นอนเต็มอิ่ม เริ่มต้นวันที่ 2 สายหน่อย กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ 10 โมงแล้ว อ่อลืมบอกไปเวลาที่นี่เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง
Review กันต่อจาก
https://pantip.com/topic/36903298
สำหรับวันนี้แดดเป็นใจ ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตก ดีใจมาก ที่แรกที่จะต้องไปให้ได้ คือ “Fort Canning Park” หรือ สวนสาธารณะ Fort Canning
เป็นสวนสาธารณะที่ชาว Singapore นิยมมาพักผ่อนกัน และยังเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ เพราะว่าที่นี่ถือจุดยุทธศาสตร์สำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
จึงทำให้บริเวณนี้มีการสร้างป้อมปราการ รวมถึงบังเกอร์ป้องกัน Canning หรือ Battle Box
นอกจากนั้นยังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่เป็นหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับการใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นป้อมปราการรบในช่วงสมัยสงครามโลก ทุกวันนี้สิ่งก่อสร้างเหล่านั้นได้กลายเป็นสิ่งมีค่าทางประวัติศาสตร์ที่ได้ถูกล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติของต้นไม้ รวมถึงสนามหญ้าขนาดใหญ่ และ อ่างเก็บน้ำขนาดย่อมอยู่บริเวณกลางสวนสาธารณะแห่งนี้
ค่อนข้างใช้เวลากับที่นี่ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากอยากได้ภาพถ่ายสวยๆ แล้วก็อยากได้รูปตัวเองด้วย แต่เนื่องจากมาเที่ยวคนเดียวและไม่เคยเห็นความสำคัญของ remote กล้องถ่ายรูปเลย เพราะคิดมาตลอดว่าตั้งเวลาเอาก็ได้ แต่สำหรับที่นี่ไม่ง่ายเลย เพราะกว่าจะได้แต่ละรูปต้องวิ่งขึ้นบันได กว่าจะวิ่ง กว่าจะโพสท่า กว่าจะหอบ กว่าจะยิ้ม โอยยย...เหนื่อยคร้า...555 แต่ก็สนุกมากๆ ด้วย และที่นี่ก็เป็นที่ๆ สร้างแผลที่ 2 ของ Trip นี้ โชคยังดีที่แค่ตกบันได ไม่ได้ร่วงลงมาจากราวบันไดด้านบน นึกถึงก็ยังนั่งอมยิ้มอยู่เลย ได้ทำอะไรเพี้ยนๆ ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา
การเดินทางไปที่ “Fort Canning Park” เดินทางด้วย MRT ลงที่ Dolby Ghaut MRT Station จากนั้นก็ตาม GPS ไปจะดีที่สุด
ออกกำลังกายแต่เช้า ทั้งหิวทั้งร้อน สรุปจอดรองท้องที่ food court MRT Dolby Ghaut อิ่มท้องแล้วก็ search หาที่ชิคๆ ถ่ายรูปต่อดีกว่า เพราะที่ๆ ปักหมุดเอาไว้อีกที่ของวันนี้จะเป็น Merlion ซึ่ง plan เอาไว้ช่วงเย็นๆ ตอนนี้ยังพอมีเวลาเหลือๆ อีก 2 - 3 ชั่วโมง สรุปเลยไปเดินย่าน Tiong Bahru ต่อ อ่านจาก review เค้าว่าเป็นย่านชิวๆ สงบๆ Art Art
ร้านแรกที่อยากไป check in คือ “P.S. Cafe” ร้านนี้ความอร่อยอยู่ที่ไอศครีมและเค้ก กาแฟไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ แหะๆ บรรยากาศในร้านก็ชิคๆ
