สติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา และความเพียร นั้นต้องฝึก ต้องกำหนด ต้องภาวนา จึงเจริญขึ้น ไม่ใช่รู้เฉยๆ แล้วสติเจริญขึ้น.

กระทู้สนทนา
สติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา และความเพียร นั้นต้องฝึก ต้องกำหนด ต้องภาวนา จึงเจริญขึ้น ไม่ใช่รู้เฉยๆ แล้วสติเจริญขึ้น หรือพละทั้ง 5 เจริญขึ้น

   พละ 5 ไม่ใช่เพียงแค่พยายามประกองสติ รู้เฉยๆ แล้วจะเจริญขึ้นได้  การกระทำให้พละ 5 นั้นเจริญขึ้นได้นั้นก็ต้องฝึก ต้องกำหนด ต้องภาวนา

   แล้วจะเกิดปัญหา ด้วยจิตที่มีกิเลสนอนเนื่องอยู่ เป็นธรรมดา ที่ต้องเรียนรู้ ด้วยการปฏิบัติ ที่ฝึก ที่กำหนด ที่ภาวนา ในสติปัฏฐาน 4  อย่างไรเพื่อให้ พละ 5 เหล่านั้นเจริญขึ้น.

    ไม่ใช่เพียงแต่ แค่ประกองสติ รู้เฉยๆ กับสี่งที่มากระทบหรือเกิดผัสสะเท่านั้น   เพราะเพียงแค่นี้ย่อมไม่ทำให้พละ 5 เจริญขึ้นไปกว่าเดิมได้ ก็จะเป็นเพียงแค่เกิดสภาวะธรรมพื้นฐาน ที่เกิดจินตมยาปัญญาในเบื้องต้น คือเข้าใจธรรม คิดได้ สงบได้ในช่วงนั้นๆ  แต่ไม่มีพละพอที่จะไป ละกิเลสอย่างสิ้นเชิงได้ ซึ่งยังอีกไกลมาก เมื่อเทีบยกับสภาวธรรม ที่จะบรรลุมรรคญาณ ได้  แต่ถ้าปรารถนาหรือประสงค์เพียงแค่นี้ ก็ไม่ว่ากัน.

      ที่พยายามเตือนกัน ก็เพราะทำให้เกิดเข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่า การพยายาม หรือประกองสติ รู้เฉยๆ ก็จะทำให้เกิดจนถึงสภาวะสูงสุดคือละกิเลสได้อย่างถาวร ที่เกิดมรรคญาณ นั้นเอง
      จนไปมีอคติ กับสมาธิ หรือการฝึกกรรมฐาน แม้อานาปานสติ ว่าไม่ถูกทาง ทำให้หลงติดใน ฌาน  แล้วยังกล่าวว่าแม้แต่สติ นั้นก็เกิดขึ้นเอง ฝึกหรือกำหนดภาวนาให้เจริญไม่ได้

       ซึ่งความจริง เมื่อมีกิเลสอยู่ย่อมคลาดเคลื่อนย่อมหลงได้อยู่แล้ว แม้จะได้สมาธิระดับฌานหรือไม่ก็ตามเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่ท่านที่คิดว่า ประกองสติ รู้เฉยๆ นั้นถูกกว่าหรือดีกว่า  ก็ย่อมหลงอยู่ด้วยกิเลสที่นอนเนื่องอยู่  
      
       นี้แหละคือปัญหาของกิเลสที่ยึดติด หรือย้อมติดซึมชับเขาไปในสิ่งที่คลุกคลีกัน จึงเกิดความคลาดเคลื่อน เป็นอคติต่อต้านกัน ที่จะต้องแก้ปัญหากัน จะปฏิบัติธรรมเดินอย่างไร จึงถึงจุดหมายละกิเลสได้อย่างเด็ดขาดด้วยมรรคญาณ ไปตามลำดับของพระอริยะบุคคล.
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่