อยากขอแชร์เรื่องราว ความบังเอิญเล็ก ๆ ที่เจอมาเมื่อวัน พฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2560
เผื่อว่า คนที่ถูกกล่าวถึงจะมีโอกาส (อันน้อยนิด) ผ่านมาอ่านบ้าง 55555 และ
เผื่อว่า จะมีผู้อ่านบางท่านยิ้มตามไปกับมัน
เรื่องราวความบังเอิญของฉัน เริ่มขึ้นเมื่อตอนอยู่ประถมปลาย
จำได้ว่าตอน ป 5 จู่ ๆ ฉันก็ถูกจับย้ายมาอยู่ห้อง 1 ถูกแยกจากเพื่อนร่วมกลุ่ม เพื่อนสนิท มาเรียนห้องเดียวกันกับคนที่เรียนเก่งกว่า
ตอนนั้นอะไร ๆ ก็ไม่ดีนัก
จนกระทั่งวันสอบ ไม่แน่ใจว่าเป็นนโยบายใหม่ที่เพิ่งมีในปีนั้นหรือเปล่า
แต่ ฉันที่อยู่ ป 5/1 จะต้องย้ายห้องเพื่อไปสอบที่ห้องของพี่ ป 6/1 เป็นการนั่งคั่นสลับแถวของเด็กสองชั้นปี
เพื่อป้องกันการลอกข้อสอบ(ที่ฉันคิดว่าไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นัก) แต่นั่นทำให้ฉันได้เจอคนหนึ่งคนที่ "รู้สึกถูกชะตา"
คนที่หน้าตา ท่าทางตรงใจ ฉันก็แอบปลื้มนิด ๆ ตามประสาเด็กประถมทั่ว ๆ ไป
เรื่องบังเอิญข้อแรก เกิดขึ้นในวันที่ฉันนั่งรถโรงเรียนกลับบ้านเป็นปกติ
วันนั้นได้นั่งอยู่หน้าสุดของรถ ข้าง ๆ ที่นั่งคนขับ
ในช่วงจังหวะที่รถเข้าจอดเทียบหน้าบ้านของน้องคนหนึ่ง ฉันก็เห็นพี่คนนั้นเป็นครั้งแรกนอกโรงเรียน
ถึงได้รู้ว่า ที่แท้ เราสองคน "ก็อยู่ซอยบ้านเดียวกันแต่คนละหมู่บ้านนี่เอง"
พี่เขาจะอยู่ต้น ๆ ซอย ในขณะที่บ้านฉันอยู่เสียลึก
ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่า "มันก็บังเอิญดีนะ"
เรื่องบังเอิญข้อที่สอง เกิดขึ้นในตอนที่ฉันอยู่มหาวิทยาลัย
วันนั้นฉันเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงหน้าปากซอยบ้าน
จังหวะที่กำลังมอง ๆ หนังสืออยู่ในมุมหนังสือแคบ ๆ ของซุปเปอร์นั้นเอง
สายตาก็เหลือบมองออกนอกกระจกของร้าน เห็นพี่คนนั้นนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง
อารมณ์ของฉัน ณ ตอนนั้นออกแนว "อ้าว ยังอยู่แถวนี้อีกเหรอ นึกว่าย้ายไปแล้ว"
แล้วก็ได้แต่คิดกับตัวเองว่า “เขาหน้าไม่เปลี่ยนเลยเนอะ”
เรื่องบังเอิญข้อที่สาม เกิดขึ้นในวันที่ฉันกำลังนั่งรถสองแถวกลับบ้านหลังเลิกงาน
ตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาทุ่มหรือสองทุ่ม ท้องฟ้ากำลังมืดได้ที่ และคนก็เต็มคันรถ
แต่ฉันกลับจำร่างคุ้นตาในเสื้อยืดสีฟ้าอ่อน ๆ ได้ว่าคุ้นนัก เหมือนกับพี่คนนั้นไม่มีผิด
แต่ เพราะฉันมองเห็นหน้าไม่ค่อยชัดและพี่เขาก็ลงป้ายที่ไม่ใช่ซอยบ้าน ทำให้ฉันคิดไปเองว่า "คงเป็นคนละคนกัน"
