"ทุกวิถี เฝ้ารักษา ถังคร่ำคร่า ซีกไผ่ผ่า พันผูกถัง ผุผุยผง พลันทะลุ ก้นถัง น้ำไหลลง ถังน้ำเปล่า เงาจันทร์หาย มลายครืน"
วนิดา ... ชื่อก็ไม่สะดุดหู รูปลักษณ์ก็ไม่สะดุดตา นิสัยอันดีงามนั้น ก็ดีงามจนกระทั่งกลายเป็นถูกเอาเปรียบ นิสัยที่ชอบช่วยเหลือ รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นใครเขาเดือดร้อน ความคิดที่อยากปัดเป่าให้ความทุกข์นั้นมลายหายไป ทำให้เธอรับงานทุกงาน รับคำฝากฝังทุกประการ แม้มันจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของเธอก็แล้วแต่ นอกจากมันจะทำให้เธอสบายใจขึ้นตามนิสัย สิ่งเหล่านี้ยังเป็นสัญญาณว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในสังคมแห่งนี้ ถึงจะจืดจางไปบ้างหากก็ไม่ "ไร้ตัวตน" เสียทีเดียว ว่าไปแล้วเธอไม่ได้อยากเด่นดัง เพียงแต่ในสังคมที่กว้างใหญ่นี้ นิดแค่อยากเป็นมิตรกับทุกคน เธอมีหัวใจที่บริสุทธิ์เปิดกว้างโอ่โถง ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากมิตรภาพอันดี แต่เมื่อมันมาในรูปนี้ ... คนนิสัยแบบเธอก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่าแอบน้อยใจไปเงียบ ๆ เธอไม่ชอบความไม่สบายใจของคนอื่น ยอมไม่สบายใจเองเสียยังจะดีกว่า
แต่แล้ววันหนึ่ง ... ก็มีใครบางคนเดินเข้ามา ราวกับภาพฝันในนิยาย ธนวัฒน์ ... ทนายหนุ่มได้เข้ามาให้ความสนใจและปฏิบัติกับนิดอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นิดดีใจมากทีเดียวที่ตอนนี้ก็มีคนหนึ่งคนไม่คิดว่าเธอเป็นเพียงแค่กระดาษโพสต์อิท แม้ส่วนหนึ่งในใจของนิดจะคิดว่ามัน too good to be true ก็ตาม อะไรแปลก ๆ หลายอย่างสะกิดเข้ามาในใจ การเดินทางสองต่อสองบนเรืองสำราญใหญ่ยักษ์ที่เธอเป็คนออกค่าใช้จ่าย กระเป๋าเดินทางที่เธอต้องช่วยแฟนหนุ่มหาบยก แต่เขา .... เขาดีกับเธอออกขนาดนั้น เป็นคนแรกเลยนะที่มองเห็นคนจืดจางอย่างนี้น่ะ เขารู้สึกพิเศษกับเธอสิ ไม่ผิดแน่นอน
ใช่ ... พิเศษตรงไม่มีพิษมีภัย ไม่ระวังตัว
มีอะไรก็ทำให้ อยากได้อะไรก็ประเคนไง
เธอที่เพิ่งเจอกับ "อุบัติเหตุ" ในชีวิตมาหยก ๆ ก็ขวัญเสียพอแล้ว ที่พบว่าตัวเองไปมีสัมพันธ์กับใครก็ไม่รู้ ใครที่ไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จัก ท่ามกลางความคิดผิดบาปของตัวเอง เธอกลับเจอเรื่องที่เหนือชั้นยิ่งกว่า ถ้าเขา ... ถ้าธนวัฒน์หึงหวงหรือโกรธก็ยังเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่นี่เธอกลับไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่าคนที่เข้ามาขัดความสุขเขากับคนอื่น สิ่งที่เคยคิดว่าจริง มิตรภาพอันดีงาม และ ความรัก ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับเงาจันทร์ในน้ำ ยามจ้วงมือไล่คว้าเงาจันทร์กระจ่างก็สลายไปกับตากระนั้น
