ปลายอุโมงค์

กระทู้สนทนา
ปลายอุโมงค์

    ผมนั่งอยู่ในรถยนต์คันเดิม

    แผ่นหลังแนบแน่นอยู่กับเบาะผ้าที่ส่งกลิ่นอับอ่อนๆ ของเหงื่อที่มันดูดซับมาตลอดหลายปี พวงมาลัยขนาดมาตรฐานที่กำลังกำอยู่ออกอาการสั่นเล็กน้อย เท้ารับรู้ได้ถึงความฝืดเวลาที่เหยียบคันเร่งลงไปเพื่อทำความเร็ว จมูกรับกลิ่นหอมจางๆ ของใบเตยที่เริ่มแห้งแล้วจากด้านหลังรถ

    ทุกอย่างในรถคู่ใจคันนี้ยังส่งผ่านความคุ้นเคยมาให้เหมือนทุกครั้ง แต่ทว่าที่ต่างออกไปตอนนี้กลับเป็นบรรยากาศรอบกายที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับหลุดออกมาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง

    ปราศจากท้องฟ้า ต้นไม้ บ้านเรือน อาคาร หรือแม้แต่ผิวถนน โลกที่ผมเองก็ไม่อาจรับรู้ได้ตามประสาทสัมผัสปกติว่ามันคือที่ใด

    ไม่มีแม้แต่แสงสว่างเพียงน้อยนิดเล็ดรอดเข้ามา ราวกับตอนนี้ผมกำลังอยู่ในปากของอสูรกายที่กลืนกินทุกสรรพสิ่งไปจนหมดสิ้น มันยากที่จะอธิบายถึงสภาพในขณะนี้หากไม่ใช้ความรู้สึก

    ช่างเป็นความมืดมิดที่เป็นเสียยิ่งกว่าความมืดมิดทั้งหมดทั้งมวลที่เคยได้เห็นได้สัมผัสมาตลอดชีวิต

    นั่นเป็นเพียงประโยคเดียวที่ผมพอจะนึกออก มันมืดจนอึดอัดและชวนกระอักกระอ่วนเป็นอย่างยิ่ง ที่นี่ไม่มีบน ไม่มีล่าง ไม่มีหน้า ไม่มีหลัง ผมเอื้อมมือออกไปไขว่คว้าได้เพียงความว่างเปล่า สายตาพยายามแหวกพุ่งไปทุกทิศทางแต่ก็หาได้หลุดพ้นออกจากความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดนี้

    มันเวิ้งว้างดำมืดเสียจนผมเองเริ่มไม่แน่ใจว่านี่ผมมองไม่เห็นอะไรเลยเพราะมันมืด หรือว่าสิ่งที่ผมกำลังเห็นอยู่คือสีดำสนิทของอะไรสักอย่างกันแน่

    คลับคล้ายคลับคลาว่าก่อนหน้านี้ลำโพงทั้งสี่ตัวที่ติดอยู่รอบห้องโดยสารยังขับกล่อมบทเพลงร่วมสมัยที่ผมชอบฟัง แต่ชั่วขณะนี้มันกลับส่งผ่านเพียงความเงียบเชียบออกมา

    เงียบมาก มันเงียบมากจริงๆ เงียบเสียจนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ผมไม่ได้หมายความถึงเฉพาะเครื่องเสียงเท่านั้น แต่มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวผมต่างหากที่เงียบ หูทั้งสองข้างไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลยแม้แต่เสียงหวีดหวิวที่เบาที่สุดก็ตาม

    เงียบเสียจนนึกอยากลองตะโกนสุดเสียงให้แน่ใจว่าหูของตัวผมเองไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิด

    ผิวกายสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบที่แผ่ปกคลุมอยู่ทั่วห้องโดยสาร ไม่แน่ใจว่ามันมาจากการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมของเครื่องปรับอากาศที่ปกติมักจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าใด หรือว่ามันเป็นความเย็นเยือกที่สัมผัสได้จากสิ่งอื่นกันแน่

    เจ้าสี่ล้อคันเดิมยังคงเคลื่อนตัวต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่เร็วขึ้นไม่ช้าลงในความรู้สึก ผมไม่เห็นอะไร ไม่ได้ยินอะไร ทำได้เพียงแค่รับรู้ว่ามันยังคงทำหน้าที่ของมันไปอย่างซื่อตรง

    มันยังคงทะยานไป ตรงไป มุ่งหน้าเข้าไปสู่สถานที่ๆ ไร้สถานที่ เส้นทางที่ไร้เส้นทาง เข้าไปสู่ความไร้จุดหมาย ไร้กาลเวลา และไร้ที่สิ้นสุดเบื้องหน้า

    ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่ผมนั่งอยู่อย่างนั้น และในที่สุดสิ่งหนึ่งที่ทำตัวแปลกแยกออกจากสิ่งรอบกายก็ปรากฏขึ้นในขอบเขตสายตา จุดแสงสีขาวจุดหนึ่งโดดเด่นออกมาจากฉากหลังดำมืด

    สายตาจับจ้องไปโดยอัตโนมัติ แสงสีขาวที่เห็นกำลังเคลื่องตัวเข้ามาใกล้ทุกขณะ หรือไม่เช่นนั้นก็อาจจะเป็นเจ้าสี่ล้อคู่ใจคันนี้กำลังพาผมเข้าไปใกล้มัน หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่างที่กำลังเคลื่อนเข้าหากัน

    จุดแสงที่เห็นเป็นจุดเล็กๆ แต่เดิมเริ่มใหญ่ขึ้นตามระยะทางการเคลื่อนตัวเข้าหากัน ผมเริ่มเห็นเค้าโครงบางอย่างของสิ่งที่อยู่ภายในความสว่างนั้น นึกแปลกใจเล็กน้อยที่คิดว่าแสงจะจ้ากว่านี้ แต่ทว่ามันกลับมองดูแล้วนวลตาเย็นใจได้อย่างน่าประหลาด

    และแล้วรายละเอียดทั้งหมดก็ถูกเผยออกมาให้เห็นได้ชัดเจน มันเป็นภาพเด็กน้อยและชายหญิงคู่หนึ่ง โซ่ทองตัวน้อยที่คล้องใจคนทั้งสองให้เชื่อมต่อถึงกันผ่านทางมือเล็กๆ ที่ทั้งคู่โอบอุ้มมันไว้คนละข้าง

    รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของบุคคลทั้งสามช่างเป็นรอยยิ้มที่พิเศษสุด มันบ่งบอกได้ถึงช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของครอบครัวใหม่ที่มีองค์ประกอบพร้อมทุกอย่างแล้ว

    เพียงเสี้ยววินาทีที่ภาพนั้นชัดเจน มันผ่านมาและผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลมที่พัดมาวูบหนึ่ง เมื่อแสงสว่างผ่านตัวไปทุกสิ่งก็กลับเข้าสู่ความปกติที่แสนจะผิดปกติ ผมกลับไปมองอะไรไม่เห็นเหมือนคนตาบอดอีกครั้ง

    ไม่นานจุดแสงจุดใหม่ก็เคลื่อนตัวเข้ามา ผมรู้สึกว่ามันขยับเข้ามาเร็วขึ้นกว่าจุดแสงก่อนหน้านี้ หรือไม่ก็รถยนต์คันนี้วิ่งเร็วขึ้น หรืออาจจะทั้งสองอย่าง

    ในนั้นเป็นภาพชายหนุ่มนอนหนุกอยู่บนตักของหญิงคนรัก หูของเขาแนบชิดอยู่กับท้องกลมนูนในชุดคลุมท้องของเธอ เหมือนกับว่าผมจะได้ยินเสียงสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเคลื่อนไหวอยู่ในนั้นแทรกผ่านกาลเวลามาจากที่ไหนสักแห่ง

    เพียงครู่เดียวภาพนั้นก็ถูกทิ้งไว้ให้อยู่เบื้องหลัง ปล่อยให้ผมเก็บมันเอาไว้ได้เพียงความรู้สึก

    รถยนต์คันเดิมของผมยังคงเคลื่อนตัวต่อไป มือทั้งสองประคองพวงมาลัยไว้หลวมๆ เท้าข้างขวายังคงเหยียบคันเร่งด้วยอัตราเท่าเดิม ในใจนึกสงสัยว่าหากลองปล่อยมือจากพวงมาลัยหรือยกเท้าขึ้นจากคันเร่ง เจ้าสี่ล้อจะเป็นยังไง มันจะหยุดหรือยังคงเคลื่อนตัวต่อไปแบบนี้

    แต่สุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้ลองทำอย่างที่ใจคิด

    เมื่อสักครู่หญิงชายในชุดวิวาห์เพิ่งเคลื่อนตัวผ่านไป เขากำลังสวมแหวนเข้าที่นิ้วนางมือซ้ายของเธอ แววตาของทั้งคู่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการขับเคลื่อนไปสู่อนาคต

    ภาพนี้เคลื่อนตัวเร็วยิ่งขึ้นกว่าภาพก่อนหน้า

    จู่ๆ ผิวกายก็สัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดเข้ามาจากที่ไหนสักแห่ง ไม่ใช่ลมจากเครื่องปรับอากาศ มันพัดเอื่อย ลูบไล้พอให้รู้สึกถึงและอบอุ่นกว่านั้น