จนกระทั่งเรื่องบังเอิญข้อสุดท้าย
หลังจากที่ฉันย้ายที่ทำงานใหม่ สายรถเมล์ที่ต้องขึ้นก็เปลี่ยนไปด้วย
ทุกวันคือการเบียดเสียด แย่งกันขึ้น แย่งกันยืน แย่งกันนั่ง
ได้พบเจอความเห็นแก่ตัวแบบเนียน ๆ ไปจนถึงความเห็นแก่ตัวแบบสุดจะน่าเกลียด
และฉันก็ได้ "พบ" พี่เขาอีกครั้ง ไม่สิถ้ารวมวันนี้ก็คงประมาณครั้งที่สี่ได้แล้วละมั้ง
ฉันได้เรียนรู้ว่าเขาขึ้นรถเมล์สายนี้ ที่ป้ายนี้ และ ลงจากรถในป้ายเดียวกันกับฉัน
ครั้งแรกที่เจอ ฉันเห็นแค่ด้านหลัง รู้สึกคุ้นแต่คิดว่าไม่ใช่
จนกระทั่งลงรถเมล์เพื่อมาต่อรถสองแถว ถึงได้เห็นหน้าชัด ๆ “ว่าไม่ผิดคน”
ครั้งต่อ ๆ มาที่เจอ ฉันได้แต่นึกในใจว่ามือถือมันมีอะไรนักหนา จิ้มอยู่ได้
จนวันนี้ หลังจากที่ไม่ได้เห็นมาเป็นอาทิตย์
ฉันก็นึกไปแล้วว่าบางทีฉันอาจจะเข้าใจผิดไปเองว่าพี่เขาทำงานแถวนี้
ความจริงเขาอาจมีธุระทำให้ต้องมาแถวนี้ติด ๆ กันหลายวันแค่นั้นก็เป็นได้
แต่วันนี้ ในขณะที่ฉันเดินมา ณ จุดรอรถ แล้วก็ได้แต่คิดไปว่า ต้องรออีกนานแหง ๆ
ฉันก็เห็นร่างคุ้น ๆ ยืนเล่นหมากล้อมอยู่ข้างหน้า แล้วฉันก็ได้รู้ตอนขึ้นมาบนรถแล้วว่า "ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพี่คนนี้นั่นเอง"
ตอนแรกที่ขึ้นรถ ระหว่างพี่เขากับฉันมีคนสองคนยืนก้ัน
ด้วยความที่ (ให้พูดตรง ๆ) ฉันก็ชอบแอบมองหน้าเขานั่นแหละ เพราะหน้าเขามันงานดี ก็แอบ ๆ เหลือบ ๆ บ้าง อย่างเนียน ๆ
ไม่งั้นจะไม่งาม
จนถึงป้ายก่อนขึ้นทางด่วน ที่คนลงกันแล้วจู่ ๆ แถวการยืนก็สลับ ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่าพี่เขามายืนอยู่ข้างฉันเสียนี่
ฉันต้องทนกลั้นยิ้มฟิน ๆ ของตัวเองแทบตายเพราะยังไม่อยากโดนคนอื่นครหาว่าบ้าที่ยืนยิ้มอยู่คนเดียวอย่างไร้สาเหตุ
แต่คิดดู คนที่เคยแอบปลื้มเมื่อ ป 5 มายืนเล่นหมากล้อมบนมือถืออยู่ข้าง ๆ ในวันนี้
ให้ตายเถอะ ขอฟินเสียนิดให้กระชุ่มกระชวยหัวใจเฉา ๆ ของคนทำงานหน่อยแล้วกัน (ฮา)
"อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะ"
แต่สิ่งที่ทำให้ฉันประทับใจจนอยากจะกลับมาเขียนระบายเรื่องราว "ความบังเอิญ" ไร้สาระนี้
คือตอนที่กำลังจะขึ้นรถสองแถว ข้างหน้าฉันคือชายตาบอด ส่วนคนที่ยืนรออยู่ในแถวข้าง ๆ คือ
พี่ที่ถูกฉันแอบ ๆ มองไปหลายรอบอยู่ ในจังหวะที่รถเข้าจอดและทุกคนต่างทยอยขึ้นรถ
จู่ ๆ พี่คนนี้ก็เดินเข้ามาช่วยจูงคนตาบอดข้างหน้าฉันขึ้นรถ
