ที่ใดมีรักของบุรุษที่ยิ่งใหญ่ ที่นั่นย่อมอบอวลไปด้วยพลังแห่งความรัก เพราะ ที่นี่คือ “เกาะแห่งรัก” นั่นเอง
การที่ได้มาเยือนเกาะแห่งรัก หรือ เกาะสีชัง แบบปุปปับทัวร์และลั่นชัตเตอร์กัน รัวๆ และทำให้ได้รับพลังงานบางอย่างที่ส่งผลต่อจิตใจ อารมณ์เหมือนทุ้มอยู่ในใจจากมนต์เสน่ห์ของตัวเกาะเอง ทั้งสถานที่ทางธรรมชาติ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ และมิตรไมตรีที่มาจากใจของชาวบ้าน จึงขอถ่ายทอดมาเป็นไดอารี่การท่องเที่ยวที่ ในวันนี้
เริ่มสถานที่แรกเลย ที่เป็นจุดดึงดูดของที่นี่ แน่นอน ว่าเกาะ ก็ต้องเป็นทะเล เป็นน้ำทะเล แต่ที่นี่ มีจุดดึงดูดมากกว่านั้น
1. สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานที่ยื่นไปในทะเล โปรดสร้างโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นสะพานจุดชมวิวทะเลของเกาะสีชังได้เป็นอย่างดี และก็ดีจริงๆด้วย
Ready or not ?? Get set goooo
Sea Smile
สำหรับบรรยากาศ ของสะพานยามค่ำคืนนั้น ก็น่าสนใจเนื่องจากช่วงที่ได้มาเป็นช่วงที่มีการจัดงานครบรอบ 164 ปี
ของเกาะทำให้มีการประดับตกแต่ง ไฟในช่วงกลางคืน ทำให้บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบ แบบนี้เลยยย >💗<
สะพานเดิมเพิ่มเติมคือไฟวิบวับ
2. ช่องเขาขาดหรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ “ช่องอิศริยาภรณ์” เป็นจุดชมวิวทะเลจากมุมสูงที่สวยงามเป็นอย่างยิ่งซึ่งช่องเขานี้ยังเคยเป็นพลับพลาสำหรับชมวิวของรัชกาลที่ 5 ซึ่งนอกจากเป็นการชมวิวทะเล เกาะต่างๆ หน้าผาแล้ว ยังมีสะพานสำหรับเดินเพื่อไปยังจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ต้องมาลองด้วยตาตัวเองกันนะคะของแบบนี้
วิวที่นี้ดีฟิวเตอร์รูปนี้ไม่ต้อง
เหมือนยานแม่มารับบ


จะไปเล่นตรงโน้น จะไป จะไป

พลังงานแห่งแสงอาทิตย์จงสถิตอยู่กับตัวหนู

ต้นไม้ให้ร่มเย็น
Ps.เนื่องจากวันที่ไปฟ้าฝนเป็นใจ ถ่ายยังไงวิวก็สวย
3. แหลมงู-ท่ายายทิม-ทะเลแหวก
ท่ายายทิม เคยเป็นท่าเทียบเรือที่ใช้ในการขนส่งหิน โดยปัจจุบันได้สิ้นสุดสัญญาการระเบิดหินแล้ว คงเหลือเป็นแหล่งชมวิวทะเลที่สวยงามและภูเขาที่เหลือจากการระเบิดหินที่กลายมาเป็นศิลปะให้คนได้รับชมจนถึงปัจจุบัน
[center

น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวอะไรก็ได้



หินนนน ระเบิดหินนน หินนนน เต็มไปหมด
ขอเสนอภาพระหว่างทางทางที่จะไป

ระหว่างทางงง

นี่ไง แม่มา แม่มา แต่วันนี้แม่ไม่มา เรามาเอง
เกาะยายท้าวและเกาะค้างคาว
การมาสองเกาะนี้จะต้องใช้ ดวง ดวง และดวงเท่านั้น เพราะเป็นเกาะที่ต้องรอให้น้ำทะเลลงเท่านั้นจึงจะสามารถเดินข้ามมาได้ และเราก็ได้รับสิทธิ์นั้น น้ำทะเลลดลงเหลือแค่ข้อเท้าและเราก็สามารถก้าวข้ามไปได้ จุดพลุ ปุง ปุง ปุง
เริ่ม การสละรองเท้าเนื่องจากหินนนที่นี่คมจีจี บาดแล้วแสบทรวง เริ่มได้

