
ลัคกี้ เป็นน้องหมาพันธ์ุเยอรมันสปิตซ์
ได้มาฟรีๆโดยแม่ผมเข้าไปดูมาจากเว็บคนรักสุนัขต่างๆที่ประกาศหาคนรับเลี้ยง ตัวผมเองก็ไม่รู้เรื่องราวของหมาสายพันธ์ุนี้มากเท่าไหร่
ในตอนนั้นรู้แค่ว่ากำลังจะได้น้องหมาตัวใหม่มาเลี้ยง ถามเจ้าของว่าพันธ์ุอะไร เขาบอกสปิตซ์ เราก็จำตามว่าสปิตซ์ตั้งแต่นั้นมา
(ขออนุญาตเรียกว่าหมา เพราะเป็นคำที่เราใช้เรียกประจำครับ เรียกสุนัขมันดูห่างเหิน)
วันแรกที่ได้เจอลัคกี้ ลัคกี้นั่งมาในกล่องรองเท้า กินพื้นที่ประมาณครึ่งกล่องได้
เป็นหมาสามสี ขาว ดำ น้ำตาลแซมๆ อายุประมาณ3เดือน จากวันนั้นผมจำวันเวลาไม่ได้แน่นอนในวันที่ได้เจอกัน
แต่รู้ว่ากำลังเรียนอยู่ชั้น ม.4 เพราะผมใส่ชุดนักเรียนไปรับลัคกี้มา ก็ประมาณมีนาคมปี2541น่าจะได้ครับ
จวบจนวันนี้ 25กันยายน2560 ก็เป็นเวลากว่า20ปี 6เดือน ที่ใช้ชีวิตเป็นครอบครัวเดียวกันมา ผ่านทุกข์ ผ่านสุข
ผ่านอะไรมาร่วมกันมากมาย เป็นหมาที่อายุยืนยาวที่สุดที่เคยเลี้ยงมาครับ น่าเสียดายที่รูปตอนลัคกี้เด็กๆนั้นพังไปพร้อมกับคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าหมด เลยไม่มีรูปตอนเล็กๆเหลืออยู่ครับ และที่ยังไม่เรียกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่อายุยืนยาวที่สุด เพราะยังมีสัตว์เลี้ยงที่แก่กว่าอยู่1ตัวครับคือปลาแรดเผือก อายุ22ปี แก่กว่าลัคกี้1ปี เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กกว่าฝ่ามือ

ณ วันนี้ วันที่ผมนั่งพิมพ์อยู่ในNotes ของiphone5sเครื่องเก่าๆของผมตอนเที่ยงคืนขึ้นวันใหม่วันที่25 ลัคกี้นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งแถวบ้านผม พึ่งจะกลับจากแวะดูอาการลัคกี้ตอนประมาณสี่ทุ่มครึ่งที่ผ่านมา อาการไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ซึ่งทำให้ผมระลึกอยู่เสมอว่าเพื่อนรักของผมนั้นกำลังพร้อมจะจากไปได้ทุกเวลา แต่ละวันของลัคกี้ในตอนนี้สำหรับผมมันช่างเป็นวันที่อ่อนล้า และคิดถึงบ้าน คิดถึงคน คิดถึงสิ่งแวดล้อมที่เคยอยู่ คนที่บ้านที่เคยเจอ ตอนผมเดินออกมา หมาป่วยๆที่กำลังจะหมดเรี่ยวแรง ก็ยังพยายามดันตัวลุกตาม เหมือนจะบอกว่าให้พาลัคกี้กลับไปด้วย

ผมเดินกลับไปประคองหัวลัคกี้ไว้แล้วบอกลัคกี้ว่า “กลับไม่ได้ เราไม่มีแรงแล้ว กลับไปก็ตายอย่างเดียว นอนซะ เหนื่อยก็หลับไปเลยลัคกี้” คำว่าหลับนี้ผมไม่ได้หมายถึงหลับแล้วตื่นขึ้นมาแบบปกติ ผมต้องการจะบอกให้เขาหลับไป แล้วไม่ตื่นอีกเลย จะได้พ้นจากความเหนื่อยล้าที่ผมเห็นตรงหน้าในเวลานี้ ถึงแม้ในใจลึกๆแล้วยังอยากให้เขาได้กลับบ้านไปแบบปกติดังเดิม แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่ยากที่จะเป็นไปได้อีกแล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่22กันยายน
