เราแอบชอบเพื่อนตัวเอง ตั้งแต่มัธยมต้น ตอนแรกเราไม่ได้สนิทกันหรอก เกิดจากการที่เขาเข้ามาแกล้งเรามากกว่า เราก็เลยแกล้งเขากลับ บวกกับอยู่ห้องเดียวเลยสนิทกันง่ายขึ้น แต่เราไม่รู้ตัวว่าชอบเขาตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกที คือ เราหงุดหงิด ที่เห็นเขาคุยกับคนอื่น แต่เราก็ได้แต่หงุดหงิดคนเดียว
เราพยายามไม่แสดงออกว่าคิดยังไงกับเขา เพราะอยากรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนไว้ แต่เวลาผ่านไป ยิ่งสนิทมากเท่าไหร่ การกระทำที่เขาทำ บางครั้งมันเหมือนไม่ใช่เพื่อนกัน เราเลยลองแกล้งถามไป ว่าทำแบบนี้คือ “เราเป็นอะไรกัน ?” คำตอบที่ได้ คือ “เพื่อนสนิท” แต่เราก็ไม่ได้เรียกร้อง เหมือนมันดีแล้ว แค่มีเขาอยู่ใกล้ๆ ยิ่งนานวัน เราสองคนก็อยู่กันตลอด ตัวติดกัน พอว่างไม่มีเรียนเรามักจะอยู่นั่งใกล้กัน แกล้งกันไปมา แล้วก้อมีตัวละครมาเพิ่ม ให้เรายิ่งสงสัยว่าตกลงเขาคิดกับเราแค่ เพื่อน จริงๆหรอ เพื่อนในกลุ่มของเขามาบอกชอบเราบอกทั้งๆที่เขาก็นั่งอยู่ด้วย แต่เขาเฉยมาก จนเรางง เราปฏิเสธไป แต่เขากลับบอกว่า ทำไมไม่ลองคบกับเพื่อนเขาดูล่ะ เรานี่จุกเลย ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนั้น แต่เราก็ไม่ได้ถามไปนะ เก็บความสงสัยไว้คนเดียว จนวันสุดท้าย เขาต้องย้ายไปเรียนแถวบ้านเขา ตอนที่เรารู้นี่คือ ชาไปหมด คิดแค่ว่า จะไม่ได้เจอกันแล้ว จะทำยังไงดี มันสับสนไปหมด เขาก็นัดเราไปคุยที่โต๊ะที่เรานั้งกันประจำ เอาของขวัญออกมาให้ คือ แหวนสลักชื่อของเขา ใส่ให้เรา ซึ่งเราคิดแค่ว่า เพื่อนกันเขาให้แหวนกันหรอว่ะ สงสัยแต่ไม่กล้าถาม เพราะความกลัวมันมีมากกว่า สุดท้ายเขาก็ย้ายโรงเรียนไป
เราได้เจอกันบ้างแบบนับครั้งได้เลย คุยกันแบบนับคำได้ ตอนนั้นเรารู้เลยว่า เรารักเขามาก แต่เขากลับบอกเราเสมอว่าเป็นเพื่อนสนิท เราเจ็บกับคำนั้นมาตลอด เพราะการกระทำ มันไม่ใช่เพื่อนเราก็บอก แบบนี้ ไม่ใช่เพื่อนแล้ว เพื่อนที่ไหน เขาจับมือกันเดิน เพื่อนที่ไหนเขาหอมแก้มกัน เพื่อนที่ไหนเขากอดกัน เพื่อนที่ไหนเขาให้แหวนกัน เราฟังแล้วมันจุกอ่ะ จุกจนพูดไม่ออก เราเลยลองใจเขาด้วยการบอกว่า “มีคนมาจีบด้วยว่ะ ว่าจะลองคบดู” คิดว่าเขาคงแสดงอาการอะไรออกมาบ้าง ที่เราจะไปสนิทกับผู้ชายคนอื่นบ้าง แต่เปล่าเลย เขากลับบอกดีแล้ว ยินดีด้วย ตอนนี้นสิ่งที่เราทำได้ คือ เราคงต้องตัดใจจริงๆใช่ไหม คงไม่มีสันที่เขาจะมองเรามากกว่าเพื่อนได้เลย