เราจะไปสร้างเลนด์มาร์คตรงโน้นนะ

ครึ่งทางแล้วววว และครึ่งแข้งเช่นกัน

ถึงแล้วยายขอนั่งพักน่องแปป

โตแล้วโยคะที่ไหนก็ได้

ปลาอะไรไม่หายใจแล้วววว >> ปากฎว่าตายไป๋แล้ว ZZZ

นี่คือเซิฟบอร์ดของหนู วู้ววววววว

เดินไปได้ต้องเดินกลับได้ด้วยนะ ไม่ว่าคลื่นจะสูงแค่ไหนก็ตามมมมม

สภาพก็เป็นเช่นนี้แล
4. ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ หรือ วัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรมหาวิหาร เป็นศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเกาะสีชัง เป็นที่เคารพของชาวเกาะและผู้มาเยือน โดยวัดจะถูกสร้างให้กลืนไปกับหินของภูเขา เป็นการผสมผสานของสถาปัตยกรรมทั้งไทยและจีนได้อย่างลงตัว

การเดินทางไปศาลนั้นจะต้องเดินขึ้นบันไดไปเพื่อสักการะเจ้าพ่อ ฮุยเล ฮุยเล

กระดาษแดงที่ถูกแปะอยู่ในถ้ำแสดงถึงความศรัทธาของประชาชนจำนวนมากที่มา
แสดงความเคารพต่อเจ้าพ่ออย่างล้นหลาม บางคนก็มาแก้ปีชงกันด้วย

วิวที่มองลงมาจากศาลเจ้าพ่อก็สวยงามตามท้องเรื่อง
5. รอยพระพุทธบาท หรือ ยอดพระจุลจอมเกล้า เป็นสถานที่เคารพรอยพระพุทธบาทจำลองและพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า

การขึ้นไปสักการะนั้นจะมีระฆังให้ตีด้วย ชื่อเสียงจะได้ขจรขจาย ขยายไปไกลๆ

จากจุดสักการะพระพุทธบาทนั้นก็จะเห็นพระบรมสารีริกธาตุและชมวิวไปพร้อมๆกัน

รอบๆ พระพรมศารีริกธาตินั้นจะมีหินวางเรียงซ้อนกันเป็นตั้งๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้ความหาย
ใครทราบสามารถบอกได้เลยนะ เราก็อยากรู้เช่นกัน ???
6. วังจุฑาธุชราชฐาน หรือพระราชวังฤดูร้อนในรัชกาลที่ 5 เป็นวังที่สร้างบนเกาะเพียงแห่งเดียว มีการสร้างได้อย่างสวยงามกลืนไปกับธรรมชาติอย่างลงตัว มีความร่มรื่นของต้นไม่นานาพันธ์และสถาปัตยกรรมที่สวยงาม

แท่นนี้เคยเป็นแท่นรองพระที่นั่งซึ่งเป็นไม้สักทอง หันหน้าออกทะเล ซึ่งในปัจจุบันถูกย้ายไปตั้งที่กรุงเทพ
เหลือเพียงฐานให้ลำลึกถึง และตั้งชื่อใหม่ว่า “พระที่นั่งวิมานเมฆ” ในพระราชวังดุสิตนั่นเอง
ข้อมูลอย่างละเอียด สามารถอ่านได้จาก
www.chula.ac.th/th/archive/3629
บรรยากาศภายในวังบางส่วน ย้ำบางส่วน

ท่านพี่อยู่ที่ใด ????