ผมได้พาลัคกี้ไปตรวจที่โรงพยาบาล จากอาการที่ลัคกี้หมดเรี่ยวแรง ลุกไม่ไหว และมีเห็บมาได้ประมาณเกือบ1อาทิตย์ ทะยอยกำจัดกันอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งลัคกี้ล้มป่วยลงในที่สุด 4ทุ่มคืนนั้น ผมอุ้มลัคกี้ไปโรงพยาบาล เจาะเลือดตรวจ ลัคกี้เม็ดเลือดขาวสูง เม็ดเลือดแดงต่ำ เกล็ดเลือดปกติดี ค่าไตค่าตับยังเกินมาตรฐาน ติดเชื้อในกระแสเลือด มีไข้ โดยตับไตนี่ค่าเกินมาหลายปีแล้วครับ ประมาณเกือบ2ปีได้ เคยพาลัคกี้ไปเจาะเลือดตรวจดู ก็พบว่าค่าตับไตขึ้นสูง แต่ค่าก็ลดลงเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะน้ำหนักลดลงด้วย จาก21 ลงมา18 และปัจจุบัน 14.85 ผอมลงจนน่าตกใจ
หมอฉีดยาให้3-4เข็ม ก็พากลับบ้าน ลัคกี้ดูมีเรี่ยวแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลุกเดินได้ หน้าตาดูสดชื่นขึ้นชัดเจน
พอดีขึ้นลัคกี้อยากเดินออกไปนอกบ้าน ผมใส่สายจูงให้แล้วปล่อยเขาเดินไปตามใจ
เพราะในใจผมคิดว่ามันอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้เดินในที่ที่ลัคกี้เคยเดินเล่น

บ้านของผมอยู่ในหมู่บ้าน ครอบครัวผมมีบ้านหลายหลังกระจายกันอยู่ ลัคกี้เดินมุ่งตรงไปที่บ้านหลังเก่าที่ลัคกี้เคยอยู่
จากนั้นผมก็พาลัคกี้เดินกลับมานอนที่บ้านที่อยู่ปัจจุบัน ทุกคนในบ้านสบายใจขึ้นที่เห็นลัคกี้อาการดีขึ้นแบบนี้
แต่ก็เผื่อใจไว้ว่าอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้ลัคกี้ดีขึ้น
บ่ายวันถัดมาวันที่23กันยายน ที่คิดไว้ก็เป็นเรื่องจริง ลัคกี้ดูอาการหนักขึ้น หมดเรี่ยวแรงหนักกว่าเดิม ไม่ทานอาหาร จึงรีบพาขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล

ถึงโรงพยาบาลผมตัดสินใจให้นอนค้างโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ สี่ทุ่มคืนวันที่23ผมแวะเข้าไปดู ก็ยังอาการแย่
ไม่คิดว่าลัคกี้จะรอดกลับบ้านได้ แต่ก็ต้องให้กำลังใจทั้งลัคกี้ ทั้งตัวเองไว้ก่อน
บ่ายวันที่24 กันยายน พ่อกับแม่ของผม แวะเข้าไปดูอาการ ลัคกี้ยังมีแรงลุกไหวดูดีขึ้น

แต่พอผมแวะเข้าไปดูตอนสี่ทุ่มครึ่ง อาการลัคกี้กลับแย่ลงจนน่าเป็นห่วง ดังที่ผมได้เล่าไปในย่อหน้าด้านบน
ผมเอาผ้าไปเช็ดตัวลัคกี้ให้แห้งสนิท อยู่จนเกือบเที่ยงคืนก็ออกมาให้หมาๆในโรงพยาบาลได้พักผ่อนกัน พร้อมกับความเป็นห่วงลัคกี้
