแรมอมารี รินคำ ซึ่งเป็นที่ดินเช่าจากตระกูลนิมมานเหมินท์ อีกต่อหนึ่ง น่าจะราวๆ 15 ปี
คุณเสี่ยตัน เป็นหนึ่งในเซียนที่กำเงินมาลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เชียงใหม่ ซึ่งมีข่าวออกมาเป็นระยะๆ และข่าวล่าสุดเมื่อต้นเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก็คือ สถาปนิกของโครงการ คือ อาจารย์องอาจ สาตรพันธุ์ ได้ถอนตัวออกจากการเป็นสถาปนิกโครงการนี้
ตอนผมเรียนหนังสืออยู่มหาวิทยาลัย เวลานั่งรถเมล์ผ่านโรงเรียนปานะพันธ์วิทยา จะต้องมองหมู่อาคารเรียนที่สวยแปลกตา ทุกครั้ง นั่นล่ะ ผลงานสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย ของอาจารย์องอาจ เช่นเดียวกับ สำนักงานใหญ่โตชิบา ประเทศไทย โรงแรมแทมมารินด์วิลเลจ โรงแรมราชมรรคา
อาจารย์องอาจ สารทพันธุ์ ได้รับการยกย่อง เป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2552 สาขาทัศนศิลป์ ด้านสถาปัตยกรรมร่วมสมัย เป็นสถาปนิกที่ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของในประเทศไทย ที่มีความสามารถในการสืบทอดและประยุกต์ใช้ศิลปะแบบดั้งเดิมผสมผสานกับศิลปะสมัยใหม่ได้อย่างกลมกลืน และแสดงให้เห็นถึงรากเหง้าของวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี
คุณเสี่ยตัน จึงน่าจะโชคดี มากๆ ที่ทาบทาม อาจารย์องอาจ มาร่วมในโปรเจคนี้ เพราะปกติท่านเป็นคนรับงานยากมาก แต่ที่รับงาน เนื่องจากหวังที่จะวางโครงสร้างทางกายภาพนี้จะเอื้อต่อวัฒนธรรมชุมชนให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีงามของชาวเชียงใหม่เมื่อหลายปีก่อนฟื้นตัวกลับคืนมาดังเดิมอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะออกแบบให้เป็นที่ว่างสาธารณะหรือ public space เพื่อเดินเล่น พักผ่อน ชมงานศิลปะ ซื้อสินค้าพื้นเมือง โดยไม่สร้างบรรยากาศที่ถูก ยัดเยียดให้บริโภคและไม่เน้นดักทัวร์ต่างชาติหรือทัวร์กระทืบแต่เพียงอย่างเดียว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ติดตามประเด็นนี้ อธิบายเพิ่มเติมว่า แนวคิดเรื่องพื้นที่ร่วมเพื่อชุมชนนั้นเกิดจากความประทับใจระหว่างการท่องเที่ยวทัศนศึกษาที่ อาจารย์องอาจได้มีโอกาสพบเห็นตลาดกลางหมู่บ้านในภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งมักจะมีพื้นที่เปิดโล่งให้คน มาชุมนุม ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เช่นเดียวกับลานกว้างที่ในเมืองกาฎมัณฑุที่มีพื้นที่โล่งให้คนมาพบปะปฎิสัมพันธ์กัน คุณองอาจเห็นว่า public space ลักษณะนี้เป็นเสน่ห์ของเมือง ที่เมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพฯไม่มี
การสร้าง public space ดังกล่าวขึ้นมาจะทำให้เชียงใหม่กลับมาเป็นเมืองที่น่าอยู่ โดยมีเอกลักษณ์ของตนเองเหมือนเช่นหลายเมืองทางภาคเหนือในอดีตจะต้องมีข่วงหรือลานเปิดโล่งเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ของคนเมือง