นอกจากนี้ทางร้านยังมีมุมสำหรับนักดื่มไวน์ด้วยน้า
นักพักฟังเพลงชิวๆ จนหายเหนื่อย พร้อมเดินเล่นเก็บภาพ หามุมแนวๆ ต่อ
ย่าน “Tiong Bahru” ของ Singapore นี้ก็คล้ายๆ กับซอยอารีย์บ้านเรา เพราะ่ Tiong Bahru ก็เป็นย่านอยู่อาศัยที่เต็มไปด้วยอพาร์ทเม้นขาวๆ หลังเล็กๆ เต็มไปหมด ผู้คก็อยู่กันแบบเงียบๆ ชิลๆ เพราะเป็นชุมชนเล็กๆ ที่ออกมาจากตัวเมือง ต่อมาเริ่มมีคาเฟ่ ร้านหนังสือ และร้านอาหาร แนวๆ Tiong Bahru ก็เลยกลายเป็นย่านฮิปๆ ที่ใครก็ตามที่มาเที่ยวที่ Singapore ต้องไม่พลาด
Old Hill Street Police Stationเับ Marina Bay อีกซักหน่อย เพื่อที่จะได้ไปเก็บภาพแสงสีที่ Merlion ตอนค่ำๆ พอดี เริ่มจาหน้าต่างหลากสีของตึก “Old Hill Street Police Station” เป็นตึกที่โดดเด่นด้วยสีสันของหน้าต่าง
จำได้ว่าคราวก่อนมาก็แวะที่นี่ ครั้งนี้ก็แวะที่นี่อีก
ไม่ได้แคร์รถที่ผ่านไปผ่านมา ตั้งกล้องถ่ายภาพ เอียงซ้ายเอียงขวา ตาม concept ไม่ได้อยู่ไทยจะทำอะไรก็ได้คร้า
ได้ภาพ Hip Hip จากที่นี่ก็หลายรูปอยู่ เลือกมาลงนิดหน่อยเดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน
อีกซักรูปน้า...กับบานหน้าต่างที่มีความชิค
เดินเล่นต่อไปอีกหน่อยก็ถึงย่าน “Clarke Quay” ที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำ Singapore เป็นท่าเทียบเรือเก่าแก่ที่ใช้ขนถ่ายสินค้าจากสำเภาโบราณที่แล่นมาจากทั้งตะวันออกและตะวันตก
ทุกวันนี้ “Clarke Quay” ก็ยังเต็มไปด้วยสีสันของความหลากหลายทั้งผู้คน และนักท่องเที่ยว หนึ่งในนั้นคือช้านเอง
ส่วนโกดังสินค้าถูกปรับเป็นร้านอาหาร ผับ บาร์ และแหล่งบันเทิงที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
ถ่ายรูปเล่นนิดหน่อย เพราะต้องเดินเลียบแม่น้ำไปประมาณ 1.5 km เพื่อไปยัง Merlion เดินมาตามทางได้นิดสะดุดตากับร้าน Jumbo Seafood ที่คนเยอะและแน่นมาก แต่ไปคนเดียวถึงกินก็ไม่อร่อย เดินคอตกตรงมุ่งหน้าสู่ Merlion ต่อไปคร้า
ระหว่างทางเดินไป ก็มีมุมน่ารัก ให้เก็บภาพได้เพียบเลย ทั้งอุโมงค์ลอดใต้ถนนก็จะมีรูปวาดตามฝาผนัง เดินไปก็เพลินๆ ดี หรือบางจุดก็จะมีมุมถ่ายรูปเกร๋ๆ แนวๆ ให้ได้แวะแชะไปได้เรื่อยๆ
ทุกครั้งที่ได้ถ่ายรูป เสียงของเพื่อนๆ ก็ยังคงดังอยู่ในหู “Singapore จะมีอะไร?!” บอกเลยว่าเป็น Trip ที่เจ็บตัวเยอะที่สุด แต่ก็สนุกไม่แพ้ Trip อื่นๆ เลยจริงๆ เดินมาเรื่อยๆ ถึง Merlion ก่อนฟ้ามืด นั่งเล่นให้ลมกระแทกหน้าชิวๆ รอฟ้ามืด รอแสงไฟสวยๆ ตื่นเต้นเล็กๆ กับการรอเก็บภาพบริเวณนี้
ครั้งนึงช้านเคยมาที่นี่ ตอนนั้นแค่ได้มาเที่ยวต่างประเทศก็บุญแล้ว เดินมองคอคนข้างหน้าตลอด กลัวจะหลงกับเพื่อน 555