จนเราเรียนจบ ระหว่างรอขึ้นมาเรียนมหาลับเลยไปหางานพิเศษทำ เขารู้ว่าเราอยู่ใกล้เขา เขาก็มาหาเกือบทุกวัน ทำเหมือนเดิม กอดเรา หอมแก้มเรา จับมือเรา พาเราไปเที่ยว นั่งคุยกันจนเช้า แต่พอถามสถานะ กลับได้คำตอบเดิม “เพื่อนสนิท”
เราขึ้นมาเรียนที่กรุงเทพ เขาก็มาด้วยแต่เราเรียนคนละที่กัน ปีนึงเจอกันครั้งนึง ไม่ค่อยได้คุย เพราะเขามีแฟน เราเองเลยต้องเปิดใจให้คนอื่นบ้าง ช่วงเวลาเราสองคนเลยไม่ตรงกัน จน เราขึ้นปี 2 เรากลับเขาเจอกัน คุยกันบ่อยขึ้น ไปไหนด้วยกันมากขึ้น แลเวไปเจอรุ่นพี่เขา เขากลับแนะนำว่าเราเป็นแฟน งงสิครับท่าน!! ไม่มีวี่แววอะไรเลย พอกลับห้องเลยคุยกันว่าคือ เป็นแฟนแล้วหรอ เขาบอกใช่ ตอนนั้นเราดีใจมาก วันที่เรารอคอยมาถึงแล้ว คนที่เรารักเขารักเรากลับแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก เรามีความสุขมาก
แต่ความสุขมันอยู่ไม่นาน เราต้องไปคุมรุ่นน้องบูม ได้เลยรุ่นน้องคนนึง นิสัยดี น่ารัก เราแกล้งแซวน้องเขาเล่นๆ ตามประสารุ่นพี่ แต่เปล่าเลย น้องมันคิดจริง แล้วเราก็พลาดทำเรื่องที่ไม่ควรให้อภัย เรากับน้องคนนั้นพักหอเดียวกัน เจอกันทุกวัน ในขณะที่เขาอยู่อีกที่ เหมือนเราชะล่าใจและสนุก บวกกับเขาไม่เคยบอกว่ารักเรา เราเลยไม่มั่นใจ และกลัวว่าเขาจะรับไม่ได้ที่แฟนตัวเองไปเที่ยวจนเมาแล้วมีอะไรกับคนอื่น เราเลือกที่จะหายไปจากคนที่เรารอ หายไปแบบไม่ติดต่อเลย เพราะเราคิดว่า ให้เขาไม่รู้เรื่องบ้านี้ดีกว่า เราไม่อยากให้เขาเกลียดเรา ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องราวของเขาอีกเลย จนวันที่เรากับรุ่นน้องเลิกกัน
เราจึงได้เจอกับเขา เขาเห็นเราเสียใจเลนทักมาถามว่าเป็นอะไร เราเลยเล่าให้ฟังทุกอย่าง ทั้งที่เราหายไป บอกหมดทุกอย่าง เพราะเราคิดว่า เรารู้แล้วว่าเรารักเขามาก เราจะไม่ยอมเสียเขาไปอีก ไม่ว่าผลที่เราบอกจะออกมายังไง เราจะไม่มีวันปล่อยเขาเด็ดขาด โดยที่เราไม่รู้เลย ว่าเขามีคนของเขาอยู่แล้ว
วันที่เราได้รู้ว่า ระหว่างเราสองจะไม่มีวันได้กลับมาคบกัน เพราะเขาต้องรับผิดชอบการกระทำของเขาซึ่งเราเองก็เข้าใจ เราตัดสินใจเดินออกมาเอง เดินออกมาทั้งที่รักมาก เจ็บมาก เดินออกมาพร้อมกับว่ารัก จากปากของเขาที่บอกเราจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขารัก เรามารับรู้เอาวันที่ต้องจากกันว่า เขาเสียใจมากที่เราหายไปตอนนั้น เขาผิดหวังเพราะไม่คิดว่าเราจะไปจากเขา เราผิดเรื่องนี้เรายอมรับ แต่เรากลับแก้ไขอะไรไม่ได้เลย