หมาแก่ๆอายุเกือบ21ปี เพื่อนของผม หรือจะเรียกว่าลูกชายก็คงได้ ว่าไปดูตอนเช้านี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ตอนบ่ายที่ผ่านมาผมเปิดคอมพิวเตอร์PCเครื่องเก่าของผมขึ้น ขุดไฟล์รูปทั้งหลายขึ้นมาดู หารูปเพื่อนรักสี่ขาของผม ก็ได้รูปมามากมาย
อีกไม่นานทุกอย่างมันก็จะเป็นแค่ความทรงจำ ผมก็อยากจะถ่ายทอดมันออกมา ณ ความรู้สึกในตอนนี้ เมื่อสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งที่ผมรัก ที่ทุกคนเรียกว่าหมา เรียกว่าสุนัข ชื่อลัคกี้ นั้นดูท่าทีจะอยู่บนโลกนี้กับผมต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว สำหรับคนเลี้ยงหมา เลี้ยงสัตว์เลี้ยง เวลาแบบนี้คงเป็นเวลาที่ทรมานจิตใจที่สุด “เมื่อเพื่อนรักสี่ขาของฉันกำลังจะจากฉันไป” เสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาติดผนังแต่ละที ฟังแล้วมันช่างกดดันอะไรได้ขนาดนี้

หลังจากนี้ผมจะเล่าจากรูปที่ผมนั่งรื้อนั่งขุดไฟล์ขึ้นมานะครับ เพื่อบันทึกไว้ให้กับเพื่อนรักสี่ขาของผม ทั้งที่จากไปแล้ว กำลังจะจากไป และที่ยังมีชีวิตอยู่
เริ่มจากภาพเก่าสุดที่ยังคงมีอยู่ เป็นหมารุ่นแรกที่ผมได้เจอตอนเด็ก มี2ตัว ชื่อพายุ ตัวสีขาวดำ และปุย ตัวสีขาว ในรูปมีพายุแค่ตัวเดียวครับ พายุนี่ใครเห็นรูปก็จะนึกว่าเป็นลัคกี้เพราะดูคล้ายลัคกี้มากๆ จากไปนานแล้วครับนานมากน่าจะเกือบ30ปีมาแล้ว
ตอนรับลัคกี้มาเลี้ยงก็ไม่ได้เลือกสีเลือกอะไรมานะครับ บังเอิญจริงๆ ชอบพูดกันเล่นๆว่านี่พายุมันกลับชาติมาเกิดหรือเปล่า

รุ่นต่อมา รุ่น2 เป็นหมาไทยหลังอานสีสวาด1ตัว และพันธ์ุอะไรจำไม่ได้อีก1ตัวครับสีขาวดำ ตัวขาวดำนี่เป็นพยาธิหนอนหัวใจตาย ระวังกันไว้ด้วยครับยุง !! ส่วนตัวสีสวาดไปงับขาคนท้อง โดนเอาไปปล่อยซะงั้น อย่ามาว่าผมนะครับ ผมไม่รู้เรื่องตอนนั้นน่าจะสัก10ขวบ
รุ่นนี้ก็ไม่มีรูปถ่ายเหลืออยู่เลย เสียดายมาก
รุ่นที่3 คือรุ่นของลัคกี้ครับ ปี2541 หลังรับลัคกี้มาได้ประมาณ1สัปดาห์ ลัคกี้ก็มีเพื่อนมาอีกตัวครับเลยตั้งชื่อให้ว่า บัดดี้ อยู่กัน2ตัว
รูปตอนเล็กๆหายเกลี้ยงครับ เจอรูปอีกทีก็ปี2552เลย ทั้ง2ตัวอายุได้ประมาณ11ขวบ

ในปี2552นั่นเอง ก็มีสมาชิกรุ่น4เพิ่มมาอีกครับ ที่ผ่านมาเป็นหมาเพศผู้ทั้งหมด รุ่น4 มาตัวเดียวเป็นพุดเดิ้ลเพศเมีย ชื่อเชลซีครับ

นอกนั้นก็จะเป็นหมาที่รับมาพักชั่วคราว คือรับมาพักที่บ้าน รอเพื่อนมารับไปเลี้ยงอีกทีนึงครับ ตัวนี้บางแก้วเจ้าของตั้งชื่อว่าเทอร์โบ

ครบแล้วครับน้องหมาๆ เท่าที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ไว้จะมาเล่าต่อครับ
