Audax เส้นทางพิสูจน์ ใจ วิถีแห่ง Randonneurs

  บทความนี้ ผมเพียงต้องการแชร์ประสบการณ์ ความรู้สึก  ของนักเดินทาง นักผจญภัย โดยใช้จักรยานเดินทาง ในสายทางปั่น ของ Audax Randonneurs.
  Audax คืออะไร มีหลายๆท่านทราบดีแล้ว และ อีกมากมายที่ ไม่เข้าใจ ในตัวตนของมัน โดยในทางที่ถูกต้องมีการให้ความหมายไว้แล้วว่า Audax มากจากไหน คืออะไร ที่มาที่ไปยังไง โดย สามารถเข้าไปในเว็บไซค์ของทาง Audax Thailands ได้  http://www.audaxthailand.com เข้าไปดูข้อมูลในนี้ได้ จะเข้าใจมากๆขึ้น ในทางที่ถูกต้อง
  แต่ในแง่ของนักปั่นนักเดินทาง(Randonneurs ) อย่างผมแล้ว ผมให้นิยามของมันว่า ทรมานบันเทิง โดยมีจักรยานนี่ละที่พาเราไปพบกับ ความทรมานบันเทิง ในเส้นทางที่มีการกำหนดไว้ชัดเจน มีแผนที่ มีกฏกติกา ที่มีการกำหนดไว้อย่างเด่นชัด โดยตัวนักปั่นจะต้องปฏิบัติตามกฏกติกาอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถผ่านการทดสอบ และ ได้รับการรับรองการเป็น นักปั่นจักรยานทางไกล อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน เมื่อปั่นผ่านบททดสอบในแต่ละสนามมาได้
  Audax เปรียบเสมือน สารเสพติดชนิดหนึ่งซึ่ง เมื่อได้เข้าไปเสพแล้วเลิกยาก การเสพแต่ละครั้ง นักปั่นจะต้องเลือกเอง อยากไปเสพสนามไหน ระยะไหน มีให้เสพกันตั้งแต่เริ่มที่ 200 Km เมื่อเสพผ่านระยะนี้ไปแล้ว เราจะสามารถเริ่มเสพในระยะที่ไกลขึ้นได้ทั้ง 300,400,600,1000,1200,1400 Km โดยในแต่ระยะ ที่นักปั่นเลือกไปนั้น ไม่มีใครบังคับ ให้ไปปั่น เพราะ ไม่ไปก็ไม่ผิด แต่ จะรู้สึกผิดที่ไม่ได้ไป มันจะเป็นสิ่งเสพติด ชนิดประเภท ทรมานบันเทิง นั่นเอง เส้นทางการทรมานบันเทิง มีให้เลือกหลายระดับ ตั้งแต่ Easy , Normal , Hard , Insane พวกระดับพวกนี้ ก็คือตัวกำหนด ความทรมาน อย่างดีในการวางแผนที่จะเลือกจะไปปั่นสนามไหน โดยแต่ละระดับ จะบ่งแยกตาม ค่าการไต่รวมนั้นๆ โดยในแง่ความรู้สึกของนักปั่นมักจะเข้าใจว่า สนามเริ่มต้นมันต้อง ระดับ Easy ดิ มันถึงจะปั่นผ่านกันง่ายๆ ไต่ไม่เยอะ เขาไม่มี มีแค่สะพาน เนินนิดหน่อย แล้วแต่จะจินตนาการกันไป แต่ในความเป็นจริง มันไม่ใช่ เพราะในเส้นทางที่มีการกำหนดให้ไปปั่นนั้น ผู้จัดในแต่ละสนามมักจะมีอะไรให้นักปั่นต้องพบเจอแบบนี่ใช่เหรอ Easyเหรอ ไม่ใช่ๆ แล้ว เพราะตัวกำหนดความยากในเส้น Audax ถูกจัดมาแค่ตัวแปรเดียว คือระยะไต่รวมสะสมเท่านั้น