เราเดินออกมาแบบเจ็บมาก ผิดหวังเพราะไม่คิดว่าเราสองคนจะลงเอยแบบนี้ เราเข้าใจดีว่าเขากำลังจะมีครอบครัวเขา เราทำถูกใช่ไหม ที่ไม่ปล่อยให้ความรู้สึก ชนะ ความถูกต้อง ถ้ามันถูกต้องแล้ว ทำไมเราไม่มีความสุข ทำไมเราถึงเจ็บปวด
เราอยู่กับความคิดถึงนั้น 6 ปี เราไม่ติดต่อไปเลย เขาเองก็ไม่ติดต่อมา เราเปิดใจให้คนอื่นเข้ามา แต่เรากลับยังคิดถึงเขาตลอดเวลาอยากโทรไปหา แต่เราก็ไม่ได้โทร เราคิดแค่ว่า เขาคงลืมเราไปแล้ว เขาคงมีชีวิตที่มีความสุขไปแล้ว เราดำเนินชีวิตต่อไป จนครบ 6 ปีเต็ม ที่เราไม่เจอกัน
เขาทักเรามาทางข้อความ ถามว่าเราสบายดีไหม คุยกันถึงเรื่องที่ไม่ติดต่อมา จนได้รู้ว่า เขาเองก็ติดต่อเราแต่เป็นเบอร์เก่า ที่เราไม่ใช้แล้ว เขาขอเบอร์ใหม่ แต่เราแกล้งโดยบอกลองพยายามดู คือเราไม่คิดด้วยว่าเขาจะพยายาม เราคิดแค่ว่ามันจบไปแล้ว
อีกวันเขาก็มาหาเราที่ทำงาน เราตกใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะมา นั่งคุยกับสักพักเราให้เขากลับ เพราะเราทำงานอยู่เลยให้เบอร์ใหม่ไป เราคุยกันทุกวัน ยอมรับนะว่าเรายังรู้สึกอยู่ พอมาคุยกันแบบนี้มันยิ่งชัดเลย ว่าเรายังรักเขา เขาถามเราว่า “ถ้าจะกลับมาคบกัน เราจะรับเขาได้ไหม ที่บ้านเราอีกจะรับเขาได้ไหม เขามีภาระ ไม่ได้ตัวคนเดียว” เราเองยังไม่แน่ใจเลยไม่ได้ตอบไป ส่วนเรื่องที่บ้านเราเองมั่นใจว่รที่บ้านคงไม่อยากให้เราคบกับเขา
นานไปยิ่งคุยกัน เราเองยิ่งกลัวว่าเราจะถลำลึก เราสองคนเลยคุยกันว่า จะคุยกันในฐานะอะไร ใจเราอยากให้เขากลับมานะ แต่เราก็ทำไม่ได้ เลยบอกไปเราจะคุยแบบเพื่อน จะไม่ให้ความรักที่เรามีให้แสดงออกมา เราจะกลับไปเป็นเพื่อนกับเขา เราว่าเราทำได้ เราบอกเขาไปแบบนั้น ส่วนเขาเองเราคิดว่าเขาก็อยากคุยกับเรานะ แบบเพื่อนก็ยังดี แต่ใจนึงเหมือนเขาอยากปช่อยเราไปเจอคนที่ดีกว่าเขาพร้อมกว่าเขา ตอนนี้เราเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ถ้าให้เขาหายไปจากชีวิตเรา เราจะมีความสุขจริงไหม หรือให้เขายืนอยู่ตรงข้ามกับเราแต่เรายังมองเห็นเขา แบบเส้นขนานที่มันไม่มีวันมาบรรจบกันได้ดี
เรื่องมันอาจยาวสักหน่อย แต่เราสับสน อยากฟังความคิดเห็นจากคนอื่นว่าคิดยังไง? และถ้าเป็นคุณจะทำยังไง ?
