เที่ยวเรื่อยๆ Leh-Ladakh ต้นเดือนกันยา

กะทู้นี้ตั้งใจเขียนให้ตัวเองเป็นหลักเพื่อบันทึกความทรงจำหลังจากที่กลับจาก Leh-Ladakh ประเทศอินเดียได้ประมาณ 2 สัปดาห์  ไม่เน้นรูป เพราะในพันทิปมีคนไปเมืองนี้และเขียนรีวิวไว้เยอะมาก (แต่เขียนไปเขียนมาก็ลงเยอะอยู่ดี)  แต่หากมีผู้ใดผ่านมาอ่านแล้วได้ประโยชน์จากเกร็ดเล็กน้อยของเราก็ยินดี

เริ่มต้นจากโดนเท  ตั้งใจไว้ว่าจะไปไอซ์แลนด์แต่ทริปล่ม  เพื่อนไม่พร้อม  แต่คิดว่าจะต้องไปที่ไหนสักแห่ง เลห์เลยแว่บเข้ามาในความคิด  จากนั้นจึงโพสต์หาเพื่อนร่วมทริปในเฟซบุค  ได้เหยื่อมา 1 คน และก็ได้ชวนเพื่อนของเธอมาอีก 1 คน  ทริปนี้เลยเป็นทริปแก๊งสามช่า
เริ่มจองตั๋วตั้งแต่เดือนเมษายน  เพื่อที่จะบินต้นเดือนกันยายน  ได้ราคา TG ไปกลับ  กทม-นิวเดลี ในราคา 10,610 บาท  และไปกลับ นิวเดลี-เลห์ กับ Jet airways อีก 4200 บาท เราว่าราคาค่อนข้างดีนะ  เก็บข้อมูลจากพันทิป  ช่วยได้เยอะมากทั้งเรื่องว eTV เรื่องจิปาถะ  ถามอะไรตอบได้  ขอบคุณวิทยาทานจากท่านทั้งหลายมาณที่นี้

แผนการเที่ยวคร่าวๆ
   2 ก.ย. 60    บินไฟลท์ห้าทุ่ม
   3 ก.ย. 60    รับวีซ่า บินต่อไปเลห์ ตอน 7:30 AM ถึงเลห์เกือบ 9:00 AM เข้าที่พัก, เดินสำรวจเมือง, หา  Agency ให้หาคนขับรถให้
   4 ก.ย. 60     เที่ยว Leh-Palace, Namgyal Tsemo Monastery เดินชอปปิ้ง
   5 ก.ย. 60    เที่ยว Diskit Monastery, ขี่อูฐที่ Hunder Sand Dune และนอน Homestay ที่ Nubra Valley
   6 ก.ย. 60    เที่ยว Pangong Lake นอนเต็นท์ริมทะเลสาบ
   7 ก.ย. 60    เดินทางกลับเข้าเมืองเลห์ หาที่พักอีกสองคืน หาข้อมูลเพื่อไปเที่ยวตามวัดต่างๆ ต่อ และพักผ่อน
   8 ก.ย. 60    เที่ยววัดและ Stupa
   9 ก.ย. 60     เดินทางไปเดลี เที่ยวที่เดลีนิดหน่อย และบินกลับไทย

Budget สะระตะรวมหมดแล้วประมาณ 25,000 บาทไทย

ทิปส์สำคัญเอามาเขียนไว้ข้างต้นเลย  เผื่อใครไม่อยากอ่านบันทึกการเดินทางของเรา

Tips สำหรับทริปอินเดีย (leh ladakh)
1.    ตอนเข้าประเทศ (Delhi) ถ้าต้องไปรับ eTV ==> ถ้าได้รับใบขาเข้าจากสายการบินให้เขียนให้เรียบร้อยแล้วไปต่อแถวรับวีซ่า ถ้ายังไม่ได้เขียน ให้หยิบใบขาเข้าไปเขียนระหว่างต่อแถวได้เลยพร้อมทั้งปริ๊นท์ใบยืนยันว่า visa granted จากสถานทูตที่ตอบมาทางอีเมลล์เตรียมยื่นพร้อมพาสปอร์ต หลักๆ ก็มีสามอย่างนี่แหละ ที่นี่จะรอนานมาก เป็นชั่วโมงอ่ะ ไฟลท์ที่จองต่อไปเลห์ควรเผื่อไว้เลย 3 ชั่วโมงขั้นต่ำ ต.ม. จะถามว่าพักที่ไหน ก็ตอบไป ไม่ยุ่งยากแต่เจ้าหน้าที่จะทำงานช้า อีกอย่างเช็คให้ชัวร์ว่าต้องไปต่อ terminal ไหนนะ เพราะสนามบินมีหลาย terminal เราบิน TG ต่อ Jet ทั้งคู่อยู่ที่ terminal 3 เลยไม่ต้องวิ่งหน้าตั้ง
2.    สิ่งแรกๆ  ที่ควรจะทำเมื่อถึง Leh แล้วคือหา Agency ทัวร์เพื่อคุยเรื่องทริปเพราะการทำ Permit จะใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวัน  ดังนั้นเราจะต้องรอ  ยิ่งรีบทำยิ่งได้ออกไปเที่ยวเร็ว (แต่อย่าลืมว่าเราต้องพักเพื่อปรับร่างกายก่อนนะ อันนี้สำคัญ  ช้าๆ  ชิวๆ  สักวันสองวัน)
3.    ขาออก (กลับ) สนามบินเลห์ ตรวจเยอะ ตรวจหนักมาก อย่าชะล่าใจ เรากระเป๋าจะแตก เลยเอาปลั๊กรางใส่แครี่ออน สรุปต้องเอาทิ้งไว้ที่นั่น (ที่จริงเจ้าหน้าที่จะช่วยให้เอาขึ้นได้ แต่ต้องมีพิธีการมากมาย เราเลยทิ้งไป)
4.    ขาออกจากเดลี ก็ช้าเช่นเคย ต่อแถวนาน ตรวจเยอะ ตรวจหนัก เผื่อเวลาไว้มากๆ แต่..... ถ้าไปถึงก่อนเวลาบินเกินห้าชั่วโมงก็เข้าสนามบินไม่ได้นะจ๊ะ ให้นั่งรอนอกสนามบินแทน คิดว่าคนอินเดียน่าจะชอบเข้าไปตากแอร์
5.    พกขวดใส่น้ำไปเองก็ดี(แบบสเตนเลสใส่น้ำอุ่นได้ยิ่งดี) เพราะที่เลห์เค้าอยากลดขยะพลาสติก
6.    อาหารที่เลห์พอร์ชั่นใหญ่ เวลาสั่งให้ใจเย็นๆ. เดี๋ยวจะกินไม่หมด หมีผัดนี่กินได้สองคนขั้นต่ำ
7.     ไกด์, คนขับรถ  เราให้ทิปเป็นสินน้ำใจคนละ 100 รูปี ต่อวัน  ไป 5 คน  ขับรถให้สามวัน  ทิปไป 1500 รูปี  เราทิปประมาณนี้คิดว่าไม่น้อยไปนะ
8.    คนที่นี่หน้าตาดี เผลอจ้องมองเต็มๆ ตาบ่อยๆ  5555
************************************

ฝากกระทู้

เที่ยว Kuching Malaysia ช่วงหยุดสงกรานต์ 2017 + ดูอุรังอุตัง https://pantip.com/topic/36381195
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่