ใครเคยทำงานดี มีเกียรติ องค์กรระดับ Top แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตการทำงานที่รุ่งโรจน์ก็หักโค่นลง ทุกอย่างในชีวิตพินาศไปหมด

ใครเคยเจอแบบนี้บ้าง

ทำงานในองค์กรอันดับต้นๆ ของประเทศ มีเกียรติยศ พ่อแม่ภาคภูมิใจ คุยฟุ้งไม่หยุด ปลื้มปีติ
ลูกชั้นได้ทำงานที่นี่ เป็นเกียรติเป็นสิริมงคลต่อตระกูลมาก
คนรอบข้างต่างพากันอิจฉาริษยา ไม่เชื่อในวาสนาว่าจะมีบุญถึง ได้ทำงานที่นี่
คู่แข่งสองสามแสน ก็ผ่านไปได้สบายๆ เหมือนที่นี่รอการมาบรรจุของเราโดยแท้
คล้ายเป็นที่ที่เคยอยู่ในชาติที่แล้ว เข้าไปได้แบบอย่างงง
มีแต่คนจบมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ จบเมืองนอกงี้
ใครๆ ก็บอกว่าที่นี่ดีมากกกกก
เงินสตาร์ทก็มากกว่าคนทั่วไป รายได้ต่อเดือนดีมาก
มีเงินใช้เหมือนไม่มีวันหมด งานสบายๆ มั่นคง
สวัสดิการเพียบ

แต่แล้วก็มีบางอย่างที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ชีวิตการทำงานที่กำลังไปได้ดีก็ได้หักโค่นลง
ประหนึ่งต้นไม้ใหญ่ ถูกตัดฉับ ล้มครืนเหลือแต่ตอ
ไม่เหลือซากความเจริญรุ่งเรืองอีก

ถ้าเป็นชีวิตการทำงาน การหักโค่น ก็คือ ถูกไล่ออก!!!

ที่ที่สูงคือที่ที่หนาว ที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย ความมืดมน ความชั่วร้าย
การแก่งแย่ง การทำร้ายผู้ที่อ่อนกำลังกว่า การแย่ง การกำจัดให้พ้นเส้นทาง
ผู้ที่ไม่มีพรรคพวก ไม่มีเส้นคุ้มกะลาหัว คือเหยื่อ
ไม้ซีกไม่มีทางชนะไม้ซุง
ความยุติธรรมไม่เคยมีให้กับผู้ไร้อำนาจ มันคือความจริงของโลก

ชีวิตที่เปลี่ยนไป คือ คุณค่าในตัวตกต่ำลง คนที่เคยห้อมล้อมต่างห่างหาย
คนที่เคยเพียรจีบสุดฤทธิ์สุดเดชทำเหมือนไม่เคยรู้จักกัน
รู้สึกตัวเองขี้เหร่ลง อัปลักษณ์ลง และแก่ลงมาก
ถูกเมิน ถูกมองข้าม ถูกเททิ้ง พบแต่ความผิดหวังตลอดเวลานับจากวันนั้น
ชีวิตในวันนี้ประหนึ่งกำลังชดใช้หนี้กรรมเก่า อยู่อย่างโดดเดี่ยว
เหงา และมีอาการของโรคซึมเศร้าในบางครั้ง บางเวลา
ทุกอย่างดูพินาศพังภินท์ ไม่เหลือซากความรุ่งเรืองของชีวิตในวันเก่า

กระทู้นี้เราตั้งเพื่อให้คนที่เคยทำงานดีๆ แล้ววันหนึ่งก็ถูกไล่ออก
มาปรับทุกข์กัน

ใครไม่อยากเปิดเผยเรื่องรันทดออกสื่อ เชิญหลังไมค์ได้ค่ะ
เราอยากได้เพื่อนหัวอกเดียวกัน เพราะตอนนี้เรารู้สึกว่า
คนทั่วไปที่ไม่เคยเผชิญสภาพนี้จะไม่สามารถเข้าถึงได้
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 20
ตอนแรกว่าจะไม่เล่าหน้าไมค์ แต่อ่านความเห็นที่ 19
เราก็เปลี่ยนใจ