มืดแล้วกางขาตั้งกล้องพร้อม ถ่ายวนไปค่ะ ถ่ายได้ 360 องศาเลยจริงๆ สวยมาก อากาศดีลมเย็น แม้คนจะเยอะแต่บรรยากาศที่นี่ก็ยังคงชิวอยู่ ซื้อโค้กซักกระป๋อง นั่งชิวได้เป็นชั่วโมงเลยคร้า ฟินมากบอกเลย
ใครจะไปเยือนที่นี่ เผื่อเวลาไปนั่งรับลมชิวๆ ด้วยน้ เดินเล่นถ่ายรูปจนเพลีย หาทางกลับที่พักแทบไม่ถูก กลับไปนอนแล้วดีกว่า วันนี้เดินเยอะแล้วจร้า
วันที่ 3 วันนี้จะบินกลับเมืองไทยแล้ว ตื่นสายเหมือนเดิม...555 check out ฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ก่อน แล้วก็มุ่งหน้าหาของกินแล้วซ่าส์ต่อแบบเบาๆ วันนี้ Plan ชิวๆ ปักหมุดที่แรกกับ “Spiral staircases” ย่าน Bugis
ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ ด้านหลัง Bugis Village ใกล้ๆ กับสี่แยก Victoria Road กับ Rochor Road การเดินทางจาก Bugis MRT Station ออก Exit C แล้วแนะนำให้เปิดรูปถามทางคนแถวนั้นดูนะคะ อันนี้จนปัญญาจะอธิบายเส้นทางคร้า
แม้ท้องฟ้าออกจะครึ้มๆ ไปซักหน่อยแต่ก็แนวไปอีกแบบคร้า สำหรับที่นี่
แล้วก็เจอเข้ากับกำแพงสีแดงสดที่แลดูเปรอะๆ เปื้อนๆ เล็งๆ ตั้งกล้องอยู่นานมาก แต่ตาลุงคนนี้ก็ไม่ยอมออกไปนอกแฟรมซะที อ้าว!!...เข้ากล้องเป็นนายแบบไปเลยก็แล้วกัน
ในเมื่อคุณลุงแกไม่หลบแล้วเราก็ไม่อยากจะมีรูปคู่กับแก หนูหลบเองก็ได้คร้า ขอซักรูปก่อนกลับได้ม๊ายยยยย?
อีกซักรูปกับบันไดสีลูกกวาด ข้อควรระวังในการเก็บภาพที่นี่ก็คือ ตรอกเล็กๆ ตรงนี้จะมีรถขนของคันใหญ่ - เล็ก วิ่งเข้าวิ่งออกตลอด ต้องระวังไม่งั้นอาจโดนสอยได้น้า เกือบแย่แหน่ะ
หมดแรงทิ้งข้าวของ 555 ถ้าจะบอกว่าอุปกรณ์ถ่ายรูปหนักกว่ากระเป๋าสัมภาระทั้งหมดจะมีใครเชื่อมั้ย สายแข็งอุปกรณ์ แต่ความสามารถในการใช้กล้องนั้นระดับอนุบาลเลยล่ะ ปรับอะไรไม่เป็นซักอย่าง ได้แต่กดๆ ไป นี่กลับมาก็ว่าจะหาเวลาศึกษาการถ่ายรูปแบบจริงๆ จังๆ ดูฮึบๆ
กลับมาย่าน Rocher และ Little India ตั้งใจจะเก็บบรรยากาศ ตามที่ปักหมุดไว้นิดหน่อย
เดินเล่นๆ เก็บบรรยากาศไปเรื่อย ปวดขามากขึ้นไม่อยากไปไหนไกลๆ ก็ชิวๆ แถวที่พักนี่แหละ บ้านเรือน ตึกแถวนี้ดูเป็นเอกลักษณ์ดี จะกลับแล้วแต่ก็อดหยิบกล้องมาถ่ายเป็นระยะๆ ไม่ได้แฮะ
เสน่ห์ของย่านนี้ ส่วนตัวอยู่ที่คนยังนุ่งโสร่งออกมาทำงานเนี่ยแหละ พริ้วเชียวอิอิ
เนื่องจากมือเริ่มไม่มีแรงจะแบกกล้องแล้ว เลยตัดสินใจเดินทางไปสนามบินเพื่อจะได้ไม่ต้องรีบมาก และมีเวลาซื้อของตาม order ที่เหล่าเพื่อนฝูงฝากมา
ฉายเดี่ยวเที่ยวสิงคโปร์แบบ no plan ครั้งนี้ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขมากๆ เพื่อนๆ คนไหนที่เป็นเหมือนกันคือ มักหาข้ออ้างในการไปเที่ยวพักผ่อน เลิกซะน้า เพราะเที่ยว ไม่มี plan ก็เที่ยวได้ สีสัน สีสันคร้า...
“BEFORE IT’S TOO LATE, WITHOUT THINKING TOO MUCH ABOUT IT FIRST, PACK A PILLOW AND A BLANKET AND SEE AS MUCH OF THE WORLD AS YOU CAN.”