เมืองไทย นี่มีกรรมอยู่อย่างหนึ่ง คือคนที่รวยร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน ก็จะต้องมีความมั่งคั่งส่วนหนึ่งอยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เสมอ แต่แทนที่จะมาแต่ “เงิน” อย่างเดียว พวกเขามักจะพกเอาความมั่นใจและรสนิยม เข้ามาด้วย ยิ่งในฐานะที่ตัวเองเป็นเจ้าของเงิน ก็มักจะพร้อมที่จะมองข้ามมืออาชีพที่มีทั้งหลักการและประสบการณ์
ผมได้ข่าวว่าตอนนี้ โครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในยุโรป ล้มหายตายจากกกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงห้างหรูกลางกรุงเทพ และในเมืองพักตากอากาศระดับท็อปของประเทศก็ร้างผู้คน ดังนั้นจะมีประโยชน์อะไร ที่จะมาสร้างอีกอีกหนึ่งอนุสรณ์สถานปราบเซียนที่นื่
อาจารย์องอาจ ฝังตัวอยู่เชียงใหม่มานาน จนท่านมองออกว่า อะไรคือสิ่งที่จะขายได้ในเชียงใหม่ อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะมอบให้กับทั้งเจ้าของโครงการ และชุมชน
นิตยสาร “คิด” ของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ เคยอธิบาย “ตัวตน” ของ ย่านนิมมานเหมินท์ ความตอนหนึ่งดังนี้
เราจะเห็นว่าตลอดทศวรรษที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจบริการไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ โรงแรมที่พัก สถานบันเทิง ฯลฯ ต่างก็หลั่งไหลเข้าตะครุบที่ดินและบ้านหลังน้อยใหญ่ ภายในย่านที่ประกาศขายทำ กำ ไรและหนีจากความวุ่นวายจุดระเบิดให้ถนนนิมมานฯ กลายเป็น “ศูนย์กลางทางธุรกิจที่มีเงินสะพัดสูงสุด” อีกแห่งของเชียงใหม่
อย่างไรก็ดี แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นโลเคชั่นทองสำหรับการค้า แต่กิจกรรมที่เกิดขึ้นจริงในทุกๆ วันของย่าน กลับมิได้ทำ ให้มันเป็นเหมือน “ตลาดการค้าไร้วิญญาณ” ที่ผู้คนเข้ามาเพียงเพื่อจับจ่ายแล้วจากไป ที่น่าสังเกตคือ “ลักษณะทางกายภาพอันสวยงาม” รวมไปถึง “รสนิยมและทัศนคติของผู้ประกอบการภายในย่าน” ได้มีส่วนช่วยเร่ง “บรรยากาศของความสร้างสรรค์” จนสามารถดึงดูดทั้งคนนอกและคนในให้ออกมาใช้พื้นที่สาธารณะเพื่อการ “แลกเปลี่ยนความคิด” ระหว่างกันมากขึ้น
ในทุกวันเราจะได้พบกับกลุ่มคนทำงาน “ฟรีแลนซ์” จำนวนมากที่ออกมานั่งคิดงานนัดประชุม ฯลฯ ตามร้านกาแฟหรือร้านหนังสือ รวมไปถึงยังมีกลุ่มนักศึกษา/ประชาชนที่นัดรวมตัวกันเพื่อทำ โครงงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น “กิจกรรม” ที่เอื้อต่อการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ให้เติบโต แถมยังช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่น เช่น ร้านอาหารตามสั่ง รถเข็นขายเครื่องดื่ม ฯลฯ มีโอกาสอยู่รอดเคียงคู่ไปกับร้านค้าราคาแพงที่เน้นตลาดนักท่องเที่ยวเป็นหลักด้วย ก่อนจะปิดท้ายฝากไปถึง “เซียน” ที่รอการปราบ ผ่านมาจาก นิตยสาร “คิด”
