ขอให้ครั้งนี้พิมพ์จบด้วยเถิดสาธุ ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนาจะลบหลู่หรือเพียงแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการแบ่งปันความทรงจำดีๆเพียงเท่านั้น
โปรดใช้วิจารณญาณในการเลื่อนอ่าน เรื่องนี้เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น ขอให้ใช้สติในการเลื่อนอ่าน
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองเมื่อยี่สิบปีก่อน สมัยเรายังเป็นเด็กตอนนั้นรู้ความแล้วจำได้จนถึงตอนโตและพยายามหาคำตอบกับสิ่งที่พบเจอมาตลอดยี่สิบกว่าปี เราเป็นเด็กบ้านนอกค่ะเกิดแถวอีสานตอนล่างสมัยนั้นวิถีชีวิตผู้คนในหมู่บ้านของเราเต็มไปด้วยความเรียบง่าย ชาวบ้านปิดบ้านกันตั้งแต่หัวเย็น นอนแต่หัวค่ำ ตื่นกับแต่เช้าตรู่ตั้งแต่ตะวันยังไม่ทอแสงออกไปหาปูหาปลา ไปจ่ายตลาดในอำเภอกัน วัฏจักรชิวิตจะวนเวียนเป็นแบบนี้ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวใหญ่ค่ะมีบ้านสองหลังติดกัน เราอยู่อีกหลังกับแม่และน้อง รอบๆบ้านก็ญาติๆกันทั้งนั้นอยู่กันแบบอบอุ่น ด้วยที่เป็นสมัยก่อนนั้นตอนกลางคืนจะน่ากลัวกว่าสมัยนี้แล้วยิ่งเป็นต่างหวังหวัดด้วยแล้ว
ช่วงเย็นยามโพล้เพล้ชาวบ้านต่างพากันปิดบ้านตั้งแต่ 6 โมงเย็นบ้านเราก็เช่นกัน หลังจาก 6 โมงเย็นเป็นต้นมาเราจะไม่ออกไปไหน จะใช้ชีวิตอยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว ปูเสื่อกินข้าวเย็นร่วมกัน เสร็จแล้วก็นั่งดูละครหลังข่าวจนจบถึงจะนอน แม่เราตอนนั้นชอบดูละครหลังข่าวมากดูจบถึงจะเข้านอน เราเองก็รอไปนอนพร้อมแม่เพราะเรากลัวที่จะอยู่คนเดียว ด้วยบรรยากาศดึกๆสมัยก่อนนะคะเงียบสงัด เสียงหริ่งเรไร จิ้งหรีด หรือแม้แต่แมลง กบเขียยดจะดังชัดเจนมาก ได้ยินทุกวันทุกคืน เมื่อแม่ดูหนังจบก็พาเรากับน้องชายเข้านอน น้องเราตอนนั้นยังเด็กกำลังซนพอมานอนแล้วมันก็ไม่นอนก็เล่นจนแม่ต้องกล่อมให้หลับ พอน้องหลับเท่านั้นแหละถึงจะได้นอนกันจริงๆ พอปิดไฟมืดจนทั่วห้องแล้วก็ยังคงมองเห็นความสว่างภายในห้องจากแสงไฟที่สะท้อนผ่านหน้าต่างมาจากข้างนอก เป็นไฟหลังบ้านที่โรงรถเปิดไว้ตอนกลางคืนค่ะ เราเป็นคนนอนหลับยากจะหลับได้ก็ต้องมองเพดานห้องก่อน ที่เพดานห้องเวลาที่เราจะหลับทุกคืนเราจะเห็นมันสวยๆ เหมือนมีดาวนับล้านๆดวงอยู่บนนั้น แต่จริงๆมันเป็นเพดานเปล่าๆธรรมดา มันสวยมากจริงๆเป็นจุดเรืองแสงหลายๆจุด ส่องระยิบระยับเคลื่อนไหวเป็นวงกลมในความมืด ขยายเป็นวงใหญ่ๆแล้วหดเป็นวงเล็กๆ เปลี่ยนสีสลับกันเริ่มแรกเป็นสีขาวก่อน แล้วขยายมาเป็นสีแดง ชมพู เหลืองฟ้า เมื่อวนมารวมกันก็จะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆเหมือนพุ แล้วจางหายไปแล้วผุดขึ้นมาใหม่ แล้วเปลี่ยนเป็นลุกโป่งหลายสีลูกเล็กๆลอยช้าแล้วขางหายไป เราจะเห็นแบบนี้อยู่ทุกวันจนกว่าเราจะหลับ เราชอบมากเรามีความสุขเหมือนโดนกล่อมให้หลับ เราเคยบอกให้แม่ฟังว่าห้องนอนมีดาวเป็นล้านๆดวง มันเป็นจุดแสงๆสวยมาก เราก็โดนแม่ด่าไม่มีใครเชื่อเรา จนวันนี้เราก็ยังเห็นสิ่งนี้อยู่แต่มันจางไปมากแล้ว เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร?