หากความเสียใจนั้นก็กระเทือนหัวใจของนิดอยู่ไม่นานนัก เป็นไปได้ว่าเธอพบร่องรอยนั้นอยู่นานแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้ก็เป็นเพียงสิ่งตอกย้ำในสิ่งที่คาดคิดนั่นเอง ความเจ็บปวดแปลบคงมีอยู่บ้าง หากเธอก็เป็นแบบนี้ ไม่ชอบความไม่สบายใจของใคร และ ไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางอยู่แล้วโดยนิสัย เรื่องราวจึงหวนกลับมาที่ความเดือดร้อนของ "ภาวุฒิ" ผู้ชายที่ฉุดกระชากเธอออกมาจากเหตุการณ์หยามเกียรติลูกผู้หญิงอย่างพอเหมาะพอเจาะ เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร อาจจะเป็นความสมเพชเวทนาเธอละมั้ง เมื่อเขาบอกว่าต่อไปนี้ถ้าใครจะสลัดเธอทิ้งต้องติดเอาเนื้อตัวเองไปด้วย แต่จะเป็นเพราะอะไรก็แล้วแต่ หากมันเป็นสิ่งที่เธอพอจะทำให้เขาสบายใจได้ ก็เป็นเรื่องที่ควรนี่ เขาออกจะช่วยเหลือเธอมากมายขนาดนั้น ทั้งเรื่องของคุณวัฒน์ และ เรื่องของญาติเธอที่เข้ามากวนเขา
จะถูกจับแต่งตัวเป็นตุ๊กตาก็ไม่ถึงกับยากลำบากอะไร
ค่ำคืนที่ผันผ่านนั้นราวกับเทพนิยาย .... เขาพาเธอคว้าชัยชนะ ตอกหน้าแฟนเก่า ดอกไม้ งานเต้นรำบนเรือสำราญยามค่ำ too good too be true again ผิดแต่คราวนี้เธอรู้ .... ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะยึดติดได้ มันก็คือเงาจันทร์ในน้ำ สวยงาม แต่ล้วนเป็นมายา ตื่นขึ้นมาเธอก็จะเป็นวนิดาคนจืดจางคนเดิม หากจะมีสิ่งใดที่เป็นจริงอยู่บ้างก็คือคราวนี้เธอพบคนที่ปรารถนาดีกับเธอจริง ๆ ถึงมันจะเป็น "อุบัติเหตุ" แต่ก็ได้มิตรภาพกลับคืนมา มิตรภาพที่อาจลบเลือนไปตามกาลเวลา เพราะเส้นทางของเขาและเธอไม่มีวันที่จะบรรจบกันได้
แต่แล้วสิ่งที่ too good too be true ก็ตามมาหลอกหลอนวนิดาอีกครา เธอ "ท้อง" จาก "อุบัติเหตุ" ครั้งนั้น แต่คราวนี้มันพัดพาให้ "โชคชะตา" ของเธอเปลี่ยนไป เพื่อทายาทของตระกูลธุรกิจอันยิ่งใหญ่ เพื่อความอยู่รอดของครอบครัวและคนในเกาะ งานสมรสถูกจัดเตรียมขึ้นในเวลาไม่นาน แม้มันจะไม่ได้มาจาก "ความรัก" ทั้งเขาและเธอต่าง "ทำความเข้าใจ" ในเรื่องนี้จนแจ่มแจ้ง คุณภาวุฒิมีแขไขคุณ ไม่มีใครที่จะแทนที่ได้ ไม่ว่าจะอย่างไร วนิดาท่องคำนี้ไว้ในใจ และ ตระหนักถึงข้อเท็จจริงนี้อย่างลึกซึ้งตลอดมา
แม้คุณภาวุฒิจะดีกับเธออย่างไร แม้เธอจะสัมผัสได้ถึงความอาทรของเขาในหลายครั้ง หัวใจที่พองฟูเมื่อรู้สึกว่าใครสักคนใส่ใจเราก็ฟุบแฟบลงเมื่อคิดถึงความเป็นจริง ความขื่นขมที่ติดตรงปลายลิ้น ว่าเขาเป็นของคนอื่น และ เราไม่ใช่แม้แต่ตัวสำรอง ไม่มีศักดิ์มีสิทธิอะไรทั้งสิ้น เวลาของเธอคงสิ้นสุดลงเมื่อคลอดลูก แต่เอาเถอะ ... ถึงมันจะเจ็บปวดก็ตาม ความจริงมันก็คือความจริง ความจริงที่เราไม่ใช่ ความจริงที่เราไม่ได้มีสถานะอันใดเลย