จากอดีตถึงปัจจุบัน เชียงใหม่ได้มอบโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับผู้มาใหม่เสมอ เพื่อร่วมกันเป็น ส่วนหนึ่งของชีวิตในความเป็นเชียงใหม่ บางครั้งก็กลมกลืน บางครั้งอาจขัดเขิน แต่ชีวิตแบบไหน ที่เหมาะสมกับเชียงใหม่ ในที่สุดแล้ว เวลาที่ใช้ในการตกผลึกและธรรมชาติของเมืองก็จะค่อยๆ คัดกรองและสรรหาสิ่งที่ขาดหาย สอดคล้อง และพอดีกับวิถีชีวิตของผู้คน เพื่อหนทางสู่อนาคตต่อไป
(หมายเหตุ :ภาพโครงการนิมมานเหมินท์ ซอย 1 ที่ อ.องอาจ ออกแบบไว้)
บทความโดย จุมพฏ สายหยุด
ที่มา :
http://www.aec10news.com/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88/item/5175-%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99
บทความเพิ่มเติม
วิถีชีวิตของคนเมืองรักสบาย / ไกลไม่เดิน / จอดรถยากไม่แวะ /
แพงนาน ๆ ที่จะกิน / ถูกแบบชัดเจนไม่มีภาพลักษณ์ ไม่กิน ไม่ซื้อ /
ชอบของเซล และของแถม / ชอบเป็นบุคคลพิเศษ /
ดูแพงเวอร์ ก็ไม่อยากเข้า เขิน / ที่จอดรถในห้างเต็มเพราะมาเดินตากแอร์
เสาร์อาทิตย์ เริ่มกินกันตอนบ่าย 2 โมง จันทร์-ศุกร์มาเที่ยงเป๊ะ /
ชอบของมีดีไซน์ แต่ห้ามแพงนะ /
ถ้าจะยอมจ่ายแพง ต้องได้ภาพระดับสากล
ที่เป็นแบบนี้เพราะ รถไม่ติด ไม่ต้องรีบ
คนก็น้อย ไม่ต้องแย่งกับใคร ทรัพยากรทุกอย่างเหลือเฟือ
ที่นาแม่ก็มีให้ บ้านก็อยู่กับแม่ก็ได้ ลูกก็ฝากยายเลี้ยง
ที่สำคัญลืมทำอะไรก็ “สุมาเตอะเจ้าาาาา”
เข้าใจตามนี้นะเซียนทั้งหลาย อย่ากล่าวหาเชียงใหม่อีกเลย
เพียงแค่คุณไม่เข้าใจเรา
ที่มา Montri Punyafu
เชียงใหม่ เมืองปราบเซียน(ตัน)
เมื่อ 4-5 ปีก่อน ผมนั่งสนทนากับ อินเวสเตอร์มือระดับต้นๆ ของประเทศที่มีประวัติโชกโชนในการเทคโอเวอร์ ซึ่งแน่นอนว่า ต้องมีพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ หลังจากเล่าดีลต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จ ท่านก็ตบท้ายถึง สิ่งที่ค้างคาใจ
"จำไว้นะครับ เชียงใหม่ นี่เมืองปราบเซียน ผมเจอมาแล้ว"
แล้วท่านเล่าถึงการลงทุนทำธุรกิจโรงแรมที่นั่นแล้ว "ไม่ได้ราคา" อย่างที่ตั้งใจไว้ มีความพยายามที่จะอธิบายว่า "ทำไม" เชียงใหม่จึงกลายเป็น "เมืองปราบเซียน " ซะขนาดนั้น " กำลังซื้อในพื้นที่ " เป็นคำอธิบายแรกๆ ที่คนเชียงใหม่มอง
เปรียบเทียบเฉพาะต่างจังหวัดด้วยกัน ในปี 2557 เชียงใหม่มีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) เป็นอันดับที่ 11 ของประเทศด้วยตัวเลข 2.21 แสนล้านบาท คือแม้จะสูงกว่าสงขลา(อันดับ 12) ขอนแก่น (15) แต่ก็เป็นรอง ระยอง(1) ที่มีจีดีพี 8.47 แสนล้านบาท นครราชสีมา (10) เป็นต้น