ต่อนะคะหลังจากแม่กล่อมน้องหลับได้นอนกันแล้วเราก็นอนก่อนจะนอนก็เห็นแบบที่เหล่านี่แหละค่ะ แล้วหลับไปจนกระทั่งรู้สึกตัวตื่นแบบตื่นเอง ตื่นมาก็เห็นแม่กับน้องนอนหลับอยู่เราก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างขเย่งตัวขึ้นจับขอบหน้าต่างมองดูท้องฟ้ามันก็ยังมืดอยู่แต่ที่ย่าประหลาดใจ คือเราเห็นอะไรบางอย่างบนท้องฟ้ากำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ๆ เริ่มชัดขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือผู้ชายแต่งชุดโบราณสีดำแบบชุดในตัวละครจักรๆวงศ์ๆอะไรแบบนั้นค่ะ มีออร่ามากเปร่งประกายงดงาม นั่งอยู่บนหลังม้าสีข้าวที่มีปีกวิ่งอยู่บนท้องฟ้าผ่านเราทุกอย่างเหมือนช้าเราเห็นใบหน้าชัดเจน เป็นผู้ชายหน้าตาดีและดีมากๆ หันมามองแล้วยิ่งให้ เราแบบโอ้โห คือตอนนั้นตื่นตาตื่นใจเหมือนกำลังดูโชว์ในโรงละคร แล้วหลังจากผู้ชายคนนั้นกับม้าเคลื่อนผ้านไปขบวนราชรถก็เริ่มเคลื่อนเข้ามา สิ่งแรกที่เห็นต่อจากนั้นคือช้างสีขาวมีสามเศียรที่งวงชูดอกบัวสีชมพู พอเข้ามาใกล้ๆเห็นผู้หญิงสวยมากมีเยอะแยะเลยอยู่ในตัวช้างแบบสวยมากๆ สวยมากจริงๆ แต่ละนางแต่งกายสุดไทยห่มสไบสีทองสีงาช้าง งดงามเหมือนภาพวาด ข้างหลังเป็นราชรถสีทองอร่ามมีผู้ญิงถือพาน มีผู้ชายเดินนำขบวนแต่งกายด้วยชุดโบราณสวยงาม สวยแบบสวยจนไม่รู้จะต้องบรรยาออกมายังไง ที่ราชรถตรงที่นั่งคนขับไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไรก็มีผู้ชายนั่งอยู่ ราชรถเป็นสีทองสวยงามมากเป็นราชรถขนาดใหญ่ มีปราสาทสามยอดพอเคลื่อนเข้ามาใกล้ก็มีคนที่อยู่บนราชรถหันมายิ้มให้ตอนนั้นแบบตกใจมาก เหมือนโดนสะกดไว้ตรงนั้นทุกอย่างมันสวยงามมาก สวยจนไม่อาจจะพรรณาออกมาเป็นคำพูดได้หมดท้องฟ้าคืนนั้นสว่างไสว เมื่อได้สติเรารีบไปปลุกแม่ใช้มือเขย่าให้ตืน เราบอกว่าแม่ๆมาดูอะไรนี่เร็วบนฟ้ามีอะไรไม่รู้สวยมาก แม่เราก็ด่าเร็วแบบเค้าโมโหที่เราไปปลุกมาตอนดึกดื่น พอแม่ไปดูก็ไม่เจออะไรแล้วแม่ก็ด่าเราอีก แต่เราก็ยังยืนยันว่ามันต้องมีสิพอเราไปดูอีกทีก็ไม่เจออะไรบนท้องฟ้าเลยนอกจากท้องฟ้าที่มืดมิด เราก็เลยโดนไล่ให้นอนแต่ตอนที่นอนก็พยายามหาคำตอบว่ามันคืออะไร ผีหรอ? หรือว่าโดนผีหลอกแต่ทำไมมันเหมือนความจริงมันสวยมาก แต่สิ่งที่เรามั่นใจเลยก็คือความจริงมันไม่ใช่ความฝันที่เราคิดไปเอง แต่มันคือความจริง