[CR] Delhi & Leh Ladakh ในแบบฉบับ Biker 10 วัน ต้องเจออะไรบ้าง


สวัสดีครับ.. ผมจะมาเล่าประสบการณ์ที่ผมได้ไปเจอมาตลอด 10 วัน ที่อยู่ในอินเดีย

เรื่องมันเกิดตั้งแต่รุ่นพี่ผมได้ไปเที่ยวสถานที่ๆผมอยากจะไป แต่คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ไป นั่นคือ Leh Ladakh
แต่จากการที่ได้พูดคุยกับรุ่นพี่ (ที่ปรึกษาทริปนี้เลย ขอบคุณพี่เจ มากครับ) เขาก็ได้ทำให้ไฟในตัวมันจุดประกายขึ้นมา
ซึ่งอุปสรรคของผมคือแฟนผม ผมกับแฟนเปิดร้านอาหาร (หยุดหลายวันไม่ส่งผลดี)
ผมจึงเริ่มสร้างแรงบันดาลใจด้วยรูปภาพของรุ่นพี่ที่ไปมา และหาแนวร่วมคือเพื่อนผม
จนมีคนเอาด้วยรวมแล้ว 5 คน
ผมก็เริ่มหาข้อมูลเพิ่มเติม มีเวลาเตรียมตัวไม่ถึงเดือน คุยกันเดือน 8 เดินทางเดือน 9

เรื่องของพาสปอร์ต เดี๋ยวนี้ก็สะดวกสบายขึ้นมาก ตามลิ้งค์นี้ไปเลย
https://www.mangozero.com/review-how-to-register-a-new-passport-at-mrt-khlong-toei/

เรื่องของการขอวีซ่า ที่ไม่ได้ยากอย่างที่ใครๆคิด ค่าวีซ่า 1,744 บาท ตามลิ้งค์นี้ไปเลย
https://shipy-ship.com/2017/05/12/ยื่นวีซ่าออนไลน์อินเดี/

เรื่องตั๋วเครื่องบิน ใช้บริการของ skyscanner หาวันที่ตั๋วมีราคาถูก จบที่คนละ 8,244 บาท
*ตั๋วปริ้นจาก Email ไปได้เลย (ถ้าตั๋วเป็นภาษาไทย ตอนโหลดกระเป๋าแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ออกตั๋วภาษาอังกฤษด้วยนะครับ)
Air India เดินทาง 16/9/17 กลับ 25/9/17 การจะไปเลห์ ไม่มีบินตรงนะครับต้องต่อเครื่องที่เดลี
ขาไป
กรุงเทพ -> เดลี (ระยะเวลา 4h 35m)
แวะพัก 17h 55m ที่เดลี
เดลี -> เลห์ (ระยะเวลา 1h 25m)
ขากลับ
เลห์ -> เดลี (ระยะเวลา 1h 25m)
แวะพัก 1h 25m ที่เดลี
เดลี -> กรุงเทพ (ระยะเวลา 4h 15m)

เรื่องที่พักจองกับ Agoda คืนแรก 1 คืน ที่เลห์เพื่อใช้อ้างอิงการขอวีซ่า
(จองวันเดียวเพราะที่นั้นมีที่พักเยอะ และเผื่อต้องเปลี่ยนแผนการเดินทาง)
ราคา 1,290 บาท หาร 5 ตกคนละ 258 บาท

เรื่องแลกเงินผมใช้ Superrich 1 บาท -> 2 รูปี (RS) โดยประมาณ แลกจากไทยเพื่อความสะดวก
แลกไป 12,500 บาท

ปลั๊กไฟใช้ขาไม่เหมือนบ้านเรา ใช้แบบนี้นะ อันละ 60บาท

ใบขับขี่สากล ตามลิ้งค์นี้ไปเลย
https://pantip.com/topic/36543156
(ไปที่นั้นผมไม่ได้ใช้เลย)

ยา Diamox ปรับสภาพร่างกายป้องกันการป่วยเป็นโรคแพ้ที่สูง
กินก่อนขึ้นที่สูง 24ชม. มี 2 ขนาด
150g ครั้งละ 1เม็ด 12ชม. เช้าเย็น วันละ 2เม็ด
250g ครั้งละ ครึ่งเม็ด 12ชม. เช้าเย็น วันละ 1เม็ด (ซื้อตามร้านยาใหญ่ๆ ผมใช้ 10 เม็ดแบ่งกับแฟน เม็ดละ 6 บาท)
อาจจะมีผลข้างเคียง เช่น ชาปลายนิ้ว ฉี่บ่อย