ความรัก กับ เส้นขนาน
เราพยายามไม่แสดงออกว่าคิดยังไงกับเขา เพราะอยากรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนไว้ แต่เวลาผ่านไป ยิ่งสนิทมากเท่าไหร่ การกระทำที่เขาทำ บางครั้งมันเหมือนไม่ใช่เพื่อนกัน เราเลยลองแกล้งถามไป ว่าทำแบบนี้คือ “เราเป็นอะไรกัน ?” คำตอบที่ได้ คือ “เพื่อนสนิท” แต่เราก็ไม่ได้เรียกร้อง เหมือนมันดีแล้ว แค่มีเขาอยู่ใกล้ๆ ยิ่งนานวัน เราสองคนก็อยู่กันตลอด ตัวติดกัน พอว่างไม่มีเรียนเรามักจะอยู่นั่งใกล้กัน แกล้งกันไปมา แล้วก้อมีตัวละครมาเพิ่ม ให้เรายิ่งสงสัยว่าตกลงเขาคิดกับเราแค่ เพื่อน จริงๆหรอ เพื่อนในกลุ่มของเขามาบอกชอบเราบอกทั้งๆที่เขาก็นั่งอยู่ด้วย แต่เขาเฉยมาก จนเรางง เราปฏิเสธไป แต่เขากลับบอกว่า ทำไมไม่ลองคบกับเพื่อนเขาดูล่ะ เรานี่จุกเลย ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนั้น แต่เราก็ไม่ได้ถามไปนะ เก็บความสงสัยไว้คนเดียว จนวันสุดท้าย เขาต้องย้ายไปเรียนแถวบ้านเขา ตอนที่เรารู้นี่คือ ชาไปหมด คิดแค่ว่า จะไม่ได้เจอกันแล้ว จะทำยังไงดี มันสับสนไปหมด เขาก็นัดเราไปคุยที่โต๊ะที่เรานั้งกันประจำ เอาของขวัญออกมาให้ คือ แหวนสลักชื่อของเขา ใส่ให้เรา ซึ่งเราคิดแค่ว่า เพื่อนกันเขาให้แหวนกันหรอว่ะ สงสัยแต่ไม่กล้าถาม เพราะความกลัวมันมีมากกว่า สุดท้ายเขาก็ย้ายโรงเรียนไป
เราได้เจอกันบ้างแบบนับครั้งได้เลย คุยกันแบบนับคำได้ ตอนนั้นเรารู้เลยว่า เรารักเขามาก แต่เขากลับบอกเราเสมอว่าเป็นเพื่อนสนิท เราเจ็บกับคำนั้นมาตลอด เพราะการกระทำ มันไม่ใช่เพื่อนเราก็บอก แบบนี้ ไม่ใช่เพื่อนแล้ว เพื่อนที่ไหน เขาจับมือกันเดิน เพื่อนที่ไหนเขาหอมแก้มกัน เพื่อนที่ไหนเขากอดกัน เพื่อนที่ไหนเขาให้แหวนกัน เราฟังแล้วมันจุกอ่ะ จุกจนพูดไม่ออก เราเลยลองใจเขาด้วยการบอกว่า “มีคนมาจีบด้วยว่ะ ว่าจะลองคบดู” คิดว่าเขาคงแสดงอาการอะไรออกมาบ้าง ที่เราจะไปสนิทกับผู้ชายคนอื่นบ้าง แต่เปล่าเลย เขากลับบอกดีแล้ว ยินดีด้วย ตอนนี้นสิ่งที่เราทำได้ คือ เราคงต้องตัดใจจริงๆใช่ไหม คงไม่มีสันที่เขาจะมองเรามากกว่าเพื่อนได้เลย
จนเราเรียนจบ ระหว่างรอขึ้นมาเรียนมหาลับเลยไปหางานพิเศษทำ เขารู้ว่าเราอยู่ใกล้เขา เขาก็มาหาเกือบทุกวัน ทำเหมือนเดิม กอดเรา หอมแก้มเรา จับมือเรา พาเราไปเที่ยว นั่งคุยกันจนเช้า แต่พอถามสถานะ กลับได้คำตอบเดิม “เพื่อนสนิท”