ทุกวันนี้เราก็พยายามหาคำตอบชื่อเรื่องนั้นเราไม่รู้ว่าจะตั้งอะไรแต่เราจำช้างตัวใหญ่เท่าตึกหลายชั้นสามเศียรสีขาวได้ เราเคยเรียนวิชาภาษาไทยมีช้างตนหนึงเป็นช้างทรงของพระอิทร์คือช้างเอราวัณมีสามเศียรเราเลยตั้งแต่กระทู้ไปว่าขบวนพระอินทร์ แต่จริงๆไม่รู้หรอกนะคะว่าขบวนอะไร รู้แต่ว่าสวยแบบสวยมากๆ สวยแบบตรึงตาตรึงใจจดจำได้จนถึงทุกวันนนี้ เรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ จะตรึงตราตรึงใจเราไปอีกยาวนาน เราเองก็ไม่รู้ว่านรกสวรรค์จะมีจริงมั้ย หากมีจริงคงจะต้องสวยงามมากๆ เรื่องนี้จะเตือนเราอยู่เสมอเวลาที่เรามีปัญหาอะไรแล้วจะคิดไว้ว่าบนความว่างเปล่าที่เหมือนตัวเรานั้นกำลังอ้างว้างอยู่ มันไม่ได้มีแค่เราที่ยืนอยู่คนเดียวถ้าใจเราเชื่อมั่นเราจะพบแต่สิ่งสวยงาม ข้ามผ้านเรื่องเลวร้ายและอุปสรรคตั้งมั่นในความดีที่ทำ สักวันจะต้องพบเจอแต่สิ่งดีๆ มันเหมือนเป็นคติเตือนใจเราเราเลยเอามาเล่าให้ฟังค่ะ
ขบวนพระอินทร์
โปรดใช้วิจารณญาณในการเลื่อนอ่าน เรื่องนี้เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น ขอให้ใช้สติในการเลื่อนอ่าน
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองเมื่อยี่สิบปีก่อน สมัยเรายังเป็นเด็กตอนนั้นรู้ความแล้วจำได้จนถึงตอนโตและพยายามหาคำตอบกับสิ่งที่พบเจอมาตลอดยี่สิบกว่าปี เราเป็นเด็กบ้านนอกค่ะเกิดแถวอีสานตอนล่างสมัยนั้นวิถีชีวิตผู้คนในหมู่บ้านของเราเต็มไปด้วยความเรียบง่าย ชาวบ้านปิดบ้านกันตั้งแต่หัวเย็น นอนแต่หัวค่ำ ตื่นกับแต่เช้าตรู่ตั้งแต่ตะวันยังไม่ทอแสงออกไปหาปูหาปลา ไปจ่ายตลาดในอำเภอกัน วัฏจักรชิวิตจะวนเวียนเป็นแบบนี้ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวใหญ่ค่ะมีบ้านสองหลังติดกัน เราอยู่อีกหลังกับแม่และน้อง รอบๆบ้านก็ญาติๆกันทั้งนั้นอยู่กันแบบอบอุ่น ด้วยที่เป็นสมัยก่อนนั้นตอนกลางคืนจะน่ากลัวกว่าสมัยนี้แล้วยิ่งเป็นต่างหวังหวัดด้วยแล้ว
ช่วงเย็นยามโพล้เพล้ชาวบ้านต่างพากันปิดบ้านตั้งแต่ 6 โมงเย็นบ้านเราก็เช่นกัน หลังจาก 6 โมงเย็นเป็นต้นมาเราจะไม่ออกไปไหน จะใช้ชีวิตอยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว ปูเสื่อกินข้าวเย็นร่วมกัน เสร็จแล้วก็นั่งดูละครหลังข่าวจนจบถึงจะนอน แม่เราตอนนั้นชอบดูละครหลังข่าวมากดูจบถึงจะเข้านอน เราเองก็รอไปนอนพร้อมแม่เพราะเรากลัวที่จะอยู่คนเดียว ด้วยบรรยากาศดึกๆสมัยก่อนนะคะเงียบสงัด