หากเพียงแต่เธอจะรู้ว่า ... เงาจันทร์ในน้ำใกล้บรรจบกับความจริงขึ้นทุกขณะจิตแล้ว
ใต้แสงจันทร์งามมีรักบาง ๆ เจือจางซ่อนอยู่
เธอคือพรหมลิขิต (กึ่งวิเคราะห์) : วนิดา ... เงาจันทร์กับความจริง
วนิดา ... ชื่อก็ไม่สะดุดหู รูปลักษณ์ก็ไม่สะดุดตา นิสัยอันดีงามนั้น ก็ดีงามจนกระทั่งกลายเป็นถูกเอาเปรียบ นิสัยที่ชอบช่วยเหลือ รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นใครเขาเดือดร้อน ความคิดที่อยากปัดเป่าให้ความทุกข์นั้นมลายหายไป ทำให้เธอรับงานทุกงาน รับคำฝากฝังทุกประการ แม้มันจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของเธอก็แล้วแต่ นอกจากมันจะทำให้เธอสบายใจขึ้นตามนิสัย สิ่งเหล่านี้ยังเป็นสัญญาณว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในสังคมแห่งนี้ ถึงจะจืดจางไปบ้างหากก็ไม่ "ไร้ตัวตน" เสียทีเดียว ว่าไปแล้วเธอไม่ได้อยากเด่นดัง เพียงแต่ในสังคมที่กว้างใหญ่นี้ นิดแค่อยากเป็นมิตรกับทุกคน เธอมีหัวใจที่บริสุทธิ์เปิดกว้างโอ่โถง ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากมิตรภาพอันดี แต่เมื่อมันมาในรูปนี้ ... คนนิสัยแบบเธอก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่าแอบน้อยใจไปเงียบ ๆ เธอไม่ชอบความไม่สบายใจของคนอื่น ยอมไม่สบายใจเองเสียยังจะดีกว่า
แต่แล้ววันหนึ่ง ... ก็มีใครบางคนเดินเข้ามา ราวกับภาพฝันในนิยาย ธนวัฒน์ ... ทนายหนุ่มได้เข้ามาให้ความสนใจและปฏิบัติกับนิดอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นิดดีใจมากทีเดียวที่ตอนนี้ก็มีคนหนึ่งคนไม่คิดว่าเธอเป็นเพียงแค่กระดาษโพสต์อิท แม้ส่วนหนึ่งในใจของนิดจะคิดว่ามัน too good to be true ก็ตาม อะไรแปลก ๆ หลายอย่างสะกิดเข้ามาในใจ การเดินทางสองต่อสองบนเรืองสำราญใหญ่ยักษ์ที่เธอเป็คนออกค่าใช้จ่าย กระเป๋าเดินทางที่เธอต้องช่วยแฟนหนุ่มหาบยก แต่เขา .... เขาดีกับเธอออกขนาดนั้น เป็นคนแรกเลยนะที่มองเห็นคนจืดจางอย่างนี้น่ะ เขารู้สึกพิเศษกับเธอสิ ไม่ผิดแน่นอน
มีอะไรก็ทำให้ อยากได้อะไรก็ประเคนไง
เธอที่เพิ่งเจอกับ "อุบัติเหตุ" ในชีวิตมาหยก ๆ ก็ขวัญเสียพอแล้ว ที่พบว่าตัวเองไปมีสัมพันธ์กับใครก็ไม่รู้ ใครที่ไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จัก ท่ามกลางความคิดผิดบาปของตัวเอง เธอกลับเจอเรื่องที่เหนือชั้นยิ่งกว่า ถ้าเขา ... ถ้าธนวัฒน์หึงหวงหรือโกรธก็ยังเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่นี่เธอกลับไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่าคนที่เข้ามาขัดความสุขเขากับคนอื่น สิ่งที่เคยคิดว่าจริง มิตรภาพอันดีงาม และ ความรัก ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับเงาจันทร์ในน้ำ ยามจ้วงมือไล่คว้าเงาจันทร์กระจ่างก็สลายไปกับตากระนั้น