-------------------------------------------------------------

เรื่องมันสะเทือนใจเรา ต่อให้เรามีชีวิตใหม่ ก็ยังไม่ลืมอดีตพวกนี้เสียที เป็นเรื่องที่แค้นใจมาก

เราเคยเป็นข้าราชการ ของกรมแห่งหนึ่ง กรมแห่งนี้ คนอยากเข้าเยอะมากๆๆๆ...
บอกใครว่าทำงานที่นี่ ก็จะถามกันแต่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เพราะกรมนี้ขึ้นชื่อว่า
รายได้ดีมาก ดียิ่งกว่าบริษัทเอกชน
มีเงินพิเศษมากมาย สมัยที่เราสอบเข้า คนสมัครสองแสนกว่าคน ข้าราชการในนั้น จบจุฬาฯ ธรรมศาสตร์
และจบจากต่างประเทศหลายคน
ส่วนเราจบมหาลัยเปิดค่ะ เข้าไปที่นั่น ไม่มีเส้นสาย ไม่มีคอนเนคชั่น ไม่รู้จักใครเลย เข้าไปได้นี่ก็งงตัวเองสุด ๆ
(แต่ตอนนี้ไม่งงแล้วค่ะ สงสัยจะกรรมเก่า เจ้ากรรมนายเวรรอทวงบัญชีแค้นคืน)
เราไปอยู่ท่ามกลางดงคนจบมหาลัย Top 5 และเด็กจบนอก ลูกหลานนักการเมือง รัฐมนตรี อธิบดี ผู้ตรวจการแผ่นดิน เรียกว่ากรมนี้
ลูกหลานคนใหญ่คนโตในบ้านเมือง อยู่ในนั้นเพียบ ส่วนเราลูกตาสีตาสา แต่ก็ไม่ถึงกับกัดก้อนเกลือนะคะ
เพระาตอนบรรจุใหม่ ๆ ได้ ที่บ้านซื้อรถใหม่ให้ใช้ขับไปทำงานค่ะ

เข้าไปนี่ ตอบอบรม หรือจะงานอะไรก็ตาม ลูกหลานคนใหญ่คนโต (ที่เข้าไปพร้อมกะเรา รุ่นเดียวกัน)
ก็จะได้รับการพินอบพิเทาเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่ หัวหน้างาน ผอ. เกรงใจยังกับพวกนี้เป็นเทวดาทีเดียว

คนเป็นข้าราชการ ที่เขาว่ากันว่า ถ้าไม่มีเส้น ก็เจริญยาก เป็นความจริงค่ะ
ถ้าไม่มีเส้น ไม่มีแบ็คอัป พอเกษียณ อย่างเก่งก็จบที่ ระดับชำนาญการ
แต่เราไม่มักใหญ่ใฝ่สูงอยู่แล้ว เราไม่ได้ฝันเฟื่องแบบลูกหลานคนใหญ่คนโตหลายคนในนั้น
ที่หวังจะเป็น ผอ. นายด่าน ผอ.สำนัก รองอธิบดี อธิบดี รัฐมนตรี
เราขอแค่อยู่อย่างสงบ ได้ทำงานที่ไม่น่าเบื่อก็พอ

เรายอมเป็นรอง กินน้ำใต้ศอก เป็นไก่รองบ่อน พวกเด็กเส้นได้ทุกเรื่องค่ะ
จะให้ทำงานแทนพวกมัน พวกมันลอยตัวเฉิดฉาย วัน ๆ วิ่งเลียแต่รัฐมนตรี เราก็ยอม
เรายอมทุกอย่าง เพราะเราไม่หวังจะเป็นใหญ่อยู่แล้ว เราขอแค่ทำงาน
ที่ไม่น่าเบื่อ ได้เจองานที่ท้าทาย บรรจุอยู่ที่ด่านสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็พอ
งานของเราคือตรวจสินค้าส่งออกทุกประเภท เราทำอยู่ที่นั่นรวมเวลา 1 ปี 7 เดือน