แล้วเจอกันใหม่ Review หน้า...ที่ไหนดีน้า
[CR] S I N G A P O R E....จะมีอะไร..?!...End Trip
นอนเต็มอิ่ม เริ่มต้นวันที่ 2 สายหน่อย กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ 10 โมงแล้ว อ่อลืมบอกไปเวลาที่นี่เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง
Review กันต่อจาก https://pantip.com/topic/36903298
สำหรับวันนี้แดดเป็นใจ ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตก ดีใจมาก ที่แรกที่จะต้องไปให้ได้ คือ “Fort Canning Park” หรือ สวนสาธารณะ Fort Canning
เป็นสวนสาธารณะที่ชาว Singapore นิยมมาพักผ่อนกัน และยังเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ เพราะว่าที่นี่ถือจุดยุทธศาสตร์สำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
จึงทำให้บริเวณนี้มีการสร้างป้อมปราการ รวมถึงบังเกอร์ป้องกัน Canning หรือ Battle Box
นอกจากนั้นยังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่เป็นหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับการใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นป้อมปราการรบในช่วงสมัยสงครามโลก ทุกวันนี้สิ่งก่อสร้างเหล่านั้นได้กลายเป็นสิ่งมีค่าทางประวัติศาสตร์ที่ได้ถูกล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติของต้นไม้ รวมถึงสนามหญ้าขนาดใหญ่ และ อ่างเก็บน้ำขนาดย่อมอยู่บริเวณกลางสวนสาธารณะแห่งนี้
ค่อนข้างใช้เวลากับที่นี่ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากอยากได้ภาพถ่ายสวยๆ แล้วก็อยากได้รูปตัวเองด้วย แต่เนื่องจากมาเที่ยวคนเดียวและไม่เคยเห็นความสำคัญของ remote กล้องถ่ายรูปเลย เพราะคิดมาตลอดว่าตั้งเวลาเอาก็ได้ แต่สำหรับที่นี่ไม่ง่ายเลย เพราะกว่าจะได้แต่ละรูปต้องวิ่งขึ้นบันได กว่าจะวิ่ง กว่าจะโพสท่า กว่าจะหอบ กว่าจะยิ้ม โอยยย...เหนื่อยคร้า...555 แต่ก็สนุกมากๆ ด้วย และที่นี่ก็เป็นที่ๆ สร้างแผลที่ 2 ของ Trip นี้ โชคยังดีที่แค่ตกบันได ไม่ได้ร่วงลงมาจากราวบันไดด้านบน นึกถึงก็ยังนั่งอมยิ้มอยู่เลย ได้ทำอะไรเพี้ยนๆ ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา
การเดินทางไปที่ “Fort Canning Park” เดินทางด้วย MRT ลงที่ Dolby Ghaut MRT Station จากนั้นก็ตาม GPS ไปจะดีที่สุด
ออกกำลังกายแต่เช้า ทั้งหิวทั้งร้อน สรุปจอดรองท้องที่ food court MRT Dolby Ghaut อิ่มท้องแล้วก็ search หาที่ชิคๆ ถ่ายรูปต่อดีกว่า เพราะที่ๆ ปักหมุดเอาไว้อีกที่ของวันนี้จะเป็น Merlion ซึ่ง plan เอาไว้ช่วงเย็นๆ ตอนนี้ยังพอมีเวลาเหลือๆ อีก 2 - 3 ชั่วโมง สรุปเลยไปเดินย่าน Tiong Bahru ต่อ อ่านจาก review เค้าว่าเป็นย่านชิวๆ สงบๆ Art Art
ร้านแรกที่อยากไป check in คือ “P.S. Cafe” ร้านนี้ความอร่อยอยู่ที่ไอศครีมและเค้ก กาแฟไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ แหะๆ บรรยากาศในร้านก็ชิคๆ