หากความเสียใจนั้นก็กระเทือนหัวใจของนิดอยู่ไม่นานนัก เป็นไปได้ว่าเธอพบร่องรอยนั้นอยู่นานแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้ก็เป็นเพียงสิ่งตอกย้ำในสิ่งที่คาดคิดนั่นเอง ความเจ็บปวดแปลบคงมีอยู่บ้าง หากเธอก็เป็นแบบนี้ ไม่ชอบความไม่สบายใจของใคร และ ไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางอยู่แล้วโดยนิสัย เรื่องราวจึงหวนกลับมาที่ความเดือดร้อนของ "ภาวุฒิ" ผู้ชายที่ฉุดกระชากเธอออกมาจากเหตุการณ์หยามเกียรติลูกผู้หญิงอย่างพอเหมาะพอเจาะ เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร อาจจะเป็นความสมเพชเวทนาเธอละมั้ง เมื่อเขาบอกว่าต่อไปนี้ถ้าใครจะสลัดเธอทิ้งต้องติดเอาเนื้อตัวเองไปด้วย แต่จะเป็นเพราะอะไรก็แล้วแต่ หากมันเป็นสิ่งที่เธอพอจะทำให้เขาสบายใจได้ ก็เป็นเรื่องที่ควรนี่ เขาออกจะช่วยเหลือเธอมากมายขนาดนั้น ทั้งเรื่องของคุณวัฒน์ และ เรื่องของญาติเธอที่เข้ามากวนเขา
ค่ำคืนที่ผันผ่านนั้นราวกับเทพนิยาย .... เขาพาเธอคว้าชัยชนะ ตอกหน้าแฟนเก่า ดอกไม้ งานเต้นรำบนเรือสำราญยามค่ำ too good too be true again ผิดแต่คราวนี้เธอรู้ .... ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะยึดติดได้ มันก็คือเงาจันทร์ในน้ำ สวยงาม แต่ล้วนเป็นมายา ตื่นขึ้นมาเธอก็จะเป็นวนิดาคนจืดจางคนเดิม หากจะมีสิ่งใดที่เป็นจริงอยู่บ้างก็คือคราวนี้เธอพบคนที่ปรารถนาดีกับเธอจริง ๆ ถึงมันจะเป็น "อุบัติเหตุ" แต่ก็ได้มิตรภาพกลับคืนมา มิตรภาพที่อาจลบเลือนไปตามกาลเวลา เพราะเส้นทางของเขาและเธอไม่มีวันที่จะบรรจบกันได้
แต่แล้วสิ่งที่ too good too be true ก็ตามมาหลอกหลอนวนิดาอีกครา เธอ "ท้อง" จาก "อุบัติเหตุ" ครั้งนั้น แต่คราวนี้มันพัดพาให้ "โชคชะตา" ของเธอเปลี่ยนไป เพื่อทายาทของตระกูลธุรกิจอันยิ่งใหญ่ เพื่อความอยู่รอดของครอบครัวและคนในเกาะ งานสมรสถูกจัดเตรียมขึ้นในเวลาไม่นาน แม้มันจะไม่ได้มาจาก "ความรัก" ทั้งเขาและเธอต่าง "ทำความเข้าใจ" ในเรื่องนี้จนแจ่มแจ้ง คุณภาวุฒิมีแขไขคุณ ไม่มีใครที่จะแทนที่ได้ ไม่ว่าจะอย่างไร วนิดาท่องคำนี้ไว้ในใจ และ ตระหนักถึงข้อเท็จจริงนี้อย่างลึกซึ้งตลอดมา
แม้คุณภาวุฒิจะดีกับเธออย่างไร แม้เธอจะสัมผัสได้ถึงความอาทรของเขาในหลายครั้ง หัวใจที่พองฟูเมื่อรู้สึกว่าใครสักคนใส่ใจเราก็ฟุบแฟบลงเมื่อคิดถึงความเป็นจริง ความขื่นขมที่ติดตรงปลายลิ้น ว่าเขาเป็นของคนอื่น และ เราไม่ใช่แม้แต่ตัวสำรอง ไม่มีศักดิ์มีสิทธิอะไรทั้งสิ้น เวลาของเธอคงสิ้นสุดลงเมื่อคลอดลูก แต่เอาเถอะ ... ถึงมันจะเจ็บปวดก็ตาม ความจริงมันก็คือความจริง ความจริงที่เราไม่ใช่ ความจริงที่เราไม่ได้มีสถานะอันใดเลย