เมื่อเพื่อนรักสี่ขาของฉันกำลังจะจากฉันไป
ลัคกี้ เป็นน้องหมาพันธ์ุเยอรมันสปิตซ์
ได้มาฟรีๆโดยแม่ผมเข้าไปดูมาจากเว็บคนรักสุนัขต่างๆที่ประกาศหาคนรับเลี้ยง ตัวผมเองก็ไม่รู้เรื่องราวของหมาสายพันธ์ุนี้มากเท่าไหร่
ในตอนนั้นรู้แค่ว่ากำลังจะได้น้องหมาตัวใหม่มาเลี้ยง ถามเจ้าของว่าพันธ์ุอะไร เขาบอกสปิตซ์ เราก็จำตามว่าสปิตซ์ตั้งแต่นั้นมา
(ขออนุญาตเรียกว่าหมา เพราะเป็นคำที่เราใช้เรียกประจำครับ เรียกสุนัขมันดูห่างเหิน)
วันแรกที่ได้เจอลัคกี้ ลัคกี้นั่งมาในกล่องรองเท้า กินพื้นที่ประมาณครึ่งกล่องได้
เป็นหมาสามสี ขาว ดำ น้ำตาลแซมๆ อายุประมาณ3เดือน จากวันนั้นผมจำวันเวลาไม่ได้แน่นอนในวันที่ได้เจอกัน
แต่รู้ว่ากำลังเรียนอยู่ชั้น ม.4 เพราะผมใส่ชุดนักเรียนไปรับลัคกี้มา ก็ประมาณมีนาคมปี2541น่าจะได้ครับ
จวบจนวันนี้ 25กันยายน2560 ก็เป็นเวลากว่า20ปี 6เดือน ที่ใช้ชีวิตเป็นครอบครัวเดียวกันมา ผ่านทุกข์ ผ่านสุข
ผ่านอะไรมาร่วมกันมากมาย เป็นหมาที่อายุยืนยาวที่สุดที่เคยเลี้ยงมาครับ น่าเสียดายที่รูปตอนลัคกี้เด็กๆนั้นพังไปพร้อมกับคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าหมด เลยไม่มีรูปตอนเล็กๆเหลืออยู่ครับ และที่ยังไม่เรียกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่อายุยืนยาวที่สุด เพราะยังมีสัตว์เลี้ยงที่แก่กว่าอยู่1ตัวครับคือปลาแรดเผือก อายุ22ปี แก่กว่าลัคกี้1ปี เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กกว่าฝ่ามือ
ณ วันนี้ วันที่ผมนั่งพิมพ์อยู่ในNotes ของiphone5sเครื่องเก่าๆของผมตอนเที่ยงคืนขึ้นวันใหม่วันที่25 ลัคกี้นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งแถวบ้านผม พึ่งจะกลับจากแวะดูอาการลัคกี้ตอนประมาณสี่ทุ่มครึ่งที่ผ่านมา อาการไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ซึ่งทำให้ผมระลึกอยู่เสมอว่าเพื่อนรักของผมนั้นกำลังพร้อมจะจากไปได้ทุกเวลา แต่ละวันของลัคกี้ในตอนนี้สำหรับผมมันช่างเป็นวันที่อ่อนล้า และคิดถึงบ้าน คิดถึงคน คิดถึงสิ่งแวดล้อมที่เคยอยู่ คนที่บ้านที่เคยเจอ ตอนผมเดินออกมา หมาป่วยๆที่กำลังจะหมดเรี่ยวแรง ก็ยังพยายามดันตัวลุกตาม เหมือนจะบอกว่าให้พาลัคกี้กลับไปด้วย
ผมเดินกลับไปประคองหัวลัคกี้ไว้แล้วบอกลัคกี้ว่า “กลับไม่ได้ เราไม่มีแรงแล้ว กลับไปก็ตายอย่างเดียว นอนซะ เหนื่อยก็หลับไปเลยลัคกี้” คำว่าหลับนี้ผมไม่ได้หมายถึงหลับแล้วตื่นขึ้นมาแบบปกติ ผมต้องการจะบอกให้เขาหลับไป แล้วไม่ตื่นอีกเลย จะได้พ้นจากความเหนื่อยล้าที่ผมเห็นตรงหน้าในเวลานี้ ถึงแม้ในใจลึกๆแล้วยังอยากให้เขาได้กลับบ้านไปแบบปกติดังเดิม แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่ยากที่จะเป็นไปได้อีกแล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่22กันยายน