    กลิ่นหอมจางๆ โชยมาตามสายลม ผมสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่มันหอบพัดมาด้วย มันชวนให้รู้สึกผ่อนคลายจนแทบจะหลุดออกจากความน่าอึดอัดตอนนี้ไปสู่ภวังค์แห่งความสุข

    ภาพแล้วภาพเล่ายังคงเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างต่อเนื่องเหมือนกับกระแสลมหอบพัดเอาพวกมันเข้ามาหา

    ชายหนุ่มในชุดครุยยืนฉีกยิ้มอยู่กับพ่อและแม่ของเขาเอง เขาหอบดอกไม้ช่อใหญ่หลายช่อที่ใครต่อใครพากันนำมาแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่

    นั่นเป็นภาพหนุ่มน้อยในชุดนักเรียน เขากำลังกระโดดโลดเต้นดีใจก่อนจะโผเข้ากอดพ่อที่ยืนร่วมยินดีกับความสำเร็จของลูกชายอยู่ที่หน้ากระดานประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย

    แม่ที่มีรอยยิ้มอบอุ่นและเข้าอกเข้าใจคนอื่นๆ เสมอ เธอยืนอยู่หน้าเวทีส่งยิ้มให้ลูกชายตัวน้อยที่กำลังรับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดเรียงความในระดับชั้นประถมศึกษา

    กระแสลมอ่อนค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นทีละน้อย จนในที่สุดมันก็กลายเป็นลมกรรโชก มันหอบพัดภาพต่างๆ จำนวนนับไม่ถ้วนปลิวมาจากที่ไหนสักแห่งให้กระจัดกระจายออกไปอย่างไร้ทิศทาง

    น่าแปลกที่สายตาของผมกลับจับจ้องมันได้ทุกภาพแบบไม่ขาดตกบกพร่องไปเลยแม้เพียงภาพเดียว

    แม่และพ่อช่วยกันสวมชุดบัณฑิตน้อยสีฟ้าสดใสให้กับเด็กชายตัวอ้วนในวันจบการศึกษาชั้นอนุบาล ในมือของทั้งคู่ถืออมยิ้มและหุ่นยนต์ไว้เพื่อมอบให้ลูกชายอันเป็นแก้วตาดวงใจ

    ภาพแม่พาลูกชายตัวน้อยไปโรงเรียนครั้งแรก เสียงร้องไห้โยเยของเด็กชายดังแสบแก้วหูไปตลอดทางที่เดินผ่าน แม้จะดูน่ารำคาญในสายตาคนอื่น แต่แม่ของเด็กน้อยกลับยิ้ม

    ลูกน้อยกำลังวิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ และฉับพลันตัวเด็กก็หดเล็กลงเหมือนมีวิวัฒนาการย้อนกลับไปสู่ช่วงที่เขากำลังหัดพูด หัดเดิน หัดคลาน สุดท้ายเด็กชายก็กลายเป็นทารก

    แล้วทารกที่กำลังตะเบ็งเสียงร้องจนหน้าแดงก็ย้อนกลับไปขดตัวอยู่ภายใต้อ้อมกอดของผู้เป็นแม่

    ผมรับรู้ได้ ในอ้อมกอดที่พร้อมจะปกป้องทุกภยันตรายนั้นช่างอบอุ่น ทารกน้อยนอนอย่างไร้ทุกความกังวลในอ้อมแขนนั้น

    ภาพต่างๆ พรั่งพรูออกมามากขึ้นและเร็วยิ่งขึ้นไปอีกราวกับทำนบกั้นน้ำแตก หากแต่คราวนี้ผมรู้แล้วว่าภาพพวกนี้มาจากไหน ไม่ใช่สายลมอะไรทั้งนั้นที่พัดพาพวกมันมา หากแต่พวกมันหลุดออกมาจากหัวสมองของผมเองต่างหาก

    กระแสลมบิดม้วนเป็นเกลียวก่อเป็นพายุโถมเข้าใส่ตัวรถ แต่เจ้าสี่ล้อก็วิ่งต่อไปไม่ได้มีอาการสะทกสะท้าน หากแต่เป็นผมเองที่ต้องหลับตาลงเพราะไม่อาจต้านทานแรงลมได้

    และทันทีที่ตาถูกปิด จิตใจกลับเปิดกว้างรับเอาทุกความรู้สึกที่กำลังหลั่งไหลออกมาจากภาพเหล่านั้น