แต่แล้ว... ก็มีผู้หญิงเส้นใหญ่คนนึงมาเตะเราตกเก้าอี่ แล้วมานั่งเสียบแทนค่ะ
นางเส้นใหญ่คนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่มันเป็นคนที่เรารู้จักดี ดีมาก ๆ ทีเดียว
เพราะตอนอบรมข้าราชการบรรจุใหม่ เรากับมันนั่งอบรมข้าง ๆ กันค่ะ
ผู้หญิงคนนี้ บ้านมันกับบ้านหัวหน้างานเรา อยู่ติดกัน และมันก็มีลักษณะของคนที่มีท่าทางเหมือน
พวกนางบำเรอ เมียน้อย ฉอเลาะ ออเซาะ ชอบมาอ้อนหัวหน้างานเราบ่อย ๆ เสียงออดอ้อน
พี่คะ พี่ขา... นั่งไขว่ห้างกระโปรงฟิตเปรี๊ยะถลกขึ้น

หัวหน้างานเราก็ 50 กว่า ๆ ก็พวกหน้าหม้อ เจ้าชู้ล่ะค่ะ ไม่รู้เราคิดมากไปรึเปล่านะคะ
เหมือนแกจะเคลมเราอยู่เหมือนกัน ช่วงเวลานั้น ก่อนเราจะถูกเด้ง ถูกนางคนนี้เตะ
เรามีผู้ชายมาจีบหลายคนอยู่ค่ะ ทั้งพวกเจ้าหน้าที่ด้วยกัน และก็ผู้มาติดต่อ รวมประมาณ 7 คนได้
เวลาพวกนี้มาคุยกับเราที่โต๊ะ หัวหน้างานก็ดูเหมือนไม่พอใจ เวลาเราย้ายไปนั่งโต๊ะตัวไหน
แกก็จะขนของมานั่งใกล้ ๆ เรา แล้วก็ลอบมอง ลอบฟัง ลอบแอบดู จนพวกที่มาจีบบางคน
รับรู้ถึงกระแสจิตนี้ ก็ไม่กล้าพุดไรมาก แล้วก็ลุกไป แกชอบแอบมองเราบ่อย ๆ ค่ะ ชอบมานั่งโต๊ะข้างหลัง

หัวหน้างานคนนี้ เป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง
ในด่านนั้น เรียกด้วยศัพท์เข้าใจง่าย ๆ ว่าเป็นเจ้าพ่อ รู้ทุกสิ่งอย่าง
คัดเจ้าหน้าที่เข้ามาในกะ ใครจะมาใครจะไปรู้ไปหมด ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ในผลัดที่เราอยู่ แกจะไม่เคยคัดเอาคนสวย ๆ มาไว้เลย
อันนี้รุ่นพี่ที่อยู่ผลัดนี้มานานเล่า
เพราะเราเป็นคนแรกที่แกบอกว่าสวย ตั้งแต่มีมา
เราก็แบบ ชั้นนี่สวยสุดตั้งแต่มีผลัดนี้แล้วเหรอ พิลึก จะดีใจหรือเสียใจดี
สรุปสั้น ๆ นะคะ เราไม่ได้ออดอ้อน หัวหน้างาน
ยิ้งแกมองเราแบบนี้ เรายิ่งไม่อยากเข้าใกล้ บางทีแกแอบมองหน้าอกเราด้วยค่ะ
เคยเห็นชัด ๆ ทีนึง คือเราไม่ค่อยชอบคนลักษณะนี้
จะให้ไปเลียๆๆ...ไปประจบ ไม่ไหวค่ะ รังเกียจตัวเอง

คงเพราะความไม่ออดอ้อน ฉอเลาะ พินอบพิเทา พี่คะ พี่ขา
พอวันนึงมีการย้ายครั้งใหญ่ เราจึงมีชื่อโดนย้ายไปด้วย ในขณะที่เด้กเส้นใหญ่บางคน
ก็ยังรักษาเก้าอี้ตัวเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แต่ที่นั่งของเรานั้นถูกแย่งไปแล้วเรียบร้อย

ส่วนผู้หญิงทีออดอ้อน ฉอเลาะ ประหนึ่งนางบำเรอ คนนั้น นาง
ก็ได้มานั่งในที่ของเราแทน