ผมได้พาลัคกี้ไปตรวจที่โรงพยาบาล จากอาการที่ลัคกี้หมดเรี่ยวแรง ลุกไม่ไหว และมีเห็บมาได้ประมาณเกือบ1อาทิตย์ ทะยอยกำจัดกันอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งลัคกี้ล้มป่วยลงในที่สุด 4ทุ่มคืนนั้น ผมอุ้มลัคกี้ไปโรงพยาบาล เจาะเลือดตรวจ ลัคกี้เม็ดเลือดขาวสูง เม็ดเลือดแดงต่ำ เกล็ดเลือดปกติดี ค่าไตค่าตับยังเกินมาตรฐาน ติดเชื้อในกระแสเลือด มีไข้ โดยตับไตนี่ค่าเกินมาหลายปีแล้วครับ ประมาณเกือบ2ปีได้ เคยพาลัคกี้ไปเจาะเลือดตรวจดู ก็พบว่าค่าตับไตขึ้นสูง แต่ค่าก็ลดลงเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะน้ำหนักลดลงด้วย จาก21 ลงมา18 และปัจจุบัน 14.85 ผอมลงจนน่าตกใจ
หมอฉีดยาให้3-4เข็ม ก็พากลับบ้าน ลัคกี้ดูมีเรี่ยวแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลุกเดินได้ หน้าตาดูสดชื่นขึ้นชัดเจน
พอดีขึ้นลัคกี้อยากเดินออกไปนอกบ้าน ผมใส่สายจูงให้แล้วปล่อยเขาเดินไปตามใจ
เพราะในใจผมคิดว่ามันอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้เดินในที่ที่ลัคกี้เคยเดินเล่น
บ้านของผมอยู่ในหมู่บ้าน ครอบครัวผมมีบ้านหลายหลังกระจายกันอยู่ ลัคกี้เดินมุ่งตรงไปที่บ้านหลังเก่าที่ลัคกี้เคยอยู่
จากนั้นผมก็พาลัคกี้เดินกลับมานอนที่บ้านที่อยู่ปัจจุบัน ทุกคนในบ้านสบายใจขึ้นที่เห็นลัคกี้อาการดีขึ้นแบบนี้
แต่ก็เผื่อใจไว้ว่าอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้ลัคกี้ดีขึ้น
บ่ายวันถัดมาวันที่23กันยายน ที่คิดไว้ก็เป็นเรื่องจริง ลัคกี้ดูอาการหนักขึ้น หมดเรี่ยวแรงหนักกว่าเดิม ไม่ทานอาหาร จึงรีบพาขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล
ถึงโรงพยาบาลผมตัดสินใจให้นอนค้างโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ สี่ทุ่มคืนวันที่23ผมแวะเข้าไปดู ก็ยังอาการแย่
ไม่คิดว่าลัคกี้จะรอดกลับบ้านได้ แต่ก็ต้องให้กำลังใจทั้งลัคกี้ ทั้งตัวเองไว้ก่อน
บ่ายวันที่24 กันยายน พ่อกับแม่ของผม แวะเข้าไปดูอาการ ลัคกี้ยังมีแรงลุกไหวดูดีขึ้น
แต่พอผมแวะเข้าไปดูตอนสี่ทุ่มครึ่ง อาการลัคกี้กลับแย่ลงจนน่าเป็นห่วง ดังที่ผมได้เล่าไปในย่อหน้าด้านบน
ผมเอาผ้าไปเช็ดตัวลัคกี้ให้แห้งสนิท อยู่จนเกือบเที่ยงคืนก็ออกมาให้หมาๆในโรงพยาบาลได้พักผ่อนกัน พร้อมกับความเป็นห่วงลัคกี้
