[CR] Beautiful Smiles of SAPA รอยยิ้มจากซาปา พื้นที่ความสุขที่มีมากกว่าเมืองในสายหมอก

สวัสดีค่ะ กลับมาพบการเขียนรีวิวในแบบฉบับของพาฝันคนเดิม

คราวนี้จะเป็นการเล่าเรื่องราวการเดินทางในแบบฉบับสาวโสดสองคน ที่ไปพจญภัยในต่างแดน

การเดินทางโดยใช้สัญชาตญาณการเอาตัวรอด มีแค่แผนการเดินทางคร่าวๆ

และนี่คือบันทึกการเดินทางของเราสองคนค่ะ...ถ้าพร้อมแล้วออกเดินทางพร้อมกันเลย Go !!!


Beautiful Smiles of SAPA รอยยิ้มจากซาปา พื้นที่ความสุขที่มีมากกว่าเมืองในสายหมอก


ซาปาหุบเขาสายหมอกที่ถูกขนานนามในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาติต่างชาติ

แหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางไปได้ตลอดทั้งปี โดยแต่ละฤดูกาลก็จะมีความสวยงามของธรรมชาติที่แตกต่างกันออกไป

หลากหลายรีวิวที่มีในพันทิปรวมถึงตามเว็บไซต์ท่องเที่ยวต่างๆ ยิ่งเป็นแรงดึงดูดความสนใจให้การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้น


การเดินทางไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ก็ไม่ถึงขั้นสะดวกสบายนัก ตอนแรกเราตั้งใจเดินทางโดยรถไฟนอน แต่เกิดปัญหาในการติดต่อรับตั๋ว แผนที่วางไว้ล้มไม่เป็นท่า และนี่แหละคือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยจำใจยอมเดินทางโดยรถนอน ให้ตายเถอะค่ะ มันคือนรกสำหรับเราสองคน นั่นคือความรู้สึกแรกที่รู้ตัวว่าตกรถไฟแล้วต้องไปรถนอน แต่ใครจะไปรู้ล่ะคะว่า สิ่งที่เราคิดว่าไม่ดี ไม่ชอบ ก็มีเรื่องราวความประทับใจเกิดขึ้น

เราสองคนได้นอนหลังสุด เหตุผลจองคนสุดท้าย เออให้มันได้แบบนี้สิวะ ((กูจะรอดมั๊ย???))

มองหน้าเพื่อนตบไหล่กันเบาๆ และเอาน่าไม่มีตัวเลือกอื่นแล้วนี่หน่า

ผู้หญิงผมบลอนด์ตาฟ้า ทักทายอย่างเป็นมิตร พร้อมทั้งส่งน้ำให้ แล้วกล่าวว่า

สีหน้ายูไม่โอเคนะ

ใช่....ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย

จากนั้นก็ถามว่ามาจากไหน ไปเที่ยวไหน เคยไปไทยมั๊ย ต่างๆนาๆ เออก็ดีนะมาแบบนี้ได้เพื่อนต่างชาติด้วย


การเดินทางเริ่มต้นขึ้นตอนสี่ทุ่ม ในรถมีแต่ฝรั่ง คงมีแค่เราสองคนที่เป็นชนชาติเอเชีย

งั้นก็ลองใช้ชีวิตแบบฝรั่งดูละกัน จะได้กลมกลืนกับบรรยากาศด้วย

ตามกำหนดต้องถึงตอน ตีห้า แต่ไหนมาถึงตอนตีสามกว่า และตลอดทางเรานอนไม่หลับ เสียงกรนของฝรั่งข้างหน้า

บวกกับความเหวี่ยงของรถตลอดขึ้นเขา รอดก็บุญแล้ว ฮาาาา


ภาพแรกที่เห็นมันสวยดี หมอกเต็มไปหมดสมคำล่ำลือจริงๆ

เดินเท้าไปที่พักซึ่งอาศัย Google map นำทาง

เมื่อถึงโรงแรมก็ได้รับการต้อนรับจากพนักงานอย่างดี แต่จะปวดหัวก็ไอ้สำเนียงอังกฤษสไตล์เวียดนามผสมกับภาษาเวียดนาม

โอ๊ยยยยยยย เพลียแปป


อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกเดินทางต่อ

สำหรับการเดินทางตลอดทริป เราสองคนเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่ขึ้นเขา ราคาเช่า 150 บาท

มองหน้ากับเพื่อนแล้วตบไหล่รอบสอง เอาว่ะสู้ โชคดีที่เพื่อนหลับตลอดการเดินทาง นางจึงมีแรง ส่วนเราหรอปวดหัวชิฟเลย


ภาพนี้ฮาจริงค่ะ ชีวิตไบค์เกอร์สาวก็ประมาณนี้แหละ

ต่อให้รู้สึกลำบากแค่ไหน ก็ยังคงอุ่นใจเพราะข้อความความห่วงใยจากคนที่ไทยส่งตรงมารัวๆ

แต่ละคนเป็นห่วงเหลือเกิน คงเป็นเพราะยังยึดติดกับคำว่าผู้หญิงจะไปเที่ยวที่ลำบากได้มั้ย

ปลอดภัยมั้ย หลงทางมั้ย แต่เชื่อเถอะค่ะ สัญชาตญาณจะทำให้คุณเอาตัวรอดจากทุกเหตุการณ์ได้เอง