เรายอมได้ทุกเรื่องนะคะ ในการทำงานที่กรมนี้ ให้ทำอะไรทำหมด
แต่เรื่องเดียวที่เรายอมไม่ได้ คือ การถูกย้าย และการถูกเตะ!!! เป็นการถูกเตะ ถูกแย่งที่
จากคนที่สอบได้ลำดับหลังเราไปเยอะอีกต่างหาก และดันเป็นคนในรุ่นเดียวกันอีก เจ็บใจ แทบกระอัก
รู้สึกถูกหยามศักดิ์ศรีมาก เหมือนโดนเอาเท้าเหยียบหน้า สุดจะบรรยาย
คือเครียดมากจนเป็นโรค TB

ส่วนราชการที่ถูกย้ายไป ก็งานคนละเรื่องกับลักษณะงานที่ระบุไว้ตอนสมัครสอบ
งานที่เป็นตำแหน่งที่สอบเข้ามา จะเป็นแนวการตรวจจับ โดยการบังคับใช้กฎหมาย
ซึ่งก่อนจะถูกย้ายเราทำงานแนวนี่
แต่งานที่ถูกย้ายไปที่ใหม่ มันงานเอกสาร งานออฟฟิศ น่าเบื่อ เหมือนงานธุรการแท้ ๆ วัน ๆ Copy กับ Paste
ลอก ๆๆ... เอาฟอร์มเดิมมา แต่เปลี่ยนคำ เปลี่ยนวันที่ จัดรูปแบบหน้ากระดาษ วัน ๆ มีแค่นี้
ไม่มีความท้าทายอะไรทั้งสิ้น เต็มไปด้วยความน่าเบื่อ เรารู้สึกว่า มันไม่ใช่ละ ฉันไม่ได้สมัครสอบเข้ามา
เพื่อทำงานนี้นะ มันคนละเรื่องเลยนะ งานบ้าอะไรเนี่ย ถ้ารู้จะต้องมาทำงานเอกสารน่าเบื่อแบบนี้
จะไม่สอบเข้ามาหรอก งานที่ระบุไว้ตอนสมัครสอบ มันงาน ตรวจจับ งานท้าทาย
งานดูโลกภายนอก ไม่ใช่มานั่งอับเฉา่อยู่ในออฟฟิศแบบนี้

เมื่อเราไม่มีเส้น ไม่มีแบ็คอัป จะช่วยวิ่งเต้น วิ่งย้ายกลับที่เดิมได้แบบข้าราชการคนอื่น ๆ
ก็ต้องเรียกร้องหาความเป็นธรรมด้วยวิธีสุจริต
(ซึ่งไม่มีวันชนะ คนใช้วิธีทุจริต วิ่งเต้นใช้เส้นไปได้เลย)

เราจึงทำเรื่องร้องทุกข์ ทำหนังสือเรื่องถูกย้ายไม่เป็นธรรม
ตามลำดับขั้นการร้องทุกข์ของข้าราชการ ร้องไปที่สำนักงานปลัดกระทรวงก่อน
แต่แล้วเรื่องร้องทุกข์ก็ถูกเมิน ปลัดกระทรวงไม่ยอมตอบ แถมถูกผู้ใหญ่ในกรมเกลียดอีก
อธิบดีมองหน้า รองอธิบดีชี้นิ้วยิ้มเยาะ ชี้นิ้วผ่านฟากบันไดให้ผอ.สำนักดูหนังหน้าเรา
แถมมีได้ยินเข้าหู ว่าบรรดาผู้ใหญ่ในนั้นมองว่าเราหัวแข็ง
ไปไหนคนในกรม ก็มองซุบซิบ ๆ เรากลายเป็นวีรสตรีในหมู่คนไม่มีเส้น
แต่กลายเป็นพวกก่อกบฏในหมู่คนใช้เส้นแสวงหาความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
บางคนก็ด่าเรา บางคนก็ว่าเราเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง เราทำงานไป ได้ยินเสียงคนด่าไป
คนโต๊ะข้างๆ  ก็ซุบซิบนินทา ตะโกนแขวะเรา แหนบเราข้ามโต๊ะ คุยกับอีกคน แต่เหน็บเรา
การร้องทุกข์โดยที่ต้องนั่งทำงานอยู่ เป็นอะไรที่ทรมานมาก ๆ เลยคุณ