มีรถไฟในวังนี้ด้วยยย

ความทรงจำที่ดีกับคนบนเกาะนี้
ภายในวังและทั่วเกาะสีชังจะมีต้นลีลาวดี ซึ่งเป็นดอกไม้ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วเกาะสีชังเลยทีเดียว
ที่ใดมีรักของบุรุษที่ยิ่งใหญ่ ที่นั่นย่อมอบอวลไปด้วยพลังแห่งความรัก เพราะ ที่นี่คือ “เกาะแห่งรัก”
การที่ได้มาเยือนเกาะแห่งรัก หรือ เกาะสีชัง แบบปุปปับทัวร์และลั่นชัตเตอร์กัน รัวๆ และทำให้ได้รับพลังงานบางอย่างที่ส่งผลต่อจิตใจ อารมณ์เหมือนทุ้มอยู่ในใจจากมนต์เสน่ห์ของตัวเกาะเอง ทั้งสถานที่ทางธรรมชาติ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ และมิตรไมตรีที่มาจากใจของชาวบ้าน จึงขอถ่ายทอดมาเป็นไดอารี่การท่องเที่ยวที่ ในวันนี้
เริ่มสถานที่แรกเลย ที่เป็นจุดดึงดูดของที่นี่ แน่นอน ว่าเกาะ ก็ต้องเป็นทะเล เป็นน้ำทะเล แต่ที่นี่ มีจุดดึงดูดมากกว่านั้น
1. สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานที่ยื่นไปในทะเล โปรดสร้างโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นสะพานจุดชมวิวทะเลของเกาะสีชังได้เป็นอย่างดี และก็ดีจริงๆด้วย
ของเกาะทำให้มีการประดับตกแต่ง ไฟในช่วงกลางคืน ทำให้บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบ แบบนี้เลยยย >💗<
2. ช่องเขาขาดหรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ “ช่องอิศริยาภรณ์” เป็นจุดชมวิวทะเลจากมุมสูงที่สวยงามเป็นอย่างยิ่งซึ่งช่องเขานี้ยังเคยเป็นพลับพลาสำหรับชมวิวของรัชกาลที่ 5 ซึ่งนอกจากเป็นการชมวิวทะเล เกาะต่างๆ หน้าผาแล้ว ยังมีสะพานสำหรับเดินเพื่อไปยังจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ต้องมาลองด้วยตาตัวเองกันนะคะของแบบนี้
Ps.เนื่องจากวันที่ไปฟ้าฝนเป็นใจ ถ่ายยังไงวิวก็สวย
3. แหลมงู-ท่ายายทิม-ทะเลแหวก
ท่ายายทิม เคยเป็นท่าเทียบเรือที่ใช้ในการขนส่งหิน โดยปัจจุบันได้สิ้นสุดสัญญาการระเบิดหินแล้ว คงเหลือเป็นแหล่งชมวิวทะเลที่สวยงามและภูเขาที่เหลือจากการระเบิดหินที่กลายมาเป็นศิลปะให้คนได้รับชมจนถึงปัจจุบัน
[center
เกาะยายท้าวและเกาะค้างคาว
การมาสองเกาะนี้จะต้องใช้ ดวง ดวง และดวงเท่านั้น เพราะเป็นเกาะที่ต้องรอให้น้ำทะเลลงเท่านั้นจึงจะสามารถเดินข้ามมาได้ และเราก็ได้รับสิทธิ์นั้น น้ำทะเลลดลงเหลือแค่ข้อเท้าและเราก็สามารถก้าวข้ามไปได้ จุดพลุ ปุง ปุง ปุง
เริ่ม การสละรองเท้าเนื่องจากหินนนที่นี่คมจีจี บาดแล้วแสบทรวง เริ่มได้
4. ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ หรือ วัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรมหาวิหาร เป็นศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเกาะสีชัง เป็นที่เคารพของชาวเกาะและผู้มาเยือน โดยวัดจะถูกสร้างให้กลืนไปกับหินของภูเขา เป็นการผสมผสานของสถาปัตยกรรมทั้งไทยและจีนได้อย่างลงตัว
แสดงความเคารพต่อเจ้าพ่ออย่างล้นหลาม บางคนก็มาแก้ปีชงกันด้วย
5. รอยพระพุทธบาท หรือ ยอดพระจุลจอมเกล้า เป็นสถานที่เคารพรอยพระพุทธบาทจำลองและพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
ใครทราบสามารถบอกได้เลยนะ เราก็อยากรู้เช่นกัน ???
6. วังจุฑาธุชราชฐาน หรือพระราชวังฤดูร้อนในรัชกาลที่ 5 เป็นวังที่สร้างบนเกาะเพียงแห่งเดียว มีการสร้างได้อย่างสวยงามกลืนไปกับธรรมชาติอย่างลงตัว มีความร่มรื่นของต้นไม่นานาพันธ์และสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
เหลือเพียงฐานให้ลำลึกถึง และตั้งชื่อใหม่ว่า “พระที่นั่งวิมานเมฆ” ในพระราชวังดุสิตนั่นเอง
ข้อมูลอย่างละเอียด สามารถอ่านได้จาก www.chula.ac.th/th/archive/3629
ภายในวังและทั่วเกาะสีชังจะมีต้นลีลาวดี ซึ่งเป็นดอกไม้ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วเกาะสีชังเลยทีเดียว