มันยังขาดจุดอื่นๆที่นำมาพิจรณาความยากของสนามนั้นๆ เพราะบางสนามไต่รวมโคตรจะน้อย แต่เมื่อไปเจอสนามเข้า ไหนจะแแดด จะฝน จะลม จะเนินซึมไม่เลิก ทางคดเคี้ยว หลุม อากาศที่แปรปรวนในแต่ละพื้นที่ ความทุละกันดาล ปัจจัยหลายด้านทำให้สนามที่ว่ากันว่า Easy กลับสุดทรมานกว่าจะจบ ถ้าให้ยกตัวอย่างสนามที่ว่ากันว่าเป็น 200 Km ที่ควรไปลองคือ 200อยุธยา
  สนามนี้ได้ทำให้นักปั่นหลายต่อหลายท่านมีความทรงจำกับสนามนี้มาแล้วต่างๆมากมาย โดยสนามนี้ถ้าดูระยะไต่รวม มันดูเป็นทางราบจิงๆ แต่ที่แฝงไว้ในสนามที่ดูง่ายๆEasy Easy นั้นคือ ถนนน้ำท่วมที่กรุงเทพ แดดร้อนแรงที่ผักไห่ สายฝนกระหน่ำที่อยุธยา ลมสวนที่ถนนคลองเปรม เรื่องแค่นี้ก็ทำให้ชีวิตนักปั่นหลายท่านต้องปั่นกันไม่จบมานักต่อนักแล้ว ส่วนท่านที่ปั่นจบก็จะร้องกันทั้งสิ้น Easyตรงไหนว่ะ ไม่ปั่นแล้ว พอๆ เจ็บก้น เหนื่อย ร้อน ออดง ออ- บ้าอะไร ทรมานยิ้ม ความโวยวายจะมีเกิดขึ้นหลังปั่น สำหรับมือใหม่ แต่ ถ้ามือเก๋าๆจะยิ้มๆ และ สงบๆ เริ่มคิดจบแล้วนะ ซ้อมได้ดี เดียวต้องไปสนาม300ต่อ เพื่อนๆไปไหม พอหันกลับมาทางนักปั่นใหม่ๆยังคงวุ่นๆต้องมาต่อแถวลงทะเบียนสุดท้าย สั่งซื้อเหรียญ อีกเยอะแยะ เป็น บรรยากาศแบบนี้แทบเกือบทุกสนาม โดยเฉพาะสนาม Easy แต่เมื่อผ่านพ้นวันนั้นไปได้ 1 วัน เริ่มมีคนลงรูป เริ่มมีคนลงความสำเร็จ ใน Facebook ในโลกโซเชี่ยล ต่างๆ และ เมื่อได้เห็น รูป ตนเอง ได้อ่านบทความ มันจะมีความรู้สึกอีกแบบ มันจะเริ่มภูมิใจ กับความสำเร็จที่ได้ทำมาในระยะ 200 Km นั้น ได้ไปในสถานที่ ที่ ไม่เคยไป ได้นึกภาพเพื่อนๆที่มาร่วมงาน ได้อดทน ได้ทรมาน เริ่มที่จะพูดกับผู้คน เราไปปั่นจักรยานมา 200 Km เริ่มมีคนถาม ทำได้ไง เป็นไง บ้าป่าว กลับมาดูรูป ใบบันทึกการปั่นที่เราไปประทับตาไว้ในแต่ละจุด ภาพต่างๆจะเริ่มเข้ามา และ นั่นละครับ คุณกำลังจะเสพติด ความทรมานบันเทิง ในทันที เริ่มจะดูสนามต่อไป นัดพูดคุยกับเพื่อนๆ เริ่มค้นหาเหรียญ เริ่มศึกษามันไปถึงขนาดไหน และ จะไปสนใจกับบางสิ่ง ที่เรียกว่า SR