นอกจากนี้ทางร้านยังมีมุมสำหรับนักดื่มไวน์ด้วยน้า
นักพักฟังเพลงชิวๆ จนหายเหนื่อย พร้อมเดินเล่นเก็บภาพ หามุมแนวๆ ต่อ
ย่าน “Tiong Bahru” ของ Singapore นี้ก็คล้ายๆ กับซอยอารีย์บ้านเรา เพราะ่ Tiong Bahru ก็เป็นย่านอยู่อาศัยที่เต็มไปด้วยอพาร์ทเม้นขาวๆ หลังเล็กๆ เต็มไปหมด ผู้คก็อยู่กันแบบเงียบๆ ชิลๆ เพราะเป็นชุมชนเล็กๆ ที่ออกมาจากตัวเมือง ต่อมาเริ่มมีคาเฟ่ ร้านหนังสือ และร้านอาหาร แนวๆ Tiong Bahru ก็เลยกลายเป็นย่านฮิปๆ ที่ใครก็ตามที่มาเที่ยวที่ Singapore ต้องไม่พลาด
Old Hill Street Police Stationเับ Marina Bay อีกซักหน่อย เพื่อที่จะได้ไปเก็บภาพแสงสีที่ Merlion ตอนค่ำๆ พอดี เริ่มจาหน้าต่างหลากสีของตึก “Old Hill Street Police Station” เป็นตึกที่โดดเด่นด้วยสีสันของหน้าต่าง
จำได้ว่าคราวก่อนมาก็แวะที่นี่ ครั้งนี้ก็แวะที่นี่อีก
ไม่ได้แคร์รถที่ผ่านไปผ่านมา ตั้งกล้องถ่ายภาพ เอียงซ้ายเอียงขวา ตาม concept ไม่ได้อยู่ไทยจะทำอะไรก็ได้คร้า
ได้ภาพ Hip Hip จากที่นี่ก็หลายรูปอยู่ เลือกมาลงนิดหน่อยเดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน
อีกซักรูปน้า...กับบานหน้าต่างที่มีความชิค
เดินเล่นต่อไปอีกหน่อยก็ถึงย่าน “Clarke Quay” ที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำ Singapore เป็นท่าเทียบเรือเก่าแก่ที่ใช้ขนถ่ายสินค้าจากสำเภาโบราณที่แล่นมาจากทั้งตะวันออกและตะวันตก
ทุกวันนี้ “Clarke Quay” ก็ยังเต็มไปด้วยสีสันของความหลากหลายทั้งผู้คน และนักท่องเที่ยว หนึ่งในนั้นคือช้านเอง
ส่วนโกดังสินค้าถูกปรับเป็นร้านอาหาร ผับ บาร์ และแหล่งบันเทิงที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
ถ่ายรูปเล่นนิดหน่อย เพราะต้องเดินเลียบแม่น้ำไปประมาณ 1.5 km เพื่อไปยัง Merlion เดินมาตามทางได้นิดสะดุดตากับร้าน Jumbo Seafood ที่คนเยอะและแน่นมาก แต่ไปคนเดียวถึงกินก็ไม่อร่อย เดินคอตกตรงมุ่งหน้าสู่ Merlion ต่อไปคร้า
ระหว่างทางเดินไป ก็มีมุมน่ารัก ให้เก็บภาพได้เพียบเลย ทั้งอุโมงค์ลอดใต้ถนนก็จะมีรูปวาดตามฝาผนัง เดินไปก็เพลินๆ ดี หรือบางจุดก็จะมีมุมถ่ายรูปเกร๋ๆ แนวๆ ให้ได้แวะแชะไปได้เรื่อยๆ
ทุกครั้งที่ได้ถ่ายรูป เสียงของเพื่อนๆ ก็ยังคงดังอยู่ในหู “Singapore จะมีอะไร?!” บอกเลยว่าเป็น Trip ที่เจ็บตัวเยอะที่สุด แต่ก็สนุกไม่แพ้ Trip อื่นๆ เลยจริงๆ เดินมาเรื่อยๆ ถึง Merlion ก่อนฟ้ามืด นั่งเล่นให้ลมกระแทกหน้าชิวๆ รอฟ้ามืด รอแสงไฟสวยๆ ตื่นเต้นเล็กๆ กับการรอเก็บภาพบริเวณนี้
ครั้งนึงช้านเคยมาที่นี่ ตอนนั้นแค่ได้มาเที่ยวต่างประเทศก็บุญแล้ว เดินมองคอคนข้างหน้าตลอด กลัวจะหลงกับเพื่อน 555