เสียงหริ่งเรไร จิ้งหรีด หรือแม้แต่แมลง กบเขียยดจะดังชัดเจนมาก ได้ยินทุกวันทุกคืน เมื่อแม่ดูหนังจบก็พาเรากับน้องชายเข้านอน น้องเราตอนนั้นยังเด็กกำลังซนพอมานอนแล้วมันก็ไม่นอนก็เล่นจนแม่ต้องกล่อมให้หลับ พอน้องหลับเท่านั้นแหละถึงจะได้นอนกันจริงๆ พอปิดไฟมืดจนทั่วห้องแล้วก็ยังคงมองเห็นความสว่างภายในห้องจากแสงไฟที่สะท้อนผ่านหน้าต่างมาจากข้างนอก เป็นไฟหลังบ้านที่โรงรถเปิดไว้ตอนกลางคืนค่ะ เราเป็นคนนอนหลับยากจะหลับได้ก็ต้องมองเพดานห้องก่อน ที่เพดานห้องเวลาที่เราจะหลับทุกคืนเราจะเห็นมันสวยๆ เหมือนมีดาวนับล้านๆดวงอยู่บนนั้น แต่จริงๆมันเป็นเพดานเปล่าๆธรรมดา มันสวยมากจริงๆเป็นจุดเรืองแสงหลายๆจุด ส่องระยิบระยับเคลื่อนไหวเป็นวงกลมในความมืด ขยายเป็นวงใหญ่ๆแล้วหดเป็นวงเล็กๆ เปลี่ยนสีสลับกันเริ่มแรกเป็นสีขาวก่อน แล้วขยายมาเป็นสีแดง ชมพู เหลืองฟ้า เมื่อวนมารวมกันก็จะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆเหมือนพุ แล้วจางหายไปแล้วผุดขึ้นมาใหม่ แล้วเปลี่ยนเป็นลุกโป่งหลายสีลูกเล็กๆลอยช้าแล้วขางหายไป เราจะเห็นแบบนี้อยู่ทุกวันจนกว่าเราจะหลับ เราชอบมากเรามีความสุขเหมือนโดนกล่อมให้หลับ เราเคยบอกให้แม่ฟังว่าห้องนอนมีดาวเป็นล้านๆดวง มันเป็นจุดแสงๆสวยมาก เราก็โดนแม่ด่าไม่มีใครเชื่อเรา จนวันนี้เราก็ยังเห็นสิ่งนี้อยู่แต่มันจางไปมากแล้ว เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร?
ต่อนะคะหลังจากแม่กล่อมน้องหลับได้นอนกันแล้วเราก็นอนก่อนจะนอนก็เห็นแบบที่เหล่านี่แหละค่ะ แล้วหลับไปจนกระทั่งรู้สึกตัวตื่นแบบตื่นเอง ตื่นมาก็เห็นแม่กับน้องนอนหลับอยู่เราก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างขเย่งตัวขึ้นจับขอบหน้าต่างมองดูท้องฟ้ามันก็ยังมืดอยู่แต่ที่ย่าประหลาดใจ คือเราเห็นอะไรบางอย่างบนท้องฟ้ากำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ๆ เริ่มชัดขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือผู้ชายแต่งชุดโบราณสีดำแบบชุดในตัวละครจักรๆวงศ์ๆอะไรแบบนั้นค่ะ มีออร่ามากเปร่งประกายงดงาม นั่งอยู่บนหลังม้าสีข้าวที่มีปีกวิ่งอยู่บนท้องฟ้าผ่านเราทุกอย่างเหมือนช้าเราเห็นใบหน้าชัดเจน เป็นผู้ชายหน้าตาดีและดีมากๆ หันมามองแล้วยิ่งให้ เราแบบโอ้โห คือตอนนั้นตื่นตาตื่นใจเหมือนกำลังดูโชว์ในโรงละคร แล้วหลังจากผู้ชายคนนั้นกับม้าเคลื่อนผ้านไปขบวนราชรถก็เริ่มเคลื่อนเข้ามา