  SR คืออะไร แล้วทำไมถึงอยากได้มัน แล้วได้มาจะเอามาทำอะไร เริ่มมีความคิดบางอย่าง Audax กำลังอัพยา ป้ายยา ให้คุณเสพติดมากขึ้น เราจะเริ่มมองบางสิ่งที่อีกหลายๆคนมองเหมือนกันหลังจาก ค้นพบว่าปั่นผ่านได้นี่ 200Km เริ่มมองหาสนาม 300,400,600Km เพื่ออยากได้ เหรียญที่ชื่อว่า SR นี้ การที่จะได้มาด้วยคำว่า SR นั้น SRชื่อเต็มว่า Super Randonneur: ตำแหน่งนี้จะถูกมอบให้กับนักปั่นที่ผ่านประกาศนียบัตร 200 300 400 และ 600 กม. ภายในฤดูกาลเดียวของการทดสอบ มีเหรียญรางวัลโดยเฉพาะเป็นพิเศษสำหรับตำแหน่งนี้ด้วย ดูมันช่างเทพ ซะเหลือเกิน ซึ่งแน่นอนเพราะมันเป็นรางวัลพิเศษ นี่ละการเสพติดความทรมานบันเทิงจึงเกิดขึ้นในทันที เมื่อได้ตำแหน่ง SR มาแล้ว ในสายAudaxคนที่ได้เรามักจะเรียกว่า เหล่าเทพนักปั่น มันจะรู้ๆกัน แซวกัน อย่างสนุกสนาน ตำแหน่งนี้เอามาใช้เป็นตั๋วใบเบิกทางไปสนามบางสนามที่โหดยิ่งขึ้นได้เช่น ระยะ1200,1400Km ดูแล้วชั่งน่าสนใจนัก แต่กว่าจะได้มาซึ่ง SR ก็ได้ทำให้นักปั่นหลายต่อหลายท่าน ช้ำใจ ผิดหวัง มานักต่อนัก กับการที่จะไขว่ขว้าตำแหน่งนี้ให้ได้ เพราะ อุตส่าห์ปั่น 200,300,400km ผ่านหมดแล้ว ก็ต้องมาผิดหวังที่ระยะ 600 Km ที่ไม่สำเร็จ ยิ่งถ้าเป็นสมัยแรกเริ่มถือว่ายากมากๆ เพราะสนามทดสอบในประเทศไทยมีน้อยมากๆ ไม่ผ่านสนาม600สนามนี้ก็จบเลยในฤดูกาลปีนั้น ต้องมาเริ่มนับ200,300,400,600กันใหม่ในฤดูกาลปีหน้า บางท่านหมดกำลังใจกันไปเลย แต่ก็มีอีกหลายๆท่านไม่ยอมแพ้ เอาใหม่ แต่ในปัจจุบันนี้ ดีขึ้นมากๆ มีสนามAudaxในไทย มากมาย คลอบคลุมทุกภาค มีสนาม600Kmให้แก้มือมากกว่า 3 สนามในฤดูกาลนั้นๆ จึงทำให้ เกิดนักปั่นเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ที่เสพติดอยากได้มาซึ่งตำแหน่งนี้ SR
   การปั่นจักรยานทางไกล ที่เรียกว่า Audax นั้น เป็นการปั่นทางไกลที่ต้องใช้เวลามากมายในการปั่นในแต่ระยะทาง การที่จะมุ่งมั่นมาปั่นใน Audax ให้ได้รับความภาคภูมิใจนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก และ ไม่ใช่เรื่องง่าย การปั่น Audax ให้ได้รับความภาคภูมิใจนั้น คนปั่นย่อมรู้ตัวเองที่สุด ว่าเมื่อเวลาปั่นจบ และ เมื่อเหรีญรางวัลแห่งชัยชนะนั้นส่งมาถึงบ้าน หลังจากรอ 3เดือน เดินทางมาจาก ประเทศฝรั่งเศษ คุณจะภูมิใจไหมที่ได้มันมา ทำไมจะไม่ภูมิใจละ แน่นอนถ้าได้มาด้วยความถูกต้อง ตามกติกา ด้วยความสามารถของตัวเราเองย่อมภูมิใจแน่นอน แต่ บางทีมันไม่ได้น่าภาคภูมิใจ ถ้าเราได้มันมาโดยการผิดกติกา