เราขึ้นมาเรียนที่กรุงเทพ เขาก็มาด้วยแต่เราเรียนคนละที่กัน ปีนึงเจอกันครั้งนึง ไม่ค่อยได้คุย เพราะเขามีแฟน เราเองเลยต้องเปิดใจให้คนอื่นบ้าง ช่วงเวลาเราสองคนเลยไม่ตรงกัน จน เราขึ้นปี 2 เรากลับเขาเจอกัน คุยกันบ่อยขึ้น ไปไหนด้วยกันมากขึ้น แลเวไปเจอรุ่นพี่เขา เขากลับแนะนำว่าเราเป็นแฟน งงสิครับท่าน!! ไม่มีวี่แววอะไรเลย พอกลับห้องเลยคุยกันว่าคือ เป็นแฟนแล้วหรอ เขาบอกใช่ ตอนนั้นเราดีใจมาก วันที่เรารอคอยมาถึงแล้ว คนที่เรารักเขารักเรากลับแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก เรามีความสุขมาก
แต่ความสุขมันอยู่ไม่นาน เราต้องไปคุมรุ่นน้องบูม ได้เลยรุ่นน้องคนนึง นิสัยดี น่ารัก เราแกล้งแซวน้องเขาเล่นๆ ตามประสารุ่นพี่ แต่เปล่าเลย น้องมันคิดจริง แล้วเราก็พลาดทำเรื่องที่ไม่ควรให้อภัย เรากับน้องคนนั้นพักหอเดียวกัน เจอกันทุกวัน ในขณะที่เขาอยู่อีกที่ เหมือนเราชะล่าใจและสนุก บวกกับเขาไม่เคยบอกว่ารักเรา เราเลยไม่มั่นใจ และกลัวว่าเขาจะรับไม่ได้ที่แฟนตัวเองไปเที่ยวจนเมาแล้วมีอะไรกับคนอื่น เราเลือกที่จะหายไปจากคนที่เรารอ หายไปแบบไม่ติดต่อเลย เพราะเราคิดว่า ให้เขาไม่รู้เรื่องบ้านี้ดีกว่า เราไม่อยากให้เขาเกลียดเรา ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องราวของเขาอีกเลย จนวันที่เรากับรุ่นน้องเลิกกัน
เราจึงได้เจอกับเขา เขาเห็นเราเสียใจเลนทักมาถามว่าเป็นอะไร เราเลยเล่าให้ฟังทุกอย่าง ทั้งที่เราหายไป บอกหมดทุกอย่าง เพราะเราคิดว่า เรารู้แล้วว่าเรารักเขามาก เราจะไม่ยอมเสียเขาไปอีก ไม่ว่าผลที่เราบอกจะออกมายังไง เราจะไม่มีวันปล่อยเขาเด็ดขาด โดยที่เราไม่รู้เลย ว่าเขามีคนของเขาอยู่แล้ว
วันที่เราได้รู้ว่า ระหว่างเราสองจะไม่มีวันได้กลับมาคบกัน เพราะเขาต้องรับผิดชอบการกระทำของเขาซึ่งเราเองก็เข้าใจ เราตัดสินใจเดินออกมาเอง เดินออกมาทั้งที่รักมาก เจ็บมาก เดินออกมาพร้อมกับว่ารัก จากปากของเขาที่บอกเราจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขารัก เรามารับรู้เอาวันที่ต้องจากกันว่า เขาเสียใจมากที่เราหายไปตอนนั้น เขาผิดหวังเพราะไม่คิดว่าเราจะไปจากเขา เราผิดเรื่องนี้เรายอมรับ แต่เรากลับแก้ไขอะไรไม่ได้เลย