ด้วยขนาดที่เป็นจังหวัดใหญ่เลยทำให้เชียงใหม่ มีขนาดจีดีพีที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือแต่เมื่อเอ็กซ์เรย์ รายได้ฉลี่ยต่อหัวในหัวเมืองภาคเหนือกันจริงๆ เชียงใหม่ที่มีรายได้ต่อหัว 128,503 บาทเป็นรอง ลำพูน (158,499 บาท) กำแพงเพชร (144,269 บาท)
นั่นเป็นคำอธิบายเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังมีอีกคำอธิบายในเชิงการบริหารจัดการเหมือนกับที่ บทบรรณาธิการ นิตยสารคิด ของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDT) เคยกล่าวไว้
" เมืองที่ผู้คนตั้งใจมาปักหลักเพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เมื่อเมืองเปิดโอกาสให้มีช่องว่างของความสำ เร็จและความผิดพลาด ที่นี่จึงเหมือนสนามทดลองที่ผู้คนเต็มใจจะเสี่ยง ร้านกาแฟ เบเกอรี่โฮมเมด ร้านหนังสือ แกลเลอรี่งานศิลป์ สตูดิโอออกแบบเกสต์เฮาส์ ไปจนถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มาพร้อมกับการลงทุนระดับหลายร้อยล้าน "
ล่าสุด โครงการตันคอมเพล็กซ์ ในเครืออิชิตัน กรุ๊ป ของคุณตัน ภาสกรนที ก็เข้ามาอยู่ในวังวนนี้
ตันคอมเพล็กซ์ ที่ตั้งอยู่บริเวณ เลขที่ 1 ถนนนิมมานเหมินท์ ซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมของโรงแรมอมารี รินคำ ซึ่งเป็นที่ดินเช่าจากตระกูลนิมมานเหมินท์ อีกต่อหนึ่ง น่าจะราวๆ 15 ปี
คุณเสี่ยตัน เป็นหนึ่งในเซียนที่กำเงินมาลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เชียงใหม่ ซึ่งมีข่าวออกมาเป็นระยะๆ และข่าวล่าสุดเมื่อต้นเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก็คือ สถาปนิกของโครงการ คือ อาจารย์องอาจ สาตรพันธุ์ ได้ถอนตัวออกจากการเป็นสถาปนิกโครงการนี้
ตอนผมเรียนหนังสืออยู่มหาวิทยาลัย เวลานั่งรถเมล์ผ่านโรงเรียนปานะพันธ์วิทยา จะต้องมองหมู่อาคารเรียนที่สวยแปลกตา ทุกครั้ง นั่นล่ะ ผลงานสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย ของอาจารย์องอาจ เช่นเดียวกับ สำนักงานใหญ่โตชิบา ประเทศไทย โรงแรมแทมมารินด์วิลเลจ โรงแรมราชมรรคา
อาจารย์องอาจ สารทพันธุ์ ได้รับการยกย่อง เป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2552 สาขาทัศนศิลป์ ด้านสถาปัตยกรรมร่วมสมัย เป็นสถาปนิกที่ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของในประเทศไทย ที่มีความสามารถในการสืบทอดและประยุกต์ใช้ศิลปะแบบดั้งเดิมผสมผสานกับศิลปะสมัยใหม่ได้อย่างกลมกลืน และแสดงให้เห็นถึงรากเหง้าของวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี
คุณเสี่ยตัน จึงน่าจะโชคดี มากๆ ที่ทาบทาม อาจารย์องอาจ มาร่วมในโปรเจคนี้ เพราะปกติท่านเป็นคนรับงานยากมาก แต่ที่รับงาน เนื่องจากหวังที่จะวางโครงสร้างทางกายภาพนี้จะเอื้อต่อวัฒนธรรมชุมชนให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีงามของชาวเชียงใหม่เมื่อหลายปีก่อนฟื้นตัวกลับคืนมาดังเดิมอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะออกแบบให้เป็นที่ว่างสาธารณะหรือ public space เพื่อเดินเล่น พักผ่อน ชมงานศิลปะ ซื้อสินค้าพื้นเมือง โดยไม่สร้างบรรยากาศที่ถูก ยัดเยียดให้บริโภคและไม่เน้นดักทัวร์ต่างชาติหรือทัวร์กระทืบแต่เพียงอย่างเดียว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ติดตามประเด็นนี้ อธิบายเพิ่มเติมว่า แนวคิดเรื่องพื้นที่ร่วมเพื่อชุมชนนั้นเกิดจากความประทับใจระหว่างการท่องเที่ยวทัศนศึกษาที่ อาจารย์องอาจได้มีโอกาสพบเห็นตลาดกลางหมู่บ้านในภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งมักจะมีพื้นที่เปิดโล่งให้คน มาชุมนุม ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เช่นเดียวกับลานกว้างที่ในเมืองกาฎมัณฑุที่มีพื้นที่โล่งให้คนมาพบปะปฎิสัมพันธ์กัน คุณองอาจเห็นว่า public space ลักษณะนี้เป็นเสน่ห์ของเมือง ที่เมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพฯไม่มี
การสร้าง public space ดังกล่าวขึ้นมาจะทำให้เชียงใหม่กลับมาเป็นเมืองที่น่าอยู่ โดยมีเอกลักษณ์ของตนเองเหมือนเช่นหลายเมืองทางภาคเหนือในอดีตจะต้องมีข่วงหรือลานเปิดโล่งเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ของคนเมือง
เมืองไทย นี่มีกรรมอยู่อย่างหนึ่ง คือคนที่รวยร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน ก็จะต้องมีความมั่งคั่งส่วนหนึ่งอยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เสมอ แต่แทนที่จะมาแต่ “เงิน” อย่างเดียว พวกเขามักจะพกเอาความมั่นใจและรสนิยม เข้ามาด้วย ยิ่งในฐานะที่ตัวเองเป็นเจ้าของเงิน ก็มักจะพร้อมที่จะมองข้ามมืออาชีพที่มีทั้งหลักการและประสบการณ์
ผมได้ข่าวว่าตอนนี้ โครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในยุโรป ล้มหายตายจากกกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงห้างหรูกลางกรุงเทพ และในเมืองพักตากอากาศระดับท็อปของประเทศก็ร้างผู้คน ดังนั้นจะมีประโยชน์อะไร ที่จะมาสร้างอีกอีกหนึ่งอนุสรณ์สถานปราบเซียนที่นื่
อาจารย์องอาจ ฝังตัวอยู่เชียงใหม่มานาน จนท่านมองออกว่า อะไรคือสิ่งที่จะขายได้ในเชียงใหม่ อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะมอบให้กับทั้งเจ้าของโครงการ และชุมชน
นิตยสาร “คิด” ของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ เคยอธิบาย “ตัวตน” ของ ย่านนิมมานเหมินท์ ความตอนหนึ่งดังนี้
เราจะเห็นว่าตลอดทศวรรษที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจบริการไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ โรงแรมที่พัก สถานบันเทิง ฯลฯ ต่างก็หลั่งไหลเข้าตะครุบที่ดินและบ้านหลังน้อยใหญ่ ภายในย่านที่ประกาศขายทำ กำ ไรและหนีจากความวุ่นวายจุดระเบิดให้ถนนนิมมานฯ กลายเป็น “ศูนย์กลางทางธุรกิจที่มีเงินสะพัดสูงสุด” อีกแห่งของเชียงใหม่