นั่นทำให้ฉันชะงักไปนิดหนึ่ง ด้วยรู้สึกว่า "จะต้องเข้าไปช่วยด้วยไหมวะ"
ถ้าคนช่วยจูงเป็นคนอื่น ฉันคงเข้าไปช่วยแบบไม่คิดมาก
แต่พอเป็นพี่เขาเท่านั้น ฉันก็ทำอะไรไม่ถูก
แล้วจู่ ๆ พี่เขาก็หันไปพูดอะไรบางอย่างกับชายตาบอด ซึ่งฉันไม่ได้ยิน
แต่รอยยิ้มที่ส่งไปให้ชายตาบอดคนนั้น มันทำให้คะแนนความประทับใจพุ่งปรี๊ด
"คนอะไรว้า ยิ้มแล้วดูดีจริง ๆ"
คิด ๆ แล้วก็ตลกดี ที่ความบังเอิญพัดพาให้คนที่ฉันเคยปลื้มเมื่อประถมปลายมาปรากฏตัว ในวันที่เราสองคนต่างอยู่ในวัยทำงาน
ฉันเคยคิดนะ ว่าอยากลองทัก ลองถามไปตรง ๆ เลย ว่าใช่พี่คนนี้ที่เคยเรียนที่นี่ ห้องนี้หรือเปล่า เพราะบางทีฉันอาจจะเข้าใจอะไร
ผิดไปเองทั้งหมดก็ได้
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ (เพราะไม่กล้า 5555)
และเอาเข้าจริง ๆ บางทีฉันก็อยากรู้นะว่า "ความบังเอิญในเรื่องเดิม ๆ"
มันจะเกิดขึ้นในชีวิตเราได้สักกี่ครั้งกัน.
ขอบคุณนะ “ความบังเอิญ”
ที่ช่วยเรียกความทรงจำ “สมัยเก่า ๆ” ฉันกลับมา
ปล ถ้าพี่ได้อ่านแล้วไม่รู้ตัว ก็ถือว่าผ่านไป
แต่ถ้าพี่ได้อ่านแล้วรู้ว่าเป็นตัวเอง ก็ไม่ต้องกลัวนะ หนูไม่ทำอะไรพี่แน่นอน 555555
ปลล Tag ผิดขออภัยนะคะ มือใหม่หัดตั้งกระทู้จริง ๆ
ปลลล ขอตั้งเป็นกระทู้คำถาม เพราะยังไม่ได้ยืนยันตัวตน ตั้งกระทู้สนทนาไม่ได้ค่ะ
ความบังเอิญเมื่อ ป 5
เผื่อว่า คนที่ถูกกล่าวถึงจะมีโอกาส (อันน้อยนิด) ผ่านมาอ่านบ้าง 55555 และ
เผื่อว่า จะมีผู้อ่านบางท่านยิ้มตามไปกับมัน
เรื่องราวความบังเอิญของฉัน เริ่มขึ้นเมื่อตอนอยู่ประถมปลาย
จำได้ว่าตอน ป 5 จู่ ๆ ฉันก็ถูกจับย้ายมาอยู่ห้อง 1 ถูกแยกจากเพื่อนร่วมกลุ่ม เพื่อนสนิท มาเรียนห้องเดียวกันกับคนที่เรียนเก่งกว่า
ตอนนั้นอะไร ๆ ก็ไม่ดีนัก
จนกระทั่งวันสอบ ไม่แน่ใจว่าเป็นนโยบายใหม่ที่เพิ่งมีในปีนั้นหรือเปล่า
แต่ ฉันที่อยู่ ป 5/1 จะต้องย้ายห้องเพื่อไปสอบที่ห้องของพี่ ป 6/1 เป็นการนั่งคั่นสลับแถวของเด็กสองชั้นปี
เพื่อป้องกันการลอกข้อสอบ(ที่ฉันคิดว่าไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นัก) แต่นั่นทำให้ฉันได้เจอคนหนึ่งคนที่ "รู้สึกถูกชะตา"
คนที่หน้าตา ท่าทางตรงใจ ฉันก็แอบปลื้มนิด ๆ ตามประสาเด็กประถมทั่ว ๆ ไป
เรื่องบังเอิญข้อแรก เกิดขึ้นในวันที่ฉันนั่งรถโรงเรียนกลับบ้านเป็นปกติ
วันนั้นได้นั่งอยู่หน้าสุดของรถ ข้าง ๆ ที่นั่งคนขับ
ในช่วงจังหวะที่รถเข้าจอดเทียบหน้าบ้านของน้องคนหนึ่ง ฉันก็เห็นพี่คนนั้นเป็นครั้งแรกนอกโรงเรียน