มืดแล้วกางขาตั้งกล้องพร้อม ถ่ายวนไปค่ะ ถ่ายได้ 360 องศาเลยจริงๆ สวยมาก อากาศดีลมเย็น แม้คนจะเยอะแต่บรรยากาศที่นี่ก็ยังคงชิวอยู่ ซื้อโค้กซักกระป๋อง นั่งชิวได้เป็นชั่วโมงเลยคร้า ฟินมากบอกเลย
ใครจะไปเยือนที่นี่ เผื่อเวลาไปนั่งรับลมชิวๆ ด้วยน้ เดินเล่นถ่ายรูปจนเพลีย หาทางกลับที่พักแทบไม่ถูก กลับไปนอนแล้วดีกว่า วันนี้เดินเยอะแล้วจร้า
วันที่ 3 วันนี้จะบินกลับเมืองไทยแล้ว ตื่นสายเหมือนเดิม...555 check out ฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ก่อน แล้วก็มุ่งหน้าหาของกินแล้วซ่าส์ต่อแบบเบาๆ วันนี้ Plan ชิวๆ ปักหมุดที่แรกกับ “Spiral staircases” ย่าน Bugis
ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ ด้านหลัง Bugis Village ใกล้ๆ กับสี่แยก Victoria Road กับ Rochor Road การเดินทางจาก Bugis MRT Station ออก Exit C แล้วแนะนำให้เปิดรูปถามทางคนแถวนั้นดูนะคะ อันนี้จนปัญญาจะอธิบายเส้นทางคร้า
แม้ท้องฟ้าออกจะครึ้มๆ ไปซักหน่อยแต่ก็แนวไปอีกแบบคร้า สำหรับที่นี่
แล้วก็เจอเข้ากับกำแพงสีแดงสดที่แลดูเปรอะๆ เปื้อนๆ เล็งๆ ตั้งกล้องอยู่นานมาก แต่ตาลุงคนนี้ก็ไม่ยอมออกไปนอกแฟรมซะที อ้าว!!...เข้ากล้องเป็นนายแบบไปเลยก็แล้วกัน
ในเมื่อคุณลุงแกไม่หลบแล้วเราก็ไม่อยากจะมีรูปคู่กับแก หนูหลบเองก็ได้คร้า ขอซักรูปก่อนกลับได้ม๊ายยยยย?
อีกซักรูปกับบันไดสีลูกกวาด ข้อควรระวังในการเก็บภาพที่นี่ก็คือ ตรอกเล็กๆ ตรงนี้จะมีรถขนของคันใหญ่ - เล็ก วิ่งเข้าวิ่งออกตลอด ต้องระวังไม่งั้นอาจโดนสอยได้น้า เกือบแย่แหน่ะ
หมดแรงทิ้งข้าวของ 555 ถ้าจะบอกว่าอุปกรณ์ถ่ายรูปหนักกว่ากระเป๋าสัมภาระทั้งหมดจะมีใครเชื่อมั้ย สายแข็งอุปกรณ์ แต่ความสามารถในการใช้กล้องนั้นระดับอนุบาลเลยล่ะ ปรับอะไรไม่เป็นซักอย่าง ได้แต่กดๆ ไป นี่กลับมาก็ว่าจะหาเวลาศึกษาการถ่ายรูปแบบจริงๆ จังๆ ดูฮึบๆ
กลับมาย่าน Rocher และ Little India ตั้งใจจะเก็บบรรยากาศ ตามที่ปักหมุดไว้นิดหน่อย
เดินเล่นๆ เก็บบรรยากาศไปเรื่อย ปวดขามากขึ้นไม่อยากไปไหนไกลๆ ก็ชิวๆ แถวที่พักนี่แหละ บ้านเรือน ตึกแถวนี้ดูเป็นเอกลักษณ์ดี จะกลับแล้วแต่ก็อดหยิบกล้องมาถ่ายเป็นระยะๆ ไม่ได้แฮะ
เสน่ห์ของย่านนี้ ส่วนตัวอยู่ที่คนยังนุ่งโสร่งออกมาทำงานเนี่ยแหละ พริ้วเชียวอิอิ
เนื่องจากมือเริ่มไม่มีแรงจะแบกกล้องแล้ว เลยตัดสินใจเดินทางไปสนามบินเพื่อจะได้ไม่ต้องรีบมาก และมีเวลาซื้อของตาม order ที่เหล่าเพื่อนฝูงฝากมา
ฉายเดี่ยวเที่ยวสิงคโปร์แบบ no plan ครั้งนี้ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขมากๆ เพื่อนๆ คนไหนที่เป็นเหมือนกันคือ มักหาข้ออ้างในการไปเที่ยวพักผ่อน เลิกซะน้า เพราะเที่ยว ไม่มี plan ก็เที่ยวได้ สีสัน สีสันคร้า...
“BEFORE IT’S TOO LATE, WITHOUT THINKING TOO MUCH ABOUT IT FIRST, PACK A PILLOW AND A BLANKET AND SEE AS MUCH OF THE WORLD AS YOU CAN.”
แล้วเจอกันใหม่ Review หน้า...ที่ไหนดีน้า