   ในการปั่นจักรยานทางไกล ในการทดสอบนี้ นักปั่นที่ลงทะเบียนถูกต้อง จะได้รับใบบันทึกเวลา ซึ่งในใบนี้มันจะมีบอกว่า เราต้องไปลงบันทึกเวลาที่ไหน และ มันจะเปิดตอนไหน และ ปิดตอนไหน สนใจมากสุด ก็ ตอนปิดเวลานี่ละครับ ที่ต้องเข้าให้ทัน ในแต่ละจุดที่กำหนด นักปั่นก็ต้องปั่นตามแผนที่ ที่ผู้จัดเป็นผู้กำหนดเส้นทางไว้ตามนั้น โดยนักปั่นต้องปั่นไปตามเส้นทางที่กำหนดเท่านั้น ห้ามลัดเส้นทาง แต่ในความเป็นจริงในการปั่นจักรยานทางไกลมักมีผู้ที่ใช้วิธี ผิดกติกา ต่างๆมากมาย เช่น ลัดเส้นทาง ให้คนอื่นปั่นแทน นั่งรถมาลงแล้วแอบปั่นต่อ มีคนคอยขับคอยติดตามดูแล ตลอดเส้นทางปั่น มักจะให้เห็นกันบ่อยๆ นี่คือความไม่น่าภาคภูมิใจแต่ยังคงมีผู้กระทำผิด โดยกติกาของการปั่น Audax มีการเขียนไว้อย่างชัดเจน โดยหลักๆที่เราควรรู้คือ นักปั่นต้องพึ่งตนเอง ไม่อนุญาตให้มีรถติดตามเพื่อให้การสนับสนุนทุกชนิดระหว่างเส้นทาง การสนับสนุนจะอนุญาตเฉพาะที่จุดเช็คพ้อยต์เท่านั้น ข้อนี้เป็นข้อนึงในอีกหลายๆหัวข้อที่มีการกำหนดเป็นกฎกติกาชัดเจน แต่ก็ยังมีผู้ละเมิดอยู่เสมอ แต่นั่นละเมื่อปั่นจบ คุณจะภูมิใจไหม
      สิ่งที่ได้ และ สิ่งที่เสีย จากการปั่น Audax การปั่นแบบนี้ย่อมมี ข้อดี ข้อเสียแน่นอน ไม่มีอะไรดีไปทั้งหมด
ข้อเสียเมื่อมาปั่น Audax
1.ค่าใช่จ่ายในการไปปั่นจักรยาน ในการสมัครปั่นนั้น Audax ค่าสมัครคิดตามระยะทาง 200Km ก็ 200 บาท ก็กิโล ละ บาท ดูไม่ได้แพงเลย แต่มันมีค่าใช้จ่ายแอบอยู่ เพราะการปั่นใช้เวลานาน
ระยะเวลาของการปั่นในแต่ละประกาศนียบัตรจะถูกกำหนดตามระยะทาง ดังนี้
13:30 ชม. สำหรับระยะทาง 200 กม.
20:00 ชม. สำหรับระยะทาง 300 กม.
27:00 ชม. สำหรับระยะทาง 400 กม.
40:00 ชม. สำหรับระยะทาง 600 กม.
75:00 ชม สำหรับระยะทาง 1,000 กม.
แค่ระยะ 200 Km ก็กว่าจะปั่นจบก็ปาไปตั้งเกิน 10ชั่วโมงแล้ว นั่นคือหมดไปแหละช่วงเช้าในวันนั้น ถ้าไปสนามไกล ก็ต้องไปค้างคืน ตืนเช้าปั่น ปั่นจบเหนื่อย กลับไม่ไหว นอนอีกคืน มันต้องมีค่าใช้จ่ายตรงนี้ที่ต้องจ่ายออกไป
2.ยานพัง หมายถึง จักรยานที่นำมาปั่น ก็ จะต้องมีค่าดูแลรักษามากขึ้น เพราะปั่นไกลๆแบบนี้อะไหล่พังใวแน่นอน กำเงินไว้ซ่อมกันน่าดู ค่าโซ่ ค่ายาง จิปาถะ
3.อัพยาน หมายถึง แต่งจักรยานให้มี สมรรถนะดีขึ้น ล้อวิ่งดี เน้นเบา ประหยัดแรง อันนี้แล้วแต่งบใคร แรงใคร แต่เอาจิงๆ จักรยานแม่บ้านยังปั่นจบกันเลยครับ ถ้าแรงดีจิงๆ ในการปั่น Audax เราจะรู้ว่า 80%นะตัวเราล้วนทั้งกายและใจ ส่วน20%นะจักรยาน