ประกันเดินทางหาซื้อไว้ก็ดีนะครับเผื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิดผมใช้ AIG 10 วัน 322 บาท

แผนที่สำหรับใช้เดินทาง มี 2 ทางเลือก ไว้ใช้ดูออฟไลน์
1 App maps.me โหลดพื้นที่ๆเราจะเดินทางไป (จัมมูและแคชเมียร์/เดลี)
2 App Google Maps โหลดแผนที่ให้คลุมบริเวณที่เราจะไป
ปักหมุดแต่ละสถานที่เอาไว้

ของใช้
-หมวกกันน็อค Bluetooth (ไม่ไว้ใจหมวกเช่าและไว้ใช้สื่อสารกับเพื่อน)
-ลองจอน (หน้าร้อนเขาแต่หนาวเรา)
-ยาดม เวลานอนจะหายใจลำบากนะครับ (หายใจทางปากก็จะเจ็บคอ ต้องดื่มน้ำเยอะๆ)
-กระดาษทิชชู่ (ไว้ปลดทุกข์แบบ open area)
-แมส หรือ ผ้าบัฟ (ฝุ่นเยอะนะครับ)
-แว่นกันแดด (แดดแรงนะครับ)
-Power bank (ที่สูงแบตหมดไว)
-ยาพารา แก้แพ้ บลาๆ
-ลิปมัน (ปากแตกง่ายมาก)
-ออยทาหน้า (อากาศจะแห้งๆหน่อย)

แผนการเดินทางผม
1 New delhi -> Connaught Place / India Gate
2 Leh -> Main Bazaar -> Hotel Nirvana Palace
3 Leh - Pangong lake -> Thikse Monastery
4 Pangong lake - Leh -> Hemis Gompa  -> Hotel Alpine Villa
5 Leh - Lamayuru -> The Lamayuru Monastery
6 Lamayuru - Leh -> Likir Gompa -> Hotel Alpine Villa
7 Leh - Nubra valley (Hundar) -> Diskit Gompa -> Galaxy Guest House
8 Nubra valley - Leh -> Hundar Sand Dunes -> Hotel Alpine Villa
9 Leh -> Leh Palace / Shey Palace -> Hotel Alpine Villa
10 Go home

พร้อมและก็ออกเดินทางกันเลย
Taxi ไปสุวรรณภูมิ Air India จอดประตู 10  โหลดกระเป๋าโซน W น้ำหนักได้ 30kg.
(ไปถึงก็ต้องวนกลับมาที่พักเพราะลืมพาสปอร์ต T_T ดีที่เผื่อเวลาไว้แล้ว)

อัพเดท ตอนนี้คนไทยไม่ต้องกรอกใบขาเข้า-ออกแล้วนะครับ สะดวกมากก


แอร์อินเดีย เรื่องกลิ่นถือว่าไม่เป็นปัญหานะ อาหารมีให้เลือก Veg กับ Non Veg ผมเลือก Veg (Vegetarian = มังสวิรัติ)

มีเกมส์ให้เล่น มีหนังให้ดู (หนังใหม่อยู่) เพลงมีแต่อินเดียนะครับ ให้หูฟังใหม่แกะห่อเลย
ดูระยะทางได้ว่าเราถึงไหนแล้ว

จะมีเจ้าหน้าที่เดินแจกแบบฟอร์มใบขาเข้าอินเดียให้กรอกบนเครื่องไว้เลย

ถึงสนามบินในเดลีก็จะมาติดที่ช่อง E-visa เจ้าหน้าที่น้อยและทำงานกันชิลมากก

ช่วงรอต่อเครื่องก็แวะเข้าเมืองกัน เดินหาที่ฝากกระเป๋าจะอยู่ที่ทางลง Metro เลยทางเชื่อมมาหน่อย (เสียเวลาเดินหาสักพักเลย)
ราคาก็ตามนี้เลย

แล้วก็เข้าเมืองด้วย Metro จุดหมายแรกคือ Connaught Place ดูจากแผนผังก็งงสิครัช
ไปไม่ถูกทำไงถามคนแถวนั้นเลยครับ เอาชื่อสถานที่หรือรูปให้เขาดู จาก airportเราจะอยู่สายสีส้ม

สะดวก รวดเร็ว ราคาไม่แพง มีปลั๊กให้ชาร์จ มีที่วางสัมภาระ
มีไฟ Led บอกว่าใกล้ถึงสถานีถัดไปหรือยัง

ไปต่อรถไฟสาย local สีเหลือง คนเยอะเหมือนบ้านเราที่ซื้อตั๋วและป้ายต่างๆมีแต่ภาษาอินเดีย มีเครื่องซื้อตั๋วด้วย เราลงสถานี Rajiv chowk