ถึงได้รู้ว่า ที่แท้ เราสองคน "ก็อยู่ซอยบ้านเดียวกันแต่คนละหมู่บ้านนี่เอง"
พี่เขาจะอยู่ต้น ๆ ซอย ในขณะที่บ้านฉันอยู่เสียลึก
ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่า "มันก็บังเอิญดีนะ"
เรื่องบังเอิญข้อที่สอง เกิดขึ้นในตอนที่ฉันอยู่มหาวิทยาลัย
วันนั้นฉันเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงหน้าปากซอยบ้าน
จังหวะที่กำลังมอง ๆ หนังสืออยู่ในมุมหนังสือแคบ ๆ ของซุปเปอร์นั้นเอง
สายตาก็เหลือบมองออกนอกกระจกของร้าน เห็นพี่คนนั้นนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง
อารมณ์ของฉัน ณ ตอนนั้นออกแนว "อ้าว ยังอยู่แถวนี้อีกเหรอ นึกว่าย้ายไปแล้ว"
แล้วก็ได้แต่คิดกับตัวเองว่า “เขาหน้าไม่เปลี่ยนเลยเนอะ”
เรื่องบังเอิญข้อที่สาม เกิดขึ้นในวันที่ฉันกำลังนั่งรถสองแถวกลับบ้านหลังเลิกงาน
ตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาทุ่มหรือสองทุ่ม ท้องฟ้ากำลังมืดได้ที่ และคนก็เต็มคันรถ
แต่ฉันกลับจำร่างคุ้นตาในเสื้อยืดสีฟ้าอ่อน ๆ ได้ว่าคุ้นนัก เหมือนกับพี่คนนั้นไม่มีผิด
แต่ เพราะฉันมองเห็นหน้าไม่ค่อยชัดและพี่เขาก็ลงป้ายที่ไม่ใช่ซอยบ้าน ทำให้ฉันคิดไปเองว่า "คงเป็นคนละคนกัน"
จนกระทั่งเรื่องบังเอิญข้อสุดท้าย
หลังจากที่ฉันย้ายที่ทำงานใหม่ สายรถเมล์ที่ต้องขึ้นก็เปลี่ยนไปด้วย
ทุกวันคือการเบียดเสียด แย่งกันขึ้น แย่งกันยืน แย่งกันนั่ง
ได้พบเจอความเห็นแก่ตัวแบบเนียน ๆ ไปจนถึงความเห็นแก่ตัวแบบสุดจะน่าเกลียด
และฉันก็ได้ "พบ" พี่เขาอีกครั้ง ไม่สิถ้ารวมวันนี้ก็คงประมาณครั้งที่สี่ได้แล้วละมั้ง
ฉันได้เรียนรู้ว่าเขาขึ้นรถเมล์สายนี้ ที่ป้ายนี้ และ ลงจากรถในป้ายเดียวกันกับฉัน
ครั้งแรกที่เจอ ฉันเห็นแค่ด้านหลัง รู้สึกคุ้นแต่คิดว่าไม่ใช่
จนกระทั่งลงรถเมล์เพื่อมาต่อรถสองแถว ถึงได้เห็นหน้าชัด ๆ “ว่าไม่ผิดคน”
ครั้งต่อ ๆ มาที่เจอ ฉันได้แต่นึกในใจว่ามือถือมันมีอะไรนักหนา จิ้มอยู่ได้
จนวันนี้ หลังจากที่ไม่ได้เห็นมาเป็นอาทิตย์
ฉันก็นึกไปแล้วว่าบางทีฉันอาจจะเข้าใจผิดไปเองว่าพี่เขาทำงานแถวนี้
ความจริงเขาอาจมีธุระทำให้ต้องมาแถวนี้ติด ๆ กันหลายวันแค่นั้นก็เป็นได้
แต่วันนี้ ในขณะที่ฉันเดินมา ณ จุดรอรถ แล้วก็ได้แต่คิดไปว่า ต้องรออีกนานแหง ๆ
ฉันก็เห็นร่างคุ้น ๆ ยืนเล่นหมากล้อมอยู่ข้างหน้า แล้วฉันก็ได้รู้ตอนขึ้นมาบนรถแล้วว่า "ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพี่คนนี้นั่นเอง"