เราเดินออกมาแบบเจ็บมาก ผิดหวังเพราะไม่คิดว่าเราสองคนจะลงเอยแบบนี้ เราเข้าใจดีว่าเขากำลังจะมีครอบครัวเขา เราทำถูกใช่ไหม ที่ไม่ปล่อยให้ความรู้สึก ชนะ ความถูกต้อง ถ้ามันถูกต้องแล้ว ทำไมเราไม่มีความสุข ทำไมเราถึงเจ็บปวด
เราอยู่กับความคิดถึงนั้น 6 ปี เราไม่ติดต่อไปเลย เขาเองก็ไม่ติดต่อมา เราเปิดใจให้คนอื่นเข้ามา แต่เรากลับยังคิดถึงเขาตลอดเวลาอยากโทรไปหา แต่เราก็ไม่ได้โทร เราคิดแค่ว่า เขาคงลืมเราไปแล้ว เขาคงมีชีวิตที่มีความสุขไปแล้ว เราดำเนินชีวิตต่อไป จนครบ 6 ปีเต็ม ที่เราไม่เจอกัน
เขาทักเรามาทางข้อความ ถามว่าเราสบายดีไหม คุยกันถึงเรื่องที่ไม่ติดต่อมา จนได้รู้ว่า เขาเองก็ติดต่อเราแต่เป็นเบอร์เก่า ที่เราไม่ใช้แล้ว เขาขอเบอร์ใหม่ แต่เราแกล้งโดยบอกลองพยายามดู คือเราไม่คิดด้วยว่าเขาจะพยายาม เราคิดแค่ว่ามันจบไปแล้ว
อีกวันเขาก็มาหาเราที่ทำงาน เราตกใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะมา นั่งคุยกับสักพักเราให้เขากลับ เพราะเราทำงานอยู่เลยให้เบอร์ใหม่ไป เราคุยกันทุกวัน ยอมรับนะว่าเรายังรู้สึกอยู่ พอมาคุยกันแบบนี้มันยิ่งชัดเลย ว่าเรายังรักเขา เขาถามเราว่า “ถ้าจะกลับมาคบกัน เราจะรับเขาได้ไหม ที่บ้านเราอีกจะรับเขาได้ไหม เขามีภาระ ไม่ได้ตัวคนเดียว” เราเองยังไม่แน่ใจเลยไม่ได้ตอบไป ส่วนเรื่องที่บ้านเราเองมั่นใจว่รที่บ้านคงไม่อยากให้เราคบกับเขา
นานไปยิ่งคุยกัน เราเองยิ่งกลัวว่าเราจะถลำลึก เราสองคนเลยคุยกันว่า จะคุยกันในฐานะอะไร ใจเราอยากให้เขากลับมานะ แต่เราก็ทำไม่ได้ เลยบอกไปเราจะคุยแบบเพื่อน จะไม่ให้ความรักที่เรามีให้แสดงออกมา เราจะกลับไปเป็นเพื่อนกับเขา เราว่าเราทำได้ เราบอกเขาไปแบบนั้น ส่วนเขาเองเราคิดว่าเขาก็อยากคุยกับเรานะ แบบเพื่อนก็ยังดี แต่ใจนึงเหมือนเขาอยากปช่อยเราไปเจอคนที่ดีกว่าเขาพร้อมกว่าเขา ตอนนี้เราเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ถ้าให้เขาหายไปจากชีวิตเรา เราจะมีความสุขจริงไหม หรือให้เขายืนอยู่ตรงข้ามกับเราแต่เรายังมองเห็นเขา แบบเส้นขนานที่มันไม่มีวันมาบรรจบกันได้ดี
เรื่องมันอาจยาวสักหน่อย แต่เราสับสน อยากฟังความคิดเห็นจากคนอื่นว่าคิดยังไง? และถ้าเป็นคุณจะทำยังไง ?