การแซงคิวของคนอินเดีย ไม่ว่าจะที่สนามบินหรือรถไฟใต้ดิน ทำกันเป็นเรื่องปกติ ประมาณว่าใครดีใครได้

ขึ้นมาบนดินสักพักก็จะมีคนเดินเข้ามาหาเราพูดคุยทักทายแล้วพาไปเอาแผนที่ที่ร้านขายทัวร์

(คิดว่าโดนแล้ว) แต่ก็ไม่ได้ขายทัวร์อะไร ให้ทิปเขาก็ไม่รับ

และมาสะดุดที่ร้านอาหาร local เล็กๆ มืดๆ (คิดว่าคงกินไม่ได้แหง) ด้วยความหิวสั่งๆชี้ๆกันใหญ่เลย

ผิดคาดอร่อยเบิ้ลแล้วเบิ้ลอีก น้ำเหยือกที่ให้มาไม่ค่อยสะอาด และไม่มีน้ำแข็งให้
จานนี้ดูไม่น่ากินเลย แต่กินหมดเกลี้ยงเลย (เป็นมื้อเดียวที่กินอาหารอินเดียแล้วอร่อย)

จากนั้นก็หารถสามล้อไป India Gate ให้ต่อราคาแล้วทำเป็นเดินหนีนะครับ แล้วเขาก็จะยอมเรา 555
คนขับแวะพาเราไปที่ๆนึงโบราณและแปลกตา รอให้พวกเราถ่ายรูป

การจราจรที่นี่นับว่าไม่ธรรมดา บีบแตร ปาดหน้ากันคือปกติ (ถ้าเป็นบ้านเราคงมีลงมาบวกกันแล้ว) รถแต่ละคันมีแต่รอยทะลอก
รถยนต์ขับใกล้กันแบบพับกระจกข้าง เบียดกันไม่มีช่องให้มอไซค์ไปเหมือนบ้านเรา
พอมาถึง India Gate คนขับก็ขึ้นราคาเราแบบหน้าตาเฉย และก็จะมีพวกผู้ชายที่ไหนไม่รู้ 4-5คน
มากดดันเรา ทำให้ยอมจ่ายเพิ่มไป 100Rs (เรียกว่าหลงกล *.*) บริเวณนั้นก็จะมีของขายหลายอย่าง
นี่ไม่ใช่ประตูอินเดียนะ 555

น้ำมะนาวรถเข็นที่มีรสชาติทะยิ้ม

รถไอติมที่ต้องทวงตังทอนถึงจะให้
แบงค์ใหญ่ๆหาใช้ยากมากเพราะส่วนใหญ่เขาไม่รับครับ

บรรยากาศในอินเดีย

เพื่อนไปถามหาห้องน้ำกับตำรวจพื้นที่ได้ความว่า Open area เลยจัดกันตามพุ่มไม้เลย
เพราะห้องน้ำสาธารณะ กลิ่นทำร้ายกันสุดๆ ขยะทิ้งมั่วซั่ว

บนรถไฟพวกเราเหมือนตัวประหลาดทุกสายตาจับจ้องมาที่พวกเรา
การออกจากรถไฟใต้ดิน ประตูเปิดเขาไม่หลบให้ คนเข้าก็ไม่รอคนออก ต้องดันกันสุดแรงถึงจะหลุดออกมาได้
เรื่องกลิ่นก็ถือว่าพอรับได้นะ

กลับเข้าสนามบิน จะมีทหารเฝ้าทางเข้า คอยตรวจพาสปอร์ตและตั๋ว แล้วก็เจอปัญหาใหญ่ เข้าสนามบินไปแล้วไม่สามารถออกมาได้อีกแล้ว
คือต้องอยู่ในนั้นจนถึงเวลาเครื่องออก นอนกับพื้นสนามบินเป็นเสี่ยวไปเลยยาวๆ 7-8ชม. Net ไม่มี Wifi ใช้ไม่ได้
Wifi ฟรีของสนามบินฟรี 20นาที/วัน ต้องซื้อซิมอินเดียเพื่อใช้รับรหัส OTP ยอมครับ 555
ข้างในมีร้านกาแฟ,ขนมปัง ที่ราคาแพง และตู้กดน้ำกดขนม


พูดถึงเลย์ที่อินเดีย รสสีน้ำเงินที่เขียนว่า Indian นี่รสชาติรับไม่ได้เลย ไม่เชื่อลอง 555

จบวันแรกที่เดลี ไว้มาต่อที่เลห์กันนะครับ
ชื่อสินค้า:   ROYALENFILD BULLET 500
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่