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ คนมอง  คนซุบซิบ เดินไปไหนคนก็มอง
มีคนมาให้กำลังใจเหมือนกัน บอกให้สู้ ๆ อดทนไว้นะ (พวกคนไม่มีเส้น ก็เชียร์เหยง ๆๆ แต่ให้ทำเอง
ไม่กล้าทำหรอก )
เพื่อนเราก็ด่าว่า ถ้ารู้ว่าแกจะทำแบบนี้ ฉันจะห้ามแกตั้งแต่แรก ไม่ให้ส่งเรื่องร้องทุกข์ หาเรื่องตายชัด ๆ เลยแก
ชีวิตแกลำบากแน่ เป็นความกดดัน ความเครียดอย่างรุนแรง ช่วงนั้นเครียดจนเป็น ทีบี ด้วย
กินยาเยอะมาก เครียดเรื่องถูกย้าย เครียดที่ป่วยซ้ำ ความทุกข์มาแบบเบิ้ล ผู้ชายที่เคยจีบหายเกลี้ยง
ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่มันก็ต้องเชื่อ ทุกคนกลัวอำนาจของเบื้องบน
กลัวจะเดือดร้อน

กฎหมายมีให้เรียกร้องความเป็นธรรมได้ แต่กลับใช้ไม่ได้ในสภาพการณ์จริง ๆ
ข้าราชการทำอะไรไม่ได้เลย ที่ถูกต้อง เพราะระบบมันเป็นแบบนี้
จึงมีแต่คนใช่เส้นวิ่ง ๆๆๆ เตะๆๆๆ...กันอลหม่าน มีอะไรจึงใช้แต่วิธีตุกติก

และวันที่เราฟิวส์ขาดก้มาถึง ด้วยความกดดันหลาย ๆ อย่าง ผอ. ส่วน พอเห็นเราทำเรื่องร้องทุกข์
ก็เกลบียดชังเรา หาเรื่องเราตลอด เรียกเราไปด่าอัดในห้องเย็น เอาเราไปด่าประจานในที่ประชุม
ช่วงนั้นกินยารักษา ทีบี ไม่รู้เป็นเพราะฤทธิ์ยาหรือเพราะเราเครียดจัด ที่ถูกด่าอัดกลางแสกหน้า กระแนะกระแหน
เรากรี๊ดในห้องประชุม ด่าผอ.กลับ แล้วโลกก็วูบ เราจำอะไรไม่ได้เท่าไหร่ ว่าด่าอะไร ผอ.ไปบ้าง
แต่เพื่อนในห้องประชุมบอกเรากรี๊ดลั่นสำนัก แถมด่าทุกสิ่งอย่างจนหมด ชัดเจนตรงประเด็น

มันนรกมาก ๆ เราไปถึงศาลปกครองด้วยนะคะ
เพระาปลัดกระทรวงเงียบไม่ยอมตอบ (แต่ไปศาลปกครองก็เท่านั้นแหละ)

มันเครียดจัดจริง ๆ มองไปทางไหน หนทางตีบตัน ไม่มีแสงสว่าง
นั่งอยู่ในส่วนราชการที่ถูกย้ายไป เก้าอี้มันก็ร้อน รุ่นพี่ที่อยู่มาก่อน มันก็หาเรื่องแหนบ เหน็บได้ทั้งวัน
คือ การร้องทุกข์มันเป็นอะไรที่เลวร้ายมากเลย เราไม่มีสิทธิเลย ทั้งที่เราเป็นข้าราชการ
กฎหมายก็ระบุว่าทำได้ แต่เราเหมือนกลายเป็นพวกก่อกบฏ ในสายตาพวกมัน
เราอยู่ด้วยความอึดอัด คับแค้นใจ ไม่มีหนทาง เราทำเรื่องขอย้ายกลับ
ทำหนังสือไปที่สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล ก็ไม่เกิดไรขึ้นมา