สถานที่ท่องเทียวที่เราสองคนแวะเดินชมคือ โบสถ์ Sapa Stone Church โบสถ์หินแห่งเมืองซาปา

สถานที่สำคัญของเมือง ที่ใครๆมาก็ต้องแวะมาถ่ายรูป


อ่าวววว หนึ่ง สอง สามมมมม ยิ้มมมมม

... จากนั้นเราสองคนจะไปน้ำตกสีเงิน (Silver Water Fall) โดยขี่ขึ้นเขาไปประมาณ 12 กม. ไกลพอสมควรสำหรับไบค์เกอร์อย่างเรา
ระหว่างทางก็เริ่มมีฝนตกลงมาเล็กน้อย อากาศเริ่มมีอุณหภูมิลดลง

และความสวยของธรรมชาติตลอดสองฝั่งทางมันทำให้เราไม่รีรออะไรที่จะจอดรถและหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายบันทึกความสวยงามที่สายตาได้สัมผัสมาฝากเพื่อนๆ



แต่แล้วธรรมชาติก็ไม่เป็นใจเท่าไหร่ ฝนตกลงมาแรงมาก หรือนี่จะเป็นน้ำมนต์จากเทวดาบนฟ้า ตัดสินใจหลบฝนที่มาพร้อมความหิว


***ไอ้เนื้อสีดำๆ นั้นคือเนื้อควายค่ะ สุดยอดความอร่อยของชาวเวียดนามเค้าล่ะ***

ร้านอาหารริมทาง บรรยากาศแปลกใหม่(มาก)สำหรับเราสองคน ให้ตายเถอะหิวโครตๆๆ หนาวด้วย ยังไงก็ต้องแวะต้องหาอะไรกิน


เนื้อไก่พันกับเห็ดปิ้ง อร่อยใช้ได้ ไม้ละ 20 บาท

อุปสรรคการสื่อสารกับแม่ค้าทำให้เราได้พบกับหนุ่มเวียดนาม ถือว่าเป็นโชคดีที่เราได้รับการต้อนรับจากเจ้าบ้านอย่างเป็นมิตร

หนุ่มชาวเวียดนามช่วยแปลภาษาพร้อมทักชวนคุยให้ความกังวลคลายลง พร้อมหยิบยื่นเสื้อกันฝนให้อย่างมีน้ำใจ

พูดคุยทักทายพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนเฟสบุ๊คกัน ก่อนถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก


นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความประทับใจ ใครบอกว่าคนเวียดนามขี้โกง สำหรับเราไม่จริงนะคะ เจอแต่คนใจดีค่ะ


เดินทางจากร้านอาหารนิดเดียวก็ถึงจุดหมายที่เราตั้งใจมาน้ำตกสีเงิน

แต่ฝนตกแรงมากเราเลยไม่เข้าไปในอุทยานค่ะ

ทำได้แค่ถ่ายรูปวิวโดยรอบแทนค่ะ (((แอบเสียดายจัง)))





ก่อนกลับเราสองคนคุยกันว่า "นี่ถ้ากลับถึงโรงแรมปลอดภัย ไม่ต้องมีแฟนก็ได้มั้ง ถ้าจะเป็นผู้หญิงที่ถึกขนาดนี้"

ทนแดด ทนฝน ทนหนาว

กลับมาพักที่โรงแรมหลับกันเป็นตาย อัดยาพาราไปสองเม็ดสมองโล่งอย่างบอกไม่ถูก

และเมื่อฝนหยุดร่างกายพร้อม การเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น

เราขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปในตัวเมือง ที่ถูกออกแบบคล้ายกับประเทศทางยุโรป



นี่คือทะเลสาบซาปา

ชอบบรรยากาศตรงนี้มากเลยค่ะ รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก


ตั้งใจว่าตอนเช้าจะมาวิ่งรอบทะเลสาบสักหน่อย

คืนแรกของเราจะพาทุกคนไปเดินชิวๆที่ Sapa night market กันค่ะ

สำหรับที่ตั้งของ Sapa night market อยู่ใกล้ๆ โบสถ์ Sapa Stone Church หันหน้าเข้าหาโบสถ์อยู่ขวามือเป็นถนนคนเดินยามค่ำคืน

มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาดื่มด่ำกับบรรกาศ Night life แบบฉบับ SAPA





ภาพนี้ค่อนข้างบรรยายบรรยากาศได้เป็นอย่างดี คือ... ตั้งใจจะซื้อผ้าพันคอไปฝากแม่ แค่ถามว่า How much ? เท่านั้นแหละ สิบกว่าคนได้มารุมล้อม บางคนก็พูดภาษาอังกฤษได้ไทยได้นิดหน่อย บางคนรู้จักเงินไทย ถ้ามีสตินิดนึ่ง คุณจะสามารถต่อรองราคาสินค้าได้ถูกกว่าที่คิด ด้วยการใช้ทักษะการคำนวณแบบ exchange rate กลับไปกลับมา พวกเค้ายินดีรับเงินสามสกุล ไทย VND และ USD ก็สนุกไปอีกแบบ


เราจะพาทุกคนไปชิมอาหารท้องถิ่น ถามคนขายนางว่าคล้ายๆ พิซซ่า



รสชาติอร่อยกว่าที่คิดค่ะ ราคา 25 บาทเองค่ะ

เหนื่อยแล้ววว พรุ่งนี้เดินทางกันต่อ ไปล่านาขั้นบันไดกัน
ชื่อสินค้า:   SAPA
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่