อย่างไรก็ดี แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นโลเคชั่นทองสำหรับการค้า แต่กิจกรรมที่เกิดขึ้นจริงในทุกๆ วันของย่าน กลับมิได้ทำ ให้มันเป็นเหมือน “ตลาดการค้าไร้วิญญาณ” ที่ผู้คนเข้ามาเพียงเพื่อจับจ่ายแล้วจากไป ที่น่าสังเกตคือ “ลักษณะทางกายภาพอันสวยงาม” รวมไปถึง “รสนิยมและทัศนคติของผู้ประกอบการภายในย่าน” ได้มีส่วนช่วยเร่ง “บรรยากาศของความสร้างสรรค์” จนสามารถดึงดูดทั้งคนนอกและคนในให้ออกมาใช้พื้นที่สาธารณะเพื่อการ “แลกเปลี่ยนความคิด” ระหว่างกันมากขึ้น
ในทุกวันเราจะได้พบกับกลุ่มคนทำงาน “ฟรีแลนซ์” จำนวนมากที่ออกมานั่งคิดงานนัดประชุม ฯลฯ ตามร้านกาแฟหรือร้านหนังสือ รวมไปถึงยังมีกลุ่มนักศึกษา/ประชาชนที่นัดรวมตัวกันเพื่อทำ โครงงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น “กิจกรรม” ที่เอื้อต่อการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ให้เติบโต แถมยังช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่น เช่น ร้านอาหารตามสั่ง รถเข็นขายเครื่องดื่ม ฯลฯ มีโอกาสอยู่รอดเคียงคู่ไปกับร้านค้าราคาแพงที่เน้นตลาดนักท่องเที่ยวเป็นหลักด้วย ก่อนจะปิดท้ายฝากไปถึง “เซียน” ที่รอการปราบ ผ่านมาจาก นิตยสาร “คิด”
จากอดีตถึงปัจจุบัน เชียงใหม่ได้มอบโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับผู้มาใหม่เสมอ เพื่อร่วมกันเป็น ส่วนหนึ่งของชีวิตในความเป็นเชียงใหม่ บางครั้งก็กลมกลืน บางครั้งอาจขัดเขิน แต่ชีวิตแบบไหน ที่เหมาะสมกับเชียงใหม่ ในที่สุดแล้ว เวลาที่ใช้ในการตกผลึกและธรรมชาติของเมืองก็จะค่อยๆ คัดกรองและสรรหาสิ่งที่ขาดหาย สอดคล้อง และพอดีกับวิถีชีวิตของผู้คน เพื่อหนทางสู่อนาคตต่อไป
(หมายเหตุ :ภาพโครงการนิมมานเหมินท์ ซอย 1 ที่ อ.องอาจ ออกแบบไว้)
บทความโดย จุมพฏ สายหยุด
ที่มา : http://www.aec10news.com/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88/item/5175-%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99
บทความเพิ่มเติม
วิถีชีวิตของคนเมืองรักสบาย / ไกลไม่เดิน / จอดรถยากไม่แวะ /
แพงนาน ๆ ที่จะกิน / ถูกแบบชัดเจนไม่มีภาพลักษณ์ ไม่กิน ไม่ซื้อ /
ชอบของเซล และของแถม / ชอบเป็นบุคคลพิเศษ /
ดูแพงเวอร์ ก็ไม่อยากเข้า เขิน / ที่จอดรถในห้างเต็มเพราะมาเดินตากแอร์
เสาร์อาทิตย์ เริ่มกินกันตอนบ่าย 2 โมง จันทร์-ศุกร์มาเที่ยงเป๊ะ /
ชอบของมีดีไซน์ แต่ห้ามแพงนะ /
ถ้าจะยอมจ่ายแพง ต้องได้ภาพระดับสากล
ที่เป็นแบบนี้เพราะ รถไม่ติด ไม่ต้องรีบ
คนก็น้อย ไม่ต้องแย่งกับใคร ทรัพยากรทุกอย่างเหลือเฟือ
ที่นาแม่ก็มีให้ บ้านก็อยู่กับแม่ก็ได้ ลูกก็ฝากยายเลี้ยง
ที่สำคัญลืมทำอะไรก็ “สุมาเตอะเจ้าาาาา”
เข้าใจตามนี้นะเซียนทั้งหลาย อย่ากล่าวหาเชียงใหม่อีกเลย
เพียงแค่คุณไม่เข้าใจเรา
ที่มา Montri Punyafu