และวันสิ้นสุดก็มาถึง เมื่อเรารู้แน่แก่ใจว่า กฎหมาย ความเป็นธรรมใด ๆ มันไม่มีอีกต่อไปในระบบราชการ
อยู่ไปก็เท่านั้น คนไม่มีเส้น ทำอะไรยังไงก็แพ้ ไม่มีวันชนะ ผู้มีอำนาจที่ใช้เส้นไปได้

วันนั้น เราตั้งสัตย์วาจา ชาตินี้จะไม่ขอเป็นลูกน้องใครอีก
จะไม่ยอมเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของใครอีกต่อไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
เราจะเป็นเจ้านายของตัวเราเอง นับจากวันนี้จะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้ใครมาย่ำยีศักดิ์ศรี
จะไม่มีเด็กเส้นใหญ่ที่ไหนมาแย่งชิงชัยชนะของเราไปได้อีก เมื่อเราเป็นเจ้านายตัวเอง
แล้วเราก็เดินออกจากกรมนั้นมาเลย ในเช้าวันนั้น และไม่เคยกลับไปเหยียบที่นั่นอีก

เราเดินออกมาจากกรมนั้น แบบไม่ยอมเขียนใบลาออกจากราชการให้เสียเวลา

มันคับแค้นสุดจะทน เพราะเราไม่คิดจะไปสมัครงานเป็นลูกน้อง หรือลูกจ้างใครอีกแล้ว
จึงไม่จำเป็นต้องเขียนใบลาออกฯ ประวัติจะเสียหายยับเยินก็ช่างมัน
หมั่นไส้พวกมันเต็มทน เหลืออด เหลือทนมานาน จะได้ชื่อว่าถูกไล่ออกจากราชการก็ไม่แคร์
ทนความกดดันนี้มานานจนจะกระอักแล้ว

เงินกอบอขง กอบอขอ ช่างหัวมัน เราไม่เอา
ค้างเติ่งอยู่ในนั้นแหละ ส่งใบเตือนมาเราก็ไม่ไปรับจนป่านนี้

พวกมันตามมาถึงบ้านด้วยนะคะ สั่งให้เราเขียนใบลาออกจากราชการ
ถ้าจะไม่ไปทำงานแล้ว อย่าไม่ไปและไม่ทำอะไรเลย ไม่งั้นจะได้รับคำสั่งไล่ออกจากราชการ

แต่เราไม่สนใจ

กรรมการสอบสวน จะเรียกตัวเราไปสอบสวน จะช่วยให้เราไม่ถูกไล่ออกจากราชการ
ขอให้เรากลับไปนั่งทำงานไปก่อน แล้วค่อยหาลู่ทางวิ่งย้ายเอา เราก็ไม่แคร์
เราไม่ไปตามนัด แต่ส่งจดหมายไปแทน

พวกมันไม่อยากจะให้เราได้รับคำสั่งไล่ออกจากราชการ แต่ตัวเรา ไม่สนใจเลย
อยากจะไล่ออกจากราชการก็ตามสบาย เราไม่สนใจประวัติอะไรอีกแล้ว
ถ้าต้องกลับไปและต้องก้มหัวให้พวกมัน ยอมตาย!

การเขียนใบลาออกจากราชการ ไม่มีความจำเป็นสำหรับเรา
เสียเวลา...
เราไม่ได้คิดจะกลับไปใช้ชีวิตแบบมนุษย์เงินเดือนอีก ประวัติจะเป็นไงช่างหัวมัน

เมื่อขาดราชการติดต่อกันเกิน 15 วัน เราจึงถูกไล่ออกจากราชการ

เราได้รับคำสั่งนั้นส่งมาที่บ้านในอีก 1 ปีต่อมา
หลังจากเราทำธุรกิจส่วนตัวไปแล้ว

นี่คือเรื่องราวแบบย่อ ๆ ย่อมากๆ  ถ้าเอาทั้งหมดล่ะก็ 100 หน้าก็ยังไม่จบค่ะ
ใครอยากรู้ละเอียด โทรศัพท์คุยเลยดีกว่า เราพิมพ์ไม่ไหวจริง ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่