สิ่งแรกที่เห็นต่อจากนั้นคือช้างสีขาวมีสามเศียรที่งวงชูดอกบัวสีชมพู พอเข้ามาใกล้ๆเห็นผู้หญิงสวยมากมีเยอะแยะเลยอยู่ในตัวช้างแบบสวยมากๆ สวยมากจริงๆ แต่ละนางแต่งกายสุดไทยห่มสไบสีทองสีงาช้าง งดงามเหมือนภาพวาด ข้างหลังเป็นราชรถสีทองอร่ามมีผู้ญิงถือพาน มีผู้ชายเดินนำขบวนแต่งกายด้วยชุดโบราณสวยงาม สวยแบบสวยจนไม่รู้จะต้องบรรยาออกมายังไง ที่ราชรถตรงที่นั่งคนขับไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไรก็มีผู้ชายนั่งอยู่ ราชรถเป็นสีทองสวยงามมากเป็นราชรถขนาดใหญ่ มีปราสาทสามยอดพอเคลื่อนเข้ามาใกล้ก็มีคนที่อยู่บนราชรถหันมายิ้มให้ตอนนั้นแบบตกใจมาก เหมือนโดนสะกดไว้ตรงนั้นทุกอย่างมันสวยงามมาก สวยจนไม่อาจจะพรรณาออกมาเป็นคำพูดได้หมดท้องฟ้าคืนนั้นสว่างไสว เมื่อได้สติเรารีบไปปลุกแม่ใช้มือเขย่าให้ตืน เราบอกว่าแม่ๆมาดูอะไรนี่เร็วบนฟ้ามีอะไรไม่รู้สวยมาก แม่เราก็ด่าเร็วแบบเค้าโมโหที่เราไปปลุกมาตอนดึกดื่น พอแม่ไปดูก็ไม่เจออะไรแล้วแม่ก็ด่าเราอีก แต่เราก็ยังยืนยันว่ามันต้องมีสิพอเราไปดูอีกทีก็ไม่เจออะไรบนท้องฟ้าเลยนอกจากท้องฟ้าที่มืดมิด เราก็เลยโดนไล่ให้นอนแต่ตอนที่นอนก็พยายามหาคำตอบว่ามันคืออะไร ผีหรอ? หรือว่าโดนผีหลอกแต่ทำไมมันเหมือนความจริงมันสวยมาก แต่สิ่งที่เรามั่นใจเลยก็คือความจริงมันไม่ใช่ความฝันที่เราคิดไปเอง แต่มันคือความจริง ทุกวันนี้เราก็พยายามหาคำตอบชื่อเรื่องนั้นเราไม่รู้ว่าจะตั้งอะไรแต่เราจำช้างตัวใหญ่เท่าตึกหลายชั้นสามเศียรสีขาวได้ เราเคยเรียนวิชาภาษาไทยมีช้างตนหนึงเป็นช้างทรงของพระอิทร์คือช้างเอราวัณมีสามเศียรเราเลยตั้งแต่กระทู้ไปว่าขบวนพระอินทร์ แต่จริงๆไม่รู้หรอกนะคะว่าขบวนอะไร รู้แต่ว่าสวยแบบสวยมากๆ สวยแบบตรึงตาตรึงใจจดจำได้จนถึงทุกวันนนี้ เรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ จะตรึงตราตรึงใจเราไปอีกยาวนาน เราเองก็ไม่รู้ว่านรกสวรรค์จะมีจริงมั้ย หากมีจริงคงจะต้องสวยงามมากๆ เรื่องนี้จะเตือนเราอยู่เสมอเวลาที่เรามีปัญหาอะไรแล้วจะคิดไว้ว่าบนความว่างเปล่าที่เหมือนตัวเรานั้นกำลังอ้างว้างอยู่ มันไม่ได้มีแค่เราที่ยืนอยู่คนเดียวถ้าใจเราเชื่อมั่นเราจะพบแต่สิ่งสวยงาม ข้ามผ้านเรื่องเลวร้ายและอุปสรรคตั้งมั่นในความดีที่ทำ สักวันจะต้องพบเจอแต่สิ่งดีๆ มันเหมือนเป็นคติเตือนใจเราเราเลยเอามาเล่าให้ฟังค่ะ