    เธอ

    หญิงสาวที่มีจิตใจเข้มแข็ง ความเด็ดเดี่ยวของเธอช่างแตกต่างจากแววตาอ่อนโยนที่มี ยามที่ผมสุขเธอก็พร้อมที่จะยิ้มและยินดีไปกับผม ยามผมเศร้าเธอก็พร้อมที่จะนั่งเป็นเพื่อนและอยู่ดูแลจนกว่าผมจะกลับมายืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง

    และเขา

    เด็กน้อยที่มีแววตาดั่งแก้วใสเหมือนแม่ นิสัยขี้อ้อนมัดใจใครต่อใครที่ได้เข้าไปเล่นด้วยได้ไม่ยาก เหล่าบรรดาญาติสนิทมิตรสหายต่างก็รักใคร่เอ็นดู เขากำลังน่ารัก อนาคตที่สดใสกำลังรอให้เด็กชายเติบใหญ่ขึ้นและเดินไปตามเส้นทางนั้นอยู่

    ผมและเธอที่เฝ้าอดทนเลี้ยงดูทะนุถนอมหวังจะให้ทารกคนหนึ่งเติบใหญ่และทำหน้าที่ของตนเองในสังคมได้อย่างดีที่สุด ผมเริ่มเข้าใจคำว่าความรักที่เหนือกว่าความรักทั้งปวง

    และความรักที่ผมได้รับรู้นั้นได้โอบอุ้มจิตใจของพวกเราให้อบอุ่นและพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า

    กระแสลมรุนแรงพัดพาความมืดมิดให้ค่อยๆ หลุดออกเหมือนกระเทาะเปลือกไข่ ความดำมืดค่อยๆ ปลิวหลุดออกไปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แสงสว่างสาดส่องเข้ามาจากช่องแตกนั้นทีละน้อย

    กระแสสมบ้าคลั่งเบาลงและหยุดไป ความมืดมิดมลายหายไปสิ้น แสงสีขาวกำลังโอบล้อมตัวผมอยู่ ทุกสิ่งเบาโหวงไร้น้ำหนัก ร่างกายเหมือนกับจะลอยคว้าง ความอึดอัดหายไป ความอิ่มเอม ตื้นตันกลับเข้ามาแทนที่

    ผมได้รับความรักความอบอุ่นมากมายขนาดนี้มาจากพ่อและแม่ผู้ซึ่งพยายามเลี้ยงดูผมมาเป็นอย่างดี ความรักเอาใจใส่ ความมุ่งมั่นของท่านทั้งสองผลักดันให้ผมเติบใหญ่และมีตัวตนอยู่อย่างที่เป็นในทุกวันนี้

    ผมรับเอาความสุขเหล่านั้นมาเก็บไว้เพื่อที่จะส่งต่อความปรารถนาดีไปยังเจ้าตัวน้อยของผม ผมอยากเห็นเขาเติบใหญ่เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นคนดีของสังคม และเป็นมนุษย์ที่ดีของเพื่อนร่วมโลก

    ผมอยากเห็นรอยยิ้มของทุกคนที่ผมรัก ในช่วงเวลาที่พวกเรามีความสุขผมอยากจะเดินเข้าไปกอดเพื่อซึมซับเอาทุกความรู้สึกของพวกเขา ผมอยากบอกพวกเขาว่ารักพวกเขามากเพียงใด

    สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตล้วนเข้ามาและจากไป ทั้งเรื่องดีและร้าย มันผ่านพ้นไปเร็วดั่งเช่นสายลมที่พัดผ่านผิวกาย แต่ทว่าสิ่งที่เรียกว่าความสุขนั้นกลับรวดเร็วยิ่งกว่า มันไม่เคยหยุดรอให้ใครไขว่คว้าและดื่มด่ำไปกับมันได้นานอย่างที่ใจต้องการ

    อยู่ที่ว่าเราจะสัมผัส รับรู้ ซึมซับ เราจะให้คุณค่ากับสิ่งที่เรียกว่าความสุขนั้นมากขนาดไหนต่างหาก

    ผมเพิ่งมารับรู้เอาตอนนี้นี่เอง ที่ผ่านมาผมปล่อยให้ความรู้สึกนั้นผ่านมาและผ่านไปอย่างรวดเร็วราวสายลม ปล่อยให้สิ่งดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตเหล่านั้นอยู่เบื้องหลัง ปล่อยให้ความทรงจำดีๆ ทั้งหมดถูกเก็บอยู่ในอุโมงค์แห่งความทรงจำอันมืดมิด

    อุโมงค์ที่ทั้งมืดมิด ไร้ที่สิ้นสุด จนผมไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความสุขใจของภาพที่เก็บไว้ในนั้น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่