ตอนแรกที่ขึ้นรถ ระหว่างพี่เขากับฉันมีคนสองคนยืนก้ัน
ด้วยความที่ (ให้พูดตรง ๆ) ฉันก็ชอบแอบมองหน้าเขานั่นแหละ เพราะหน้าเขามันงานดี ก็แอบ ๆ เหลือบ ๆ บ้าง อย่างเนียน ๆ
ไม่งั้นจะไม่งาม
จนถึงป้ายก่อนขึ้นทางด่วน ที่คนลงกันแล้วจู่ ๆ แถวการยืนก็สลับ ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่าพี่เขามายืนอยู่ข้างฉันเสียนี่
ฉันต้องทนกลั้นยิ้มฟิน ๆ ของตัวเองแทบตายเพราะยังไม่อยากโดนคนอื่นครหาว่าบ้าที่ยืนยิ้มอยู่คนเดียวอย่างไร้สาเหตุ
แต่คิดดู คนที่เคยแอบปลื้มเมื่อ ป 5 มายืนเล่นหมากล้อมบนมือถืออยู่ข้าง ๆ ในวันนี้
ให้ตายเถอะ ขอฟินเสียนิดให้กระชุ่มกระชวยหัวใจเฉา ๆ ของคนทำงานหน่อยแล้วกัน (ฮา)
"อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะ"
แต่สิ่งที่ทำให้ฉันประทับใจจนอยากจะกลับมาเขียนระบายเรื่องราว "ความบังเอิญ" ไร้สาระนี้
คือตอนที่กำลังจะขึ้นรถสองแถว ข้างหน้าฉันคือชายตาบอด ส่วนคนที่ยืนรออยู่ในแถวข้าง ๆ คือ
พี่ที่ถูกฉันแอบ ๆ มองไปหลายรอบอยู่ ในจังหวะที่รถเข้าจอดและทุกคนต่างทยอยขึ้นรถ
จู่ ๆ พี่คนนี้ก็เดินเข้ามาช่วยจูงคนตาบอดข้างหน้าฉันขึ้นรถ
นั่นทำให้ฉันชะงักไปนิดหนึ่ง ด้วยรู้สึกว่า "จะต้องเข้าไปช่วยด้วยไหมวะ"
ถ้าคนช่วยจูงเป็นคนอื่น ฉันคงเข้าไปช่วยแบบไม่คิดมาก
แต่พอเป็นพี่เขาเท่านั้น ฉันก็ทำอะไรไม่ถูก
แล้วจู่ ๆ พี่เขาก็หันไปพูดอะไรบางอย่างกับชายตาบอด ซึ่งฉันไม่ได้ยิน
แต่รอยยิ้มที่ส่งไปให้ชายตาบอดคนนั้น มันทำให้คะแนนความประทับใจพุ่งปรี๊ด
"คนอะไรว้า ยิ้มแล้วดูดีจริง ๆ"
คิด ๆ แล้วก็ตลกดี ที่ความบังเอิญพัดพาให้คนที่ฉันเคยปลื้มเมื่อประถมปลายมาปรากฏตัว ในวันที่เราสองคนต่างอยู่ในวัยทำงาน
ฉันเคยคิดนะ ว่าอยากลองทัก ลองถามไปตรง ๆ เลย ว่าใช่พี่คนนี้ที่เคยเรียนที่นี่ ห้องนี้หรือเปล่า เพราะบางทีฉันอาจจะเข้าใจอะไร
ผิดไปเองทั้งหมดก็ได้
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ (เพราะไม่กล้า 5555)
และเอาเข้าจริง ๆ บางทีฉันก็อยากรู้นะว่า "ความบังเอิญในเรื่องเดิม ๆ"
มันจะเกิดขึ้นในชีวิตเราได้สักกี่ครั้งกัน.
ขอบคุณนะ “ความบังเอิญ”
ที่ช่วยเรียกความทรงจำ “สมัยเก่า ๆ” ฉันกลับมา
ปล ถ้าพี่ได้อ่านแล้วไม่รู้ตัว ก็ถือว่าผ่านไป
แต่ถ้าพี่ได้อ่านแล้วรู้ว่าเป็นตัวเอง ก็ไม่ต้องกลัวนะ หนูไม่ทำอะไรพี่แน่นอน 555555
ปลล Tag ผิดขออภัยนะคะ มือใหม่หัดตั้งกระทู้จริง ๆ
ปลลล ขอตั้งเป็นกระทู้คำถาม เพราะยังไม่ได้ยืนยันตัวตน ตั้งกระทู้สนทนาไม่ได้ค่ะ