หมาแก่ๆอายุเกือบ21ปี เพื่อนของผม หรือจะเรียกว่าลูกชายก็คงได้ ว่าไปดูตอนเช้านี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ตอนบ่ายที่ผ่านมาผมเปิดคอมพิวเตอร์PCเครื่องเก่าของผมขึ้น ขุดไฟล์รูปทั้งหลายขึ้นมาดู หารูปเพื่อนรักสี่ขาของผม ก็ได้รูปมามากมาย
อีกไม่นานทุกอย่างมันก็จะเป็นแค่ความทรงจำ ผมก็อยากจะถ่ายทอดมันออกมา ณ ความรู้สึกในตอนนี้ เมื่อสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งที่ผมรัก ที่ทุกคนเรียกว่าหมา เรียกว่าสุนัข ชื่อลัคกี้ นั้นดูท่าทีจะอยู่บนโลกนี้กับผมต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว สำหรับคนเลี้ยงหมา เลี้ยงสัตว์เลี้ยง เวลาแบบนี้คงเป็นเวลาที่ทรมานจิตใจที่สุด “เมื่อเพื่อนรักสี่ขาของฉันกำลังจะจากฉันไป” เสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาติดผนังแต่ละที ฟังแล้วมันช่างกดดันอะไรได้ขนาดนี้
หลังจากนี้ผมจะเล่าจากรูปที่ผมนั่งรื้อนั่งขุดไฟล์ขึ้นมานะครับ เพื่อบันทึกไว้ให้กับเพื่อนรักสี่ขาของผม ทั้งที่จากไปแล้ว กำลังจะจากไป และที่ยังมีชีวิตอยู่
เริ่มจากภาพเก่าสุดที่ยังคงมีอยู่ เป็นหมารุ่นแรกที่ผมได้เจอตอนเด็ก มี2ตัว ชื่อพายุ ตัวสีขาวดำ และปุย ตัวสีขาว ในรูปมีพายุแค่ตัวเดียวครับ พายุนี่ใครเห็นรูปก็จะนึกว่าเป็นลัคกี้เพราะดูคล้ายลัคกี้มากๆ จากไปนานแล้วครับนานมากน่าจะเกือบ30ปีมาแล้ว
ตอนรับลัคกี้มาเลี้ยงก็ไม่ได้เลือกสีเลือกอะไรมานะครับ บังเอิญจริงๆ ชอบพูดกันเล่นๆว่านี่พายุมันกลับชาติมาเกิดหรือเปล่า
รุ่นต่อมา รุ่น2 เป็นหมาไทยหลังอานสีสวาด1ตัว และพันธ์ุอะไรจำไม่ได้อีก1ตัวครับสีขาวดำ ตัวขาวดำนี่เป็นพยาธิหนอนหัวใจตาย ระวังกันไว้ด้วยครับยุง !! ส่วนตัวสีสวาดไปงับขาคนท้อง โดนเอาไปปล่อยซะงั้น อย่ามาว่าผมนะครับ ผมไม่รู้เรื่องตอนนั้นน่าจะสัก10ขวบ
รุ่นนี้ก็ไม่มีรูปถ่ายเหลืออยู่เลย เสียดายมาก
รุ่นที่3 คือรุ่นของลัคกี้ครับ ปี2541 หลังรับลัคกี้มาได้ประมาณ1สัปดาห์ ลัคกี้ก็มีเพื่อนมาอีกตัวครับเลยตั้งชื่อให้ว่า บัดดี้ อยู่กัน2ตัว
รูปตอนเล็กๆหายเกลี้ยงครับ เจอรูปอีกทีก็ปี2552เลย ทั้ง2ตัวอายุได้ประมาณ11ขวบ
ในปี2552นั่นเอง ก็มีสมาชิกรุ่น4เพิ่มมาอีกครับ ที่ผ่านมาเป็นหมาเพศผู้ทั้งหมด รุ่น4 มาตัวเดียวเป็นพุดเดิ้ลเพศเมีย ชื่อเชลซีครับ
นอกนั้นก็จะเป็นหมาที่รับมาพักชั่วคราว คือรับมาพักที่บ้าน รอเพื่อนมารับไปเลี้ยงอีกทีนึงครับ ตัวนี้บางแก้วเจ้าของตั้งชื่อว่าเทอร์โบ
ครบแล้วครับน้องหมาๆ เท่าที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ไว้จะมาเล่าต่อครับ