4.ร่างพัง การปั่นจักรยานทางไกล ร่างกายต้องเจอกับสภาวะที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บทางกล้ามเนื้อ เสี่ยงต่อการผิวเสีย ดำแน่นอน อุอุ เสี่ยงต่อตูดพัง นั่งปั่นเป็น ร้อยๆโล ตูดพังแน่ๆ ไม่สบายเพราะเจอสภาวะใช้ร่างกายเกิน เจอฝน เจอแดด เตรียมค่ารักษาไว้ด้วย
ยังมีอีกแต่ก็ปลีกย่อยในข้อเสียของการปั่น Audax นี้ แต่ทำไมมันยังมีคนปั่นละ ทำไมถึงไม่ยอมหยุด ทำไมไม่ยอมแพ้ ทำไมอยากไปต่อ มันมีข้อดีสิ
ข้อดีของการไปทรมานบันเทิง
  1.เปิดโลกอีกใบในชีวิตเรา การที่เราได้ไปปั่นด้วยจักรยาน ไปทางไกลๆ ถ้าเราไม่หมกหมุ่นเอาแต่ ก้มหน้า ก้มตาปั่น นะ เราจะได้เห็น สังคม สภาพแวดล้อม ธรรมชาติ ผู้คน การใช้ชีวิตของคนในเส้นทางที่เราผ่านไป ด้วยจักรยาน ได้ลิ้มลองอาหารพื้นเมือง ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า ได้เจออะไรที่ใกล้ตัวมากมาย กว่าการนั่งอยู่แต่ในรถ และ แค่มองผ่านกระจก และผ่านมันไปด้วยความรวดเร็ว ผมคนนึงที่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ หลายต่อหลายสนามที่ไป ยิ่งไปสนามแบบธรรมชาติ ขุนเขาด้วยแล้ว บอกเลยสุดๆ ปั่นชมต้นไม้ใหญ่ๆ อากาศดีดี เหนื่อยนะ แต่มันคุ้มที่ได้เจอ
  2.เปิดสังคมมีมิตรภาพ มีเพื่อน การปั่นจักรยานทางไกล เราจะเจอคนร่วมชะตากรรมกับเรา ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็น มาจากหลายๆที่ ต่างถิ่น ต่างฐานะ ต่างนิสัย หลายๆสิ่งแตกต่าง แต่เมื่อมาร่วมชะตากรรม จะไม่มีคำว่าแตกต่าง ทุกคนจะหันหน้าเข้าหากัน ช่วยเหลือกัน มีมิตรภาพเกิดขึ้น และ เราจะมีเพื่อนๆมากขึ้นมากมาย
  3.สุขภาพที่ซื้อไม่ได้ ต้องแลกมาด้วยการออกกำลังกาย การปั่นจักรยานทางไกล ไม่ใช่ว่าจะทำลายร่างกายให้บอบช้ำ หรือ พังซะทีเดียว แต่ ถ้ามีการบริหาร การจัดการ การฝึกซ้อม ที่ดี สุขภาพดีแน่นอน ข้อนี้พิสูจน์มาเยอะแล้ว ว่าสุขภาพดีขึ้น คอเรส ไตรกลีน LDL น้ำตาล ไม่เกินค่ากำหนด
  4.เป้าหมายชัดเจน เมื่อเราผ่านตรงนี้มาได้ นั่นหมายความว่า ชีวิตก็จะมีพลังกาย พลังใจมากขึ้น อุปสรรค ความย่อท้อ จะลดลง ชีวิตมีแรงต่อสู้กับหลายๆเรื่องราวอีกมากขึ้น เพราะ การปั่นจักรยานทางไกล ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง ถึงจะผ่านได้ทุกอุปสรรค นั่นเอง
       Audax คือการพิสูจน์ ใจ กับการที่จะต้องฝึกซ้อม การบริหารเวลา การจัดการตัวเองทุกด้าน พึ่งพาตัวเอง วิถีแห่ง Randonneurs ถามใจดูอยากไปไหม Audax ทรมานบันเทิง ..?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่